วันศุกร์, พฤศจิกายน 14, 2557

ราชอาณาจักรในวิกฤติ :หนังสือต้องห้ามเข้าไทยเล่มล่าสุด



ภาพประกอบจากบทความของ เดวิด ไอเมอร์

คำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติเมื่อวันพุธที่ ๑๑ พฤศจิกายน ห้ามนำหนังสือภาษาอังกฤษเล่มหนึ่งเข้าประเทศไทย ใครฝ่าฝืนมีความผิดจำคุก ๓ ปี และ/หรือปรับ ๖ หมื่นบาท ทำให้  ‘A Kingdom in Crisis’ หนังสือประเภท Non-fiction เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ และการเมืองไทย ขนาดยาวเล่มล่าสุด ซึ่งเขียนโดย Andrew McGregor Marshall อดีตผู้สื่อข่าวรอยเตอร์เชื้อสก็อต กำลังเป็นที่กล่าวขวัญถึงอย่างมากมายทั่วโลกทั้งในแวดวงชนเชื้อสายไทย และผู้ใส่ใจศึกษาเกี่ยวกับประเทศไทย

ด้วยเหตุนี้ บนพื้นฐานของการอำนวยข่าวสารและข้อมูลความรู้ตามหลักสื่อมวลชนสากล ไทยอีนิวส์จึงนำเสนอตัวตนแห่งหนังสือฉบับนี้ผ่านทางการวิจารณ์อย่างเป็นระบบของนักวิจารณ์บางท่าน เพื่อสะท้อนต่อวัฒนธรรมในการขวนขวายหาความรู้จริงที่นานาอารยชนทั่วโลกปฏิบัติดั่งกิจวัตรแห่งชีวิต


บทวิจารณ์หนังสือ ราชอาณาจักรในวิกฤติ สองชิ้นที่ทางการตำรวจไทยใช้อ้างในการออกคำสั่งห้ามหนังสือดังกล่าวเข้าสู่ประเทศด้วยข้อหา “หมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์” นั้นกล่าวถึง ‘A Kingdom in Crisis’ ไว้อย่างสังเขปว่า

“เนื้อหาในหนังสือของนายมาร์แชล ซึ่งเขียนในสไตล์ไม่ยุ่งเหยิง แจ่มแจ้ง เจิดจ้าดั่งจุดพลุ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคิดถึงว่าประเทศไทยมีกฏหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพที่ร้ายแรงที่สุดในโลก แค่พูดหรือเขียนถึงพระเจ้าอยู่หัว พระราชินี หรือองค์รัชทายาท ไม่ต้องถึงกับวิพากษ์วิจารณ์บทบาทหรือการบงการทางการเมืองและสังคมของพระองค์หรอก ก็มีผลให้ต้องโทษจำคุกได้แล้ว”

นั่นเป็นส่วนย่อยท่ามกลางข้อเท็จจริงหลากหลายที่นายเดวิด ไอเมอร์นำมาอ้างอิงในบทวิจารณ์ของเขาบนหน้าหนังสือพิมพ์ South China Morning Post เรื่อง 'Book depicts Thai monarch as pawn of country's elite.' ซึ่งปิดท้ายว่า

“มันเป็นหนังสือที่อาจหาญเสียด้วย....นายมาร์แชลส่องไฟจ้าเข้าใส่บทบาททางการเมืองของราชวงศ์ในประเทศที่ได้รับสิทธิพิเศษละเว้นจากการถูกกล่าวโทษมาช้านาน และนั่นเป็นความสำเร็จอย่างหาใดเทียบ”
ฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จากภาพประกอบบทความเรื่อง Game of Thrones
ด้านข้อเขียนของ Andrew Buncombe ในหนังสือพิมพ์ The Independent ของอังกฤษเรื่อง 'The two entangled conflicts that are tearing Thailand apart.' ชี้ถึงกรณีที่ “นายมาร์แชลบอกว่าอาการช้ำเลือดช้ำหนองที่ทำให้ถนนหนทางในกรุงเทพฯ ต้องกล่ำไปด้วยการประท้วงในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ไม่เพียงเพราะประเด็นแห่งการสืบราชสันตติวงศ์เท่านั้น หากแต่มีเรื่องการต่อสู้ของคนยากจนเพื่อให้หลุดพ้นจากความเจ็บช้ำเพราะการเอารัดเอาเปรียบโดยชนชั้นสูงร่วมอยู่ด้วย”

การที่คำสั่งของ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง อ้างตัวอย่างบทความทั้งสองเพื่อแบนหนังสือของนายมาร์แชล ทำให้ชุมชนคนรอบรู้ (Literary) ทั่วโลกแทบจะเห็นเป็นเรื่องเขลา และตลกร้าย เนื่องจากข้อกล่าวหาไม่เพียงขัดต่อจิตสำนึกแห่งสิทธิมนุษยชนแล้ว การเอาผิดต่อผู้เปิดเผย รับรู้ และขบคิดข้อมูลความจริงอันถูกปกปิด หรือจำบังไว้เพื่อการเอารัดเอาเปรียบ ก็คือพฤติกรรมอันเป็นปรปักษ์ต่อความเจริญของโลก

ภาพประกอบในบทวิจารณ์ของ แอนดรูว์ บันค้มบ์
มิหนำซ้ำข้อมูลอันปรากฏในหนังสือ ราชอาณาจักรในวิกฤติ ที่ถูกนักวิจารณ์นำมาตีแผ่นั้น เป็นที่รับรู้กันในแวดวงคนอ่านออกเขียนได้ทั่วโลก จึงได้มีนักวิชาการเขียนถึงปัญหาในประเทศไทยไว้ในทำนองเดียวกันอีกหลายราย ไม่ว่าจะเป็นข้อเขียนของ Chico Harlan ในหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ เรื่อง 'Behind Thailand's Coup is a Fight Over the King and his Successor' หรือบทความชื่อ 'Game of Thrones' ซึ่งตีพิมพ์ในหนังสือออนไลน์ Southeast Asia Globe ก็ตาม

หากแต่บทวิจารณ์หนังสือของแอนดรูว์สองชิ้นซึ่งตีพิมพ์บนเว็บวิชาการ New Mandala ชิ้นหนึ่งโดย Patrick Jory ซึ่งเขียนงานวิจัยอีกโสตหนึ่งในเรื่องคล้ายคลึงกันชื่อว่า 'Thailand has entered the interregnum.'กับอีกชิ้นหนึ่งโดย Lee Jones อันแสดงความเห็นต่างไปจากนายจอรี่ แต่ล้วนจัดว่าเป็นการชำแหละเนื้อความในหนังสือ ‘A Kingdom in Crisis’ ได้อย่างพร้อมมูล พอที่จะใช้เป็นตัวอย่างสำหรับทำความรู้จักคุ้นเคยกับหนังสือเล่มนี้อย่างรวบรัดที่สุดได้

ไทยอีนิวส์ขอนำบางส่วนในบทวิจารณ์ของนายลี โจนส์ อาจารย์อาวุโส ผู้บรรยายของมหาวิทยาลัยควีนแมรี่ กรุงลอนดอน มาเสนอไว้ในที่นี้ เพื่อที่ผู้อ่านได้รอบรู้กับสิ่งอันอารยชนนานาชาติรับรู้ ว่าคืออาหารทางปัญญาในชื่อสามัญว่า หนังสือฉบับหนึ่ง ที่ทางการตำรวจไทยจำกัดและกีดกัน ด้วยคำสั่งห้ามเข้าประเทศไทย
แอนดรูว์ แม็คเกรเกอร์ มาร์แชล กับหนังสือเล่มใหม่ของเขา
“หนังสือ ราชอาณาจักรในวิกฤติ ของ แอนดรูว์ แม็คเกรเกอร์ มาร์แชล เป็นที่เฝ้ารออย่างหิวกระหายมาเป็นเวลานานจากบรรดาผู้จับตาเรื่องเมืองไทย การที่เขาลาออกตำแหน่งอาวุโสในสำนักข่าวรอยเตอร์เมื่อปี  ๒๕๕๔ มาตีพิมพ์บทความต่อเนื่องเกี่ยวกับวิกฤติทางการเมืองไทยโดยอ้างอิงเอกสารรั่วไหลของวงการทูตสหรัฐ ทำให้ อ.ม.ม. กลายเป็นนักวิพากษ์อำมาตย์ไทยอย่างห้าวหาญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อสถาบันกษัตริย์ มีผู้ตามดูผลงานของเขาอย่างกว้างขวางทางโซเชียลมีเดีย

หนังสือ ราชอาณาจักรในวิกฤติ นี้เป็นที่คาดหมายว่าจะเป็นคำประกาศชัดแจ้งแห่งทฤษฎีของแอนดรูว์ที่ว่า ความขัดแย้งภายในราชวงศ์ซึ่งไม่มีการกล่าวถึงกันในเรื่องสืบราชสันตติวงศ์ เป็นหัวใจสำคัญของวิกฤติการเมืองยุคที่ ๒๑ ของประเทศไทย (หน้า ๓) อย่างไรก็ดี แม้จะมีคุณูปการมากมายในหนังสือเล่มนี้ ก็ยังไม่อาจกำชับให้หลักการดังกล่าวหนักแน่นได้

หนังสือ A Kingdom in Crisis เป็นวิภาษวิธีที่กลั่นกล้าไม่ผ่อนปรน ต่อวิกฤติไม่หยุดหย่อนของการเมืองไทย โดยเน้นจะจะลงไปที่สถาบันกษัตริย์ มากกว่าสถานะของสถาบันอันเป็นส่วนหนึ่งในพื้นที่มวลรวมของประชาคมและเศรษฐกิจการเมืองไทย...

...ที่ขาดหล่นไป ดังเช่น การคำนึงโดยตั้งใจถึงความเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐการสังคมภายใต้การพัฒนาอย่างเร่งรัดของลัทธิทุนนิยม การปรับเปลี่ยนนี้ได้รื้อถอนแนวทางกำหนดเป้าหมายและความมุ่งมาดปรารถนาในชีวิตของชนชั้นล่างประเทศไทยไปอย่างหักหาญ แล้วก่อกำเนิดกลุ่มชนชั้นนำรุ่นใหม่ในภาคส่วนเศรษฐกิจชุดใหม่ อาทิ ในด้านโทรคมนาคม อันเป็นต้นตอตัวตนของทักษิณ ชินวัตรเอง...

ข้อโต้แย้งเช่นนี้ขยายออกเป็นสามขั้นตอน แรกทีเดียวในการปูพื้นฐานทางประวัติศาสตร์จงใจชักนำผู้อ่านให้เชื่อว่าความขัดแย้งในกระบวนการสืบราชสันตติวงศ์ อันเป็นผลจากการแก่งแย่งชิงดีกันในหมู่อำมาตย์ เป็นเรื่องปกติธรรมดาในประวัติศาสตร์ไทย (บทที่ ๗ และ ๘) สถาบันกษัตริย์ไทยยุคใหม่ไม่ได้ถูกมองว่าทรงอำนาจอิทธิพลด้วยตัวเอง หากแต่ประดุจดังสัญญลักษณ์แห่งประมุขที่ถูกจัดตั้งและเชิดหนังโดยฝักฝ่ายของอำมาตย์ผู้มีอำนาจแท้จริง นี่เป็นข้อโต้แย้งที่เสนอแนะและยืนยันอย่างแข็งขันไว้แล้วโดย จายล์ ใจ อึ๊งภากรณ์...

ประเด็นสำคัญพื้นฐานต่อการพิจารณาในที่นี้ อยู่ที่การให้อัตถาธิบายโดยมูลแห่งประวัติศาสตร์ไทยในช่วงสิบปีที่ผ่านมา ว่าความกังวลล้ำหน้าเรื่องการเปลี่ยนผ่านรัชกาลนั้นถูกกระตุ้นโดยการขึ้นสู่อำนาจของทักษิณ (หน้า ๑๕๕) ละหรือ...
ภาพประกอบบทความในวอชิงตันโพสต์ ที่ให้คำบรรยายว่า "Thaksin has carefully tried to cultivate a good relationship with the crown prince — something that would play to his advantage after the succession. (Achmad Ibrahim/AP)"
...หรือว่าความวิตกของพวกเสื้อเหลืองอยู่ที่ความสามารถในการรวมพลังมวลชนเข้าสู่ระบบการเมืองโดยทักษิณ กับการที่เขาผูกขาดอำนาจทางการเมืองและเศรษฐกิจมากขึ้นเรื่อยๆ หรือไม่ ในประเด็นหลังนี้ ความเป็นไปได้ที่พระเจ้าอยู่หัวจะไม่ทรงดำรงอยู่ตลอดกาล มิใช่ปัญหาที่พวกอำมาตย์โบราณหวั่นไหวในส่วนตน ว่าจะต้องรับผลกรรมหนักหนาจากบุคคลิกความเด็ดขาดในส่วนพระองค์ของเจ้าฟ้าชายวชิราลงกรณ์ หากแต่เป็นห่วงว่าการที่ทักษิณเข้าครอบงำทุกภาคส่วนทางการเมืองมากยิ่งขึ้น พวกเขากลัวจะสูญเสียอิทธิพลในการกำกับสถาบันอันสำคัญยิ่งยวดโดยตรง ที่พวกตนชักใยเพื่อกอบโกยผลประโยชน์ติดต่อกันมาเนิ่นนานไป...

เช่นนี้ สถาบันกษัตริย์เป็นองคาพยพอันสำคัญในวิกฤติการเมืองไทยใช่ไหม แน่นอนไม่ต้องสงสัยเลย และพวกเราเป็นหนี้แอนดรูว์ แม็คเกรเกอร์ มาร์แชล ที่นำประเด็นการเปลี่ยนผ่านรัชกาลอันเร้าใจเหมือนละครหลังข่าวมาตีแผ่ให้เห็น แต่ว่าการสืบราชสันตติวงศ์เป็นปัญหา หัวใจ ของวิกฤติในประเทศไทยหรือไม่ ผมคนหนึ่งละที่ยังไม่อาจปักใจเชื่อได้