วันอังคาร, พฤศจิกายน 04, 2557

แก่ๆกันจะตายห่ากันอยู่แล้ว ขอให้คิดอะไรที่จะทำให้ประชาชนทั้งประเทศ มีความสุขบ้างนะครับ - บวรศักดิ์ จรัส เอนก คำนูณ มานิจ วุฒิสาร ถวิลวดี ฯลฯ


ชื่อเรื่องเดิม

"สมคิด" สับไอเดีย ’ไพบูลย์’ เรื่องส.ส.เขตจังหวัด ไม่สอดคล้องความเป็นจริง แนะ กมธ.ยกร่างฯปฏิรูปตัวเอง

ที่มาเรื่อง มติชนออนไลน์

เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม นายสมคิด เชื้อคง อดีตส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณีที่นายไพบูลย์ นิติตะวัน สปช.ด้านการเมือง ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญ เสนอแนวคิดถึงวิธีการได้มาส.ส.และนายรัฐมนตรีรูปแบบใหม่ โดยให้ส.ส.จะสังกัดหรือไม่สังกัดพรรคก็ได้ เปลี่ยนระบบการเลือกตั้งยกเลิกระบบเขตเดียวเบอร์เดียวเป็นเขตจังหวัด ส่วนที่มานายกรัฐมนตรี อาจไม่ต้องมาจากการเป็นส.ส. แต่ยังให้คงระบบการโหวตในรัฐสภาฯเช่นเดิมว่า

นายไพบูลย์เสนอความคิดในบริบทที่ไม่เคยลงสมัครรับเลือกตั้ง รัฐธรรมนูญก็เหมือนกับโลงศพ คนซื้อไม่ได้ใช้ คนใช้ไม่ได้ซื้อ รัฐธรรมนูญก็เช่นกันคนใช้ไม่ได้ร่าง คนร่างไม่ได้ใช้ การที่นายไพบูลย์เสนอการเลือกส.ส.แบบเขตจังหวัด โดยที่ในอดีตเราก็เคยทำมาหมดแล้ว

สมัยนั้นบอกส.ส.สังกัดหรือไม่สังกัดพรรคก็ได้ ขณะนั้นมีข่าวส.ส.เข้าห้องน้ำถูกกล่าวหาส.ส.ขายตัวบ้าง จนเปลี่ยนมาเป็นระบบเขตเดียวเบอร์เดียว ไม่ว่าจะรูปแบบใดเราเคยใช้กันมาหมดแล้ว ในหลักการคนเป็นส.ส.คือตัวแทนที่มาจากประชาชน ต้องทำงานเพื่อพี่น้องประชาชน แนวคิดที่เสนอให้เลือกส.ส.เป็นเขตจังหวัด เป็นการเสนอไม่สอดคล้องกับหลักความเป็นจริง

กรณีนี้ทำได้ในบางจังหวัด เช่น ตาก ระนอง ที่มีส.ส.เพียง 1-2 คน จึงมีส.ส.ไม่มากก็ดูแลประชาชนได้ทั่วถึง แต่ถ้ามาใช้ระบบนี้ในกทม. เชียงใหม่ อุบลราชธานี จะทำได้อย่างไร แม้คนอยู่พรรคเดียวกันสามารถสมัครลงเลือกตั้งได้เป็นร้อยคน แล้วให้ประชาชนเลือกผู้ได้คะแนนสูงสุด 7-8คน ได้เป็นส.ส. ดูแล้วมันก็ไม่ค่อยสอดคล้องกับหลักความเป็นจริง คนหนึ่งคนจะไปดูแลพี่น้องประชาชนมากขนาดนั้นได้อย่างไร

นายสมคิด กล่าวว่า การจะเสนอหรือร่างอะไรต้องดูในแง่ความเป็นจริงด้วย ส.ส.ต้องสัมผัสกับพี่น้องประชาชน หรือที่เสนอให้ยกเลิกระบบส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ ก็ต้องไปดูในหลักการเดิม ที่มีปาร์ตี้ลิสต์เพื่อเปิดโอกาสให้คนมีความรู้ ความสามารถ เป็นนักวิชาการเก่งๆ เพียงแต่ไม่มีเวลาไปสัมผัสประชาชนไม่มีช่องมาทำงานการเมือง จึงเปิดช่องนี้ให้เข้ามาทำงานผ่านการเลือกแบบปาร์ตี้ลิสต์

นายสมคิด กล่าวอีกว่า คนเป็นนักการเมืองรับได้ทุกกติกา ที่บอกจะสังกัดหรือไม่สังกัดพรรคก็ได้ แต่เราเคยทำมาหมดแล้ว พอไม่สังกัดพรรคก็เกิดภาวะส.ส.ขายตัว เข้าไปตามห้องน้ำ ไม่ว่าระบบอะไรเราเคยทำมาหมดแล้ว เรามาไกลเกินกว่าจะถอยไปแบบเดิม ไม่สังกัดพรรคก็ได้แต่ถึงอย่างไรพรรคการเมืองก็ยังคงอยู่ จริงอยู่คนนั้นอาจโด่งดัง ประชาชนเลือกมา แต่คนๆเดียวจะทำอะไรได้ ประชาชนวันนี้เขาเลือก เขามองเขาเลือกส.ส.เพราะนโยบายพรรค

นายไพบูลย์ที่พูดออกมาคงเป็นเสียงเดียวยังไม่ใช่บรรทัดสุดท้าย อยากฝากบอกการจะเขียนรัฐธรรมนูญ ต้องเขียนเพื่อให้ยึดโยงกับประชาชนทั้ง65ล้านคน ไม่ใช่เพราะตัวคนเขียนได้ประโยชน์ อย่าไปยึดติดกับตัวบุคคล ลองกลั้นใจไม่นึกถึงทักษิณ ยิ่งลักษณ์ สนธิ อภิสิทธิ์ สุเทพ แล้วไปเขียนเพื่อคน 65 ล้านคน เขียนอย่างไรให้ออกมาแล้วเขาอยู่เย็นเป็นสุข

“ข้อเสนอของนายไพบูลย์ที่ระบุ นายกรัฐมนตรีอาจไม่ต้องเป็นส.ส. แต่ยังคงให้มีการโหวตในสภาฯเหมือนเดิม ความจริงแนวคิดนี้นายไพบูลย์ทำเป็นพูดอ้อม ความต้องการก็คืออยากให้มีนายกรัฐมนตรีมาจากคนนอกเหมือนเดิม ตรงนี้ไม่เห็นด้วย อะไรถ้าผ่านฉันทานุมัติมาจากประชาชน ไม่เห็นด้วย ควรให้พี่น้องประชาชนได้ตัดสินใจ จริงอยู่วันนี้พรรคการเมือง นักการเมืองที่วุ่นวาย ทหารเลยเข้ามายึดอำนาจ ดังนั้นทั้งพรรคการเมือง นักการเมืองก็ต้องปฏิรูปตัวเองด้วย เช่นเดียวกัน คณะกรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญก็ต้องปฏิรูปตัวเองเช่นกัน เพราะถ้ากฎกติกาออกมไม่เป็นธรรม มันก็วุ่นวายเหมือนเดิม” นายสมคิด กล่าว