ชื่อเรื่องเดิม
"สมคิด" สับไอเดีย ’ไพบูลย์’ เรื่องส.ส.เขตจังหวัด ไม่สอดคล้องความเป็นจริง แนะ กมธ.ยกร่างฯปฏิรูปตัวเอง
ที่มาเรื่อง มติชนออนไลน์
เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม นายสมคิด เชื้อคง อดีตส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณีที่นายไพบูลย์ นิติตะวัน สปช.ด้านการเมือง ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญ เสนอแนวคิดถึงวิธีการได้มาส.ส.และนายรัฐมนตรีรูปแบบใหม่ โดยให้ส.ส.จะสังกัดหรือไม่สังกัดพรรคก็ได้ เปลี่ยนระบบการเลือกตั้งยกเลิกระบบเขตเดียวเบอร์เดียวเป็นเขตจังหวัด ส่วนที่มานายกรัฐมนตรี อาจไม่ต้องมาจากการเป็นส.ส. แต่ยังให้คงระบบการโหวตในรัฐสภาฯเช่นเดิมว่า
นายไพบูลย์เสนอความคิดในบริบทที่ไม่เคยลงสมัครรับเลือกตั้ง รัฐธรรมนูญก็เหมือนกับโลงศพ คนซื้อไม่ได้ใช้ คนใช้ไม่ได้ซื้อ รัฐธรรมนูญก็เช่นกันคนใช้ไม่ได้ร่าง คนร่างไม่ได้ใช้ การที่นายไพบูลย์เสนอการเลือกส.ส.แบบเขตจังหวัด โดยที่ในอดีตเราก็เคยทำมาหมดแล้ว
สมัยนั้นบอกส.ส.สังกัดหรือไม่สังกัดพรรคก็ได้ ขณะนั้นมีข่าวส.ส.เข้าห้องน้ำถูกกล่าวหาส.ส.ขายตัวบ้าง จนเปลี่ยนมาเป็นระบบเขตเดียวเบอร์เดียว ไม่ว่าจะรูปแบบใดเราเคยใช้กันมาหมดแล้ว ในหลักการคนเป็นส.ส.คือตัวแทนที่มาจากประชาชน ต้องทำงานเพื่อพี่น้องประชาชน แนวคิดที่เสนอให้เลือกส.ส.เป็นเขตจังหวัด เป็นการเสนอไม่สอดคล้องกับหลักความเป็นจริง
กรณีนี้ทำได้ในบางจังหวัด เช่น ตาก ระนอง ที่มีส.ส.เพียง 1-2 คน จึงมีส.ส.ไม่มากก็ดูแลประชาชนได้ทั่วถึง แต่ถ้ามาใช้ระบบนี้ในกทม. เชียงใหม่ อุบลราชธานี จะทำได้อย่างไร แม้คนอยู่พรรคเดียวกันสามารถสมัครลงเลือกตั้งได้เป็นร้อยคน แล้วให้ประชาชนเลือกผู้ได้คะแนนสูงสุด 7-8คน ได้เป็นส.ส. ดูแล้วมันก็ไม่ค่อยสอดคล้องกับหลักความเป็นจริง คนหนึ่งคนจะไปดูแลพี่น้องประชาชนมากขนาดนั้นได้อย่างไร
นายสมคิด กล่าวว่า การจะเสนอหรือร่างอะไรต้องดูในแง่ความเป็นจริงด้วย ส.ส.ต้องสัมผัสกับพี่น้องประชาชน หรือที่เสนอให้ยกเลิกระบบส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ ก็ต้องไปดูในหลักการเดิม ที่มีปาร์ตี้ลิสต์เพื่อเปิดโอกาสให้คนมีความรู้ ความสามารถ เป็นนักวิชาการเก่งๆ เพียงแต่ไม่มีเวลาไปสัมผัสประชาชนไม่มีช่องมาทำงานการเมือง จึงเปิดช่องนี้ให้เข้ามาทำงานผ่านการเลือกแบบปาร์ตี้ลิสต์
นายสมคิด กล่าวอีกว่า คนเป็นนักการเมืองรับได้ทุกกติกา ที่บอกจะสังกัดหรือไม่สังกัดพรรคก็ได้ แต่เราเคยทำมาหมดแล้ว พอไม่สังกัดพรรคก็เกิดภาวะส.ส.ขายตัว เข้าไปตามห้องน้ำ ไม่ว่าระบบอะไรเราเคยทำมาหมดแล้ว เรามาไกลเกินกว่าจะถอยไปแบบเดิม ไม่สังกัดพรรคก็ได้แต่ถึงอย่างไรพรรคการเมืองก็ยังคงอยู่ จริงอยู่คนนั้นอาจโด่งดัง ประชาชนเลือกมา แต่คนๆเดียวจะทำอะไรได้ ประชาชนวันนี้เขาเลือก เขามองเขาเลือกส.ส.เพราะนโยบายพรรค
นายไพบูลย์ที่พูดออกมาคงเป็นเสียงเดียวยังไม่ใช่บรรทัดสุดท้าย อยากฝากบอกการจะเขียนรัฐธรรมนูญ ต้องเขียนเพื่อให้ยึดโยงกับประชาชนทั้ง65ล้านคน ไม่ใช่เพราะตัวคนเขียนได้ประโยชน์ อย่าไปยึดติดกับตัวบุคคล ลองกลั้นใจไม่นึกถึงทักษิณ ยิ่งลักษณ์ สนธิ อภิสิทธิ์ สุเทพ แล้วไปเขียนเพื่อคน 65 ล้านคน เขียนอย่างไรให้ออกมาแล้วเขาอยู่เย็นเป็นสุข
“ข้อเสนอของนายไพบูลย์ที่ระบุ นายกรัฐมนตรีอาจไม่ต้องเป็นส.ส. แต่ยังคงให้มีการโหวตในสภาฯเหมือนเดิม ความจริงแนวคิดนี้นายไพบูลย์ทำเป็นพูดอ้อม ความต้องการก็คืออยากให้มีนายกรัฐมนตรีมาจากคนนอกเหมือนเดิม ตรงนี้ไม่เห็นด้วย อะไรถ้าผ่านฉันทานุมัติมาจากประชาชน ไม่เห็นด้วย ควรให้พี่น้องประชาชนได้ตัดสินใจ จริงอยู่วันนี้พรรคการเมือง นักการเมืองที่วุ่นวาย ทหารเลยเข้ามายึดอำนาจ ดังนั้นทั้งพรรคการเมือง นักการเมืองก็ต้องปฏิรูปตัวเองด้วย เช่นเดียวกัน คณะกรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญก็ต้องปฏิรูปตัวเองเช่นกัน เพราะถ้ากฎกติกาออกมไม่เป็นธรรม มันก็วุ่นวายเหมือนเดิม” นายสมคิด กล่าว