จะพีอาร์อย่างไรก็ไม่ได้ผล หากว่า คสช. ยังประพฤติเยี่ยงอันธพาลการเมืองฟาสซิสต์ ที่ใช้ลูกน้องไปเที่ยวทำ ‘_ตำบอน’ กับสาธารณะ โดยเฉพาะที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศ
เมื่อวาน โจนาธาน เฮด นายกสมาคมฯ ลงข้อความทวี้ต ว่ามีทหารเข้าไปในงานฉายภาพยนตร์เรื่อง ‘ดรัม’ ของอาฟริกาใต้ ที่สถานทูตประเทศนั้นเป็นเจ้าภาพ ทหารยืนถ่ายวิดีโอตัวท่านทูตอย่างน่าเกลียด จนต้องไปบอกให้หยุด (ก็ยังไม่ฟัง)
เรื่องนี้ Sirote Klampaiboon (ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์) นำไปเขียนถึงบนหน้าเฟชบุ๊คของเขา “อยากให้ข้อมูลเสริมจากโจนาธานว่า
ทหารไปบันทึกภาพและเสียงของการเสวนาและกิจกรรมต่างๆ ของสโมสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศมานานมาก และหลายครั้งก็ไม่มีมารยาทที่ ‘ผู้ดี’ หรือ ‘อารยชน’ หรือ ‘ผู้เคารพกฎหมาย’ เขาทำกัน...
พูดง่ายๆ คือแค่ส่งคนไปสอดแนมเวลาคนจัดงานก็แย่แล้ว แต่ตอนนี้ถึงขั้นตั้งกล้องซูมหนังทั้งที่ผู้กำกับไม่ให้ รวมทั้งถ่ายภาพนักการฑูตทั้งที่เขาไม่ยอมอีก
สองเรื่องนี้ไม่เกี่ยวการรักษาความสงบ ซ้ำยังทำเรื่องไม่ถูกกฎหมาย (เช่นกฎหมายลิขสิทธิ์และอนุสัญญาเกี่ยวกับนักการฑูต) แถมเมื่อถูกเตือนว่าทำผิดก็ไม่ฟัง
มีโชว์แสดงพลังแบบนี้ทุกอาทิตย์ แบบนี้ รู้แล้วนะครับว่าทำไมนักข่าวโลกและนักการฑูตถึงมองประเทศไทยตอนนี้ดีลงทุกวัน”
(https://www.facebook.com/sirote.klampaiboon/posts/1023818374354923)
นี่ถ้านายดอน ปรมัตถ์วินัย ออกมาพูดอีกว่าต่างชาติชมรัฐบาลทหารไทยมีธรรมาภิบาลละก็ คงโดนทูตอาฟริกาใต้ตบปาก (ด้วยสายตา) เป็นแน่
นั่นแค่เป็นการไร้มารยาทพื้นฐานอารยชนโดยคนของ คสช. ที่หนักกว่านี้มีอีกเยอะไม่ขาดสายรายสัปดาห์
อย่างกรณี ‘อุ้ม’ แอ็ดมินเพจเฟชบุ๊ค ‘เปิดประเด็น’ ไปครบเจ็ดวันแล้ววันนี้ ยังไม่มีร่องรอย ไม่มีหน่วยใดชี้แจงเลยว่าเอาตัวไปไว้ไหน สองสามวันมานี้มีการรณรงค์เรื่อง ‘เล่นเฟชบุ๊คไม่ใช่อาชญากรรม’ กันอึกทึกทางโซเชียลมีเดีย เรียกร้องให้แจ้งเบาะแสและปล่อยตัวเขาทันที
ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนออกแถลงการณ์ว่า “ได้รับเรื่องร้องเรียนจากญาติของนายสราวุธ บำรุงกิตติคุณ ผู้ดูแลเพจ ‘เปิดประเด็น’ ซึ่งเป็นเพจที่นำเสนอข้อมูลวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาลภายใต้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ
เจ้าหน้าที่ทหารและเจ้าหน้าที่ตำรวจกว่า ๓๐ นายได้ควบคุมตัวนายสราวุธไปจากที่พักในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ตั้งแต่วันที่ ๙ มีนาคม ๒๕๕๙” โดยไม่มีการแจ้งเหตุ (ข้อกล่าวหา) ไม่มีหมายจับ และไม่ยอมบอกว่าเอาตัวไปไว้ที่ไหน
อีกสองวันต่อมา พ.อ.ปิยพงศ์ กลิ่นพันธุ์ ทีมโฆษกของคณะรักษาความสงบแห่งชาติได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อสารมวลชนว่า “ไม่ทราบถึงการควบคุมตัวนายสราวุธโดยเจ้าหน้าที่ทหาร เกิดขึ้นจริงหรือไม่ และไม่ทราบถึงสาเหตุในการควบคุมตัวดังกล่าว”
(https://tlhr2014.wordpress.com/2016/03/14/press/)
ทั้งที่การใช้อำนาจตามคำสั่งคณะรัฐประหาร ฉบับที่ ๓/๒๕๕๘ กำหนดว่าเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมตัวได้ไม่เกิน ๗ วัน
หากภายในวันนี้พรุ่งนี้ยังไม่มีการปล่อยตัว จะเป็นอีกกรณีของการมีบุคคลสูญหายด้วยน้ำมือของเจ้าหน้าที่ มันไม่ใช่ภาพที่จะทำให้ รมว.ต่างประเทศอ้างได้ว่ารัฐบาลทหารชุดนี้รักษาสิทธิมนุษยชน อีกต่อไป
การโกหกตอแหลของ คสช. ‘คำโต’ ขึ้นไปกว่านี้ ยิ่งเห็นชัดเจนขึ้นทุกทีในเรื่อง ‘โร้ดแม็พ’ ที่ว่าจะมีการเลือกตั้งกลางปีหน้า (ตอนนี้ขยับออกไปอีกนิดเป็นเดือนสิงหาคม) โดยจะให้การร่างรัฐธรรมนูญแล้วเสร็จนำเสนอได้ในวันที่ ๒๙ มีนาคมนี้ เพื่อเข้าสู่กระบวนการประชามติตอนปลายปี
เฉพาะในเนื้อหาของร่างฯ ที่นายมีชัย ฤชุพันธุ์ เขียนเสร็จแล้ว อยู่ในระหว่างการวิจารณ์ของ คสช. ครม. สนช. และ สปท. ซึ่งได้มีการประชุมแม่น้ำ ๕ สายไปเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว โดยขาดไปสายหนึ่งคือ กรธ. ของนายมีชัย
นั่นก็หนักหนาเอาการอยู่แล้ว แม้แต่พวก ‘นั่งห้าง’ บางรายยังไม่อยากเอา
บัดนี้มีใบสั่งออกมาจากการประชุมแม่น้ำสี่สายดังกล่าว ให้เพิ่มบทเฉพาะกาลเรื่องการแต่งตั้งสมาชิกวุฒิสภาทั้ง ๒๐๐ คนด้วยการสรรหา (ลากตั้ง) และให้สมาชิก คสช. ผันตัวไปเป็น สว. ลากตั้งเหล่านี้เป็นเวลา ๕ ปี เพื่อคอยกำกับสถานการณ์ระยะเปลี่ยนผ่าน (และ/หรือ ในกรณีที่มีการเปลี่ยนรัชกาล)
ไม่เพียงเท่านั้น รายงานข่าวกล่าวถึงคำสั่งจากการประชุมแม่น้ำสี่สายที่ลงนามโดย พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ในฐานะเลขานุการ คสช. ขอให้ กรธ. แก้ไขร่าง รธน. ซึ่งจะนำออกทำประชามติ ในส่วนที่กำหนดให้พรรคการเมืองเสนอชื่อผู้ที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีพรรคละ ๓ คน โดยให้ตัดประเด็นนี้ออกไป
เมื่อนักข่าวเค้นถามเอากับนายอุดม รัฐอมฤต โฆษก กรธ. ได้คำตอบว่า “ไม่ได้มีรายละเอียดที่ซับซ้อน แต่ในขั้นตอนของการนำเสนอจำเป็นต้องให้ กรธ.มาคิดต่อ เพราะผลของการมีข้อเสนอที่แตกต่างจากข้อเสนอที่ร่างไว้ในเบื้องต้น ทำให้ต้องคิดว่า กรธ.ควรยกร่างรัฐธรรมนูญอย่างไร”
นักข่าวพยายามถามเซ้าซี้ถึงเนื้อหาข้อเสนอใหม่ที่ไม่ตรงกับที่ร่างไว้เดิม เช่น จะทำให้สุ่มเสี่ยงต่อการที่รัฐธรรมนูญไม่ผ่านไหม หรือขอให้เปลี่ยนแปลงบางอย่างจะเป็นเรื่องขัดแย้งกันหรือไม่ ทั่นโฆษกได้แต่เลี่ยงให้รอฟัง ครม.แถลงเองวันนี้
ครั้นมีคำถามอีกว่าข้อเสนอใหม่เนี่ยน่าตื่นเต้นไหม ทั่นโฆษกเลยสวนทันใดว่า “เอาไว้ฟังวันที่ ๑๕ มี.ค.ทีเดียว จะได้หงายหลังเลย”
(http://www.thaipost.net/…)
จึงเป็นที่วิจารณ์กันขรมว่า คสช. เอาจริง เอาแน่ อยู่ยาวแค่ไหนไม่บอก อย่างน้อย ๕ ปี แถมมีนายกฯ คนนอก ชัวร์ๆ
ตัวประธาน กรธ. เองยอมรับ “ข้อเสนอที่ส่งมานอกเหนือจากประเด็นที่มา ส.ว.แล้วยังมีอีกหลายเรื่อง ซึ่งมันก็มีน้ำหนักอยู่ เพราะว่ามันเป็นหนังสือมาจากคนที่รับผิดชอบบ้านเมือง เราก็ต้องให้น้ำหนัก”
แล้วระบบเลือกตั้งแบบมีชัย ‘ไม่ปลอก’ นี่รับประกันไม่มีพรรคไหนได้เสียงข้างมากเด็ดขาด และท่ามกลางความชุลมุนฝุ่นคลุ้ง จะให้ใครเป็นนายกฯ ดี ก็จะมีอัศวินม้าข้าวโผล่มาจากไหนไม่รู้
บิ๊กตู่ไม่เอา บิ๊กป้อมอาจจะยังไหว