‘ฐาปน สิริวัฒนภักดี’ถือหุ้น ‘ประชารัฐฯ’ 99% - 5 จังหวัดโยงกลุ่ม‘เสี่ยเจริญ’ทั้งหมด
เปิดบัญชีผู้ถือหุ้น บ.ประชารัฐฯ ‘ฐาปน สิริวัฒนภักดี’ 99% ขณะที่ 5 จังหวัดนำร่อง ‘รายใหญ่’ 5 คน โยงกลุ่มทุนเจ้าสัวเจริญ ใช้‘ผู้รับมอบอำนาจจดทะเบียน-ผู้สอบบัญชี’คนเดียวกันหมด ตัวหลักภาคเอกชนขับเคลื่อน ศก.ฐานราก
ที่มา สำนักข่าวอิศรา
10 พฤษภาคม 2559
บริษัท ประชารัฐรักสามัคคีประเทศไทย จำกัด นิติบุคคลที่ถูกจัดตั้งเพื่อให้คำปรึกษาแก่ผู้ประกอบการในท้องถิ่นในการส่งเสริมอาชีพผ่านกลุ่มงานเกษตร แปรรูป และท่องเที่ยว ตามนโยบายและแนวทางการดำเนินงานสานพลังประชารัฐ เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก 3 ใน 5 จังหวัดนำร่อง (ไม่รวมส่วนกลาง) ได้แก่ บริษัท ประชารัฐรักสามัคคีภูเก็ต จำกัด บริษัท ประชารัฐรักสามัคคีเชียงใหม่ จำกัด และ บริษัท ประชารัฐรักสามัคคีเพชรบุรี จำกัด กรรมการของบริษัทฯมีสายสัมพันธ์เชื่อมโยงกับบริษัทในเครือไทยเบฟของ นายเจริญ สิริวัฒนภักดี (อ่านประกอบ:ทุนใหญ่พรึบ นั่ง กก.บริษัทประชารัฐฯ-คนเครือ ‘เสี่ยเจริญ’ โผล่ 3 จ.นำร่อง)
ล่าสุดสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตรวจสอบพบว่า บริษัท ประชารัฐรักสามัคคีประเทศไทย จำกัด บริษัทแม่ในส่วนกลางจัดตั้งด้วยทุน 100 ล้านบาทนั้นมีนายฐาปน สิริวัฒนภักดี (เจ้าของกลุ่มทีซีซีฯและเครือไทยเบฟ) ถือหุ้นใหญ่เกือบ 100% ขณะที่อีก 5 บริษัทใน 5 จังหวัด ผู้ถือหุ้นใหญ่ 5 คน ในจำนวนนี้ 3 คนใน 3 จังหวัด เกี่ยวพันกับเครือไทยเบฟ อย่างไรก็ตาม ‘ผู้ดำเนินการจดทะเบียน’ในขั้นตอนการจัดตั้งบริษัท ล้วนเกี่ยวพันกับเครือไทยเบฟทั้งหมด มีรายละเอียดดังนี้
จากการตรวจสอบเอกสารการจดทะเบียนพบว่า บริษัท ประชารัฐรักสามัคคี (ประเทศไทย) จำกัด จดทะเบียนวันที่ 29 เมษายน 2559 ทุน 100 ล้านบาท นายฐาปน สิริวัฒนภักดี ถือ 99,996 หุ้น (99.99%) นายอิสระ ว่องกุศลกิจ (กลุ่มน้ำตาลมิตรผล) นายศุภชัย เจียรวนนท์ (กลุ่มซีพี) นางปรีดา คงแป้น (ตัวแทน ภาคสังคม) และนายมีชัย วีระไวทยะ คนละ 1 หุ้น รวม 100,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 1,000 บาท ชำระแล้วหุ้นละ 250 บาท
ส่วนรายชื่อผู้ถือหุ้น 5 จังหวัดนำร่อง ประกอบด้วย
1.บริษัท ประชารัฐรักสามัคคีภูเก็ต จำกัด จดทะเบียนวันที่ 31 มีนาคม 2559 ทุน 4 ล้านบาท มีผู้ถือหุ้น 3 คน นางอรสา โตสว่าง 1,600 หุ้น นางวราลี ฐิติวร 1,200 หุ้น นายโกศล แดงอุทัย 1,200 หุ้น รวม 4,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 1,000 บาท นางอรสา โตสว่าง เป็นกรรมการ (นางอรสา โตสว่าง เป็นกรรมการ Market Intelligence Director,Thai Beverage Marketing ข้อมูลจาก https://th-th.facebook.com/thaibevthaitalent.th/posts/523188271140440 )
2.บริษัท ประชารัฐรักสามัคคีเชียงใหม่ จำกัด จดทะเบียนวันที่ 29 เมษายน 2559 ทุน 4 ล้านบาท มีผู้ถือหุ้น 3 คน นางชาลอต โทณวณิก ถือ 3,988 หุ้น นายณรงค์ คองประเสริฐ นายเดโช ไชยทัพ คนละ 1 หุ้น รวม 4,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 1,000 บาท นางชาลอต เป็นกรรมการ (นางชาลอต เป็นกรรมการ บริษัท ทศภาค จำกัด กลุ่มไทยเบฟ)
3.บริษัท ประชารัฐรักสามัคคีบุรีรัมย์ จำกัด จดทะเบียนวันที่ จดทะเบียนวันที่ 29 เมษายน 2559 ทุน 4 ล้านบาท มีผู้ถือหุ้น 3 คน นายสุรพล เศวตเศรนี (อดีตผู้ว่าการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย-ททท.) จำนวน 3,998 หุ้น นายวุฒิพงษ์ เหลืองอุดมชัย และ นางสำรวย ศรีมะเรือง คนละ 1 หุ้น รวม 4,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 1,000 บาท นายสุรพล เศวตเศรนี เป็นกรรมการ
4.บริษัท ประชารัฐรักสามัคคีเพชรบุรี จำกัด จดทะเบียนวันที่ 29 เมษายน 2559 ทุน 4 ล้านบาท มีผู้ถือหุ้น 3 คน นางธารทิพย์ ศิรินุพงศ์ จำนวน 3,998 หุ้น นายถนอม ภู่เงิน และ นายกรัณย์ สุทธารมณ์ คนละ 1 หุ้น รวม 4,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 1,000 บาท นางธารทิพย์ เป็นกรรมการผู้ขอจดทะเบียน (นางธารทิพย์ เป็น กรรมการ บริษัท ทีซีซีซีแอล ลาดพร้าว จำกัด-เครือทีซีซี)
5.บริษัท ประชารัฐรักสามัคคีอุดรธานี จำกัด จดทะเบียนวันที่ 29 เมษายน 2559 ทุน 4 ล้านบาท มีผู้ถือหุ้น 3 คน นายอำนาจ ผการัตน์ (อดีตผู้ว่าฯ) ถือหุ้นใหญ่ 3,998 หุ้น นายสวาท ธีระรัตนนุกูลชัย น.ส.ปิยะพร จันทรสา คนละ 1 หุ้น รวม 4,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 1,000 บาท นายอำนาจ ผการัตน์ เป็นกรรมการผู้ขอจดทะเบียน
จากการตรวจสอบพบว่าในขั้นตอนการจดทะเบียนจัดตั้งทั้ง 6 บริษัท จ้าง ‘ผู้สอบบัญชี’คนเดียวกันและ 5 บริษัท (รวมส่วนกลาง)ใช้ผู้รับมอบอำนาจจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทคนเดียวกัน (ยกเว้น บริษัท ประชารัฐรักสามัคคีภูเก็ต จำกัด )
ทั้งนี้ การดำเนินงาน ‘สานพลังประชารัฐ’ เปิดตัวอย่างเป็นทางการที่ทำเนียบรัฐบาล โดย พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา เมื่อ 29 เม.ย.2559 จังหวัดภูเก็ตเปิดตัวเป็นจังหวัดแรกเมื่อ 31 มี.ค.2559 พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย หัวหน้าทีมภาครัฐ นายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นายฐาปน สิริวัฒนภักดี กรรมการผู้อำนวยการใหญ บริษัทไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) เป็นหัวหน้าทีมภาคเอกชน แบ่งการดำเนินการเป็น 4 ระยะ ระยะที่ 1 จำนวน 5 จังหวัด ใน 4 ภูมิภาค ได้แก่ จังหวัดภูเก็ต เพชรบุรี อุดรธานี เชียงใหม่ และบุรีรัมย์ ระยะที่ 2 จำนวน 6 จังหวัด ระยะที่ 3 จำนวน 7 จังหวัด โดยกำหนดการดำเนินการไว้เดือนมิถุนายนและเดือนกันยายน 2559 ตามลำดับ และการดำเนินการระยะที่ 4 คือจังหวัดข้างเคียงในกลุ่มจังหวัด จะครบ 76 จังหวัด ภายในเดือนธันวาคม 2559