วันศุกร์, ธันวาคม 19, 2557
องค์การเสรีไทยฯ ส่งจดหมายร้องเรียนถึงผู้นำประเทศต่างๆ ทั่วโลก เรื่อง 6 เดือน รัฐประหารไทย ประชาธิปไตยไร้อนาคต
นายสุนัย จุลพงศธร ในฐานะผู้ประสานงาน ได้ทำหนังสือรายงานสถานการณ์ตามความเป็นจริงให้แก่ผู้นำรัฐ และนักธุรกิจทั่วโลก ให้ได้ทราบเป็นระยะๆ และล่าสุดได้ส่งหนังสือสรุปสถานการณ์ 6 เดือน ภายใต้การปกครองของระบอบ คสช. ให้แก่ผู้นำประเทศต่างๆ เพราะ 6 เดือนที่ผ่ามา ได้ชี้ชัดแล้วว่า รัฐบาลคสช.กำลังนำประเทศไทยถอยหลังกลับไปสู่ยุคเผด็จการโบราณ
เลขาธิการ องค์การเสรีไทยฯ นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ ยังได้เขียนในเฟสบุ๊ค เชิญชวนทุกท่านผู้รักประชาธิปไตย ร่วมกันส่งต่อให้มากที่สุด
--------------------------------------------------------
องค์การเสรีไทย ส่งจดหมายร้องเรียนถึงผู้นำทั่วโลก
เรื่อง 6 เดือน รัฐประหารไทย ประชาธิปไตยไร้อนาคต
ในโอกาสที่องค์การเสรีไทยฯ ได้รับการจดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายสหรัฐฯ องค์การเสรีไทย ใช้แนวทางการต่อสู้โดยสันติวิธี โดยปราศจากอาวุธ ขณะนี้องค์การเสรีไทยฯ ได้เปิดสำนักประสานงานขึ้น เพื่อเป็นหน่วยประสาน ติดต่อเชื่อมโยงกับผู้นำรัฐและองค์กรประชาธิปไตยทั่วโลก โดยจะนำเสนอข่าวสารให้รัฐบาลและนักลงลงทุนต่างๆ เข้าใจสถานการณ์ที่เป็นจริงในประเทศ ว่าทำไมประเทศไทยจึงเกิดวิกฤติยาวนาน และทำไมไทยจึงเกิดมีรัฐบาลเผด็จการสลับประชาธิปไตยไม่หยุดไม่หย่อน และทำไมสิทธิมนุษยชนในไทยจึงตกต่ำลงอย่างมากในขณะนี้
ผม นายสุนัย จุลพงศธร ในฐานะผู้ประสานงานได้ทำหนังสือรายงานสถานการณ์ตามความเป็นจริงให้แก่ผู้นำรัฐ และนักธุรกิจทั่วโลก ให้ได้ทราบเป็นระยะๆ และล่าสุดได้ส่งหนังสือสรุปสถานการณ์ 6 เดือน ภายใต้การปกครองของระบอบ คสช. ให้แก่ผู้นำประเทศต่างๆ เพราะ 6 เดือนที่ผ่ามา ได้ชี้ชัดแล้วว่ารัฐบาลคสช.กำลังนำประเทศไทยถอยหลังกลับไปสู่ยุคเผด็จการโบราณ
--------------------------------------------------------
เรื่อง 6 เดือน ของการรัฐประหารในไทย ประชาธิปไตยไทยไร้อนาคต
วันที่ 10 ธันวาคม 2557 ณ นครนิวยอร์ค
เรียน ผู้นำประเทศต่างๆ ทั่วโลก
อาทิ ท่านประธานาธิบดี บารัค โอบาม่า
ท่านนายกรัฐมนตรี โทนี่ แอบบอท
ท่านนายกรัฐมนตรี เดวิด คาเมรอน เป็นต้น
องค์การเสรีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย (FTHD) ที่ได้จัดตั้งขึ้นทันทีหลังการรัฐประหารเมื่อวันที่ 22พ.ค. 57ได้ติดตามการบริหารงานของคณะรัฐประหารภายใต้การนำของพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่พยายามป่าวประกาศกับผู้นำทั่วโลกว่าจะนำประเทศไทยกลับสู่ประชาธิปไตยภายในหนึ่งปีนั้น ปรากฏว่าขณะนี้ได้ผ่านมาเป็นเวลา6เดือนแล้ว คณะผู้ยึดอำนาจไม่เพียงไม่กระทำการใดๆ ที่จะนำพาประเทศไทยไปสู่ประชาธิปไตย แต่ยังออกกฎหมายและแสดงออกชัดเจนว่าไม่มีความประสงค์จะสร้างประชาธิปไตยด้วยรูปธรรมดังต่อไปนี้
1. การปกครองส่วนท้องถิ่นซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญของระบอบประชาธิปไตย ปรากฏว่าทันทีที่ยึดอำนาจได้ คณะผู้ยึดอำนาจก็ได้ใช้อำนาจเผด็จการประกาศยกเลิกการปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีตัวแทนมาจากการเลือกตั้งโดยตรงจากประชาชนทั้งหมดทั่วประเทศทันที และใช้วิธีให้ผู้บริหารและสมาชิกสภาท้องถิ่นเดิมทั้งหมดที่จะหมดวาระรักษาการไปก่อน
2. คณะรัฐประหารประกาศว่าจะแต่งตั้งสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติและสภาปฏิรูปแห่งชาติเพื่อออกกฎหมายและร่างรัฐธรรมนูญนำพาประเทศชาติสู่ประชาธิปไตย แต่ปรากฏว่ากลับแต่งตั้งเฉพาะพรรคพวกและผู้ใต้บังคับบัญชาซึ่งเป็นทหาร ตำรวจ และข้าราชประจำเกือบทั้งหมด โดยสภาทั้งสองมีสภาพไม่ต่างอะไรจากตรายางที่ประทับรับรองความต้องการของคณะผู้ยึดอำนาจที่สั่งการลงมาเท่านั้น
3. คณะรัฐประหารประกาศให้สภาปฏิรูปแห่งชาติเป็นผู้ร่างรัฐธรรมนูญที่อวดอ้างว่าจะร่างให้เป็นประชาธิปไตย แต่ปรากฏว่าการจัดตั้งคณะยกร่างก็มีแต่ลูกน้องผู้อยู่ใต้อิทธิพลของคณะรัฐประหารทั้งสิ้น และปิดกั้นการรับฟังความเห็นของประชาชนจากวงการต่างๆ รวมทั้งห้ามประชาชนจัดประชุมสัมมนาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการร่างรัฐธรรมนูญ ทั้งยังมีแนวความคิดที่จะสร้างองค์พิเศษที่เรียกว่า "คณะอภิรัฐมนตรี" ให้มีอำนาจเหนือรัฐบาลและรัฐสภาที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนอีกด้วย
4. ตามที่คณะรัฐประหารได้ประกาศเป็นโรดแมปว่าจะเร่งจัดทำร่างรัฐธรรมนูญให้เสร็จโดยเร็วและจะเร่งจัดการเลือกตั้งภายในปลายปี 2558 นั้น ขณะนี้ประธานคณะกรรมาธิการยกร่างก็ประกาศย้ำหลายครั้งว่าไม่สามารถจะร่างรัฐธรรมนูญเสร็จได้ภายในปีนี้ รวมทั้งการเลือกตั้งก็ไม่อาจจะเกิดขึ้นได้ภายในปีหน้า และจะต้องเลื่อนออกไปเป็นปี 2559แต่ก็ยังกำหนดเวลาไม่ได้
5. กระบวนการยุติธรรมซึ่งถือเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะเป็นองค์ประกอบของระบอบประชาธิปไตย แต่ภายในเวลา6เดือนภายใต้การบริหารของคณะรัฐประหาร ได้ปรากฏหลักฐานชัดเจนว่าคณะรัฐประหารได้ละเมิดหลักนิติธรรมโดยทำการละเมิดสิทธิมนุษยชนด้วยการใช้กฎหมายตามอำเภอใจภายใต้กฎหมายที่เรียกว่า "กฎอัยการศึก" และรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวที่ให้อำนาจสูงสุดแก่หัวหน้าคณะรัฐประหาร พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา โดยทำการข่มขู่จับประชาชนและเยาวชนนักศึกษาที่แสดงความคิดเห็นโดยสันติปราศจากอาวุธเข้าคุกและควบคุมตัวด้วยข้อหาตามมาตรา112 ซึ่งเกี่ยวกับองค์พระมหากษัตริย์และความมั่นคงแห่งรัฐที่มีโทษรุนแรงและจับขึ้นศาลทหารที่มีเพียงศาลเดียวอยู่เสมอตั้งแต่วันแรกของการยึดอำนาจจนถึงวันนี้ และไม่มีท่าทีว่าจะสิ้นสุดเมื่อไร และล่าสุดได้เกิดเหตุการณ์กวาดล้างฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองด้วยความโหดร้ายและไร้หลักนิติธรรมโดยจับกุมข้าราชการตำรวจชั้นสูงในตำแหน่งผู้บัญชาการสอบสวนกลางและพรรคพวกลงโทษโดยไม่เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม และยังรวมไปถึงการใช้มาตรา 112 ในการปิดกั้นสื่ออีกด้วย ดังจะเห็นได้จากการลงโทษจำคุกบรรณาธิการเว็บไซต์ Thai E-news
ที่กล่าวมาข้างต้นเป็นเพียงส่วนหนึ่งจากหลายร้อยรูปธรรมที่คณะผู้ยึดอำนาจกระทำการให้ประเทศไทยถอยหลังกลับไปสู่ยุคมืดและห่างไกลจากประชาธิปไตยมากขึ้น ซึ่งจะมีผลกระทบต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและการลงทุนทั้งในประเทศและภูมิภาคอย่างแน่นอน
ข้าพเจ้าจะได้รายงานให้ท่านทราบถึงสถานการณ์ที่เป็นจริงในประเทศไทย เพื่อประกอบการพิจารณาการตัดสินใจใดๆ เกี่ยวกับประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในยุคที่ประเทศไทยกำลังอยู่ในสภาวะวิกฤติ
ขอแสดงความนับถือ
นายสุนัย จุลพงศธร
อดีตประธานกรรมาธิการการต่างประเทศ
สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของรัฐสภาไทย
ผู้ประสานงานองค์การเสรีไทยฯ
--------------------------------------------------------
Situation Update: 6 Months after Coup d’état in Thailand
Date: 10 December 2014, New York.
Dear President and Prime Minister around the world
[Such as : President Barack Obama, PM Tony abbott
and PM David Cameron.]
The Organization of FreeThai for Human Rights and Democracy (FTHD) was established to monitor the nominally civilian government installed and led by the Thai military junta leader, General Paryuth Chan-ocha. The Organization found that the Junta Government has not only exhibited any political will to bring Thailand back on its democratic since the coup d’état of 22 May 2014, the Junta has also further limited the rights and freedom of the Thai people. The followings concrete measures underlie the circumstances on what the Junta has attempted to do so in the past six months.
1. The Regional Administrative Organization of Thailand, which is considered one of the footholds of Thailand’s democratic milestone, was repealed by the Junta. All local elections are suspended indefinitely, and all contested seats will be retained by those who have been in position without any new election.
2. Although the Junta announced its plan to restore Thailand’s democracy through the appointment of the National Legislative Assembly and the National Reconciliation Assembly, the appointment suffers from the lack of transparency and accountability. As a matter of fact, the Junta has only appointed their people, most of which are armed forces personnel and civil servants, to both assemblies. These two national assemblies are nothing but merely the rubber stamp for the Junta
3. The Junta declared that the appointed National Reconciliation Assembly will also draft a new constitution. The junta has claims that this constitution will be a “true” democratic constitution. Yet, in reality, the Drafting Committee only consists of Junta-handpicked individuals who will represent the Junta’s interest. The Junta also announced that there will be neither public hearings, both official and unofficial, nor a referendum. Furthermore, the Drafting Committee has also proposed the appointment of non-elected “Supreme Ministry” to be the governing body over elected branches of government including the executive and legislature.
4. The Junta had once announced a roadmap to roll out a new constitution that would allow a new election in 2015. However, this is no longer a case as the junta has recently stated that the next election should not be expected until 2016 without any exact timeframe. Meanwhile, the martial law still remains in place.
5. Thailand under the Junta administration in the past six months has experienced a decadence of justice. The rules of law were bent to serve the will and vested interest of the Junta rather than to serve for justice. The Junta and, particularly, its leader—General Prayuth Chan-Ocha have abused their power through the use of the martial law and additionally unlimited power given by the provisional constitution. Many civilians and students have been detained just because they expressed their disapproval to the Junta. In much more depressing issues, many of them have been charged with lèse-majesté and have gone on trial in the court-martial, which does not give the defendants the right to appeal. A recent abuse of lèse-majesté law can be seen in the use of the law as a purge against a group of policemen. Also, this law has been used to silence the media that are deemed to threaten the political legitimacy and stability of the Junta as well. The court-martial, for example, sentenced the editor of the Thai E-News website to nearly five years in prison for lèse-majesté act.
The events and incidents stated above are just a minor fraction of what the Junta has abused. Actions that the Junta have done are nothing but a ticket to take Thailand away from democracy. This development will eventually affect the economic development and investment within Thailand and the whole Southeast Asia
It is my honor to inform you about this real current situation in Thailand for your decision that might be made regarding Thailand and Southeast Asia region during this time of turmoil.
With Best Regards,
Sunai Chulpongsatorn
Former Chairman of the Standing Committee on Foreign Affairs of the House of Representatives of Thailand
FTHD coordinator