วันพฤหัสบดี, มิถุนายน 11, 2558

เกือบจบแระ เรื่องน้ำท่วม




เกือบจบแระ เรื่องน้ำท่วม

ถึงแม้ทั่นผู้ณรรมจะร่ำว่า กทม. อย่าเซ้าซี้นักนะกะตะหาน แต่ทั่นผบ. ก็ใจดี บอกอีกทีทหารพร้อมรับ น้ำมาอีกเมื่อไหร่เมื่อนั้น

อีกอย่างเรื่องน้ำท่วมนี่ไม่เกี่ยวกับการบริหารจัดการนะ ถ้าตีความตามถ้อยทั่นผู้ว่าฯ ที่ส่งสาส์นล่วงหน้ามาจากร็อตเตอร์ดัม

“ปัญหาน้ำท่วมกรุงเทพมหานครเป็นปัญหาที่มีมาอย่างยาวนานครับ...แต่การพัฒนาของเมืองและการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้กรุงเทพมหานครยังคงเผชิญกับปัญหาภัยธรรมชาติ”

(https://www.facebook.com/Sukhumbhand.P/posts/705623362883219)

แปลไทยเป็นไทยแบบพื้นๆ บ้านคงได้สั้นๆ ว่า “แค่ดวงไม่ดี อย่าโทษฝีมือสิ”

โอเค ไม่ว่าก็ได้รวมทั้งปัญหารถติด ไหนๆ มันก็ ‘เป็นปัญหาที่มีมาอย่างยาวนาน’ เหมือนกันเนอะ

หากทั่นผู้ว่าฯ ก็ยังอุตส่าห์ระบุมาในสาส์น “พรุ่งนี้บ่ายๆผมจะถึงกรุงเทพมหานครครับ และจะเดินทางไปที่สำนักการระบายน้ำกรุงเทพมหานครเวลา ๑๖.๐๐ น.” ด้วยความห่วงใย

จะว่าสาย ก็ไม่สายหรอกนะ ในเมื่อทั่นจะเอาองค์ความรู้ที่ทันสมัย “ที่จะช่วยแก้ไขปัญหาได้อย่างยั่งยืนในอนาคต” ไปใส่ไว้




แต่ปัญหาตอนนี้ไม่ได้อยู่ที่น้ำท่วมแล้วละ เพราะปัญหาน้ำลด น้ำแล้ง กำลังจะมา

ตามข่าวเมื่อวันที่ ๑๐ มิถุนายน

“ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำทั้ง ๑๗ แห่งของจ. มหาสารคาม เหลือปริมาณโดยรวมไม่ถึง ๔๐% ทางชลประทานขอให้เกษตรกรเลื่อนการทำนาไปก่อน”

(http://www.tnnthailand.com/news_detail.php?id=68287&t=news)

“นายอัตพร ปัญญาโฉม ผู้อำนวยการจัดสรรน้ำสำนักงานชลประทานที่ ๑๐ จังหวัดลพบุรี เปิดเผยว่า สถานการณ์น้ำในหลายเขื่อนหลักมีปริมาณน้อยกว่าทุกปีขอให้เกษตรกรลุ่มน้ำเจ้าพระยา ๒๒ จังหวัดชะลอการทำนาปีออกไปก่อน ขณะที่เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ มีน้ำเหลือเพียง ๙๘ ล้านลูกบาศก์เมตรหรือคิดเป็นร้อยละ ๑๐ ของความจุเขื่อน โดยจะปรับลดการระบายน้ำลงเพื่อรักษาระดับน้ำเก็บในอ่าง ทำให้พื้นที่เกษตรท้ายเขื่อนจังหวัดสระบุรี อยุธยา และปทุมธานี ได้รับผลกระทบ”

อีกข่าววันเดียวกัน

“เขื่อนสิริกิติ์น่าห่วงอาจถึงขั้นวิกฤติปริมาณน้ำน้อยเหลือใช้แค่เพียง ๔๐ วัน เตือน ปชช. ใช้น้ำอย่างประหยัด ขณะที่ จ.อุตรดิตถ์ ประกาศพื้นที่ภัยแล้งแล้ว ๘ อำเภอ”

(http://news.voicetv.co.th/thailand/216756.html)




“นายสุเทพ เลิศศรีมงคล ผู้อำนวยการเขื่อนสิริกิติ์ (อขส.) ต.ผาเลือด อ.ท่าปลา จ.อุตรดิตถ์ กล่าวว่า เขื่อนสิริกิติ์เป็นอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ สามารถเก็บกักน้ำได้ในปริมาณที่สูงถึง ๙,๕๐๐ ล้านลูกบาศก์เมตร ปริมาณน้ำในอ่างมีเพียง ๓๖๖๑.๖๐ ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ ๓๘.๕๐ ซึ่งน้ำที่พร้อมใช้งานกลับมีเพียง ๘๑๑.๖๐ ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ ๑๒.๑๙ ของความจุอ่าง” อีกทั้ง

“ส่วนปริมาณระดับน้ำที่ลดต่ำจะสังเกตุเห็นที่บริเวณเหนือประตูระบายน้ำของเขื่อนสิริกิติ์ เริ่มปรากฏเป็นรูปเนินดินอย่างชัดเจน ซึ่งถือว่าสถานการณ์น่าเป็นห่วงและบอกถึงใกล้วิกฤติน้ำในระดับต่ำสุด”

คิดอีกที ดีเหมือนกัน นายนี่แกจะได้ไม่สำลัก ‘น้ำท่วมปาก’

https://www.youtube.com/watch?v=iRo1yx2VU4Q&feature=youtu.be