วันจันทร์, พฤษภาคม 09, 2559
จากจุลเจิมย้อนไปพอล แฮนลี่ย์ ผ่านทางนิโคลัส เฟอเรลลี่ แห่งนิวแมนดาล่า
จากจุลเจิมย้อนไปพอล แฮนลี่ย์ ผ่านทางนิโคลัส เฟอเรลลี่ แห่งนิวแมนดาล่า
ต่อการที่มีข้อเขียนของผู้ใช้เฟชบุ๊คนาม Chulcherm Yugala แสดงความไม่พอใจอย่างยิ่งที่ศาลทหารให้ประกันแม่จ่านิว จึงเป็นที่วิพากษ์กันหนักว่าราชนิกุลคนดังฝ่ายตรงข้ามประชาธิปไตยท่านนี้ ‘มาท่าไหนกันแน่’
เห็นว่า คสช. ใช้มาตรา ๑๑๒ ผิดท่าผิดทาง “พร่ำเพรื่อมากมายมหาศาลจนเละเทะ หรือเป็นแค่เกมส์กวนน้ำให้ขุ่น” แล้วบอกให้
“ทำตามกฎหมายให้เป็นเยี่ยงอย่าง ทำให้เด็ดขาดเลยล่ะครับ ศาลพิพากษาให้เป็นตัวอย่างให้เห็นสักทีกับพวกไอ้เด็กหัวขวด และพวกนักวิชาการหัวสี่เหลี่ยม”
จะอย่างไรก็ตาม ในฐานที่ มจ.จุลเจิม ยุคล แสดงตนอย่างต่อเนื่องตลอดมาว่าเป็น ‘defender of the Throne’ เมื่อออกอาการเกรี้ยวกราด ไม่สะใจที่สตรีไทยลูกสี่คนหนึ่งถูกทหารจับเชือดผิดที่ผิดทาง เลยจำต้องปล่อยตัวชั่วคราวรอจังหวะใหม่ นั้นเป็นเรื่อง “กล้าๆกลัวๆ” ได้แค่ “ครองใจคนกลุ่มเล็กๆ” เท่านั้น
มันทำให้ราชบัลลังก์มัวหมองด้วยน้ำมือของทั่นเอง ที่เขียนอะไรจากใจโจ่งแจ้งจ้วงจาบไปหน่อย แสดงความรังเกียจแม่ที่ให้กำลังใจแก่ลูกอย่างเปี่ยมล้น ในสถานการณ์ที่ตนโดนยัดคดีร้ายแรงยังพูดว่า “นิวยังสู้ แล้วแม่จะไม่สู้เหรอ”
ปะเหมาะพอดีกับที่ นิโคลัส เฟอเรลลี่ ผู้ร่วมก่อตั้งเว็บวิเคราะห์วิจารณ์เชิงวิชาการจากมหาวิทยาลัยแห่งชาติออสเตรเลีย ‘นิว แมนดาล่า’ เขียนไว้ในโอกาสครบรอบสิบปีของการตีพิมพ์หนังสือเกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์ไทย ‘The King Never Smiles: A biography of Thailand’s Bhumibol Adulyadej’
“Instead, his aides worked, with all the diligence they could muster, to keep political and judicial institutions frail and obedient.”
“แทนที่จะเป็นอย่างนั้น ข้าราชบริพารของพระองค์ ด้วยความขยันขันแข็งอย่างสุดพลัง พยายามทำให้สถาบันทางการเมืองและทางศาล อ่อนแอและนบนอบ
ราชสำนักหวาดระแวงแหล่งอำนาจทางเลือกอื่นจะทำให้สถานะเหนือกว่าคนอื่นของพวกตนถูกลบล้างไป ท้ายที่สุดพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลทรงพระเกษมสำราญต่อการที่มีนายพลและคนสูงศักดิ์หน้าเก่าๆ ห้อมล้อม
พวกรักษาพระองค์รุ่นดั้งเดิมเหล่านี้แหละที่ได้รับประโยชน์สูงสุดจากการที่ประเทศไทยยึดยื้ออยู่กับการเมืองที่ต่อต้านประชาธิปไตย...”
(http://asiapacific.anu.edu.au/…/the-king-still-never-smiles/)
บทความชื่อ The King still never smiles ของนายเฟอเรลลี่บนวารสาร ‘Mekong Review’ ชี้ว่าเผด็จการภายในประเทศไทยกำลังไปถึงทางตัน “ถึงแม้ว่าในภายภาคหน้าอาจจะมีการปกครองแบบประชาธิปไตยเกิดขึ้นใหม่ได้
แต่ก็เป็นสิ่งนอกเหนือความคาดหมายไปแล้วในการที่ประเทศไทยจะได้พบกับความสมดุลทางประชาธิปไตยอีกครั้ง
รัฐประหารยังคงจะเป็นกลไกหลักในการแก้ปัญหาความขัดแย้งที่ไม่สามารถตกลงกันได้ ในทางเข้าข้างฝ่ายวังและผู้ที่สนับสนุนทหาร”
นิโคลัสอ้างถึงแอนดรูว์ ว้อคเกอร์ นักวิชาการผู้ร่วมก่อตั้งนิว แมนดาล่ากับเขา ที่เคยวิเคราะห์ไว้ว่าการเปลี่ยนผ่านรัชกาลในประเทศไทยอาจจะนำไปสู่บรรยากาศการเมืองที่เป็นประชาธิปไตยได้ หากองค์ประมุขใหม่ทรงไม่กระชับอำนาจเท่ารัชกาลเก่า จะเปิดพื้นที่ให้แก่แหล่งอำนาจอื่นบ้าง รวมทั้งนักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้ง
“แต่เวลานี้พวกนักการเมืองเหล่านั้นต้องรอให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้ารัฐประหารวางมือเสียก่อน ซึ่งดูเหมือนพวกเขาก็ไม่ได้รีบร้อนอะไร
เป็นที่เชื่อแน่ได้ว่าพวกนี้พยายามที่จะอยู่เพื่อจัดการระยะเปลี่ยนผ่านจากรัชกาลเก่าสู่รัชกาลใหม่ และไม่ยินดีที่จะเบี่ยงเบนไปจากแผนการณ์สำคัญที่วางไว้อย่างแน่นอน”
จึงเห็นได้ว่าคณะของประยุทธ์โหมหนักไม่หยุดยั้ง ในการกระชับอำนาจด้านความมั่นคง เพื่อกดดันสื่อมวลชน นักศึกษา นักกิจกรรม และนักวิชาการที่กล้าหาญบางคน