เตือนปั๊บเรียกปุ๊บ หัวหน้า คสช. บ่นแหมบๆ อดีต ส.ส. พรรคเพื่อไทยก็โดนเรียกไปปรับทัศนคติซะแล้ว
“นายวรชัย เหมะ อดีต สส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย (พท.) เปิดเผยว่า กองทัพบกนัดหมายเชิญไปพูดคุยวันที่ ๒๖ มี.ค. ภายหลังออกมาให้ความเห็นเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แสดงความรับผิดชอบลาออกจากตำแหน่ง หากร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่านประชามติ”
(http://www.posttoday.com/politic/423529)
ก่อนหน้านี้นิดเดียว หัวหน้า คสช. “เตือนไว้ก่อน มีบางคนบอกว่าผมต้องรับผิดชอบให้ผมลาออก ถ้าพูดอย่างนี้อันตราย ระวังตัวไว้ด้วย” เพราะอะไรน่ะหรือ
เพราะว่า “หลายคนปากไม่ค่อยดี ก็คงลืมไปว่าวันนี้ผมอยู่ในตำแหน่งไหน ก็ระมัดระวังด้วยกฎหมาย...มันเรื่องอะไรของคุณ เดี๋ยวผมจะดำเนินการกับคุณทางกฎหมาย”
(http://www.thairath.co.th/content/596351)
อ้างว่า “วันนี้เครียดเหลือเกิน ผมน่ะเครียดมาก ทั้ง อะไรบริหารประเทศ ทั้งแก้ปัญหา ทั้งรัฐธรรมนูญ ทั้งปฏิรูป ทั้ง คสช. เดี๋ยวเลือกตั้งอีก” เรื่องของคนเป็นผู้นำทั้งนั้น ไม่น่ามาลงที่ตรูเลย
ฤๅจะเป็นอย่างที่ อจ. ปวิน ตอบคำถามเรื่องอยู่ในตำแหน่งไหน ว่าตำแหน่งหัวหน้า รปภ. น่ะสิ
แต่ แหม เรื่องรัฐธรรมนูญกับ คสช. ก็ได้อย่างใจไปแล้วไง เช่น บทเฉพาะกาลที่ คสช. ขอ สว. ลากตั้งล้วน ๒๕๐ คน โดยให้ ๖ คนเป็นแม่ทัพนายกอง กรธ. เคาะแล้ว
นายอุดม รัฐอมฤต โฆษกกรธ. แถลงเมื่อวานซืน ในส่วนบทเฉพาะกาล “การได้มาซึ่ง ส.ว. ๒๕๐ คน ทางกรธ.ได้แยกเป็นสองส่วน
คือส่วนแรก ๒๐๐ คน ให้มาจากคณะกรรมการสรรหา ซึ่งคสช.เป็นผู้แต่งตั้งขึ้นจากผู้ที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญด้านต่างๆ และมีความเป็นกลางทางการเมือง ๙ คน ให้ทำหน้าที่สรรหาบุคคลที่เหมาะสมไม่เกิน ๔๐๐ คน เพื่อให้ คสช.คัดเลือกให้เหลือ ๑๙๔ คน และสำรองรายชื่อไว้อีก ๕๐ คน เพื่อป้องกันกรณีเสียชีวิต ลาออก หรือขาดคุณสมบัติ”
ส่วนที่สอง ๕๐ คน มาจากกลุ่มบุคคลสาขาต่างๆ โดยเปิดรับสมัครทั้งระดับอำเภอ จังหวัด และชาติ แล้ว กกต. จะเป็นผู้จัดสรรเอาไว้ ๒๐๐ คน เสนอให้ คสช. เป็นผู้คัดเลือกสำหรับไปเป็น สว. ๕๐ คน และสำรองอีก ๕๐ คนเผื่อพวกที่คัดไว้แล้วมีอันเป็นไปจะได้เลื่อนขึ้นมาแทน
ได้เกือบจะทั้งดุ้นอย่างนี้แล้วยังจะมีเครียดมีเคืองอีกแน่ะ แถมก่อนหน้านี้ กกต. สมชัย ณ ออสเตรีย ออกมาขู่ไว้ ใครค้าน ใครต้าน ร่างฯ ตอนเตรียมการประชามติ อาจถูกตีความว่ากระทำผิดระเบียบกฎหมาย ระวางโทษคุก ๑๐ ปีก็ได้
เอ อย่างนี้จะบอกว่าฝ่ายต่อต้านไม่ผิดเหมือนพวกขวางการรับสมัครเลือกตั้งที่เมืองคอนเมื่อเดือนธันวา ๕๖ จนทำให้การเลือกตั้ง ๒ กุมภา ๕๗ ล้มเหลว ได้ไหมล่ะ ในเมื่อการออกเสียงประชามติย่อมมีสองฝ่าย เอากับไม่เอาร่าง รธน.
เมื่อเป็นความขึ้นมา “ฝ่ายโจทก์ล้วนอยู่ในฝ่ายการเมืองฝั่งตรงกันข้าม จึงมีน้ำหนักไม่เพียงพอรับฟังได้” ตัดสินให้ยกฟ้องได้เหมือนกัน
(รายละเอียดการพิพากษายกฟ้อง ๓ แกนนำ กปปส. นครศรีธรรมราชปิดกั้นสถานที่รับสมัครเลือกตั้ง ๙ เขต ได้จาก http://prachatai.org/journal/2016/03/64841)
เห็นไหม เรื่องวางอำนาจบาทใหญ่ก็อย่างหนึ่ง แล้วยังเนื้อหาสาระรับไม่ได้อีกล่ะ กระทั่งสำนักงานข้าหลวงใหญ่ยูเอ็นยังอดไม่ได้ ต้องออกมาชี้แนะจี้ไชให้อยู่ในร่องในรอย ตั้ง ๑๑ ข้อ
ซ้ำยังไล่ตามมาตราไว้จะแจ้ง กลัวจะแกล้งทำบ้องแบ๊วเฉไฉ มาตรา ๒๗, ๒๘, ๒๙, ๓๒, ๔๒, ๔๔ ไปถึง ๒๕๗ เลยเชียว อย่างเช่น
“๓. สิทธิทางคดีอาญา ร่าง ม.๒๘ และร่าง ม.๒๙ ควรปรับปรุงให้ครอบคลุมสิทธิต่างๆตามข้อ ๒๘ และข้อ ๒๙ ของกติกาสากลว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง...
๕. สิทธิในการแสดงความคิดเห็น การแสดงออก และข้อมูลข่าวสาร ควรครอบคลุมสิทธิที่จะจัดการแสดงความคิดเห็นโดยปราศจากการแทรกแซง และสิทธิที่จะค้นหา ได้รับ และส่งต่อข้อมูลตามกติกาสากลฯ
๖. สิทธิในการชุมนุมโดยสงบและการรวมกลุ่ม ควรปรับปรุงร่าง ม.๔๒ และร่าง ม.๔๔ โดยการจำกัดสิทธิดังกล่าวไม่เพียงต้อง ‘เป็นไปตามกฎหมายบัญญัติ’ เท่านั้น แต่ต้องกระทำ ‘เท่าที่จำเป็น’ ตามกติกาสากลฯด้วย
๘. สิทธิในการมีส่วนร่วมในกิจการสาธารณะ อาทิ สิทธิออกเสียงเลือกตั้ง สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ผู้แทนของพลเมืองต้องผ่านการเลือกตั้งโดยเสรี สมาชิกของทั้งสองสภาต้องมาจากการเลือกตั้ง...
๑๐. บทบัญญัติว่าด้วยการเปลี่ยนผ่าน ควรตัดทิ้งร่างมาตรา ๒๕๗ เพื่อไม่ให้อำนาจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติตามมาตรา ๔๔ ของรัฐธรรมนูญชั่วคราวยังคงมีอยู่ต่อไป เพราะขัดกับกฎหมายสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ”
(http://www.matichon.co.th/news/83026)
ใครได้เห็นได้อ่านที่ข้าหลวงใหญ่สหประชาชาติตักเตือน คสช. ให้กำหนดรัฐธรรมนูญของประเทศอยู่ในกรอบความชอบธรรมแบบชาติอารยะแล้ว ย่อมเข้าใจได้ดีทั้งเจตนาและผลลัพท์
ดั่งครูผู้เป็น mentor ให้ข้อคิดแก่ศิษย์ว่า เห็นมะพร้าวอ่อนเต็มต้นอยู่บนเกาะ อยากกินสดๆ ให้ชุ่มฉ่ำก็ต้องนำเรือกลไฟแล่นไปเก็บ ถ้าขืนรอจองถนนสร้างทางรถไฟอีกยี่ห้าปีคงได้แต่มะพร้าวแก่ ใช้ได้ดีแค่ขูดเอาไปคั้นเป็นกะทิไว้แกง
คำถามจึงอยู่ที่ว่าจะดื่มน้ำมะพร้าวอ่อนวันนี้ หรือจะรอกินแกงกะทิอีก ๕-๒๐ ปีข้างหน้า