ดังรายละเอียดคัดมาจาก น.ส.พ.ประชาชาติธุรกิจ ดังนี้
(http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1433637842)
รายงาน
หลังกระทรวงการต่างประเทศยกเลิกหนังสือเดินทางสองเล่ม
รวมถึงถอดยศของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
เกิดการตั้งคำถามว่า เส้นทางปรองดอง
ซึ่งเป็นหนึ่งในเหตุผลสำคัญของการรัฐประหาร 22 พฤษภาฯ 2557 และโรดแมปปฏิรูปของ
คสช.นั้นขาดสะบั้นลงหรือไม่
แต่คนการเมืองที่เชื่อมได้ทั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ
และทหาร วิเคราะห์ว่า คำว่าปรองดองระหว่าง คสช.กับ พ.ต.ท.ทักษิณ นั้นขาดสะบั้นก่อนยึดพาสปอร์ต-ปมถอดยศ
และขาดมาตั้งแต่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช. ส่งสัญญาณถึง ป.ป.ช. และอัยการสูงสุด
ให้เอาจริงเอาจังกับการสั่งฟ้องคดีทุจริตจำนำข้าว ที่มี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
ผู้เป็นน้องสาวเข้าไปเกี่ยวโยงในฐานะที่เป็นนายกฯ
แต่ปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริต
รวมทั้งเตรียมฟ้องเรียกค่าเสียหายจากโครงการจำนำข้าว
ไม่แปลกหากในคลิปการให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนที่เกาหลีใต้พ.ต.ท.ทักษิณเปรยว่า "ผมก็เลยคุยกับนายกฯปูว่า
เหตุการณ์เหมือนที่พี่โดนมา"
นับตั้งแต่ พ.ต.ท.ทักษิณ
ถูกประหารชีวิตการเมืองเมื่อปี 49 เคยมีการเจรจาลับระหว่าง พ.ต.ท.ทักษิณ กับคู่ขัดแย้ง-คู่เกาเหลา
ผู้มีอำนาจการเมืองหลายขั้ว หลายกลุ่ม หลายช่วงเวลา นับสิบครั้ง แต่บรรทัดสุดท้ายขีดเส้นใต้ด้วยคำว่า' ล้มเหลว'
หนึ่งในนั้นคือความพยายามของ พิชัย รัตตกุล
อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
หลังจาก 'พิชัย'
ถูกทาบทามให้เข้าร่วมสภาปฏิรูปการเมืองในรัฐบาลยิ่งลักษณ์
ที่แกนนำพรรคเพื่อไทยและรัฐบาลเดินสายเรื่องการปฏิรูปการเมือง
'พิชัย'
เล่าว่า หลังจากวันนั้นได้พบกับนายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกฯในขณะนั้น เพื่อหาทางขอคุยกับ
พ.ต.ท.ทักษิณ นายพงศ์เทพตอบกลับว่า พ.ต.ท.ทักษิณจะมาสิงคโปร์ พิชัยจึงให้นายพงศ์เทพช่วยติดต่อให้
พอติดต่อตัวแทนของ พ.ต.ท.ทักษิณได้
เขาก็บินไปสิงคโปร์ทันที
"โอกาสในความเห็นผม บุคคลที่เป็น 'คีย์' ที่จะทำให้เหตุการณ์สงบได้นั้นมีคนเดียวคือคุณทักษิณ ตราบใดปัญหาคุณทักษิณไม่สามารถตกลงกันได้
หมายถึงยอมรับในกระบวนการยุติธรรม ตราบใดที่ยังไม่ยอมรับ ไม่มีทาง
ถ้าคุณทักษิณยอมรับกระบวนการยุติธรรมที่ศาลตัดสินแล้ว จะมาอยู่กี่วันกี่ปีก็แล้วแต่
ไม่ได้หมายความว่าติดตะราง 2 ปีนะ อาจจะเป็น 10 วันก็ได้ 7 วันก็ได้ และดำเนินการไปอย่างที่ถูกที่ควร
แล้วเริ่มต้นกันใหม่ อันนั้นผมคิดว่าจะมีโอกาสที่จะทำให้ทั้งสองฝ่ายคือ
กปปส.โอเค"
"ผมไม่เคยรู้จักคุณทักษิณมาก่อนเลย
แต่ผมไปคุยกับคุณทักษิณมาในเรื่องนี้ ก่อนปฏิวัติ 6 เดือน และคุณทักษิณก็ยอม
พรรคเพื่อไทยยอมในแนวทางของผม ผมไปคนเดียว บินคนเดียว เป็นเงินของตัวเอง
คุยกันครึ่งวันที่สิงคโปร์"
"เรื่องที่น่าดีใจคือเขายอมรับ เห็นด้วย
คุณทักษิณถามผมว่าอะไรจะเป็นการันตี ว่าทำอย่างนี้แล้วเขาจะปลอดภัย เขากลัวถูกโดนยิงมาก
ซึ่งผมเห็นใจมาก คนรักก็แยะคนเกลียดก็มาก ผมบอกการันตีได้อย่างเดียวว่าเมื่อคุณมาถึงแล้วไม่ต้องกลัว
เพราะผมจะเดินทางมาพร้อมกับคุณ ไป ร.พ.ศิริราช ไปกราบพระบรมรูปของในหลวง และคุณก็เดินเข้าตะราง
ผมพร้อมเข้าไปกับคุณ ผมไปนอนกับคุณในคุก ผมอาสาถึงขนาดนั้นเลยนะ ผมจะถือกระเป๋าเจมส์ บอนด์
มีเสื้อผ้าเล็กน้อยไปนอน แต่จัดที่นอนให้ผมดีหน่อยนะ ผมพูดจริงนะคุณทักษิณเป็นพยานได้ และเขายอมผม
ยอมในหลักการ"
'พิชัย'" เล่าต่อว่า หลังจากฝ่าย พ.ต.ท.ทักษิณ เห็นชอบในหลักการ เขากลับมาเมืองไทยเพื่อคุยกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ
แกนนำ กปปส.
"พูดกับคุณอภิสิทธิ์ 3 ครั้ง ไม่ยอมฟังผมเลย
คุณอภิสิทธิ์บอกเป็นไปไม่ได้ ไม่เชื่อคุณทักษิณ อยากพูดกับคุณสุเทพ ไม่ยอมรับสายโทรศัพท์ผมเลย
เพราะถ้าคุณทักษิณยอม อีกฝ่ายหนึ่งไม่ยอม มันทำอะไรไม่ได้"
เมื่อ "'พิชัย"'
พยายามแล้วแต่ไม่สำเร็จ เกิดการรัฐประหารขึ้นเสียก่อน ในฐานะที่อาบน้ำร้อนมาก่อน
และอยากเห็นบ้านเมืองสงบ จึงฝากไปถึง 'พล.อ.ประยุทธ์'
"ถ้าคุณประยุทธ์ไม่ทำไม่มีทางปรองดองได้
เพราะคนที่ทำปรองดองคือคุณประยุทธ์ คุณประยุทธ์จะสามารถดึงสองฝ่ายมาพูดกันให้รู้เรื่องได้ เอาแล้วนะ
ผมปฏิวัติครั้งนี้ ผมจะให้โอกาส คราวหน้าต่อไปต้องเลิกแล้วต่อกันนะ
ความเข้าใจกันด้วยความเป็นนักเลงกันเนี่ย
มันจะดีกว่าเป็นตัวอักษร"
"หากคุณประยุทธ์เป็นคนกลาง การเจรจาต่อไปไม่สำคัญ
ผมยินดีไปเจรจาให้ แต่ผมไม่เจรจากับฝ่ายประชาธิปัตย์ คุณประยุทธ์เจรจาเอง
ตราบใดที่พรรคประชาธิปัตย์มีคุณอภิสิทธิ์อยู่ ส่วนการเจรจากับคุณสุเทพ คุณประยุทธ์ก็ไปจัดการเอง
หรือถ้าหากเป็นไปได้ คุณประยุทธ์อาจจะไปคุยกับคุณทักษิณก็ได้ แต่มันจะน่าเกลียด คุณประยุทธ์คงทำไม่ได้
ในฐานะเป็นนายกฯ แต่ผมไปได้ ในฐานะที่ไม่มีตำแหน่งอะไร"
เป็น 'เบื้องหลัง'
การเจรจาลับ-ข้อเสนอปรองดอง สูตรหนึ่งที่มาจาก พิชัย รัตตกุล-ตำนานประชาธิปัตย์