ที่มา มติชนออนไลน์
มติชนสุดสัปดาห์ 23-29 มกราคม 2558
หลังจากการประชุมร่วมระหว่างรัฐบาลกับคสช.
ประเด็นหนึ่งที่ทำให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ถึง "บางอ้อ" ว่าทำไมเศรษฐกิจไทยยังไม่ดีขึ้น ก็คือ การลงทุนภาครัฐที่รัฐบาลพยายามเร่งนักเร่งหนา
ไม่ว่าจะเป็นโครงการลงทุนขนาดใหญ่หรือขนาดกลาง
ต่อให้เร่งเครื่องเต็มที่ผลที่ได้จะตกอยู่กับชนชั้นกลางกับชนชั้นสูงเท่านั้น
ไม่ได้ตกถึง "รากหญ้า" เลย
มีปัจจัยเดียวที่จะทำให้เศรษฐกิจระดับ "รากหญ้า" ดีขึ้น คือ ต้องทำให้ราคาพืชผลเกษตรที่ต่ำเตี้ยติดดินดีขึ้นให้ได้
แม้จะไม่ออกปาก แต่ทุกคนในห้องประชุมเริ่มเข้าใจแล้วว่าโครงการจำนำข้าวของรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่มีจุดรั่วไหลเต็มไปหมด
และถูกกล่าวหาว่าทั้งขาดทุนและทุจริตคอร์รัปชั่น
แต่โครงการนี้่ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจไทยอย่างไร
"บรรทัดสุดท้าย"ของผลประกอบการข้าวของรัฐบาลอาจจะติดลบ
แต่ตัวเลขขาดทุนนั้นตกถึงมือเกษตรกร
และทำให้ "บรรทัดสุดท้าย" ของเศรษฐกิจไทยดีขึ้นในช่วง 2 ปีในยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ ทั้งที่เพิ่งเจอกับเหตุการณ์ "น้ำท่วมใหญ่" ในปี 2554
คนที่เข้าใจเรื่องนี้ดีที่สุดคือคนชื่อ "สมคิด จาตุศรีพิทักษ์" อดีตมือขวาของ "ทักษิณ ชินวัตร" ในสมัยรัฐบาลพรรคไทยรักไทยที่นั่งประชุมอยู่ในห้องนี้ด้วยในฐานะ "กุนซือใหญ่" ของ "นายกฯ ตู่"
เพราะเขาเป็นคนหนึ่งที่เข้าใจทฤษฎี "รดน้ำที่ราก" เป็นอย่างดี
ถ้าการสร้างถนนเป็นโครงการที่ไม่หวังผลกำไร
โครงการจำนำข้าวที่ขาดทุนก็เปรียบเสมือนการสร้างถนนสู่ชาวนา
รัฐบาลขาดทุน แต่ชาวนากำไร
อีกปัญหาหนึ่งที่มีการหยิบยกขึ้นมาในที่ประชุมคือเรื่องการเบิกจ่ายงบประมาณที่ล่าช้าอย่างยิ่ง
ด้านหนึ่ง คสช. คิดว่าข้าราชการ "เกียร์ว่าง" เพราะคิดว่า รัฐบาลชุดนี้อยู่เพียง 1 ปีเศษ
รัฐบาลอยากให้มีการเบิกจ่ายงบประมาณอย่างรวดเร็ว
ทำอย่างไรก็ได้ให้เงินจากภาครัฐไปถึงมือประชาชนเร็วที่สุด
เพราะตอนนี้เครื่องยนต์ของเศรษฐกิจไทยต้องหวังพึ่งการลงทุนจากภาครัฐเพียงอย่างเดียว
แต่สิ่งที่รัฐบาลไม่รู้ก็คือข้าราชการไม่ได้เกียร์ว่าง
แต่เขาไม่อยากถูกกล่าวหาว่าทุจริตคอร์รัปชั่น
เพราะทำผิดพลาดแบบไม่เจตนาก็โดนหาว่าทุจริตและถูกลงโทษอย่างรุนแรงตามกระแสการเมืองที่พลิกผันตลอดเวลา
เมื่อเนื้อไม่ได้กินหนังไม่ได้รองนั่ง
เรื่องอะไรจะเอากระดูกมาแขวนคอ
ทุกคนจึงเลือกเส้นทางที่ปลอดภัยไว้ก่อน
ปัญหาเรื่องนี้นักบริหารมืออาชีพคนหนึ่งเคยบอกว่าการลงโทษคนผิดนั้นเป็นเรื่องสำคัญ
ต้องดูให้ดีว่าใคร "ผิดพลาด" และใคร "ทุจริต"
ถ้าผิดพลาดต้องตักเตือนหรือลงโทษสถานเบา
แต่ถ้าทุจริตต้องไล่ออก
มิฉะนั้นจะส่งผลต่อขวัญและกำลังใจพนักงาน
จะไม่มีใครกล้าตัดสินใจ
เหมือนที่เห็นและเป็นอยู่ในเวลานี้
ooo
หนีหนี้...
กระบี่ ชาวสวนยางฯฆ่าตัวตาย 2 ศพ
ตำรวจคาดว่า สาเหตุน่าจะมาจากปัญหาหนี้สิน
โดยสามีใช้ปืนยิงภรรยา ก่อนจะยิงตัวตายตาม
ที่มา ไทยรัฐออนไลน์
นายชำนาญ เดชส่ง อายุ 45 ปี เจ้าของบ้านเลขที่ 34 หมู่ที่ 14 ตำบลปลายพระยา อำเภอปลายพระยา จังหวัดกระบี่ เสียชีวิตในสภาพถูกยิงกกหูขวา กระสุนทะลุซ้าย ห่างไป 5 เมตร บนแคร่หน้าบ้าน พบศพนางทิพย์ เดชส่ง อายุ 47 ปี ภรรยา สภาพถูกยิงเข้าท้ายทอยกระสุนฝังใน นอกจากนี้ ยังพบปืนขนาด จุด 45 และปลอกกระสุน 1 ปลอกตกอยู่ ตำรวจจึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
เพื่อนบ้านบอกว่า ที่ผ่านมาครอบครัวมีปัญหาหนี้สิน ฝ่ายสามีต้องการให้ขายสวนยางพารา เพื่อนำเงินไปใช้หนี้ แต่ภรรยาไม่ยอม ทำให้ทะเลาะกันบ่อยครั้ง
เบื้องต้นตำรวจคาดว่า สาเหตุน่าจะมาจากปัญหาหนี้สิน โดยสามีใช้ปืนยิงภรรยา ก่อนจะยิงตัวตายตาม
หลังเกิดเหตุลูกสาวของผู้เสียชีวิต วัย 14 ปี กลับจากโรงเรียน และพบพ่อแม่เสียชีวิตแล้ว เกิดอาการช็อค เจ้าหน้าที่ต้องรีบนำส่งโรงพยาบาลเพื่อช่วยเหลือต่อไป
โดยสามีใช้ปืนยิงภรรยา ก่อนจะยิงตัวตายตาม
ที่มา ไทยรัฐออนไลน์
นายชำนาญ เดชส่ง อายุ 45 ปี เจ้าของบ้านเลขที่ 34 หมู่ที่ 14 ตำบลปลายพระยา อำเภอปลายพระยา จังหวัดกระบี่ เสียชีวิตในสภาพถูกยิงกกหูขวา กระสุนทะลุซ้าย ห่างไป 5 เมตร บนแคร่หน้าบ้าน พบศพนางทิพย์ เดชส่ง อายุ 47 ปี ภรรยา สภาพถูกยิงเข้าท้ายทอยกระสุนฝังใน นอกจากนี้ ยังพบปืนขนาด จุด 45 และปลอกกระสุน 1 ปลอกตกอยู่ ตำรวจจึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
เพื่อนบ้านบอกว่า ที่ผ่านมาครอบครัวมีปัญหาหนี้สิน ฝ่ายสามีต้องการให้ขายสวนยางพารา เพื่อนำเงินไปใช้หนี้ แต่ภรรยาไม่ยอม ทำให้ทะเลาะกันบ่อยครั้ง
เบื้องต้นตำรวจคาดว่า สาเหตุน่าจะมาจากปัญหาหนี้สิน โดยสามีใช้ปืนยิงภรรยา ก่อนจะยิงตัวตายตาม
หลังเกิดเหตุลูกสาวของผู้เสียชีวิต วัย 14 ปี กลับจากโรงเรียน และพบพ่อแม่เสียชีวิตแล้ว เกิดอาการช็อค เจ้าหน้าที่ต้องรีบนำส่งโรงพยาบาลเพื่อช่วยเหลือต่อไป