วันจันทร์, กรกฎาคม 31, 2566

อานันท์ ปันยารชุน ชี้ สว.เป็น “รากเหง้าของปัญหาที่เกิดขึ้นในประเทศไทย”

ความไม่ปกติ อันเป็น “รากเหง้าของปัญหาที่เกิดขึ้นในประเทศไทย” ที่ อานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรีพูดถึงและยกตัวอย่างให้เห็นเมื่อวาน (๓๐ ก.ค.) นั้นเป็น กาฝาก ของสังคมชนิดพิษร้าย ไม่ควรปล่อยไว้เป็นภัยต่อประชาชนทั้งมวล

ปัจจุบันนี้สังคมไทยอยู่ในสภาพที่ไม่ปกติที่สุด สิ่งที่เห็นอย่างชัดที่สุดก็คือ การให้ สว.ที่มาจากการแต่งตั้ง มีสิทธิ์ออกเสียงเลือกนายกฯ” นี่คือ ต้นปัญหาที่นายอานนท์กล่าวถึง แม้นว่า “อาจจะเป็นด้วยเหตุการณ์บังคับพวกเขาเอง

ที่ทำให้เขารับใช้เป็นเครื่องมือ เป็นเครื่องมือที่กีดขวางเจตจำนงของประชาชน” แน่นอนว่าไม่เป็นประชาธิปไตย แล้วยังพยายามอ้างว่าคือประชาธิปไตยอีกรูปแบบ ชนิดที่ “มือใครยาว สาวได้สาวเอา” และไม่ยี่หระกับความเสียหายต่อผู้อื่น

เสรี สุวรรณภานนท์ สว.ตู่ตั้งออกมาสำแดงเดชแห่งอำนาจนอกระบบอีกว่า การโหวตนายกรัฐมนตรีในวันที่ ๔ สิงหานี้ แม้ “เปลี่ยนแคนดิเดทนายกฯ เป็นของพรรคเพื่อไทย” ก็ไม่รับ อ้างว่ารับไม่ได้เพราะ เสป็คไม่ตรงลักษณะต้องห้าม

“นายกฯ ต้องมีคุณสมบัติไม่มีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มีนโยบายที่ไม่สร้างปัญหาให้กับบ้านเมือง เสรีคนที่ร้ายกว่าพิศุทธ์อ้างอย่างโคมลอยว่า “ก็อย่างที่บอกคือหลักการไม่ได้เปลี่ยน เราไม่ได้มองดูพรรค แต่เรามองดูนโยบาย”

นโยบายอะไร “หากไม่มีเรื่องการแก้ไขมาตรา ๑๑๒ แล้ว” เสรีว่าไง แม้งก็ยังพาลแถต่อไป “ก็ต้องดูว่าหากไม่มีเรื่องนี้แล้วจะมีเหตุอื่นอะไรอีกไหม ก็อย่างที่เรียนที่มีหลายปัจจัยอยู่” พ่องน่ะ เจ้าปัญหา ปัจจัยเยอะจัง

(https://www.khaosod.co.th/politics/news_7790950 และ https://www.nationtv.tv/politic/378925206) 

‘จตุพร’ ปูดอีก ว่า 'ทักษิณ' รู้ๆ อยู่ว่าเขาคบคิดกันแล้วกำลังเตรียมการยึดอำนาจ ‘ยิ่งลักษณ์’ แต่แก้ไม่ตกเลย ‘ดีล’

อันนี้ แบก เพื่อไทยบอกว่า เพ้อเจ้อ อีก ไม่รู้ว่าจะมีแววเหมือนเพ้อเจ้อครั้งที่แล้วหรือเปล่า แต่หลายอย่างที่ออกมาจากปาก ตู่ จตุพร เมื่อเวลาผ่านไปแล้วตกผลึก มันมักจะเข้าเค้า

เรื่องเล่าเช้านี้ @MorningNewsTV3 1h ว่า

“กรรมกรข่าวคุยนอกจอ จตุพร แฉ ทักษิณ รู้เห็นรัฐประหารรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ปี 57 เหตุเดินเกมพลาด อำนาจการต่อรองหมดลง”

ซึ่งก็คือ รู้ๆ อยู่ว่าเขาคบคิดกันแล้วกำลังเตรียมการ พยายามต้านหาทางสู้ ทว่า “สถานการณ์คุมไม่ได้แล้ว” ก็เลย ดีลรวมทั้ง “หยุดประชาชนที่อักษะ”

และอาจจะเลยไปถึงเปิด เส้นทางธรรมชาติ ด้วย 

“สุภาพ คลี่ขจาย” ชี้ 2 คนไทยอาจได้เห็น “รัฐบาลมหาประลัย”


Thai PBS
July 28
·
“สุภาพ คลี่ขจาย” ชี้ 2 ความเป็นไปได้การจัดตั้งรัฐบาล ระหว่าง “รัฐบาลมหาประลัย”

“สุภาพ คลี่ขจาย” ชี้ 2 ความเป็นไปได้การจัดตั้งรัฐบาล ระหว่าง “รัฐบาลมหาประลัย” กับรัฐบาลที่ฝ่ายค้านยกมือโหวตนายกฯ ให้ | ตอบโจทย์
.
สุภาพ คลี่ขจาย สื่อมวลชนอาวุโส มอง 2 ความเป็นไปได้การ #จัดตั้งรัฐบาล ของ #พรรคเพื่อไทย ยังไง #ก้าวไกล ก็ฝ่ายค้าน
1.รัฐบาลมหาประลัย มีพรรค 2 ลุงเข้าร่วมด้วย เพื่อให้ได้เสียง สว. แต่ไม่สนใจเสียงประชาชน
2.ให้ #พรรคก้าวไกล #พรรคพลังประชารัฐ #พรรครวมไทยสร้างชาติ เป็นฝ่ายค้าน แต่เจรจาขอให้ก้าวไกลโหวตนายกฯ ให้ เพราะอาจมีเสียง สว. ไม่พอ แลกกับเงื่อนไขแก้ไขรัฐธรรมนูญ ยุบสภา #เลือกตั้ง ภายใน 2 ปี ทำตามเป้าหมายหยุด 2 ลุงสืบทอดอำนาจ และเป้าหมายแก้รัฐธรรมนูญสำเร็จ แบบนี้ยังพออธิบายกับประชาชนได้
.
รับชมรายการ #ตอบโจทย์ ได้ที่ https://www.thaipbs.or.th/program/TobJote/episodes/96393 



แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม จัดกิจกรรมร่วมกันลงชื่อสนับสนุนให้พรรคฝ่ายประชาธิปไตยจับมือกันอย่างมั่นคง จนกว่า ส.ว.จะหมดอำนาจเลือกนายก


Pinkaew Laungaramsri
12h 
·
แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม จัดกิจกรรมร่วมกันลงชื่อสนับสนุนให้พรรคฝ่ายประชาธิปไตยจับมือกันอย่างมั่นคง จนกว่า ส.ว.จะหมดอำนาจเลือกนายก
ขอเชิญชวนร่วมกันลงชื่อ ได้ที่ลิงค์นี้ค่ะ
https://forms.gle/1ATNyYTpSFNHYMA67

.....

แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม - United Front of Thammasat and Demonstration
11h
·
เตรียมพร้อม CAR MOB แห่มาลัยวิวาห์ ยื่นรายชื่อประชาชน คล้องใจ 8 พรรคการเมือง

รถพร้อม น้ำมันเครื่องพร้อม คนพร้อม ขันหมากพร้อม ขบวนยื่นรายชื่อประชาชนพร้อม สนับสนุน 8 พรรคร่วมจับมือแน่น สามัคคี ไม่แตกขั้ว-ข้ามขั้ว จน ส.ว. หมดราวะ

พบกัน แยกอโศกมนตี
วันที่ 2 สิงหาคม 2566 เวลา 12.00 น.

#แห่มาลัยวิวาห์ #ม็อบขันหมาก #CARMOB #จัดตั้งรัฐบาล #ม็อบ2สิงหา2566

"รังสิมันต์ โรม" ฟาดแนวคิดไล่ก้าวไกลเป็นฝ่ายค้านโดยอ้างว่าต้องเสียสละให้คนอื่นตั้งรัฐบาล ย้ำไม่ใช่หน้าที่ของก้าวไกลต้องเสียสละ 8 พรรคในอ้อมกอดประชาชน กอดกันให้แน่น อย่าหลงกลปีศาจ อุปสรรคแท้จริงไม่ใช่ 112 แต่คือเกมเตะก้าวไกลพ้นรัฐบาล


ศิโรตม์ ถก "รังสิมันต์ โรม" 8 พรรคอย่าหลงกลผีปีศาจ อยากคุยกับภูมิธรรมที่สุด : Matichon TV

Jul 29, 2023 

มีเรื่องมาเคลียร์ by ศิโรตม์ 29 กค 2566 คุยกับ รังสิมันต์ โรม 8 พรรคในอ้อมกอดประชาชน กอดกันให้แน่น อย่าหลงกลปีศาจ อุปสรรคแท้จริงไม่ใช่ 112 แต่คือเกมเตะก้าวไกลพ้นรัฐบาล 


We, The People
4d
·
14 ล้านเสียงไม่ใช่เทวดา
14 ล้านเสียงคือประชาชน
ในระบอบประชาธิปไตย ทุกคนมี 1 สิทธิ์ 1 เสียงเท่ากัน
แต่ในระบอบประชาธิปไตยแบบไทยๆ เสียง สว.มีค่ากว่าเสียงประชาชน!!!!
นักศึกษา อาจารย์ และประชาชนขอทวงคืนความเป็นคนเท่ากัน หน้าประตูมหาวิทยาลัยศิลปากร นครปฐม
26 กรกฎาคม 2566


นี่พระเหรอ ?

https://www.facebook.com/100009893830650/videos/1214745455857616

หากประชาชนยังมีความหวัง ปชต.ไม่มีทางตายไปจากเมืองไทย









 

อธิบายแบบภาษาชาวบ้าน สรุปผลนิด้าโพล ความผิดพลาดของพรรคก้าวไกลในการจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้


วาฬฮีลใจ @iwhale

สรุปนิด้าโพลเป็นภาษาชาวบ้าน คนเห็นว่าก้าวไกลผิดพลาดเพราะ 
1. ไม่ยอมกลืนน้ำลาย ยกเลิกบางสิ่งที่เคยหาเสียงไว้กับประชาชน แลกกับการสนับสนุนในสภาให้เป็นรัฐบาล 
2. เขี้ยวไม่ลากดินพอ ไม่เก่งเกมการเมืองในสภา 
3. ไม่ไหลตามน้ำ พวกเลยน้อย 
4. ไม่ยอมเล่นการเมืองแบบไทยๆ เหมือนที่ผ่านมา และอีกมาก ลดหลั่นกันลงไป 

แต่คน 30% บอกไม่ได้พลาดอะไร

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ 
(30 ก.ค. 66)

ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจของประชาชน เรื่อง “ความผิดพลาดของพรรคก้าวไกล” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 24-26 กรกฎาคม 2566 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ ทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น จำนวน 1,310 หน่วยตัวอย่าง

จากการสำรวจเมื่อถามถึงความคิดเห็นของประชาชนต่อข้อผิดพลาดของพรรคก้าวไกลในการจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้ พบว่า

42.98% ระบุว่า พรรคก้าวไกลไม่ยอมยกเลิกบางนโยบาย เพื่อให้ได้การสนับสนุนเพิ่มขึ้น
30.46% ระบุว่า พรรคก้าวไกล ไม่มีข้อผิดพลาดใด ๆ ทั้งนั้น
27.56% ระบุว่า พรรคก้าวไกลสู้เกมการเมืองในสภาไม่ได้
11.68% ระบุว่า พรรคก้าวไกลทำตัวปิดกั้นตัวเอง ทำให้ไม่ค่อยมีพันธมิตรทางการเมือง
10.23% ระบุว่า พรรคก้าวไกลไม่เข้าใจวัฒนธรรมและความเป็นจริงทางการเมืองแบบไทย ๆ
9.54% ระบุว่า พรรคก้าวไกลประมาทในการตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ที่พรรคเสนอชื่อให้เป็นนายกรัฐมนตรี (นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์)
7.94% ระบุว่า พรรคก้าวไกลสร้างศัตรูทางการเมืองไว้มากในช่วงที่ผ่านมา
7.86% ระบุว่า ปัญหาจากพฤติกรรมของแฟนคลับ พรรคก้าวไกลทำให้ไม่ได้รับการสนับสนุนในรัฐสภา
7.56% ระบุว่า พรรคก้าวไกลฟังแฟนคลับของตนเองมากเกินไป
6.11% ระบุว่า พรรคก้าวไกลหลงไปกับตัวเลข 14 ล้านเสียง และ 151 สส. มากเกินไป
5.88% ระบุว่า กุนซือ นักวิชาการของพรรคก้าวไกลที่อยู่นอกพรรคฯ ประเมินสถานการณ์ผิดพลาด
0.53% ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ

ด้านความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับการชุมนุมทางการเมือง หากพรรคก้าวไกลต้องไปเป็นฝ่ายค้าน พบว่า

35.19% ระบุว่า จะมีการชุมนุมใหญ่แต่จะสามารถควบคุมได้
24.81% ระบุว่า จะมีการชุมนุมเพียงเล็กน้อยและสามารถควบคุมได้
23.66% ระบุว่า จะมีการชุมนุมใหญ่และไม่สามารถควบคุมได้
11.99% ระบุว่า จะไม่มีการชุมนุมใด ๆ
2.90% ระบุว่า จะมีการชุมนุมเพียงเล็กน้อยแต่จะไม่สามารถควบคุมได้
1.45% ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ

ท้ายที่สุดเมื่อถามความคิดเห็นของประชาชนถึงความเป็นไปได้ที่การเลือกตั้งครั้งหน้าจะมีพรรคการเมืองใหม่ที่มีลักษณะบุคลากรและวิธีการดำเนินการทางการเมืองคล้ายกับพรรคก้าวไกลเกิดขึ้น แต่มีความประนีประนอมมากกว่า พบว่า

35.88% ระบุว่า ค่อนข้างเป็นไปได้
33.89% ระบุว่า เป็นไปได้มาก
19.54% ระบุว่า เป็นไปไม่ได้เลย
9.62% ระบุว่า เป็นไปไม่ค่อยได้
1.07% ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (30 ก.ค. 66)


 

ในที่สุดเพื่อไทยก็โดดข้ามขั้ว ประชาชนหมดความหมาย “ชูวิทย์” ปูด


ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์
6h
·
“มีลุง ไม่มีเรา” ปิดสวิตช์ก้าวไกล
.
อาทิตย์หน้ามีประชุม 8 พรรค
.
เพื่อไทยต้องให้ก้าวไกลเอ่ยปากยอมเป็นฝ่ายค้านด้วยตัวเอง
.
“มิชชั่น อิมพอสสิเบิ้ล” ที่ลวงให้ก้าวไกลหลงทาง ยอมโหวตให้เพื่อไทย และไปเป็นฝ่ายค้าน
.
โดยให้พรรคสองลุงไปเป็นฝ่ายค้านด้วย
.
แต่ไม่สำเร็จ…
.
แผนนี้ไม่ได้รับการตอบรับจากการเจรจาล่าสุดที่ฮ่องกง
.
ขณะนี้เจรจาใต้ดินได้สูตรจัดรัฐบาลแล้ว
.
เพื่อไทย ภูมิใจไทย พลังประชารัฐ รวมไทยสร้างชาติ ชาติไทยพัฒนา ประชาชาติ และพรรคเล็กอื่นๆ
.
รวมเสียงได้ 315 เสียง
.
เป็นสูตร “มีลุง ไม่มีเรา” เหมือนตอนหาเสียง ที่ก้าวไกลรณรงค์จนได้คะแนนอันดับหนึ่ง
.
แต่กลับย้อนศรตอนจัดรัฐบาลเที่ยวนี้ เพราะมีลุงเป็นรัฐบาล จึงไม่มีเรา ต้องไปเป็นฝ่ายค้าน
.
ในที่สุดเพื่อไทยก็โดดข้ามขั้ว ประชาชนหมดความหมาย
.
จับตาเปิดเกมเร็วหลังหยุดยาวต้นเดือน
.
วันที่ 4 สิงหาคม รีบชิงโหวตนายกฯ “ตัวสูงๆ”
.
ส.ว. โหวตให้เต็มสภา เมื่อก้าวไกลเป็นฝ่ายค้าน
.
ได้เสียงรวมไปถึง 500 กว่า
.
ลุ้นเกมระทึก วันที่ 4 เดือนหน้า

แม้แต่ Albert Camus ก็รู้ เหล่าทวยเทพ หาคนดียาก - เรื่อง ซีซิฟ งานที่สร้างแรงบันดาลใจและปลอบประโลมจิตใจในการต่อสู้ของ อ.ปืยบุตร และคงอีกหลายๆคน


Piyabutr Saengkanokkul - ปิยบุตร แสงกนกกุล
July 15
·
[การต่อสู้ขึ้นสู่ยอดเขา โดยตัวมันเอง ก็เพียงพอที่จะเติมเต็มหัวใจของมนุษย์ เราต้องจินตนาการถึงซีซิฟเปี่ยมสุข - La lutte elle-même vers les sommets suffit à remplir un cœur d’homme. Il faut imaginer Sisyphe heureux]

ผมเลือกใช้รูปโปรไฟล์ในเฟสบุ๊คส่วนต้ว เป็นรูปของซีซิฟแบกก้อนหินขึ้นเขา มาเกินสิบปี

Le mythe de Sisyphe ของ Albert Camus เป็นงานที่ผมชอบมาก อ่านซ้ำหลายรอบ และเป็นงานที่ทำหน้าที่ทั้งสร้างแรงบันดาลใจและปลอบประโลมจิตใจในการต่อสู้ของผมมาโดยตลอด

ห้วงเวลาของการต่อสู้นี้ ผมอยากนำบางท่อนบางตอน ที่ผมเก็บเป็นโคว้ทไว้และรวบรวมไว้ในหนังสือที่เป็นของที่ระลีกในงานแต่งงาน มาให้อ่านกัน ดังนี้



"ทวยเทพได้ตัดสินลงโทษซีซิฟให้กลิ้งก้อนหินโดยไม่หยุดขึ้นไปบนยอดเขา ที่ซึ่งก้อนหินจะร่วงกลับลงไปด้วยน้ำหนักของมันเอง พวกเขาคิดว่าไม่มีบทลงโทษใดๆจะหนักหนาสาหัสยิ่งกว่าการให้ทำงานที่ไร้ผลและไร้หวังอีกแล้ว

[…]

เราเข้าใจกันแล้วว่าซีซิฟเป็นวีรบุรุษไร้สาระ ซึ่งเขาเป็นทั้งโดยอารมณ์หลง และความทุกข์ทรมานที่ได้รับ การดูถูกเทพเจ้า เกลียดชังความตาย และการหลงใหลในชีวิตของเขา ทำให้ต้องโทษมหันต์เกินพรรณนา ซึ่งเขาต้องใช้ทั้งกายใจไปทำในสิ่งที่ไม่อาจบรรลุผลใดๆเลย นี่คือราคาที่ต้องจ่ายสำหรับอารมณ์รักหลงต่างๆบนโลกนี้ เราไม่รู้เรื่องใดๆเกี่ยวกับซีซิฟ ในยมโลก เทพนิยายถูกสร้างขึ้นเพื่อให้จินตนาการได้ให้ชีวิตแก่มัน สำหรับเรื่องนี้ เราเห็นเพียงความพยายามทั้งหมดของร่างร่างหนึ่งที่ออกแรงทั้งหมดเพื่อแบกก้อนหินก้อนใหญ่ขึ้น แล้วกลิ้งและเข็นมันขึ้นไปตามลาดเนินซ้ำแล้วซ้ำเล่าเป็นร้อยเที่ยว เราเห็นใบหน้าบิดเบี้ยว แก้มแนบติดก้อนหิน ไหล่ดันหินที่มีแต่ดินโคลน เท้าจิกพื้น แขนเหยียดยื่น สองมือมนุษย์ที่มีแต่ดินอันมั่นคง ณ ที่สุดของความพยายามอันยาวนาน ในกาละอันไร้ความลึก และเทศะไร้ขอบฟ้าแล้ว ก็ลุถึงที่หมาย และแล้วซีซิฟก็ได้เห็นก้อนหินกลิ้งกลับลงสู่โลกชั้นต่ำกว่าในเวลาเพียงครู่สั้นๆ เขาต้องลงไปกลิ้งมันกลับขึ้นสู่ยอดอีกครั้ง เขาเดินกลับลงสู่พื้นราบ

มันคือในระหว่างหันกลับ การพักของซีซิฟนั้นเองที่ผมสนใจ ใบหน้าที่กรำงานหนักใกล้กับก้อนหินนั้นได้กลายเป็นหินไปเองเสียแล้ว! ผมเห็นคนคนนั้นเดินกลับลงสู่การทรมานที่เขาไม่มีวันรู้จุดจบนั้นด้วยฝีก้าวหนักอึ้งแต่มั่นคง ชั่วขณะนั้นเท่ากับช่วงหายใจเฮือกเดียวและจะกลับมาอีกอย่างแน่นอน ดังเช่นเคราะห์กรรมของเขา นั่นคือชั่วขณะแห่งการสำนึกรู้ ณ ทุกขณะซึ่งเขาละจากยอดเขาและค่อยๆจมลงสู่ถ้ำของทวยเทพทีละน้อยนี้ เขาอยู่เหนือชะตากรรมของตน เขาหนักแน่นเช่นก้อนหินของตน

หากตำนานเรื่องนี้คือโศกนาฏกรรม นั่นก็เพราะว่าตัวละครเอกนั้นรู้สำนึก ว่าแต่โทษทัณฑ์ของเขาจะอยู่ที่ไหน ถ้าทุกก้าวที่ย่างไปนั้นมีความหวังของความสำเร็จค้ำจุนอยู่? คนงานในปัจจุบันทำงานเดิมๆทุกวันในชีวิต และชะตากรรมนี้หาได้ไร้สาระน้อยไปกว่ากันไม่ แต่มันจะเป็นโศกนาฏกรรมก็แต่เฉพาะในบางขณะที่เขาตระหนักหรือคิดได้ ซีซิฟ มนุษย์ผู้ต่ำต้อยของทวยเทพ ไร้อำนาจและพยศ รู้สภาพที่เลวร้ายทั้งหมดของตน และนี่คือสิ่งที่เขาคิดขณะเดินลงจากยอดเขา การมีสำนึกแจ่มชัดอันเป็นความทุกข์ทรมานของเขานั้น ก็เป็นชัยชนะด้วยในเวลาเดียวกัน ไม่มีเคราะห์กรรมใดๆที่ไม่ได้ข้ามพ้นตนเองด้วยการดูหมิ่นมัน

[…]

ความยินดีเงียบๆทั้งหมดของซีซิฟอยู่ตรงนั้น ชะตากรรมของเขาเป็นของเขา ก้อนหินของเขาเป็นของของเขา ทำนองเดียวกัน ขณะที่คนไร้สาระครุ่นคิดถึงความเจ็บปวดทรมานของตน ก็ได้ทำให้รูปเคารพทั้งหมดเงียบเสียง ในจักรวาลที่คืนสู่ความเงียบในบัดดลนั้น เสียงเล็กๆอันอัศจรรย์นับพันๆของโลกดังขึ้น เสียงกู่เรียกลับๆที่ไร้สำนึก คำเชื้อเชิญจากทุกใบหน้า เหล่านี้ล้วนเป็นด้านกลับที่จำเป็น และเป็นราคาที่ชัยชนะต้องจ่าย ไม่มีแสงตะวันที่ไร้เงา และเราจำต้องรู้จักกลางคืน คนไร้สาระตอบรับ และความพยายามของเขาจะไม่หยุดอีก ถ้ามีชะตากรรมส่วนบุคคลอยู่ ก็จะไม่มีชะตากรรมที่เหนือกว่า หรืออย่างน้อยที่สุดก็จะมีเพียงชะตากรรมเดียวที่เขาถือว่าเป็นชะตากรรมที่ไม่อาจฝืนและน่าหยาม ส่วนที่เหลือนั้น เขารู้ดีว่าตนคือนายแห่งวันเวลาของตน ในชั่วขณะอันละเอียดอ่อนซึ่งคนหันคืนสู่ชีวิตของตน ซีซิฟกลับไปยังก้อนหินของเขา พินิจใคร่ครวญการกระทำที่ต่อเนื่องอันไร้การเชื่อมโยงซึ่งกลายเป็นชะตากรรมของตนเหล่านั้น เขาเป็นผู้สร้างเอง เชื่อมเข้าด้วยกัน ภายใต้สายตาแห่งความทรงจำของเขา และในไม่ช้าจะถูกผนึกปิดโดยความตายของเขา ดังนั้น ด้วยเชื่อว่าทุกสิ่งที่เป็นมนุษย์ล้วนกำเนิดจากมนุษย์ คนตาบอดผู้ปรารถนาจะมองเห็นรู้ว่าความมือดไม่มีที่สิ้นสุด ซีซิฟดำเนินต่อไป ก้อนหินกลิ้งไปอีกครั้ง

ผมทิ้งซีซิฟไว้ที่เชิงเขา! เรามีภาระของเราเสมอ แต่ซีซิฟได้สอนเราถึงความซื่อสัตย์ขั้นสูงในการปฏิเสธเทพเจ้า และแบกก้อนหินขึ้น เขาอีกนั่นแหละที่เป็นผู้ตัดสินว่าทุกสิ่งทุกอย่างดีหมด สำหรับเขา จักรวาลที่นับจากนี้ไม่มีเจ้านาย จะไม่เป็นทั้งที่กันดารแห้งแล้งและไร้ประโยชน์ ทุกอณูของหินก้อนนั้น ทุกเกล็ดแร่ของภูเขาอันมืดมิดลูกนี้ ก่อรูปเป็นโลกโลกหนึ่งในตัวมันเอง การต่อสู้เพื่อมุ่งสู่ยอดเขาโดยตัวมันเองเพียงพอที่จะทำให้หัวใจคนเต็มตื้น เราจำต้องเชื่อว่าซีซิฟมีความสุข"

Albert Camus, Le mythe de Sisyphe, 1942

(สำนวนแปลโดย วิภาดา กิตติโกวิท, เทพตำนานซีซิฟ, มูลนิธิหนังสือเพื่อสังคม, 2558, หน้า 187-193.)

มีคนไม่พอใจป้าย เพื่อไทย 99 ศพ อันนี้ คือคำอธิบายของเจ้าของป้าย #ม็อบ29กรกฎา66


C.Cheangsen @CheangUchen

เห็นมีคนไม่พอใจป้าย เพื่อไทย 99 ศพ อันนี้ คือคำอธิบายของเจ้าของป้ายครับ 

“อยากให้เพื่อไทยเจ็บแล้วจำ เพื่อไทยเป็นคนโดนกระทำมาตลอด โดนยุบพรรคก็แล้ว แต่ทำไมยังไม่รู้ว่าศัตรูของตัวเองคือใครกันแน่” 

“ผมโหวตไทยรักไทย โหวตพลังประชาชนมาก่อน แต่ครั้งนี้ไม่ได้เลือก และตอนนี้ก็มีข่าวหนาหูว่าเขาจะจับมือกับพรรคที่สลายการชุมนุม ซึ่งเรายอมรับไม่ได้”

#เรื่องเล่าเช้านี้ “ทักษิณ” ยันกลับไทยเหมือนเดิม คนใกล้ชิดแจ้งเวลาชัด 10.30 น. ของวันที่ 10 ส.ค. 66 ช่วงนี้นอนหลับดี ฝันแต่เห็นส้มหล่น



 


ลิงค์วิดีโอ เค้าก็อยากกลับบ้าน


"ศิธา" คาดมีแผนแน่ ไม่เชื่อพวกต้านจะกลับลำรัก "ทักษิณ" ในชั่วข้ามคืน


CSI LA
11h
·
ม็อบเสื้อเหลืองและม็อบนกหวีดในวันนั้น อ้างว่าทักษิณล้มเจ้า พวกเขาเลยออกมาไล่ แต่วันนี้อะไรที่เราไม่เคยคิดว่าจะได้เห็นเราก็ได้เห็น
#สมัยนี้คนไทยลืมไม่ง่ายอีกต่อไป




 

วันอาทิตย์, กรกฎาคม 30, 2566

กกต.ตามล้างตามเช็ด ส.ส.ก้าวไกลเคยติดคุกลักทรัพย์ อาจถูกตัดสิทธิ์ตลอดชีวิต

ประธาน กกต.เผยเตรียมเล่นงาน ส.ส.ระยองเขต ๓ พรรคก้าวไกล ในความผิด ม.๑๕๑ พรป.เลือกตั้ง อันจะนำไปสู่การตัดสิทธิทางการเมืองของ นครชัย ขุนณรงค์ ตลอดชีวิตได้ จากการที่ความปรากฏว่าเขาเคยติดคุกคดีลักทรัพย์เมื่อกว่า ๒๐ ปีที่แล้ว

เจ้าตัวยอมรับว่าเคยต้องคดีเช่นนั้นจริง จึงได้ประกาศลาออกจากการเป็น ส.ส. แต่เท่านั้นไม่พอ กรรมการเลือกตั้งจำเป็นต้องตามล้างตามเช็ด ตัดสิทธิและเรียกค่าเสียหาย ต่อการที่ กกต.ต้องจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ มาแทนตำแหน่งที่ว่างลง

ข้อวิจารณ์ต่อกรณีนี้ทางสื่อสังคมบางส่วนไปลงที่ ความไม่สมเหตุสมผลของรัฐธรรมนูญ ที่เขียนตามใจ คสช.แล้วมาเป็นปัญหา ก่อให้เกิดความลักลั่นในสังคม ที่กำลังจะเปลี่ยนผ่านไปสู่หนทางประชาธิปไตยของแท้ แต่ถูกเหนี่ยวรั้งสุดฤทธิ์

@SaiSeeMaP ตั้งข้อสังเกตุว่า “อันนี้ไม่ใช่เรื่อง #เคยติดคุก แต่เป็นเรื่องต้องคำพิพากษา” ในความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ ที่กระทำโดยทุจริต “ตามป.อาญา ซึ่งใน รธน. ม.๙๘(๑๐) กำหนดให้โดนตัดสิทธิ์ตลอดชีวิต” มันไม่ได้สัดส่วนที่เหมาะควร

“บางหมวด มันเป็นความผิดที่ไม่ได้มีองค์ประกอบเป็นเจตนาเพื่อประโยชน์โดยมิชอบ เช่น การทำให้เสียทรัพย์” ซึ่ง พูติกาลเชื่อว่าเป็นข้อกล่าวหาเบาที่สุด และน่าจะรอด ในเมื่อความผิดฐานนี้ “ถ้ารอลงอาญาก็จะไม่โดนตัดสิทธิ์”

อย่างไรก็ดี อาญาสิทธิอยู่ที่ กกต.แล้ว นครชัยจะรอดปากเหยี่ยวปากกาหรือไม่ ขึ้นอยู่กับว่า ธง ตอนนี้เป็นที่รู้กันโดยไม่ต้องขยิบตา เหมือนบทบาท สว.ตู่ตั้งช่วงหลังเลือกตั้งเป็นต้นมาหรือไม่

(https://twitter.com/SaiSeeMaP/status/1684899284314152960, https://www.thaipbs.or.th/news/content/330146 และ https://matichon.co.th/politics/news_4100824)

เฉลย 'ก จ ส ก ม อ ล ต ผ ด' อักษรย่อปริศนานำหน้าขบวนม็อบ #พร้อม2 จากแยกอโศก มุ่งหน้าแยกราชประสงค์

ภาพจาก ไข่แมวชีส
สมบัติ บุญงามอนงค์
7h·
กูจะสู้กับมึงไอ้ลูกติดเผด็จการ
#พร้อม2 #ม็อบ29กรกฎา66



 



ลำดับเหตุการณ์ #ม็อบ29กรกฎา66 : #พร้อม2 เดินขบวน-แปรอักษร ห. เรียกร้อง สว. “เห็นหัวประชาชน”



iLaw
8h
·
#ม็อบ29กรกฎา66 : #พร้อม2 เดินขบวน-แปรอักษร ห. เรียกร้อง สว. “เห็นหัวประชาชน”
.
29 กรกฎาคม 2566 สมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บ.ก.ลายจุด นัดหมายชุมนุมรูปแบบเดินขบวน จากแยกอโศกมนตรีไปยังแยกราชประสงค์ ระยะทางประมาณ 2.7 กิโลเมตร และมีกิจกรรมแปรอักษรเป็นรูปตัวอักษร ห. เพื่อเรียกร้องถึง สว. ให้ “เห็นหัวประชาชน”
.
ขบวนเริ่มเคลื่อนตัวออกจากแยกอโศกมนตรีเวลา 17.13 น. เดินไปทางถนนสุขุมวิท ไปถึงบริเวณแยกราชประสงค์ เวลา 18.16 น. จากนั้นเวลา 18.33 น. ผู้ชุมนุมเริ่มทำกิจกรรมแปรอักษรเป็นรูป ห. บนถนนราชดำริ เรียกร้อง สว. เห็นหัวประชาชน เคารพเสียงของประชาชน โดยมีผู้เข้าร่วมกิจกรรมประมาณ 1,500 คน ช่วงท้ายกิจกรรม สมบัติอ่านบทกวี มีใจความว่า อำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน แต่กลับถูกผู้มีอำนาจเข้ามาแย่งไป เป็นเวลากว่าหลายปีกว่าจะได้เลือกตั้ง เมื่อได้เลือกตั้งแล้วก็ยังมี สว. ซึ่งเปรียบเสมือนลูกติดของ คสช. เข้ามาโหวตสวนเจตจำนงของประชาชน ด้วยเหตุนี้ประชาชนจึงต้องมาแสดงจุดยืนว่าอำนาจเป็นของปะชาชน จากนั้นจึงประกาศยุติการชุมนุมเวลา 18.55 น.
.
การชุมนุม #พร้อม2 เป็นการชุมนุมต่อเนื่องจากการชุมนุม #พร้อม เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2566 ที่แยกอโศกมนตรี เพื่อประกาศว่า อำนาจอธิปไตยเป็นของประชาชน กิจกรรมหลักในการชุมนุมเมื่อวันที่ 23 คือการปราศรัยและการแปรอักษรเป็นรูปตัวอักษร ค.
.
ลำดับเหตุการณ์
.
เวลา 15.52 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ใกล้แยกราชประสงค์) ประตูสำนักงานตำรวจแห่งชาติเปิดทางเข้าหนึ่งฝั่ง เริ่มมีการวางรั้วเหล็กและลวดหนาม มีการคลุมผ้าใบที่พระบรมฉายาลักษณ์และบนป้ายสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่หน้าประตู
.
ด้านในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีตำรวจควบคุมฝูงชนประมาน 20 นายเตรียมตัวตั้งแถวอยู่ข้างใน
.
เวลา 16.32 ที่บริเวณแยกอโศกมนตรี บนทางเชื่อมสกายวอล์คพบตำรวจนครบาลยืนกระจายตัวกันไม่น้อยกว่า 10 นาย กระจายตัว
.
เวลา 16.38 น. สมบัติ บุญงามอนงค์ ให้สัมภาษณ์กับสื่อถึงวัตถุประสงค์ของกิจกรรม โดยมีใจความว่าขอให้นักการเมืองยึดมั่นในหลักการประชาธิปไตย
.
เวลา 16.45 น. ที่แยกอโศกมนตรี บริเวณสถานีรถไฟฟ้าสุขุมวิท มีเจ้าหน้าที่ในเครื่องแบบประมาณ 20 นาย ประจำอยู่บริเวณเกาะกลางถนน ส่วนผู้ชุมนุมจำนวน 150-200 คน กระจายตัวอยู่ทั้งบนสกายวอล์คและริมถนนฝั่งทางเข้า mrt สุขุมวิท
.
ตามบริเวณรถไฟฟ้า BTS สถานีอโศก และตามเสาต่างๆ มีใบปลิว “ประกาศจับ สว.” ติดอยู่หลายจุด ในใบปลิวมีภาพของ สว. และข้อความสั้นๆ อาทิ ภาพของ สมชาย แสวงการ พร้อมข้อความ จะรับใช้เผด็จการหรือทำตามเสียงของประชาชน
.
เวลา 17.00 น. ผู้ชุมนุมเริ่มรวมกลุ่มที่แยกอโศก บางรายถือรูปหรือป้ายข้อความต่างๆ เช่น รูปพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ป้าย respect my vote ป้ายสว.ฟังเสียงประชาชน พร้อมส่งเสียง “พิธา สู้ๆ”
.
เวลา 17.05 ธัชพงศ์ แกดำ หรือบอย ประกาศว่า ใครที่จะร่วมเดินชบวนให้ไปรับแตรเพื่อใช้บีบระหว่างทาง พร้อมบอกว่าใครจะร่วมเดินให้ไปต่อแถวตั้งขบวน หัวแถวอยู่ตรงหัวถนนรัชดาฝั่งมุ่งหน้าแยกเพชรบุรี โดยหัวขบวนนำโดยคณะราษดรัม มีผู้ชุมนุมเริ่มเข้ามารวมขบวนประเมาณ 700-800 คน
.
เวลา 17.10 น. รถเครื่องเสียงเข้าพื้นที่แยกอโศกมนตรี
.
เวลา 17.13 น. บริเวณแยกอโศก ขบวนเริ่มเคลื่อนตัวโดยจะเดินจากถนนสุขุมวิท มุ่งหน้าไปยังแยกราชประสงค์ ระยะทางประมาณ 2.7 กิโลเมตร ขนานไปกับรถไฟฟ้า BTS โดยมีรถเครื่องเสียงนำขบวน
.
ระหว่างเดินขบวนผู้ชุมนุมถือป้ายภาพหรือข้อความต่างๆ และบีบแตรที่ได้รับแจกก่อนตั้งขบวนประกอบการเดิน
.
เวลา 17.17 น. บริเวณสถานีรถไฟฟ้า BTS อโศก ผู้ชุมนุมเดินขบวนโดยใช้พื้นผิวถนนสองช่องทาง และยังเว้นสองช่องทางขวาสำหรับการจราจรอยู่ ขณะเดินขบวน ผู้ชุมนุมชูสามนิ้วพร้อมตะโกนว่า “สว.ออกไป” มีเจ้าหน้าที่ตำรวจยืนเรียงประกบขบวนควบคุมการจราจรพร้อมบอกให้ผู้ชุมนุมระวังรถ และมีผู้ร่วมขบวนบางส่วนขับรถจักรยานยนต์และบีบแตรไปด้วย
.
เวลา 17.23 น. ที่บริเวณหน้าห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์ มีตำรวจสังกัดกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บก.น.) ยืนอยู่หกนาย และมีตำรวจจราจรตรงทางเข้าที่จอดรถแปดนาย
.
เวลา 17.41 น. บริเวณหัวขบวนเคลื่อนไปถึงซอย สุขุมวิท 2 ขณะที่กลางขบวนอยู่บริเวณโรงแรมแลนด์มาร์ค ระหว่างเดินขบวนผู้ชุมนุมชูสามนิ้วและตะโกนถ้อยคำประนามศาลรัฐธรรมนูญและสว. ในเวลาดังกล่าว มีผู้เข้าร่วมเดินขบวนอย่างน้อย 1,300 คน
.
เวลา 18.13 น. บริเวณต้นขบวนเคลื่อนมาถึงบริเวณสถานีรถไฟฟ้า BTS ชิดลม สมบัติ ประกาศผ่านขบวน ใจความว่า พวกเราเป็นตัวแทนพี่น้องประชาชน มาขับไล่บรรดาลูกสมุนของ คสช. เช่น สว. ชุดพิเศษ 250 คน ที่เป็นปรปักษ์ ขัดขวางตัดสินใจของประชาชนที่แสดงออกผ่านการเลือกตั้งเมื่อ 14 พฤษภาคม 2566
.
เวลา 18.14 น. ท้ายขบวนถึงสถานีรถไฟฟ้า BTS สถานีชิดลม มีป้ายไวนิลขึงบนแผงเหล็กตั้งอยู่ ระบุข้อความว่า “โปรดหลีกเลี่ยงเส้นทางข้างหน้า เนื่องจากมีการชุมนุม” และมีป้าย “หยุดตรวจ” ตั้งอยู่บนพื้นผิวถนนชิดบาทวิถี บริเวณจุดตรวจพบเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ต่ำกว่า 20 นาย โดยหลายนายติดกล้อง go pro บนเสื้อ
.
เวลา 18.16 น. หัวขบวนเคลื่อนมาถึงบริเวณแยกราชประสงค์ บริเวณสกายวอล์คแยกราชประสงค์ มีการแขวนป้ายผ้าระบุข้อความว่า “เผด็จการจงพอนาศประชาธิปไตยจงเจริญ” โดยหัวขบวนเคลื่อนไปเรื่อยๆ มุ่งหน้าไปทางห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์ และไปหยุดที่สะพานลอยทางเชื่อมห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์-บิ๊กซี ราชดำริ ในเวลา 18.22 น.
.
เวลา 18:28 น. ผู้ชุมนุมบางส่วนนำแบริเออร์ที่ตั้งอยู่ตรงเกาะกลางถนนออกไปตั้งไว้ที่ริมฟุตบาท เพื่อเคลียร์พื้นผิวถนนราชดำริสำหรับการแปรอักษร ด้านสิรภพ อัตโตหิ หรือแรปเตอร์ จากกลุ่มเสรีเทยย์พลัส ประกาศผ่านเครื่องขยายเสียง ให้ผู้ชุมนุมรวมกันที่แยกราชประสงค์ และเวลา 18.33 น. ประกาศให้ผู้ชุมนุมเข้ามายืนบนเส้นที่ทีมงานนำชอล์กมาขีดเส้นไว้ เพื่อแปรอักษร
.
เวลา 18.39 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจนครบาล กระจายตัวอยู่บนสกายวอล์ก ฝั่งเกษรพลาซ่า และหน้าห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์
.
เวลา 18.43 น. ที่บริเวณแยกราชประสงค์ ผู้ชุมนุมแปรอักษรเป็นตัว ห. โดยมีผู้เข้าร่วมชุมนุมประมาณ 1,500 คน
.
เวลา 18.46 น. สมบัติ บุญงามอนงค์ ขึ้นอ่านบทกวีบนรถเครื่องเสียง ที่จอดอยู่บริเวณแยกราชประสงค์ บทกวีมีใจความว่า อำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน แต่กลับถูกผู้มีอำนาจเข้ามาแย่งไป เป็นเวลากว่าหลายปีกว่าจะได้เลือกตั้ง เมื่อได้เลือกตั้งแล้วก็ยังมี สว. ซึ่งเปรียบเสมือนลูกติดของ คสช. เข้ามาโหวตสวนเจตจำนงของประชาชน ด้วยเหตุนี้ประชาชนจึงต้องมาแสดงจุดยืนว่าอำนาจเป็นของปะชาชน
.
เวลา 18.53 น. สิรภพ ประกาศผ่านเครื่องขยายเสียง ระบุว่าการแปรอักษรเป็นรูป ห. วันนี้ เป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ว่าให้ “เห็นหัวประชาชน เห็นหัวเราบ้าง” และขอให้ผู้ชุมนุมช่วยกันเปิดแฟลชโทรศัพท์และชูขึ้นมา
.
เวลา 18.55 น. สมบัติ ประกาศผ่านเครื่องขยายเสียง ขอบคุณประชาชนที่มาร่วมกันแปรอักษรส่งข้อความไปถึง สว. ให้เห็นหัวประชาชนที่เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตย เราจะไม่ยอมให้ สว. ลูกติดคสช. มาขี่คอประชาชน ขอให้พวกรอคอยการนัดหมายกิจกรรมครั้งที่สาม กิจกรรมวันนี้ประกอบด้วยแปรอักษรและแปรขบวน ครั้งหน้าหวังว่าจะเดินได้ยาวกว่านี้ จากนั้นจึงประกาศยุติการชุมนุม
.
เวลา 19.00 น. ผู้ชุมนุมช่วยกันลากแบริเออร์ที่นำไปไว้ริมฟุตบาท กลับมาตั้งที่เกาะกลางถนนตามเดิม และการจราจรเริ่มกลับมาปกติในเวลา 19.05 น.
.
Kan Sangtong

ภาพบรรยากาศ ม็อบ #พร้อม2 29 ก.ค.66



 

สว.ห.ค. คืออะไร


Suchart Sawadsri
8h
·
สว.ห.ค. คืออะไร
มหากวีท่านไหนจะอาสาให้คำตอบ
สว.นั้นทราบกันแล้วว่าคือ "สมาชิกวุฒืสภา"
แต่ ห.ค.นี่สิ มันคืออะไร
.....

Worst case scenario สำหรับก้าวไกล -- อาจไม่ใช่แค่ถูกยุบพรรค แต่สส.151 คนของก้าวไกลอาจถูกตัดสิทธิ์ด้วย


ภาพจาก Somchai Makmee
.....
Puangthong Pawakapan
1d
·
ยังไงพรรคก้าวไกลก็คงไม่ได้ร่วมรัฐบาล ขอมองข้ามช็อตไปยัง worst case scenario สำหรับก้าวไกลเลยดีกว่า -- อาจไม่ใช่แค่ถูกยุบพรรค แต่สส.151 คนของก้าวไกลอาจถูกตัดสิทธิ์ด้วย
ความพยายามขัดขวางไม่ให้ก้าวไกลเป็นรัฐบาลปรากฏขึ้นทันทีหลังการเลือกตั้ง ทั้งกลวิธีนอกสภาและในสภา แต่ครั้งนี้ฝ่ายอำมาตย์จะไปไกลถึงขั้นไม่ให้คนกลุ่มนี้ได้มีพื้นที่ในรัฐสภาอีกต่อไป ไม่ว่าจะในฐานะรัฐบาลหรือพรรคฝ่ายค้าน
กรณีที่น่าเป็นห่วงที่สุดของพรรคก้าวไกลอาจไม่ใช่กรณีหุ้น ITV ของคุณพิธา แต่คือกรณีที่อดีตพุทธอิสระร้องเรียนต่อศาลรัฐธรรมนูญว่านโยบายแก้ไขมาตรา 112 ของก้าวไกลเข้าข่ายความพยายามล้มล้างระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขหรือไม่ ซึ่งหลายฝ่ายมองว่ามีความเป็นไปได้สูงมากว่าตลก.รธน.จะตัดสินว่าผิดจริง
หากดูแนวทางการตัดสินที่ผ่านมาในกรณีข้อเสนอ 10 ข้อให้ปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ของกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุมเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2563 ซึ่งมีเรื่องการยกเลิกมาตรา 112 ด้วย ว่ามีเจตนาล้มล้างการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ก็จะยิ่งที่ให้ความกังวลข้อนี้มีน้ำหนักมากขึ้น
หากตลก.รธน.มีมติว่าพรรคก้าวไกลผิดจริง กกต.ก็จะรับลูกต่อด้วยการยื่นให้ ตลก.รธน. ยุบพรรค และอาจมีข้อเสนอเพิ่ม ให้ตัดสิทธิ์ทางการเมืองของ สส.ทั้ง 151 คนด้วยเหตุผลว่า บุคคลเหล่านี้ล้วนเห็นด้วยและสนับสนุนนโยบายมาตั้งแต่ช่วงการหาเสียงเลือกตั้ง พูดอีกอย่างคือ เป็นผู้สมรู้ร่วมคิดกับนโยบายนี้ จึงมีความผิดเช่นกัน
อะไรคือเหตุผลที่เครือข่ายอำมาตย์ต้องใช้ยาแรงกับก้าวไกล?
ก็เพราะ 4 ปีที่ผ่านมา ก้าวไกลได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า แม้ว่าพรรคอนาคตใหม่ได้ถูกยุบ กรรมการบริหารถูกสิทธิ์ แม้ว่าพรรคจะถูกอภินิหารคะแนนเขย่งของ กกต. แม้ว่าจะเจองูเห่ากินกล้วย จนเหลือ สส. เพียง 53 คน แต่พวกเขาก็สามารถใช้เวทีรัฐสภาสร้างความเสียหายให้กับฝ่ายอำมาตย์
- อภิปรายเรื่องงบสถาบันกษัตริย์
- อภิปรายเรื่องตั๋วช้างในวงการตำรวจและอำนาจที่มองไม่เห็น
- อภิปรายสารพัดเรื่องเกี่ยวกับกองทัพ กอ.รมน.
- อภิปรายเรื่องการจับกุมเยาวชนกับมาตรา 112
ฯลฯ
ก้าวไกลทำให้ประชาชนเห็นว่าปัญหาของประเทศนี้เป็นปัญหาระดับโครงสร้าง ไม่ใช่เรื่องของผู้นำไม่กี่คน ทำให้ประชาชนมีความหวังกับแนวทางรัฐสภา-การเลือกตั้งมากขึ้น และทำให้พรรคได้รับการสนับสนุนจากประชาชนอย่างคาดไม่ถึง
ฝ่ายอำมาตย์เห็นแล้วว่าลำพังแค่การยุบพรรค ไม่สามารถหยุดยั้งก้าวไกลได้ดังเช่นที่ผ่านมา ทั้งนี้ ตั้งแต่รัฐประหาร 2549 เป็นต้นมา ฝ่ายอำมาตย์ใช้สารพัดวิธีเพื่อเล่นงานพรรคการเมืองของฝ่ายทักษิณจนอ่อนเปลี้ย จนพวกเขาจำต้องสยบยอม ไม่แตะต้องกลไกอำนาจของฝ่ายอำมาตย์ ไม่ใส่เรื่องเหล่านี้ไว้ในนโยบายหาเสียงของตนเอง – ไม่ว่าจะเป็นกฎหมายเกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์ กองทัพ ศาล องค์กรไม่อิสระทั้งหลาย –
พวกเขาเขียนรัฐธรรมนูญ 2550 และ 2560 เพื่อทำให้กลไกรัฐสภาและการเลือกตั้งไม่สามารถสะท้อนความต้องการของประชาชนได้อย่างแท้จริงอีกต่อไป ทำให้การเลือกตั้งเป็นเพียงพิธีกรรม เป็นเพียงเครื่องทรงอันสง่างามของระบอบอำมาตย์เท่านั้น, เลี้ยงพรรคการเมืองเลว ทำลายพรรคการเมืองดี ข่มขู่ด้วยการยุบพรรค-ตัดสิทธิ์นักการเมือง
พวกเขาทำแบบเดียวกันกับพรรคอนาคตใหม่ และก็หวังว่าคนของพรรคนี้จะรู้จักเจียมเนื้อเจียมตัวก้มหัวให้กับตน แต่กลับกลายเป็นตรงกันข้าม พรรคก้าวไกลได้ประกาศว่าพวกเขาเตรียมตัวกับเรื่องนี้มาตลอด หากถูกยุบพรรค พวกเขาก็มีคนที่พร้อมจะก้าวเข้ามารับภารกิจต่อ ส่วนกรรมการบริหารพรรคชุดเก่าก็สามารถหันไปทำงานผ่านกลุ่มก้าวหน้า หนุนเสริมพรรคได้อีก
ฉะนั้น พวกเขาจะปล่อยให้ก้าวไกลอีก 151 คนเป็นฝ่ายค้านที่ทรงพลังต่อไปอีกไม่ได้แล้ว นี่คือ the worst case scenario สำหรับก้าวไกลและประชาชน
อย่าคิดว่าฝ่ายอำมาตย์จะไม่กล้าทำ หนทางต่อสู้ของพวกเขาเขาเหลือไม่มากแล้ว และพวกเขาไม่สนใจเรื่องความชอบธรรมนานแล้ว

ในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา จากการวิเคราะห์ของ @naponjatu และ @kenlwrites พบว่า ประชาชนผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งจำนวนไม่น้อยเลือกผู้สมัคร สส.เขตจากพรรคการเมืองคนละพรรคกับที่ตนเลือกในแบบบัญชีรายชื่ออย่างมีนัยสำคัญ คนที่รักไม่ได้สังกัดพรรคที่ชอบเสมอไป


Napon Jatusripitak @naponjatu
“เลือกคนที่รัก เลือกพรรคที่ชอบ” จากการวิเคราะห์ของผมและ
@kenlwrites เราพบว่าในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ประชาชนผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งจำนวนไม่น้อยเลือกผู้สมัคร สส.เขตจากพรรคการเมืองคนละพรรคกับที่ตนเลือกในแบบบัญชีรายชื่ออย่างมีนัยสำคัญ คนที่รักไม่ได้สังกัดพรรคที่ชอบเสมอไป (1)


Assume ว่าส่วนต่างระหว่างคะแนนเขตกับคะแนนพรรคไม่ได้มาจากการกาผิดโดยไม่ได้ตั้งใจ หรือบัตรเสีย เราพบว่า #ก้าวไกล #เพื่อไทย และ #รวมไทยสร้างชาติ ได้รับอานิสงส์ในรูปแบบของคะแนนบัญชีรายชื่อที่เพิ่มขึ้นมาจากการ split ballot โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับ #ภูมิใจไทย และ #พลังประชารัฐ (2)

เมื่อเทียบพรรคที่ชนะสส.เขตกับพรรคที่ได้คะแนนบัญชีรายชื่ออันดับหนึ่งในแต่ละเขต เราพบปรากฏการณ์ #หนึ่งเขตสองพรรค (one constituency, two parties) ใน 186 จาก 400 เขต โดยที่ในบางพื้นที่พรรคที่ชนะเขตกับพรรคที่ชนะบัญชีรายชื่อมาจากคนละขั้วอุดมการณ์ เช่น รทสช.ชนะ 13 เขตที่กก.มาที่ 1 (3)


เราตีความว่าปรากฏการณ์นี้สะท้อนถึงกระแสความยึดโยงต่อพรรคการเมือง และอิทธิพล/ศักยภาพของผู้สมัครที่ไม่เท่ากันในแต่ละพรรค-แต่ละพื้นที่ ยกตัวอย่างเช่นบ้านใหญ่บางตระกูลที่สามารถเอาชนะได้ทุกเขตในจังหวัดโดยที่ก้าวไกลชนะบัญชีรายชื่อทั้งจังหวัด (4)


แต่คำถามสำคัญคือ นี่คือสัญญาณบ่งบอกถึงความเข้มแข็งของบ้านใหญ่ในการผูกขาดการเมืองในระดับพื้นที่ หรือหมายถึงการรอดมาได้แบบหืดขึ้นคอโดยอาศัยระบบเลือกตั้งแบบคู่ขนาน จะมีอะไรการันตีได้ว่ารอบหน้าจะไม่ถูกโค่นล้มเช่นเดียวกับบ้านใหญ่ในระยอง ชลบุรี และสมุทรปราการ (5)


 

เอ๊ะ! รีแบรนด์ รีฟอร์ม เพื่อไทย หรือเลือก…ทุบทิ้ง…ดีครับ ทักษิณ



เอ๊ะ! รีแบรนด์ รีฟอร์ม เพื่อไทย หรือเลือก…ทุบทิ้ง…ดีครับ ทักษิณ | ประกิต กอบกิจวัฒนา

มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 21 - 27 กรกฎาคม 2566
24 กรกฎาคม พ.ศ.2566

ปรากฏการณ์ที่พรรคก้าวไกลกลายเป็นพรรคแลนด์สไลด์แทนเพื่อไทย จากการเลือกตั้งในปี 2566 นั้น สำหรับผม นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีการส่งสัญญาณว่า พรรคเพื่อไทยกำลังกลายเป็นพรรคที่ไม่ตอบสนองต่อความรู้สึกที่เปลี่ยนไปแล้วของคนไทยต่อการเลือกผู้แทนของตนเอง

ทำไมผมคิดอย่างนั้น?

เพราะดูตัวเลขที่ workpointoday ได้ทำไว้ (อ้างจากเว็บไซต์ ที่ลงวันที่ 31 พฤษภาคม 2562) โดยเปรียบเทียบผลเลือกตั้งปี 2554 กับปี 2562 แบบรายภาค โดยเฉพาะในภาคที่เพื่อไทยเคยยึดครองมาตลอด คือ ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ภาคเหนือ ตัวเลขที่นั่งในปี 2554 พรรคเพื่อไทยกวาด ส.ส.เขตไปหมด 8 จังหวัด จาก 9 จังหวัด ได้มา 35 ที่นั่ง คิดเป็น 97% แต่ในปี 2562 แม้พรรคเพื่อไทยคงครองแชมป์จำนวน ส.ส.เขตก็ตาม แต่ตัวเลขของสัดส่วนที่นั่งลดลงอย่างมีนัยยะ คือได้มา 25 ที่นั่งจาก 33 ที่นั่ง คิดเป็น 76% เมื่อกลับไปเทียบกับปี 2554 ก็เท่ากับลดลงไปกว่า 20% เพราะถูกพรรคอนาคตใหม่ได้ไป 5 ที่ และพลังประชารัฐได้ไป 3 ที่

ภาคอีสาน ฐานที่มั่นหลักของพรรคเพื่อไทย แม้สามารถกวาดที่นั่ง ส.ส.ไปถึง 104 ที่นั่ง จากทั้งหมด 126 ที่นั่งในปี 2554 แต่เมื่อเทียบกับตัวเลขที่นั่งที่ได้ในปี 2562 กลับลดลงเหลือ 84 ที่ เพราะถูกหลายพรรคแบ่งเค้กไป ไม่ว่าจะเป็นภูมิใจไทย พลังประชารัฐ พรรคอนาคตใหม่

และผมขอย้ำ พรรคเพื่อไทยไม่เคยเป็นแชมป์ครองที่นั่ง ส.ส.เขตในเมืองหลวงของประเทศเลย เพราะปี 2554 แชมป์จำนวน ส.ส.เขตใน กทม. เป็นของประชาธิปัตย์ คือ 23 ที่ เพื่อไทยได้ไป 10 ที่นั่ง เมื่อเทียบกับการเลือกตั้งปี 2562 ที่แม้ประชาธิปัตย์จะสูญพันธุ์ใน กทม. แต่เพื่อไทยก็ไม่ได้ที่นั่งเพิ่มขึ้น กลับลดลงเหลือ 9 ที่ เพราะถูกอนาคตใหม่แบ่งไปอีก 9 ที่นั่ง

(คงไม่ต้องให้ผมย้ำตัวเลขที่นั่ง ส.ส.เขตในการเลือกตั้งปี 2566 ใช่ไหมว่า เพื่อไทยได้ไปกี่ที่ : D)

บรรดาโหวตเตอร์เพื่อไทยอาจจะหงุดหงิด และแย้งว่า ก็วิธีการแบ่งเขต และกฎกติกาในการให้ไปออกสิทธิใช้เสียงที่กำหนดโดย กกต. มันเปลี่ยนไป จะเอาการเปรียบเทียบแบบนั้นมาใช้อ้างไม่ได้

แต่แน่ใจหรือครับว่านั่นคือเงื่อนไขหลัก

สำหรับผมในฐานะคนใช้สิทธิออกเสียงที่รู้ตัวดีว่าอำนาจในการออกเสียงของเรานั้นมันสั้นมาก แค่ช่วงเวลาเฉพาะที่เราอยู่ในคูหา ผมไม่คิดว่ากฎกติกาเหล่านั้น เป็นตัวแปรหลักในการส่งให้เพื่อไทยได้ที่นั่ง ส.ส.ลดลงเรื่อยๆ

แต่เพราะ “ความเป็นเพื่อไทย” แบบที่คนในพรรค กระทั่งเจ้าของพรรคคุ้นชินจน “มองข้ามคุณค่าของโหวตเตอร์” ไปต่างหาก ที่ผมคิดว่าคือปัจจัยสำคัญ

“เพื่อไทย” แบรนด์ที่ไม่ “คูล”
แต่กลับดู “เชย cheugy” สำหรับยุคหลังโควิด


เวลาที่คนเพื่อไทยพูดถึงนโยบายการหาเสียง แบบที่ใช้กันมาตลอด เพราะเชื่อว่า กินใจประชาชน ตั้งแต่ยุคยังเป็นไทยรักไทย ก็คือ “ปากท้องของประชาชนต้องมาก่อน” โดยชูนโยบายด้านเศรษฐกิจเป็นหลัก เพราะเห็นความสำเร็จไม่ว่าจะเป็น “กองทุนหมู่บ้าน” “โอท็อป” “รถคันแรก” “บ้านเอื้ออาทร” “รับจำนำข้าว” และเรื่องที่เอามาขายได้ไม่มีวันเบื่อคือ 30 บาทรักษาทุกโรค ที่กลายเป็นนโยบายที่ทำให้ทักษิณ ชินวัตร จนมาถึงยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นที่รักของชาวบ้านอย่างยิ่ง

คำถามคือ แนวคิดการทำนโยบายแบบประชานิยมเหล่านี้ที่เคยได้ผล ทำไมมาถึงยุคหลังโควิด มันกลับไม่จับใจมวลชน โดยเฉพาะคนรากหญ้าอีกแล้ว

ทั้งที่ในการประกาศนโยบายล่าสุด เพื่อหวังจะแลนด์สไลด์ของเพื่อไทย คือ แจกเงินดิจิทัล 10,000 บาทสำหรับทุกคนในประเทศที่อายุ 16 ปีขึ้นไป กลับทำให้คนส่วนใหญ่ “ไม่ซื้อ”

ส่วนหนึ่งที่ทำให้นโยบายเหล่านี้ไม่เข้าไปนั่งในใจของคนหลายกลุ่มในสังคม ก็เพราะสังคมมีความหลากหลายมากขึ้นนั่นแหละ การแบ่งช่วงวัยของคนออกเป็นเจนต่างๆ สะท้อนว่า คนแต่ละวัยมีความคิด ความเชื่อ และแรงปรารถนาในการใช้ชีวิตต่างกัน โดยเฉพาะหลังโควิด ที่แนวคิดในการใช้ชีวิตของคนเปลี่ยนไปมากจริงๆ การทำการตลาด ทำโฆษณา ทำแบรนด์ต่างๆ ก็พากันต้องปรับแนวคิด ปรับกลยุทธ์กันหมด ยกเครื่องวิธีคิดเดิมๆ ทิ้งกันไปก็มาก

ส่วนเพื่อไทยก็ยังพูดแบบเดิมๆ ย้ำทุกครั้งด้วยความเชื่อว่า “ถ้าประชาชนอิ่มท้อง การปรับเปลี่ยนโครงสร้างก็ตามมาเอง” ไม่มีอะไรที่สะท้อนว่าพรรคเข้าใจถึงความเปลี่ยนไปแล้วของผู้คนในสังคมทุกวันนี้ที่สามารถสื่อสารข้อมูลถึงกันได้อย่างรวดเร็วผ่านสารพัดแพลตฟอร์มดิจิทัล จนคนคิดได้ว่า ถ้าโครงสร้างสังคมยังคงแบบเดิม ปากท้องของคนจะอิ่มได้จริงหรือ

เปลี่ยนสโลแกนกี่ครั้ง
แต่ศูนย์กลางยังอยู่ที่ “เจ้าของพรรค”
จะรีแบรนด์ เพิ่มกี่พลัส กี่รีฟอร์ม ก็แพ้ต่อไป


เพื่อไทย ทำไมถึงยังไม่สามารถพลิกผันนโยบายและภาพลักษณ์ของพรรคให้เข้ากับ VUCA World ได้ ก็น่าสงสัยอยู่ ทั้งที่พรรคเพื่อไทยเคยมีการตั้งทีม เพื่อไทยพลัส ขึ้นมา เพราะหวังจะปรับแนวทางการทำงานให้เข้าถึงประชาชนมากขึ้น เมื่อปี 2562

แต่เราก็แทบไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงอะไรเลย มีแค่เปลี่ยนสโลแกนไปเรื่อยๆ เช่น “ประชาชนคิด เพื่อไทยทำ” มาเป็น “เพื่อไทย หัวใจคือประชาชน”

ผมเชื่อว่า เป็นเพราะจำนวนของคนในพรรคที่อายุมาก เคยชินกับการใช้วิธีหาเสียงแบบเก่า คงทำให้เสียงของคน “วัยพลัส” ทั้งหลายถูกกลบหายไป ด้วยวัฒนธรรมการทำการเมืองที่ผูกการตัดสินใจไว้กับคนไม่กี่คน และขาดความโปร่งใสในการสื่อสาร

การชูนโยบายต่างๆ ของเพื่อไทย แม้จะเห็นความพยายามที่จะกระจายไปให้ถึงคนกลุ่มต่างๆ แต่ปัญหาสำคัญคือ วิธีการสื่อสาร ที่ยังผูกติดยี่ห้อพรรคกับ “ตระกูลชินวัตร”

กลยุทธ์การส่งแพทองธาร ชินวัตร ขึ้นเวทีปราศรัย เพื่อเรียกขวัญ เพิ่มพลัง หวังให้ลูกค้ากลุ่มเดิมยังคงเชื่อในพรรค และสามารถเรียกลูกค้ากลุ่มใหม่ได้ด้วยนั้น กลายเป็นกลยุทธ์ที่ “ล้มเหลว” ด้วยตัวแปรจากแพทองธารเอง ทั้งความเชี่ยวชาญในการขึ้นปราศรัย และการไม่มีข้อมูลที่ทำให้คนฟังรู้สึกได้ว่า “ทำการบ้านมาอย่างดี” จึงใช้แพตเทิร์นเดิม ซ้ำๆ ทุกครั้งในการปราศรัยจนคนที่นั่งดูไลฟ์ปราศรัยบ่อยๆ อย่างผมทายได้เลยว่า จะพูดอะไรบ้าง ประโยคต่อไปจะเป็นอะไร ยังไม่นับความช้าในการปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ และการมีข้อมูลที่ไม่แม่นยำเพื่อนำมาใช้เป็นฐานในการทำการตลาด

เปรียบเทียบกับพรรคก้าวไกล สร้างแบรนด์ที่ทำให้ทุกคนรู้สึกว่าสามารถเข้ามามีส่วนร่วมในการเป็นเจ้าของพรรคได้ในหลายระดับผ่านการตลาดแบบ “ซองผ้าป่า” และทุกเวทีมีการทำการบ้าน พูดถึงนโยบายที่สอดคล้องกับปัญหาความเดือดร้อนของแต่ละจังหวัดอย่างชัดเจนและรวดเร็ว

ทำใจได้ไหมครับ ทักษิณ
ปล่อยมือ เพื่อไทย ให้เติบโต
เป็นองค์กรพรรคการเมืองอย่างแท้จริง


ทุกวันนี้ เทคโนโลยีที่เกิดขึ้นบนโทรศัพท์มือถือ ทำให้เราต้องยอมรับว่า การทำแบรนด์พรรคการเมือง ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ “แค่แจกกล้วย” เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว

ทุกคนสามารถเป็น “คอนเทนต์ครีเอเตอร์” ได้ทั้งนั้น เพียงแค่มีโทรศัพท์มือถือ

การทำพรรคการเมือง จึงต้องทำให้คนที่เป็นสมาชิกพรรครู้สึกและเชื่อมั่นว่า พรรคได้ให้พื้นที่สำหรับสมาชิกได้ส่งเสียง และรับฟังเสียงอย่างจริงใจ รวมทั้งมีกระบวนการตัดสินใจที่โปร่งใส ทำให้คนเชื่อถือได้ อย่างน้อยๆ ก็ต้องสามารถทำให้พรรคส่งเสียงไปในทางเดียวกันอย่างชัดเจน ไม่ใช่รั้งรอเพราะกำลังขอการตัดสินใจจากใครคนใดคนหนึ่ง

คำแนะนำสำหรับพรรคเพื่อไทย สั้นๆ จากผม คนทำแบรนด์

ได้เวลาทุบพรรคเพื่อไทยทิ้งแล้ว

นำบทเรียนจากการเลือกตั้งสองครั้งในช่วง 5 ปี มารื้อสร้าง และประกอบขึ้นใหม่ ปล่อยให้พรรคอยู่ในคนรุ่นใหม่ ให้พวกเขาเป็นฝ่ายนำ ทำพรรคให้กลายเป็นองค์กรการเมืองอย่างแท้จริง ซึ่งผมเชื่อว่า พรรคเพื่อไทยทำได้ เพราะมีต้นทุนที่ดีมาก เพียงแต่ต้องสลายวิธีคิดของคนในพรรคที่อยู่มานานจนเคยชิน ขี้เกียจปรับตัว เอ้ย ปรับตัวไม่ทัน (โทษๆ)

ด้วยความปรารถนาดีจริงจากใจ จากคนเคยโดนตราหน้าว่าเป็นครีเอทีฟควายแดงมาก่อนครับ •

ศัพท์ฮ๊อตวันนี้


Pavin Chachavalpongpun
17h

·
ผมว่านาทีนี้ น่าจะให้อุ๊งอิ๊งลองโทรไปหา อภิรัชต์ คงสมพงษ์นะครับ
ว่าเขายังรับสายอยู่หรือไม่
เพื่อให้ลบคำสบประมาทของชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ที่ว่า
คนที่เคยดีลไว้ไม่รับสายสักคน

ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ย้ำ ทักษิณยกเลิกกลับไทย เพราะผิดแผน! ดีลลับรั่ว กลายเป็น ดีลลวง?


ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์
14h
·
ผิดแผน! ทักษิณยกเลิกกลับไทย
.
หากใครคิดว่าทักษิณจะกลับมาไทย วันที่ 10 ส.ค. แล้วมี ตำรวจ เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ไปรับตัว และนำหมายศาลพาตัวเข้าเรือนจำเพื่อรับโทษ 3 คดี รวม 10 ปี ตามปกติ
.
ต้องถือว่าคิดผิด ไม่รู้ใจทักษิณ หากจะทำแบบนั้นจริงคงคิดได้ไปนานแล้ว ไม่ต้องรอถึง 15 - 16 ปี
.
ทักษิณออกจากไทยในสมัยอดีตนายกฯ สมัคร สุนทรเวช เมื่อปี พ.ศ. 2551 แล้วไม่กลับมาอีกเลย
.
ยิ่งจะมากลับเอาช่วงเดือนสิงหาคม 2566 ที่กำลังร้อนแรงเรื่องการโหวตหานายกฯ และจัดตั้งศูนย์อำนาจใหม่บริหารประเทศ
.
กำหนดการวัน 10 สิงหาคม จึงต้องมี “วาระพิเศษ” แน่นอน
.
ปกติในวันแรกเมื่อก้าวเท้าเข้าคุกทำประวัติ สามารถยื่นขอ “พระราชทานอภัยโทษส่วนบุคคล” ได้เลย ถือเป็นสิทธิของนักโทษทุกคน
.
แต่นี่เป็นเรื่องของ “คนธรรมดาที่กระทำผิดกฎหมาย”
.
ส่วนคนระดับ “นายกรัฐมนตรี” ที่กระทำผิดกฎหมาย หากใครคิดว่าจะเหมือนกันก็บ้าเต็มที
.
เอาเป็นว่าแม้แต่คนใหญ่คนโตไปทำผิดกฎหมายแล้วสู้ผิด กรมคุกยังต้องดูแลกันเป็นพิเศษ
.
อันเนื่องมาจากความปลอดภัยในคุก จะให้ไปปะปนกับนักโทษคนอื่นๆ ไม่ได้
.
เกิดมีนักโทษอยากดัง หรือพวกหมั่นไส้อยากทำร้าย กรมคุกก็ต้องรับผิดชอบ เพราะอยู่ในความควบคุมของตนเอง
.
แต่ “การขอพระราชทานอภัยโทษส่วนบุคคล” เป็นพระราชอำนาจของในหลวง
.
แม้นักโทษเด็ดขาดชายในคุกมีสิทธิ์ยื่นขอ แต่ไม่มีใครได้ ยกเว้นโทษที่เป็นความผิดต่อตัวพระองค์ท่าน คดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ หรือ ม.112 นั่นเอง
.
เมื่อมีการพระราชทานอภัยโทษส่วนบุคคลให้ มีธงนำเปิดทางไปที่คุก ได้รับอิสรภาพ
.
ถือเป็นพระกรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ ที่ในหลวงมีให้ต่อผู้ที่กระทำผิดต่อพระองค์ท่านเท่านั้น
.
คนทำผิดคดีทุจริต ปล้น ฉ้อโกง ทุกคดี แม้ยื่นขอได้ แต่ไม่เคยได้รับพระราชทานอภัยโทษส่วนบุคคล
.
หากมีใครไปบอกทักษิณว่าทำได้ ก็ต้องเป็นแผนหลอกให้ทักษิณเคลิ้ม
.
ในช่วงนี้พรรคเพื่อไทยเป็น “ตัวแปร”
.
หากเทไปข้างไหน ขั้วเก่า ขั้วใหม่ ก็ย่อมได้อำนาจ
.
คนระดับอดีตนายกฯ จากบ้านไป 16 ปี ย่อมต้องการกลับมาบ้านเกิดเป็นเรื่องปกติ แต่ครั้นจะกลับมาโดยไม่มีอำนาจคงกลับมานานแล้ว ไม่ต้องมากลับเอาช่วงนี้
.
เกมแห่งอำนาจ แลกเปลี่ยนผลประโยชน์ หากไม่มั่นใจทักษิณไม่กลับแน่นอน
.
จึงบอกได้ว่า 4 สิงหาคมนี้ ต้อง “ยื้อ” ดึงเช็งสุดฤทธิ์
.
ตอนนี้ขอถอยไปตั้งหลักก่อน ยกเลิกแผนกลับไทยไม่มีกำหนด จนกว่าจะตั้งรัฐบาลลงตัว
.
ส่วนใครว่าผม “เพ้อเจ้อ” ผมไม่โกรธหรอกครับ เข้าใจดีว่าคุณอุ๊งอิ๊งอยากให้คุณพ่อกลับบ้าน เป็นเรื่องของความกตัญญู
.
ส่วนผมพูดในฐานะคนไทยคนหนึ่งเท่านั้น
.....
ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์
นี่ไงแผนบิ๊กป้อมถอย เตรียมรับตำแหน่งใหญ่ รองนายกฯ และรัฐมนตรีมหาดไทย
บิ๊กป้อม หัวหน้าพลังประชารัฐ ดันน้องชาย "พัชรวาท" นั่งประธานที่ปรึกษาพรรค ด้าน ไพบูลย์ แถลง พปชร. ตั้งกก.บห.พรรค https://www.khaosod.co.th/politics/news_7789556