ที่มา มติชนออนไลน์
วันที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2558
ข่าวการประกาศย้าย "ฐานการผลิต" โทรทัศน์จอแบนยี่ห้อ LG จากไทยไปยังเวียดนามภายในเดือนพฤษภาคม 2558
อาจเป็นข่าวเล็กๆ
แต่เมื่อประสานเข้ากับการประกาศ "ย้าย" ฐานการผลิตโทรทัศน์จอแบนยี่ห้อซัมซุงจากไทยไปยังเวียดนามภายในปี 2558 อีกบริษัท 1
ก็จำเป็นต้อง "ล้างหู" น้อมรับฟังมากยิ่งขึ้น
รายละเอียดทั้งหมดนี้ นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ไม่ได้รายงานในวงเสวนา "จิบน้ำชา" ที่บ้านเกษะโกมล ให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้รับทราบอย่างแน่นอน
เพราะ "เล็ก" เกินไป และหากนำเรื่องเล็กไปขยายให้กลายเป็นเรื่องใหญ่อาจถูกแปรเป็นไม่รู้จักกาละ ไม่รู้จักเทศะ
แต่ข่าวนี้เป็น "ความจริง"
เป็นความจริงรับกับวาระที่ "ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน" จะเริ่มอย่างสมบูรณ์ในปี 2558 เป็นความจริงที่สิทธิพิเศษทางศุลกากรหรือ GSP หมดสิ้นตั้งแต่เมื่อวันที่ 1 มกราคมเป็นต้นมา
การไหวเคลื่อนของ LG ของซัมซุง สะท้อนอะไร
ไม่ต้องรอให้กระทรวงพาณิชย์แจ้งเตือน บรรดาผู้ประกอบการที่เคยเป็นลูกค้าของสหภาพยุโรปก็สำเหนียกรู้มานานแล้ว
บรรดา "เจ้าสัว" ใหญ่ของไทย ไปก่อนแล้ว
เป้าหมาย 1 คือกัมพูชา เป้าหมาย 1 คือเวียดนาม อย่างน้อยที่สุด 2 ประเทศนี้ยังได้รับสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรจาก EU
การย้าย "ฐานการผลิต" ของ LG และซัมซุง จึงเป็นเรื่องธรรมดา
แถลงจากประธานกลุ่มอุตสาหกรรมไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์และโทรคมนาคม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ระบุว่า
LG ย้ายฐานเพื่อขยายไลน์การผลิตในเวียดนาม
เหตุผลเพราะ 1 เวียดนามมีค่าแรงที่ต่ำกว่าไทย ขณะเดียวกัน 1 การเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนไม่ต้องเสียภาษีนำเข้า
นี่คือ "ด้านกลับ" ของ "ประชาคม" เศรษฐกิจอาเซียน
นี่คือ "แรงสะท้อน" อันเนื่องจากการแปรเปลี่ยนกฎระเบียบทางการค้าจากทั้งอาเซียนและแม้กระทั่งจากสหภาพยุโรป เป็นความสัมพันธ์ยึดโยง ทั้งในส่วนอันเป็นผลดีและเป็นผลเสียต่อเศรษฐกิจไทย
บัญชีย่อมมีทั้ง "รายรับ" และ "รายจ่าย"
หากจับน้ำเสียงจากวงเสวนา "จิบน้ำชา" ระหว่างคณะ คสช.กับระดับบิ๊กของภาคธุรกิจเอกชนก็จะสัมผัสได้ในความเป็นจริง
1 การยอมรับในสภาวะ "ซึม" ทางเศรษฐกิจ
ขณะเดียวกัน 1 ซึ่งสำคัญเป็นอย่างมากคือ การฝากความหวังในการขับเคลื่อนและสร้างความมั่นใจจากรัฐบาล
เป้าใหญ่คือการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน
เป้าใหญ่รองลงมาคือ การเรียกร้องในมาตรการทะลวงท่ออันทำให้การเบิกจ่ายงบประมาณดำเนินไปอย่างรวดเร็ว
นี่เป็นความรับผิดชอบโดยตรงของ คสช.
เป็นความรับผิดชอบที่ คสช.เก็บรับมาเป็นบทเรียนจากเรื่องราคา "ลอตเตอรี่" กระทั่งมาถึงการสั่งลด "ราคาสินค้า" โดยเฉพาะสินค้าอุปโภคและบริโภคว่ามิได้เป็นเรื่องง่ายหากดำเนินไปอย่างสลับซับซ้อน
ถึงงัด "ปืน" ออกมาขู่ก็ไม่ได้ดังใจ
ทั้งหมดนี้มิได้เป็นเรื่องของโวหาร มิได้เป็นเรื่องของความฝันในอากาศ หากแต่เป็นเรื่องของการลงมือทำ
การลงมือ "ทำ" เท่ากับคำตอบ "สุดท้าย"
ยังไม่มีใครบอกได้ว่า สภาวะซึมซึมในทางเศรษฐกิจจะดำเนินไปอีกนานเท่าใด
เพราะบทสรุปสภาวะซึมซึมนี้มาจากทั้งจาก นายสมหมาย ภาษี รัฐมนตรีคลัง ทั้งจาก นายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย
อัดแน่นเต็ม "2 หู" ของ "คสช."
(ที่มา:มติชนรายวัน 14 ม.ค.2558)
ที่มา มติชนออนไลน์
วันที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2558ขณะที่ตลาดญี่ปุ่น จีน ตะวันออกกลางก็ไม่ได้นัก มีเพียงตลาดสหรัฐ อาเซียน และอินเดีย ที่ยังดีอยู่ ที่น่าห่วงอีกคือส่วนแบ่งตลาดโลกไทยลดลงเหลือ 1.2% สะท้อนขีดความสามารถไทยลดลงมาก ดังนั้น ไทยควรเร่งใช้สิทธิจากข้อตกลงทางการค้า (เอฟทีเอ) ต่างๆ ในอาเซียนให้มากขึ้น และควรย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศเพื่อนบ้านที่ยังได้รับสิทธิจีเอสพีอยู่ เร่งหาแนวทางกลยุทธ์ปรับตัวเช่น การหานวัตกรรมใหม่และพยายามลดต้นทุนเพื่อเพิ่มมูลค่าและคุณภาพให้แก่สินค้า และควรเร่งหาตลาดใหม่ที่มีศักยภาพทดแทนตลาดอียูเพื่อลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้น และเร่งรัดเจรจาเปิดเสรีการค้าไทย-อียู
นายอัทธ์ กล่าวว่า ปัจจัยที่ทำให้ส่งออกไทยยากขึ้น คืออัตราแลกเปลี่ยน เงินบาทไทย แข็งค่ากว่าสกุลเงินอื่นในอาเซียน 5-9% และอัตราเหมาะสมตอนนี้น่าจะอยู่ที่ 35-36 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ