คราวนี้ กวีศรีประชา เชื้อเชิญ วิสา คัญทัพ (ซึ่งไม่ใช่นักวิชาการ)
แสดงความคิดเห็นจากประสบการณ์ภาคปฏิบัติบ้าง
คนบางคนพยายามอธิบายความทำนองให้แยกขบวนการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย
ออกจากความเกี่ยวพันกับการต่อสู้ของพรรคการเมืองและแนวร่วมทางการเมืองของตระกูล “ชินวัตร”
ไม่ว่าเขาจะกระทำไปด้วยข้ออ้าง เพื่อวิชาการ เพื่ออุดมการณ์ หรืออะไรก็ตาม
พวกเขากำลังทำให้เกิดประโยชน์กับฝ่ายอำนาจเก่าที่ไม่ต้องการประชาธิปไตย
เท่ากับเป็นการแยกสลายพลังฝ่ายประชาชนที่อ่อนแออยู่แล้ว
ให้เพียบหนักขึ้นไปใหญ่
และไม่อยู่ในยุทธศาสตร์สู้รบที่ต้องประสานกำลังฝ่ายประชาธิปไตย
และสามัคคีแนวร่วมให้มากที่สุด
คำอธิบายของเขา ดูเหมือนก้าวหน้า แต่แท้จริงแล้วกลับล้าหลัง และเป็นปฏิกิริยา
ข้อสังเกตุก็คือ ตั้งแต่มีรัฐธรรมนูญปี 2540
การเกิดขึ้นของพรรคการเมืองตระกูล “ชินวัตร”
มองเฉพาะประเด็นหลักทางการเมือง พรรคนี้เติบโตในบรรยากาศประชาธิปไตย
และในเงื่อนไขที่ต้องการทำรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตยมากขึ้น
ตามกระแสเรียกร้องของประชาชน
แต่ที่สำคัญ ผู้ทำลายประชาธิปไตย ขัดขวางการแก้รัฐธรรมนูญของประชาชน
กระทั่งโค่นล้มทั้งระบอบลง เป็นพรรคการเมือง และสถาบันอำนาจชนิดใด
ย่อมเป็นที่ประจักษ์ชัดอยู่
ในรอบกว่าทศวรรษที่ผ่านมา ความจริงควรต้องพูดว่า
สถานการณ์ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยถูกเร่งและกระตุ้นเร้า
ให้ดุเดือดแหลมคมขึ้นเป็นลำดับโดยพรรคการเมืองในตระกูลชินวัตร เสียมากกว่า
เพราะที่ผ่านมาในประวัติศาสตร์ยังไม่มีพรรคการเมืองใดมีศักยภาพและความพร้อมที่จะต่อสู้ในระบอบรัฐสภาได้ยืดเยื้อยาวนานเท่าพรรคนี้
(พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยต่อสู้ด้วยกำลังอาวุธและพ่ายแพ้ในที่สุด)
การจะทุบทำลายตระกูล “ชินวัตร” จึงมิใช่เรื่องจำเป็นเฉพาะหน้าในขณะนี้
ทั้งเป็นการโง่ถ้าจะทิ้งอาวุธอันทรงพลังที่ประชาชนมีอยู่ในมือเพียงไม่กี่อัน
มองให้ถึงที่สุด การบั่นทอนทำลายกันเองเป็นประโยชน์กับใคร
คงไม่ต้องอธิบายความ
Visa Khanthap
...
แม้กุหลาบมีหลากหลายพันธุ์แต่ต่างก็ย่อมส่งกลิ่นแห่งกุหลาบฉันใด
สีแดงมีหลายเฉดสี
แล้วใย
ต่างก็เป็นแดงชาดยู่นั่นเอง
เอเมน...