วันพุธ, เมษายน 08, 2558

ชี้แจง ม. 44... ต่างประเทศ..คงเชื่อล่ะ...


ภาพจาก ผู้จัดการออนไลน์

วันนี้ (7 เมษายน 2558) นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยพ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกรัฐบาล ร่วมกันชี้แจงการใช้รัฐธรรมนูญ มาตรา 44 ของรัฐบาลกับตัวแทนทูตต่างประเทศ และ องค์กรต่างชาติในไทย

โดยทั้ง 2 ท่าน มีความพยายามร่วมกันชี้แจงเหตุผล และ สรุปการดำเนินงานของไทย ให้คณะทูตานุทูตต่างชาติ ผู้แทนองค์การต่างประเทศ และ สื่อมวลชนหลายประเทศ ให้ทราบถึงแนวทางการประกาศใช้ มาตรา 44 และ คําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ที่ 3/2558 เรื่องของการรักษาความสงบเรียบร้อยและความมั่นคงของชาติ เพื่อให้เกิดความเข้าใจไปในทิศทางเดียวกัน

ในงานแถลงข่าว กระทรวงการต่างประเทศ ได้แปลคำสั่งดังกล่าวพร้อมกับรายละเอียดคำชี้แจงของนายวิษณุ เครืองาม ส่งไปยังสถานเอกอัครราชทูต และ สถานกงสุลใหญ่ไทยทั่วโลก เพื่อประกอบการชี้แจงกับรัฐบาลต่างประเทศ

นักข่าวต่างประเทศหลายรายได้ทวิตรายงานภาพบรรยากาศสดในงาน รวมไปถึงเนื้อหาที่ รองนายกฯ วิษณุ พยายามชี้แจง ดังนี้

1. คำแปลภาษาอังกฤษ ของ รัฐธรรมนูญชั่วคราว มาตรา 44
2. การใช้กฎหมายรัฐธรรมนูญชั่วคราวที่มีลักษณะ คล้าย มาตรา 44 ที่ผ่านมาในประเทศไทย
และ ไฮไลท์สำคัญ
3. การเทียบเคียงเนื้อหากฎหมาย รัฐธรรมนูญชั่วคราว มาตรา 44 กับรัฐธรรมนูญ มาตรา 16 ของประเทศฝรั่งเศส

โดยหลักใหญ่ใจความอาจต้องการสื่อสารว่า มาตรา 44 ไม่ใช่ของใหม่ในประเทศไทย และมีเนื้อหากฎหมายที่ให้อำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดในการตัดสินใจแก่ผู้นำในภาวะฉุกเฉิน ละม้ายคล้ายกันกับเนื้อหากฎหมายประเทศฝรั่งเศส เพียงปรับเปลี่ยนเล็กน้อยเท่านั้น

หลังการรายงานข่าวของนักข่าวต่างประเทศ ปรากฎ มีผู้ให้ความเห็นเกี่ยวกับประเด็นชี้แจงหลายท่าน

หนึ่งในนั้น คือ Sam Zarifi (นายแซม ซารีฟี) ประธานภูมิภาคเอเชีย ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (Regional Director, Asia and Oceania, of the International Commission of Jurists (ICJ)) ซึ่งได้ให้ข้อคิดผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัวกรณีความแตกต่างระหว่าง รัฐธรรมนูญฝรั่งเศส มาตรา 16 และ รัฐธรรมนูญชั่วคราวของไทย มาตรา 44 ว่า มาตรา 44 ของไทยละเลยที่จะพูดถึงเงื่อนไขหลักที่สภาผู้แทนราษฎรยังคงอยู่ในช่วงเวลาที่ประกาศภาวะฉุกเฉิน ทั้งนี้มีผู้ให้ความเห็นเพิ่มเติมในตอนท้ายเกี่ยวกับประเด็นเดียวกันว่า "และละเลยที่บอกด้วยว่าประธานาธิบดีและสภาผู้แทนราษฎรประเทศฝรั่งเศสมาจากการเลือกตั้ง"

ในตอนท้าย นายแซม ซาฟีรี ยังกล่าวอีกว่า "มาตรา 44 ของไทย ห่างไกลกันคนละโลกกับมาตรา 16 ของฝรั่งเศส และการล้มเหลวในการมองเห็นเรื่องนี้ จะนำไปสู่โศกนาฏกรรมในวิกฤติทางการเมืองของประเทศไทย"




ที่มา FB
Sand Wongnapachant

ooo


ooo

โลกล้อมรัฐบาล‘บิ๊กตู่’ 



คอลัมน์ : ฉกข่าวฉุกคิด
ผู้เขียน : แหม่มท่านา
.lokwannee.

การเมืองร้อนตามอุณหภูมิเดือน เม.ย. ช่วงสงกรานต์ เพราะหลังจาก “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. ทูลเกล้าฯยกเลิกประกาศกฎอัยการศึก และนำมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราว ออกมาใช้บังคับแทน เพื่อลดกระแสความไม่เชื่อมั่นจากต่างชาติ หวังกระตุ้นเศรษฐกิจโดยเฉพาะการท่องเที่ยวที่ซบเซา

แต่ดูเหมือนว่ากระแสไม่ได้เป็นไปอย่างที่คาด เพราะหลายฝ่ายกลับเห็นว่าการปลดกระบองเก่าอันเดิม เป็นการเพิ่มกระบองใหญ่กว่าเดิมเข้าไปอีก ให้อำนาจหัวหน้า คสช. และนายกรัฐมนตรีโดยตรง มีผลบังคับทั้งในทางบริหาร นิติบัญญัติ และตุลาการ

ยิ่งนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ออกมาสำทับตอกย้ำถึงความจำเป็นในการประกาศใช้ ม.44 แทนกฎอัยการศึก เนื่องจากมีอยู่ 5 สถานการณ์ที่ยังไว้วางใจไม่ได้ โดยแจกแจงเป็น 5 ข้อด้วยกันนั่นคือ

1.อาจมีผู้สูญเสียอำนาจทางการเมืองในอดีตก่อความไม่สงบขึ้น



2.กลุ่มทุน กลุ่มเศรษฐกิจ กลุ่มอิทธิพล ที่ได้รับผลกระทบจากการจัดระเบียบสังคม ก่อความไม่สงบขึ้นเพื่อปกป้องผลประโยชน์ทางธุรกิจของตนเอง แต่ไม่เกี่ยวกับเรื่องการเมือง

3.กลุ่มที่รู้ว่ากำลังจะเข้าโรดแม็พระยะที่ 3 คือการเตรียมจัดการเลือกตั้ง การประกาศใช้รัฐธรรมนูญ อาจก่อความไม่สงบเรียบร้อยบางอย่างขึ้นในบางพื้นที่ ซึ่งเป็นกลุ่มที่ฉวยโอกาสที่จะให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในอนาคต

4.กลุ่มสร้างสถานการณ์ให้เกิดความไม่เรียบร้อยขึ้น อาจไม่มีเจตนาทางการเมือง แต่เจตนาเรื่องอื่น

และ 5.กลุ่มที่รู้สึกว่าได้รับความเดือดร้อน ไม่ได้รับความเป็นธรรม เป็นกลุ่มสุจริต ไม่มีเจตนาทางการเมือง แต่อาจระบายโดยการก่อให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อย โดยมีจำนวนไม่มาก

ยิ่งตอกย้ำความจำเป็นในการนำมาตรา 44 ออกมาใช้ แต่สิ่งสำคัญก็คือ 5 ข้อที่นายวิษณุได้หยิบยกขึ้นมา จะสามารถเรียกฟื้นความเชื่อมั่นต่างชาติกลับมาได้หรือไม่ เพราะปฏิกิริยาล่าสุดจากสังคมโลกมองไทยด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยข้อสงสัย

ล่าสุดกระทรวงการต่างประเทศทำการร่อนหนังสือเชิญทูต องค์การระหว่างประเทศ ผู้แทนของหน่วยงานต่างๆ รวมทั้งสื่อต่างประเทศ เข้าร่วมรับฟังการชี้แจงแถลงไขที่จะมีนายวิษณุ เครืองาม เป็นแกนนำในการแถลงต่อต่างประเทศ

ดังนั้น จากนี้ไปคงต้องดูกันว่ารัฐบาลไทยจะเดินหน้าชี้แจงกับสังคมโลกที่เรียกร้องให้ประเทศไทยเร่งคืนประชาธิปไตย เพราะหากมหาอำนาจขยับเป็นหัวพาเหรดแน่นอนว่าแนวร่วมที่จะช่วยกันกระทุ้งต่อก็จะขยับตามมาเป็นพรวน โดยเฉพาะสหประชาติที่เริ่มกระตุ้นประเด็นเรื่องอำนาจ-สิทธิเสรีภาพ-สิทธิมนุษยชน

จากนี้ไปคงต้องดูกันว่าท้ายสุดรัฐบาล “บิ๊กตู่” จะแก้ปัญหาโลกล้อมเมืองอย่างไร