พลเมืองโต้กลับเรียกร้องให้ศาลยุติธรรมธำรงไว้ซึ่งอำนาจตุลาการตามระบอบประชาธิปไตย อารยะขัดขืนต่อคณะรัฐประหาร ยุติการนำพลเรือนขึ้นสู่ศาลทหาร พร้อมเปิดตัวกิจกรรมพลเมืองรุกเดิน ๑๔ – ๑๖ มีนานี้
เหล่าพลเมืองโต้กลับทั้งสี่จากคดีเลือกตั้งที่ “ลัก” ยื่นหนังสือถึงฝ่ายตุลาการให้ยืนยันอำนาจตามรัฐธรรมนูญและประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาที่จะดำเนินการพิจารณาคดีพลเรือนทุกคนในศาลอาญา พร้อมผุดกิจกรรมใหม่ “พลเมืองรุกเดิน” เพื่อเดินเข้าค้นหาความยุติธรรม ๑๔ – ๑๖ มีนาคมนี้ ตามแนวคิด "เมื่อความยุติธรรมไม่มา ก็เดินหน้าไปหามัน" ระยะทางร่วม ๕๐ กิโลเมตร
วันพฤหัสบดีที่ ๑๒ มีนาคม พ.ศ.๒๕๕๘ เวลา ๑๓.๐๐ น. นายอานนท์ นำภา ทนายความจากศูนย์ทนายเพื่อสิทธิมนุษยชนและพวก ประกอบด้วยนายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ นักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, นายพันธ์ศักดิ์ ศรีเทพ หรือพ่อน้องเฌอ และนายวรรณเกียรติ ชูสุวรรณ แท็กซี่นักกิจกรรมเพื่อประชาธิปไตย ผู้ต้องหาคดีฝ่าฝืนประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จากการจัดกิจกรรมเลือกตั้งที่ “ลัก” รวมทั้งนายณัทพัช อัคฮาด น้องชายพยาบาลกมนเกด อัคฮาด หนึ่งในผู้สูญเสียจากคดี ๖ ศพวัดปทุมฯ เข้ายื่นหนังสือเปิดผนึกต่อประมุขฝ่ายตุลาการผ่านอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา เรียกร้องให้ข้าราชการฝ่ายตุลาการยืนยันอำนาจตามรัฐธรรมนูญและประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาที่จะดำเนินการพิจารณาคดีพลเรือนทุกคนในศาลอาญา โดยไม่ต้องเกรงกลัวอำนาจป่าเถื่อนของคณะรัฐประหารที่ใช้ศาลทหารเป็นเครื่องมือในการกำจัดผู้เห็นต่าง พร้อมจัดกิจกรรม “พลเมืองรุกเดิน” ตามแนวคิด "เมื่อความยุติธรรมไม่มา ก็เดินหน้าไปหามัน" ระหว่างวันที่ ๑๔ – ๑๖ มีนาคมนี้ จากบางบัวทอง - สน.ปทุมวัน ระยะทางร่วม ๕๐ กิโลเมตร เพื่อเข้าให้ปากคำเพิ่มเติมกับพนักงานสอบสวน
นายอานนท์ นำภา ได้อ่านแถลงการณ์ความตอนหนึ่งว่าสืบเนื่องจากวันที่ ๒๐ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๕๗ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบกในขณะนั้น ได้ลงนามประกาศใช้พระราชบัญญัติกฎอัยการศึก ฉบับที่ ๑/๒๕๕๗ โดยอ้างสถานการณ์การชุมนุมทางการเมืองหลายกลุ่ม หลายพื้นที่ของประเทศ และมีแนวโน้มจะก่อให้เกิดเหตุการณ์จลาจล และความไม่สงบเรียบร้อยอย่างรุนแรง เพื่อให้การรักษาความสงบเรียบร้อยเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และนำความสงบสุขกลับคืนสู่ประชาชนทุกกลุ่มทุกฝ่ายโดยเร็ว แต่กลับกลายเป็นการปูทางไปสู่การรัฐประหารยึดอำนาจ รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งในอีก ๒ วันถัดมา ในนามคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. อันมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นหัวหน้าคณะ
“หลังจากนั้น ได้มีประกาศอีกหลายฉบับตามมา รวมทั้งประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ ๓๗/๒๕๕๗ ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๑๐๗ ถึงมาตรา ๑๑๒ และความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายในราชอาณาจักร ตั้งแต่มาตรา ๑๑๓ ถึงมาตรา ๑๑๘ รวมถึงความผิดตามประกาศหรือคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ อยู่ในอำนาจพิจารณาคดีพิพากษาของศาลทหาร ซึ่งผิดธรรมเนียมปฏิบัติของกระบวนการยุติธรรมสากลทั่วไป”ทนายความนักสิทธิมนุษยชน กล่าว
นายอานนท์ ยังกล่าวต่อไปว่าศาลทหารในประเทศไทย นอกจากจะไม่ได้มาตรฐานสากลตามกฎเกณฑ์ระหว่างประเทศแล้ว ยังเป็นแบบระบบศาลทหารแยกออกมาต่างหาก โดยมีทหารเป็นผู้พิพากษาทั้งหมด และศาลทหารดำรงอยู่ตลอดเวลาเคียงคู่กับศาลพลเรือน ซึ่งระบบศาลทหารแบบนี้แทบจะไม่มีประเทศไหนใช้แล้ว เหตุผลซึ่งมักถูกหยิบยกขึ้นอ้างเสมอ คือ ข้าราชการทหารและวินัยทหารมีลักษณะพิเศษ จึงจำเป็นต้องมีศาลทหารโดยเฉพาะเพื่อตัดสินคดีของทหาร หากเรายอมรับว่าเหตุผลความจำเป็นดังกล่าวว่าถูกต้องจริง ก็หมายความว่า ศาลทหารต้องมีเขตอำนาจเฉพาะกรณีคดีของทหาร มีทหารเป็นคู่ความเท่านั้น จึงไม่มีความจำเป็นใดๆที่พลเรือนต้องอยู่ในเขตอำนาจของศาลทหาร
“ศาลทหารที่ขยายเขตอำนาจของตนออกไปครอบคลุมถึงคดีที่พลเรือนเป็นจำเลยด้วย ในขณะที่วิธีพิจารณาความในศาลทหารนั้นไม่ได้ให้หลักประกันแก่จำเลยที่เป็นพลเรือนเพียงพอ และสิทธิในการได้รับการพิจารณาคดีอย่างเป็นธรรม ในศาลทหารนั้นไม่ถึงเกณฑ์มาตรฐาน เช่น กระบวนพิจารณาที่ไม่รับรองสิทธิในการโต้แย้งแสดงพยานหลักฐานไว้เพียงพอ หรือคู่ความไม่มีสิทธิในการอุทธรณ์โต้แย้งคำพิพากษา เป็นต้น เมื่อกระบวนการยุติธรรมในศาลทหารไม่ยุติธรรมเพียงพอและเผด็จการทหารกำหนดให้ศาลทหารมีเขตอำนาจเหนือพลเรือน ศาลทหารจึงเป็นเครื่องมือในการกำจัดพลเรือนที่ต่อต้านระบอบเผด็จการทหารนั่นเอง” นายอานนท์ นำภา กล่าว
นายณัทพัช อัคฮาด น้องชายพยาบาลกมนเกด อัคฮาด หนึ่งในผู้สูญเสียจากคดี ๖ ศพวัดปทุมฯกล่าวว่าการกระทำรัฐประหาร ๒๕๕๗ เกี่ยวพันกับกรณีการสังหารหมู่ประชาชนจนนำไปสู่การสั่งสลายการชุมนุม เมื่อปี ๒๕๕๓ สมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะอย่างลึกซึ้ง นั่นคือ หลังการสังหารหมู่ประชาชนจนนำไปสู่การสั่งสลายการชุมนุม เมื่อปี ๒๕๕๓ สมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผ่านศูนย์อำนวยการสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือ ศอฉ. ที่มีนายสุเทพ เทือกสุบรรณเป็นผู้อำนวยการ และมีนายทหารจำนวนมากในคณะรักษาความสงบแห่งชาติเกี่ยวข้องในระดับสั่งการและปฏิบัติการ
“แม้นายอภิสิทธิ์ - สุเทพ ถูกฟ้องอาญาและได้รับการยกฟ้องกรณีการออกคำสั่ง ก่อนจะถูกฟ้องอีกครั้งจากกลุ่มญาติผู้สูญเสียฯที่นำเรื่องไปที่ ปปช. แต่นายทหารที่เกี่ยวข้องใน ศอฉ. รวมถึง พล.อ.ประยุทธ ยังไม่เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมใดใดเลย แม้ว่าศาลอาญาจะได้มีคำสั่งจากคำพิพากษาไต่สวนการตาย กรณีนายพัน คำกอง, นายชาญณรงค์ พลศรีลา, นายชาติชาย ซาเหลา, ด.ช.คุณากร ศรีสุวรรณ รวมถึงกรณี 6 ศพ วัดปทุมฯ ว่าเหตุและพฤติการณ์ที่ตายคือถูกลูกกระสุนปืนซึ่งยิงจากอาวุธปืนของเจ้าหน้าที่ทหาร นี่ยังไม่นับอีกหลายสิบสำนวนที่รอนำสู่การพิจารณา หากไม่เกิดการกระทำรัฐประหาร ๒๕๕๗ ขึ้นมาเสียก่อน ทั้งนี้โดยไม่อาจกล่าวข้ามความผิดพลาดเชิงนโยบายของรัฐบาลพรรคเพื่อไทยที่พยายามผลักดัน ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯแบบเหมาเข่งด้วยเช่นกัน” นายณัทพัช กล่าว
น้องชายของพยาบาลกมนเกด กล่าวต่อว่าคำกล่าวของ พล.อ.ประยุทธ์ที่ว่า "ขอถามข้อเท็จจริงว่ามีคนใช้อาวุธในประชาชนหรือเปล่า มีหรือเปล่า ขอให้พูดดังๆ มีชายชุดดำอยู่ในกลุ่มคนเสื้อแดงหรือเปล่า และมีคนยิงใส่ทหารหรือเปล่า ถ้ามีก็จบ” นั้น เป็นการพูดแบบเอาสีข้างเข้าถู เพราะผู้เสียชีวิตที่ศาลได้มีการพิจารณาและมีคำสั่งไต่สวนการตายว่าเหตุและพฤติการณ์ที่ตายคือถูกลูกกระสุนปืนซึ่งยิงจากอาวุธปืนของเจ้าหน้าที่ทหารนั้น ล้วนแต่เป็นผู้เสียชีวิตในเดือนพฤษภาคม ๒๕๕๓ ทั้งสิ้น โดยเฉพาะกรณีการเสียชีวิตของ ๖ ศพวัดปทุมฯ นั้น เกิดขึ้นหลังจากที่ทหารได้เข้าควบคุมพื้นที่จนทุกอย่างบริเวณพื้นที่ชุมนุมอยู่ในความสงบโดยสิ้นเชิงแล้ว
“ดังนั้น คำกล่าวของ พล.อ.ประยุทธ์จึงเป็นคำกล่าวที่เลื่อนเปื้อน เป็นการโยนความชั่วออกจากตัว โดยยกเหตุการณ์ที่ต่างกรรมต่างวาระกันมาโยงเข้าด้วยกัน เพื่อจะเอาตัวให้พ้นผิดจากกรณีการมีส่วนร่วมในการสั่งสังหารประชาชนและสั่งสลายการชุมนุมใน ปี ๒๕๕๓ ผ่านการกระทำรัฐประหาร ๒๕๕๗ นั่นเอง” นายณัทพัช กล่าว
สำหรับกิจกรรม “พลเมืองรุกเดิน” ภายใต้แนวคิด "เมื่อความยุติธรรมไม่มา ก็เดินหน้าไปหามัน" ระหว่างวันที่ ๑๔ – ๑๖ มีนาคมนั้น นายพันธ์ศักดิ์ ศรีเทพ หรือพ่อน้องเฌอ เปิดเผยว่าเป็นการเดินทางเพื่อเข้าให้ปากคำเพิ่มเติมกับพนักงานสอบสวนจากบางบัวทองไปยัง สน.ปทุมวัน แต่เนื่องจากระยะทางไกลร่วม ๕๐ กิโลเมตร จึงต้องออกเดินตั้งแต่วันเสาร์ที่ ๑๔ มีนาคม และคาดว่าจะไปถึง สน.ปทุมวันในเวลาประมาณ ๑๓.๐๐ นาฬิกาของวันจันทร์ที่ ๑๖ มีนาคม “กิจกรรมพลเมืองรุกเดินไม่ใช่การกดดันกระบวนการยุติธรรม แต่เป็นการพิสูจน์ว่าเมื่อกระบวนการยุติธรรมไม่มาหาคุณ คุณก็ต้องเดินไปหามัน และเราจะเดินผ่านเส้นทางที่เป็นหมุดหมายสำคัญที่เกี่ยวเนื่องกับการเป็นปฏิปักษ์รัฐประหาร เช่น จุดที่ลุงนวมทอง ไพรวัลย์ ผูกคอตายเพื่อพิสูจน์คำพูดของทหารที่ว่า ‘ไม่มีใครยอมตายเพื่อประชาธิปไตย’ อันเป็นความเชื่อผิดๆของทหารที่ฝักใฝ่เผด็จการแต่ปากอ้างประชาธิปไตย หรือหมุดเฌอ บริเวณซอยรางน้ำซึ่งลูกชายผมเสียชีวิต เพื่อสื่อให้สังคมได้ทราบว่าผู้ที่ตายจากการสลายการชุมนุมไม่ได้มีแต่คนเสื้อแดง และถึงคุณจะอยู่นอกเขตการชุมนุม ทหารก็ฆ่าคุณได้แม้คุณจะเป็นเด็กก็ตาม” นายพันธ์ศักดิ์ กล่าว
พ่อน้องเฌอยังกล่าวอีกว่า ระหว่างสองคืนของการพักค้าง พลเมืองโต้กลับยังได้จัดกิจกรรมเสวนาและกิจกรรมอื่นๆ เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับผู้รักประชาธิปไตย ส่วนรายละเอียดกิจกรรม “พลเมืองรุกเดิน” และเส้นทางนั้น ทางพลเมืองโต้กลับขอเก็บไว้เป็นความลับก่อนที่จะเปิดเผยทางหน้าแฟนเพจของพลเมืองโต้กลับในเฟซบุ๊คอีกครั้งหนึ่ง
ทนายอานนท์ นำภา ได้กล่าวสรุปว่าการมายื่นหนังสือในวันนี้ รวมทั้งการแสดงความเห็น การตั้งคำถาม การปฏิเสธให้ความร่วมมือ การประท้วง ดื้อแพ่งอย่างสันติวิธี เป็นสิ่งที่พลเมืองกระทำได้ตามกฎหมาย ประการสำคัญ มันยังเป็นส่วนสำคัญที่แยกไม่ออกจากศักดิ์ศรีแห่งการเป็นพลเมือง ที่ย่อมมีสิทธิที่จะวิพากษ์วิจารณ์ตรวจสอบอำนาจรัฐที่มีอำนาจมหาศาล การดำเนินคดีต่อพลเรือนที่ดื้อแพ่งต่อการปกครองของเผด็จการทหารโดยศาลทหาร จึงเสมือนการบังคับข่มเหงต่อสิทธิและเสรีภาพของพลเมือง ให้ต้องสยบยอมต่อระบบอำนาจนิยมของทหารนั่นเอง
“พลเมืองโต้กลับมีความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมตามหลักสากล และอาศัยสิทธิของผู้ต้องหาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๓๑ และกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง เราจึงขอเรียกร้องให้ข้าราชการฝ่ายตุลาการทุกคนยืนหยัดและยืนยันอำนาจตามรัฐธรรมนูญและประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาที่จะดำเนินการพิจารณาคดีพลเรือนทุกคนในศาลอาญามากกว่าที่จะปล่อยให้พลเรือนเผชิญชะตากรรมในกระบวนการยุติธรรมที่กระท่อนกระแท่นของศาลทหาร ขอท่านได้โปรดดำรงไว้ซึ่งเกียรติแห่งข้าราชการฝ่ายตุลาการ อย่าได้หวั่นหวาดไปตามอำนาจอันป่าเถื่อนของคณะรัฐประหาร ที่จะใช้อำนาจมาแทรกแซงในการปฏิบัติหน้าที่ของท่านให้บิดเบี้ยวไปจากกระบวนการยุติธรรมตามหลักนิติรัฐ นิติธรรม และทำหน้าที่ของท่านด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรมเพื่อดำรงไว้ซึ่งกระบวนการยุติธรรมและจรรยาบรรณในวิชาชีพ เป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญและกฎหมายสืบต่อไป” ทนายนักสิทธิมนุษยชน กล่าวในตอนท้าย
อนึ่ง หากพิจารณาจากพลเมืองโต้กลับทั้งสี่ที่ถูกตั้งข้อหา และจะต้องถูกส่งขึ้นพิจารณาคดีที่ศาลทหารนั้น ล้วนแต่เป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกับกรณีการสั่งสังหารประชาชนและสั่งสลายการชุมนุมใน ปี ๒๕๕๓ และการกระทำรัฐประหาร ๒๕๕๗ ทั้งสิ้น เช่น นักศึกษาและนักกิจกรรมเพื่อประชาธิปไตย, ทนายความจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ที่ดูแลคดีการชุมนุมทางการเมือง ๒๕๕๓ คดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ คดีละเมิดกฎอัยการศึก ฯลฯ และญาติผู้เสียชีวิตจากการสลายการชุมนุม ปี ๒๕๕๓ เป็นต้น.
https://www.facebook.com/video.php?v=864370460272765&set=vb.844606445582500&type=2&theater
ooo
วันที่ 14-16 มีนาคม 2558
รายละเอียด เส้นทาง ดังนี้
วันแรก
วันเสาร์ที่ 14 มีนาคม 2588
เส้นทางบางบัวทอง ถนนบางกรวย/ไทรน้อย
START 7.00 น.
- คุณ พันธ์ศักดิ์ ออกเดินจากบ้านน้องเฌอ บางบัวทอง
- เลี้ยวซ้ายเข้าถนนรัตนาธิเบศร์ ที่สี่แยกบางพลู
- เลี้ยวขวาที่แยกพงษ์เพชร เข้าถนนประชาชื่น (เลียบคลองประปา)
- เลี้ยวซ้ายเข้าถนนประชานิเวศน์ ผ่านวัดเสมียนนารี
- เข้าสู่ถนนวิภาวดี รังสิต ข้ามสะพานลอย
- ผ่านร.ร.หอวัง เซ็นทรัล ลาดพร้าว ห้าแยกลาดพร้าว
- ผ่านหน้าการบินไทย
- ข้ามสะพานลอยหน้าไทยรัฐ ถึงจุดนัดหมายแรก ป้ายนวมทอง ไพรวัลย์
- โดยมี คุณวรรณเกียรติ ชูสุวรรณ รอต้อนรับคุณพันธ์ศักดิ์ ณ จุดนี้
- กิจกรรมเสวนาหัวข้อ “ขบวนคนทุกข์ในยุคดิจิธัลผู้ซึ่งเข็นครกขึ้นภูเขา"
พบกับ พะเยาว์ อัคฮาด แม่ผู้สูญเสียลูกจากการทำหน้าที่อาสาสมัคร
บารมี ชัยรัตน์ ที่ปรึกษาสมัชชาคนจน
วรรณเกียรติ ชูสุวรรณ แท๊กซี่ผู้ไม่ยอมก้มหัวให้เผด็จการ
ดำเนอนรายการโดย พันธ์ศักดิ์ ศรีเทพ
- คุณพันธ์ศักดิ์ และ คุณวรรณเกียรติ ค้างคืน บริเวณจุดรำลึกนวมทอง ไพรวัลย์
วันที่สอง
วันอาทิตย์ที่ 15 มีนาคม 2558
START 8.00 น.
- 2 พลเมืองเดินเท้าจากไทยรัฐ มาตามถนนวิภาวดี - รังสิต
- เลี้ยวขวาเข้าถนนดินแดง
- เลี้ยวซ้ายเข้าถนนราชปรารถ แวะวางดอกไม้หมุดเฌอ ตรงข้ามปั๊มเชลล์
- ข้ามเข้าซอยรางน้ำ ข้ามสะพานลอย
- เดินเข้าถนนโยธี
- มาที่แยกตึกชัย ใช้ถนนราชวิถี ข้ามถนนเดินผ่านโรงพยาบาลรามา
- ข้ามทางรถไฟผ่านสวนจิตรลดา สวนสุนันทา สวนดุสิต
- เลี้ยวซ้ายเข้าถนนสามเสน เดินตรงถึงแยกบางลำพู
- เลี้ยวซ้ายไปบางลำพู เลี้ยวขวาเข้าถนนดินสอ
- ถึงอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย
- ถึงอนุสรณ์สถาน 14 ตุลา
- เดินเข้าธรรมศาสตร์ ลานปรีดี
- เสวนาวิชาการว่าด้วยศาลทหาร โดย อ.ปิยบุตร แสงกนกกุล และ คณะนิติราษฎร์
- คุณพันธ์ศักดิ์ และ คุณวรรณเกียรติ ค้างคืนที่ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์
วันสุดท้าย
วันจันทร์ที่ 16 มีนาคม
Start 8.00 น.
- ตักบาตรครบรอบวันเกิดน้องเฌอ xx ปี
- ฟังธรรมเทศนาหัวข้อ เสรีภาพ เสมอภาค ภราดรภาพ
โดย พระมหาไพรวัลย์ วรวณโณ
- เดินจากธรรมศาสตร์ท่าพระจันทร์
- ผ่านแยกคอกวัว อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย
- 2 พลเมือง แวะรับ ทนายอานนท์ นำภา ที่สภาทนายความ
- เลี้ยวเข้าถนนดินสอ ผ่านศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร
- เลี้ยวซ้ายเข้าถนนบำรุงเมือง
- ผ่านสน.สำราญราษฎร์ - รพ.หัวเฉียว ข้ามสะพานยศเส
- ถึงแยกเจริญผล ข้ามถนนหน้าโลตัส
- เดินมาทางสนามกีฬาฯ
- ถึงแยกแรกเลี้ยวขวาตรงยาวเข้าถนนข้างสนามกีฬา
- ถึง สน.ปทุมวัน โดยมี คุณ สิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ รอต้อนรับ 3 พลเมือง ณ จุดนี้
- 4 พลเมือง เข้าให้ปากคำแก่เจ้าหน้าที่ ก่อนรอผลพิจารณาสั่งฟ้อง
อ่านแถลงการณ์ว่าด้วยกิจกรรมพลเมืองรุกเดิน ที่นี่
@[UzpfSTg0NDYwNjQ0NTU4MjUwMDo4NjQyMzM4NTAyODY0MjY6MA==:https://www.facebook.com/Resistantcitizen/posts/864233850286426:0]
https://www.youtube.com/watch?v=6E3Tu_Ff39U&feature=youtu.be
ฉันก้าวเดินฉันจึงยังเป็นฉัน
ฉันวาดฝันรุกมั่นสู่จุดหมาย
แม้ดาวดับลับเลือนไม่พรั่งพราย
หากในกายยังคงรุมสุมเชื้อไฟ
ฉันจึงสู้เพื่อให้ฉันยังรู้สึก
ในสำนึกที่ฉันยังต้องเรียกหา
คนเท่ากัน ฉันและเธอ มวลประชา
สิทธิสัญญาว่ารวยจนทุกคนมี
จะกู่ก้องร้องตะโกนด้วยตัวฉัน
ตะโกนลั่นร้องหาสิทธิถูกริดปล้น
เสียงจะดังด้วยพร้อมเพรียงเสียงมวลชน
เสียงของคนใช่ทาสหากเป็นไท
ฉันก้าวเดินฉันจึงยังคงอยู่
จงรับรู้ว่าฉันจะมิอาจเชื่อง
ประชาชนจะนำแสงเป็นฟันเฟือง
พลเมืองจะโต้กลับรุกเอาคืน
I walk, therefore i am
Crossing through injustice sand
Pathway holds no light
But together we will fight
I fight, therefore i am
Seeking for a justice land
Where people are all equal
Where rights promise to all individual
I shout, therefore i am
Calling for the rights of man
Voices will be heard on streets
the people will be taking the lead
I walk, therefore i am
Crossing through injustice sand
In the end there will be lights
Of the Resistant citizen who will rise.