ความเห็นชาวเน็ตต่อข่าว...
คนไทยก็โชคไม่ดี ที่มีนายก อาศัยโชคในการทำงาน (ที่จริงบริหารไม่เป็น เพราะเป็นแค่ยาม)
...
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวในรายการคืนความสุขให้คนในชาติ วันนี้ (13 มี.ค.)ว่ารัฐบาลชุดนี้เข้ามารับหน้าที่แก้ปัญหาที่คั่งค้างมาก่อนหน้า ขณะเดียวกันต้องเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจโลกที่ตกต่ำ ระบุมีการปล่อยข่าวสกัดรัฐบาลไม่ให้เดินหน้าไปได้ ชี้ข่าวไม่ดีกลบผลงานที่ทำมา ยืนยันยังไม่ได้ตกลงโครงการรถไฟรางคู่กับจีน
พล.อ.ประยุทธ์ พูดถึงการจัดเก็บภาษีว่า รัฐบาลเข้ามารับหน้าที่เป็นเวลา 8 เดือน ในขณะที่ปัญหาการจัดเก็บภาษีไม่ได้ตามเป้าและอื่น ๆ เป็นสิ่งที่คั่งค้างมากว่า 10 ปี รัฐบาลจึงพิจารณาโครงสร้างภาษีทั้งระบบเพื่อให้เป็นธรรมและทันสมัย ซึ่งหากเทียบกับประเทศในหมู่อาเซียน จะเห็นว่าไทยเสียภาษีต่ำที่สุดเมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติหรือจีดีพี
พล.อ.ประยุทธ์ ยังพูดถึงการจัดเก็บภาษีที่ดินว่าเป็นการเก็บภาษีของท้องถิ่น แต่ได้สั่งให้ชะลอไว้จนกว่าจะมีความเข้าใจร่วมกันอย่างชัดเจน ที่ผ่านมาเรื่องนี้ยังไม่ได้นำเข้าสู่การพิจารณาของ ค.ร.ม. แต่เกิดรั่วไหลออกมาเสียก่อนจนทำให้ต้องออกมาชี้แจง
นายกรัฐมนตรีเห็นว่ามีการนำเรื่องของกฎหมายมาพูดให้เกิดความน่ากลัวทั้งที่บางเรื่องเป็นสิ่งปกติในทุกประเทศ และหากมีการเสนอเข้าสู่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ก็อาจไม่ผ่านการพิจารณาก็ได้ นายกรัฐมนตรีเชื่อว่ามีผู้ต้องการปล่อยข่าว และไม่ต้องการให้รัฐบาลนี้เดินหน้าไปได้
พล.อ.ประยุทธ์ ยังเรียกร้องสื่ออย่านำเสนอข่าวที่ก่อให้เกิดความแตกแยก ขัดแย้ง และทำให้รัฐบาลต้องตามแก้ข่าว โดยยกตัวอย่างเรื่องราคาค่าโดยสารรถไฟฟ้าบีทีเอส ที่จะยังไม่ปรับเพิ่ม ในวันที่ 1 มิ.ย.ตามที่ปรากฏเป็นข่าว และหากมีการเสนอขอมา ก็จะพิจารณาว่าสมเหตุสมผลหรือไม่
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า รัฐบาลได้ทำสิ่งที่ดีมามาก แต่เมื่อมีปัญหาความขัดแย้ง ความไม่ปลอดภัย เศรษฐกิจตกต่ำ หรือเรื่องการจัดเก็บภาษี ได้กลบข่าวดีที่ทำมา นายกรัฐมนตรีเห็นว่าเป็นโชคไม่ดีที่รัฐบาลเข้ามารับหน้าที่ในช่วงที่เศรษฐกิจโลกตกต่ำ และไทยมีปัญหาการค้าการส่งออก
หัวหน้า คสช. ยังกล่าวถึงโครงการรถไฟทางคู่ว่ายังไม่ทำความตกลงใด ๆ กับจีน ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการพูดคุย และคาดว่าจะเริ่มดำเนินโครงการในปลายปีนี้ สำหรับญี่ปุ่นนั้นยังขอศึกษาโครงการอยู่ ซึ่งตนจะไปเจรจากับญี่ปุ่นอีกครั้ง ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรียืนยันว่าโครงการที่จะทำ เป็นรถไฟรางคู่ มิใช่รถไฟความเร็วสูง
ที่มา