ที่มา ประชาไท
Wed, 2015-06-10
10 มิ.ย.2558 จารุพงศ์ เรืองสุวรรณ เลขาธิการองค์การเสรีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย ได้เผยแพร่คลิปในเว็บไซต์ยูทูปพูดคุยกับเครือข่ายในประเทศอังกฤษเกี่ยวกับแนวทางไม่รับร่างรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน
จารุพงศ์กล่าวว่า ร่างรัฐธรรมนูญนี้มีปัญหาใหญ่ 3 ประการ คือ ทำลายระบบการบริหารประเทศ ทำลายระบบเศรษฐกิจ และทำลายระบบยุติธรรม โดยเบื้องต้นต้องทำความเข้าใจก่อนว่า รัฐธรรมนูญคือกฎหมายสูงสุดที่วางกฎกติการะหว่างผู้ปกครองกับผู้ที่จะถูกปกครองว่าเราจะปกครองกันด้วยระบอบอะไร มีกลไกอย่างไร ผู้ถูกปกครองคือประชาชนทั่วไปพึงรักษาสิทธิตัวเองโดยการมีส่วนร่วมในการร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งทำให้สองจังหวะ คือ 1.เลือกตั้งตัวแทนของประชาชนในแต่ละเขตเข้าไปเป็นผู้ร่างรัฐธรรมนูญ 2.ระหว่างการยกร่างก็สามารถทำประชาพิจารณ์เป็นบทๆ ไปได้ และสุดท้ายเมื่อเสร็จสมบูรณ์ก็ต้องเอามาขอความเห็นชอบจากประชาชนอีกครั้ง เพราะกฎเกณฑ์ต่างๆ นี้จะใช้บังคับคนไทยทั้งประเทศ
“แต่ประเทศไทยเวลานี้เกิดการรัฐประหารโดยคสช. แล้วคสช.ก็กำลังยัดเหยียดโดยการร่างรัฐธรรมนูญขึ้นมาเอง แต่งตั้งคนที่มีหน้าที่ร่างรัฐธรรมนูญเอง โดยโฆษกคสช.อ้างว่าไม่รู้เรื่อง มีการคัดจากคนดีที่มีการศึกษา ดียังไงก็ไม่สู้มาจากที่ประชาชนเขาเลือกมา”
“วันนี้รัฐธรรมนูญที่กำลังร่างขึ้น ร่างขึ้นมาเพื่อประโยชน์ของคนกลุ่มน้อยที่ต้องการจะปกครองคนกลุ่มใหญ่ โดยใช้กติกาที่ไม่ได้เกิดจากระบบที่ยอมรับโดยสากล ถ้าท่านรักสิทธิของท่าน ไม่อยากให้ใช้รัฐธรรมนูญที่จะปกครองท่านโดยเป็นกติกาที่จะทำให้คนส่วนใหญ่ต้องก้มหัวยอม เป็นเรื่องรับไม่ได้ มันทำให้คนส่วนใหญ่เสียเปรียบกับประชาชนกลุ่มส่วนน้อยที่จะได้ประโยชน์จากรัฐธรรมนูญนี้”
จารุพงศ์ ขยายความถึงการทำลายเรื่องหลัก 3 ประการ ดังนี้
ประการแรก การทำลายระบบการบริหารประเทศ รัฐธรรมนูญฉบับนี้ตั้งใจทำลายระบบพรรคการเมืองไม่ให้เข้มแข็งและแตกเป็นพรรคย่อย กระทั่งบอกว่าไม่ต้องมีพรรค มีเป็นกลุ่มการเมืองก็ได้ ซึ่งผิดกับหลักการที่แล้วๆ มา โดยเฉพาะรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนเมื่อปี 2540 ที่เห็นว่าบ้านเมืองล้มลุกคลุกคลานมาตั้งแต่ปี 2475 จึงต้องการให้การเมืองเข้มแข็งโดยสร้างพรรคการเมืองใหญ่ที่เข้มแข็ง 2-3 พรรค ไม่ต้องมีเป็นร้อยพรรค แต่ตอนนี้กำลังสร้างรัฐธรรมนูญที่ไม่ให้ความสำคัญกับระบบพรรคการเมือง ทั้งนี้ พรรคการเมืองเป็นสถาบันที่สำคัญ นับเป็นโครงกระดูกของระบอบประชาธิปไตยเพราะเป็นที่รวมของประชาชนที่มีความคิด อุดมการณ์ ความต้องการเห็นทิศทางของบ้านเมืองในแบบใดๆ มาอยู่รวมกัน แล้วทั่วโลกก็ส่งเสริมให้พรรคการเมืองเข้มแข็งไม่ใช่ทำให้อ่อนแอ
นอกจากนี้ รัฐธรรมนูญนี้ยังกำหนดองค์กรอิสระขึ้นมา 11 องค์กรโดยไม่เกี่ยวพันกับประชาชน ประชาชนไม่ได้ร่วมตั้งเลยแม้แต่คนเดียว เป็นการแต่งตั้งโดยคสช.ทั้งสิ้น
“11 อรหันต์นี้มีอำนาจ มีศักยภาพเหนือกว่าสภาผู้แทนราษฎรและคณะรัฐมนตรี พูดง่ายๆ ว่าระบบแต่งตั้งของคสช.นั้นมีอำนาจเหนือระบบเลือกตั้งที่ประชาชนเลือกตัวแทนของเขาเข้ามา”
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีก็ไม่ต้องมาจากการเลือกตั้งก็ได้ซึ่งไม่เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตย ไม่ควรเป็นว่าใครมีอำนาจหรือมีปืนก็เข้ามาเป็นนายกฯได้ ครม.และนายกฯ ที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งนั้นต้องทำความเข้าใจว่าไม่สามารถไปเจรจาความเมืองหรือสัญญาใดๆ กับประเทศใดๆ ทั่วโลกได้เลย ไปร่วมได้ก็เป็นแต่เพียงไปประชุมกลุ่ม
ที่สำคัญ ยังทำลายราชการส่วนท้องถิ่น โดยมีประกาศคสช.ตั้งแต่ฉบับแรกๆ ว่า เมื่อไรสภาบริหารส่วนตำบล จังหวัด เทศบาล กทม. หมดอายุก็ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเสนอชื่อแต่งตั้งแล้วเป็นตัวแทนของประชาชนในท้องถิ่นนั้นๆ ทั้งที่ประชาชนควรจะเป็นคนเลือก
“ทำไมดูถูกประชาชนว่าเขาจะไม่รู้ว่าใครจะเป็นคนดีสำหรับเขา ทำประโยชน์ให้เขา นี่เป็นการทำลายการบริหารตั้งแต่ระดับชาติไปถึงระบบการปกครองท้องถิ่นทั้งหมด”
ประการที่สอง ทำลายระบบยุติธรรม มาตรา 44 ถือเป็นการทำลายระบบความยุติธรรมที่ร้ายแรงมาก ทั่วโลกต้องมีสามศาล เป็นการประกันศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์และความยุติธรรมที่ประชาชนต้องได้รับ แต่วันนี้ให้ขึ้นศาลทหารอย่างเดียว ศาลทหารก็เป็นลูกน้องท่าน และการดำเนินคดีทางการเมืองต่างๆ ก็ยังมีลักษณะสองมาตรฐานชัดเจน
ประการที่สาม ทำลายระบบเศรษฐกิจ เนื่องจากการรัฐประหารทำให้การได้รับสิทธิพิเศษทางภาษี (จีเอสพี) ไม่ได้รับการต่ออายุ ผู้ส่งออกของไทยต้องเสียภาษีสูงมากแล้วจะไปสู่ประเทศอื่นได้อย่างไร การส่งออกตอนนี้เกือบจะติดลบ เศรษฐกิจกำลังไปสู่ภาวะเงินฝืด ไม่มีการลงทุน เพราะบริษัทใหญ่ๆ ทั่วโลกไม่ลงทุนในประเทศที่ไม่มีเสถียรภาพ และกฎหมายมีลักษณะสองมาตรฐาน