วันเสาร์, ธันวาคม 31, 2565

เค้าท์ดาวน์วันนี้ ถนนข้าวสารคึกคัก ทว่านักท่องเที่ยวจีนจะทะลักเข้าหลัง ๘ มกรา สา’สุขเพิ่งกำหนดประชุมรับมือ ๕ มกรา เริ่มมาตรการได้ก็โน่น ๙ มกรา

วันนี้สิ้นปี สถานีขนส่งคึกคักมาได้สองวันแล้ว คนไทยในกรุงมุ่งกลับภูมิลำเนา เช่นกันกับฝรั่งต่างชาติพลุกพล่านถนนข้าวสาร ทั้งที่ “รอร่วมกิจกรรมเคานต์ดาวน์” และรอรถบัสทัวร์เดินทางต่อไปยังจุดท่องเที่ยวทั้งเหนือและใต้

THE STANDARD รายงานเมื่อ ๓๐ ธันวา ว่า “นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้กำลังรอรถจากบริษัททัวร์ เพื่อเตรียมเดินทางต่อไปตามจังหวัดภาคเหนือ เช่น จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย และทางภาคใต้ตามหมู่เกาะต่างๆ เช่น เกาะพะงัน เกาะเต่า และเกาะลันตา”

ทว่า อีกโสต “คาดนักท่องเที่ยวจีนทยอยเข้าไทย” หลังกำหนดจีนเปิดประเทศ ๘ มกรา  “มา ๖ หมื่นคน กุมภา ๙ หมื่น มีนาอีกแสนครึ่ง” แต่ว่าในภาวะการณ์ที่ไวรัสโควิด-๑๙ กลับมาระบาดใหม่อีกระลอก ภาคเอกชนเป็นกังวลต่อสาธารณสุข

@DrBorisutH อ่านมาตรการรับมือจีนเปิดประเทศ ของชาติต่างๆ เห็นญี่ปุ่นเจาะจงตรวจนักท่องเที่ยวจีนเป็นพิเศษ อินเดียเอาด้วย ตรวจหมดทั้งจีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และไทย อเมริกาเพิ่งประกาศว่าถ้าเป็นนักท่องเที่ยวจากจีนผลตรวจเป็นลบถึงจะให้เข้า

ไทยประกาศเหมือนกันหลายวันแล้วว่าจะเปิดอ้าซ่า ถ้าจีนแห่กันมาเที่ยวไทย ครั้นโดนประชาชนบ่นก่นด่ามาตลอดอาทิตย์ สาสุขจึงได้ขยับนิดๆ บอกว่ากำลังคิดจะเสนอมาตรการใหม่ ให้นักท่องเที่ยวทุกคนที่เข้าไทย ต้องมีผลตรวจแบบ เอทีเคเป็นลบ

@shutup2557 จึงสะกิด ว่าผลเอทีเคที่ตรวจจากจีนภายใน ๔๘ ชั่วโมงก่อนมาถึงไทยนั้น “น่าเชื่อถือตายห่าล่ะ...หลายประเทศเขาตรวจด้วย RT-CPR” แม้นว่ากำหนดต้องได้รับวัคซีนมาแล้ว ๒ เข็ม และประกันสุขภาพที่ครอบคลุมโควิดด้วย

แต่ข้อเสนอนี้จะนำเข้าที่ประชุมในวันพฤหัสบดีที่ ๕ มกราคม หมอบริสุทธิ์ หาญพานิช ชี้ว่าถ้าสรุปผลตามที่เสนอได้ในวันนั้น กว่าจะออกมาตรการ “เร็วที่สุดตามเวลาราชการ” ก็โน่น ๙ มกราซึ่งเป็นวันจันทร์ หลังจากนักท่องเที่ยวจีนทะลักออก ๑ วัน

“และตอนนี้มึการจองตั๋วจองทัวร์เข้าไทยเรียบร้อยไปหมดแล้ว Bivalent mRNA ที่กัน #COVID19 ยุคปัจจุบัน ไทยก็ยังไม่สั่งคิดอย่างเดียวตอนนี้ อยากเปลี่ยนผู้นำประเทศ

(https://www.facebook.com/thestandardth/posts/JyhpLDQj) 

รมว. ‘ลูกท้อป’ จ่อฟันอธิบดีเก็บส่วย แต่ก็ “ละล้าละลังจังเลย” หรือจะแหยงเรื่องเก่าที่เคยติดร่างแห ๓๐๐ ล้านกับเขาด้วย

ลูกท้อป มาไกลมากแล้ว จากเริ่มเป็นรัฐมนตรีเมื่อปี ๖๒ ก็เจอมรสุม เหลือเวลาอีกเกือบปียังต้องประกาศ “จะสามารถกู้คืนภาพลักษณ์ของกระทรวงทรัพยากรฯ กลับคืนมาได้” ก็มันให้ติดกึกติดกักกับไอ้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช นี่ละ

ตอนเข้าเป็น รมว.กระทรวงทรัพยากรฯ ใหม่ๆ เจอข้อร้องเรียน “ว่าอธิบดีกรมอุทยานฯ ในขณะนั้นเรียกเก็บส่วยถึง ๖๐๐ ล้านบาท และจ่ายไปแล้ว ๓๐๐ ล้านบาทให้แก่วราวุธ ศิลปอาชา” นั่นเอง ซึ่งเขารอดปากเหยี่ยวปากกามาได้

พอดีตอนนั้นคนปูดอยู่ในแถวเดียวกัน คนใหญ่คนโตในแถบ ป่ารอยต่อรับไม่ได้ ที่จะให้เด็กในพรรคเดียวกันออกมาฟัดรัฐมนตรีที่ยังซิงๆ เรื่องที่อดีตผู้สมัคร ส.ส. พปชร.เขตบางขุนเทียนร้องเรียนนายธัญญา เนติธรรมกุล นั้น

ลูกท้อปชี้แจงว่า “ถ้าเป็นจริง อธิบดีเหลือเวลาอีก ๖ เดือน ต้องหาเงินเดือนละ ๑๐๐ ล้านบาท ถ้าใช้สมองคิด ก็จะเห็นได้ว่าเป็นไปไม่ได้” แน่จริงเอาหลักฐานมายัน แต่ “สิ่งที่ท่านนำมาพูด ตนจะนำไปเป็นหลักฐานในการฟ้องร้องหมิ่นประมาท”

หลังจากเงียบไป ๓ ปี จู่ๆ ตอก็ผุดอีก หากตรองตามข้อคิดของ @vanchaitan1961 ที่ว่า “คนปูดข่าวฉลาดมาก เพราะฝ่ายตรงข้ามร่วงกันหลายคน คนไม่ร่วงก็ไม่กล้าเคลื่อนไหว เพราะมีเรื่องนี้กดอยู่” ก็ต้องตรึก เมื่อคนปูดมีชนักอุ้มหายกะเหรี่ยงนักกิจกรรม

อย่างไรก็ดี เรื่องอธิบดีคนนี้ที่ตีหน้าตาย ไม่ได้เปิดซองไม่รู้ข้างในเป็นอะไร เข้าข่ายข้อสังเกตุของ วันชัย ตันฯ อีกประเด็น “คิดว่าอธิบดีเก็บเงินไว้คนเดียว หรือส่งต่อใคร โดยเฉพาะช่วงใกล้เลือกตั้ง” ความอึมครึมก็เลยยังปกคลุมอยู่

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “คนนี้ได้ตำแหน่งเพราะใบสั่งจากผู้ยิ่งใหญ่” งั้นถ้าได้อ่านทวี้ต ถือแถน @pran2844 ก็จะระแคะระคายว่า “ตอนนี้ทั้งผู้ให้และผู้เรียกรับ นัดคำให้การกันว่า เงินที่พบในห้องอธิบดีไม่ใช่เงินเรียกรับผลประโยชน์

แต่เป็นเงินที่หน่วยต่างๆ รวบรวมเงินบริจาคมาเพื่อเอาไปช่วยเหลือคนที่ถูกช้างป่าเหยียบตายแถวป่ารอยต่อภาคตะวันออก” เอ้า มันลึกล้ำเข้าไปอีกคืบ ถึงอย่างนั้นยังมีคนเถียง ถือแถน ทันควัน @zimzalabimjj ว่า “ไม่จริงค่ะ...

นี่สายตรงหาเพื่อนเลย เป็นเงินส่วยจริงๆ ค่ะ ใครไม่จ่ายโดนย้ายค่ะ กลั่นแกล้งสารพัด ตำแหน่งเก้าอี้พวกหัวหน้า อช. หลักล้านนะคะที่ซื้อขายกัน วันนั้นก็มีเพื่อนเอาเงินเข้าไปให้ค่ะ” คนปูดเขาก็บอกว่ารู้ดีเพราะเอาเงินไปให้อธิบดีกับมือเช่นกัน

ฟังขึ้นว่ามันมีการ เรียกเก็บ เป็นกระบวนการ รมว.บอกว่าจะฟันก็ฟันไปสิ ทำไมถึงได้แก้ตัวอย่างสั่วๆ ว่าตัวเองมีอำนาจแค่สั่งการลงไปถึงปลัดกระทรวงกับอธิบดีเท่านั้น ล้วงลึกลงไปถึงระดับ ผอ.หรือสำนักอุทยานไม่ได้ ไม่งั้นจะผิดอาญา ม.๑๕๗

ก็นี่เรื่องที่อธิบดีถูกจับคาหนังคาเขา ทำไมรัฐมนตรีละล้าละลังจังเลย ตั้งหลายวันแล้ว รอดูหลักฐานอะไรอีก

(https://www.facebook.com/VoiceOnlineTH/posts/AMyzl, https://btimes.biz/whatsup/9A-600/ และ  https://www.matichon.co.th/local/crime/news_3748317) 

จะอวดภูมิความรู้เศรษฐศาสตร์สองตัว ถาม สฤณี อาชวานันทกุล แล้วหรือยัง

จะอวดภูมิความรู้เศรษฐศาสตร์สองตัว ถาม สฤณี อาชวานันทกุล แล้วหรือยัง

Sarinee Achavanuntakul - สฤณี อาชวานันทกุล  · 

1. “ตลาดสัมบูรณ์” (absolute market?!) ไม่มีนะคะ มีแต่ ตลาดแข่งขันสมบูรณ์” (perfectly competitive market) เท่านั้น ซึ่งส่วนใหญ่ก็มีแต่ในตำรา ในโลกจริงหายาก 🙃

2. จุดที่อุปสงค์ตัดกับอุปทานเรียกว่า ดุลยภาพของตลาด (market equilibrium) ไม่ได้เรียกว่าตลาดสัมบูรณ์ (ดูข้อ 1.) หรือตลาดแบบไหนๆ ก็ตาม ดุลยภาพเป็นคนละเรื่องกับประเภทของตลาด (ตลาดผูกขาดที่มีผู้ขายรายเดียวก็มีดุลยภาพได้)

#แน่ใจเรอะว่าเรียนเศรษฐศาสตร์สองตัว #จะจบหรือไม่จบอะไรมาก็หาความรู้เพิ่มได้ :>


รีบออกมา “ขอโทษทุกท่าน” มันก็สายไปหน่อยแล้ว สโมสรนิสิตจุฬาเรียกร้องให้พิจารณาตัวเอง ในตำแหน่งนายกสมาคมนิสิตฯ

ถึงจะรีบออกมา “ขอโทษทุกท่าน” มันก็ ‘damage has been done.’ สายไปเสียหน่อยแล้ว ไม่น่าเผลอพลาด เพราะรัฐมนตรีมหาดไทย ยี่ห้อ ๓ ป.เพิ่งประกาศวางมือ ไม่ไปต่อสมัยหน้า ไม่ว่า ป้อม หรือ ตู่ มา ตำแหน่งรัฐมนตรีใน มท.ไม่เกินเอื้อม

ปลัดมหาดไทย สุทธิพงษ์ แก้ตัวว่าตนสไตล์ลูกทุ่ง ก็เลยใช้คำ เหี้ยห่ากับลูกน้อง “เป็นไปในเชิงน้ำใสใจจริงไม่ใช่ด่าเพราะเจ็บแค้นโกรธเคือง” แม้นว่าจะต่างกับสันดอนแบบตู่ตรงที่มีดีกรียาวเหยียดต่อท้าย ไปถึงปริญญาเอก

ซ้ำ เมียรวย บรรลัย ซึ่งเป็นเจ้าของกิจการโซล่าร์ฟาร์ม ทำธุรกิจทั้งในและนอกประเทศ ยังมีอะพ้าร์ตเม้นต์อีกสองแห่งในกรุงลอนดอน เฉพาะทรัพย์สินของเมียก็ปาเข้าไปเกินหมื่นล้านแล้ว วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ เป็นทั้งผู้นำ ลดโลกร้อน และประธานสภาสตรีฯ

ตัวเองเอาดีทางรับราชการ “สนองคุณแผ่นดิน” ตอนเป็นอิบดีกรมพัฒนาชุมชน ได้สนองพระเดชพระคุณ ในหลวงรัชกาลที่ ๑๐ ด้วยการทำโครงการ โคก หนอง นางานด้านสังคมปัจจุบันเป็นนายกสมาคมนิสิตเก่ารัฐศาสตร์ จุฬาฯ

แต่ว่าเพราะพฤติกรรมก้าวร้าวผู้ใต้บังคับบัญชา ต่อว่าเสียดสี ในลักษณะหมิ่นศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของลูกน้องคนหนึ่ง ท่ามกลางธารกำนัล สโมสรนิสิตรัฐศาสตร์ จุฬา จึงมีหนังสือจี้ให้ทบทวนการดำรงตำแหน่งนายกสมาคมฯ ของเขา

สโมสรฯ “รู้สึกกังวลต่อทัศนคติที่ดูถูกเหยียดหยามศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์” และ “ความนิยมชมชอบในระบอบอาวุโส” ของนายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ทั้งที่เขาเป็นตัวแทนศิษย์เก่า “สถานศึกษาที่ปลูกฝังจิตสำนึกให้รับใช้ประชาชน”

เช่นนี้อาจทำให้ก้าวต่อไปในการสนองคุณแผ่นดินในตำแหน่งรัฐมนตรี น่าที่จะริบหรี่ลงไปไม่มากก็น้อยแล้วละ

(https://www.facebook.com/VoiceOnlineTH/photos/a.131804224847/10163568986449848/ และ https://www.facebook.com/VoiceOnlineTH/posts/i4oykl)

วันศุกร์, ธันวาคม 30, 2565

ปลัด มท.ประธานการประชุม “ไอ้เหี้ย ไอ้ห่า กับคนที่นั่งข้างล่าง” เหมือนใครนะ “สันดอนเห้ๆ ห้าๆ”

เกือบจะถึงปีใหม่ในไตแลนเดีย พวกสูงๆ สนุกสนานและครื้นเครง บนความกระอักกระอ่วนของระดับล่างๆ ชนิดที่อยู่บนหิ้ง เช่น กบ กับ ปังคนพี่ไปปิดสิมิลัน เกาะ ๗ กับเกาะ ๙ ดำน้ำเล่น ห้ามผู้ประกอบการท้องที่แหยม ส่วนคนน้องไปภูเก็ตขี่เจ็ตสกี

ส่วนระดับที่นั่งปรัม เป็นประธานการประชุม ก็ “ไอ้เหี้ย ไอ้ห่า” กับคนที่นั่งข้างล่าง หยามเหยียดสติปัญญา “โง่เป็นควายเลยไอ้เหี้ยเอ๊ย” เมื่อผู้น้อยรายงานเกี่ยวกับ “กระบวนการในการปลูก จนกระทั่งกระบวนการเก็บเกี่ยวและการนำส่ง ครับท่านครับ”

สุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ซักไซ้ ขจรบุคคลากรผู้รายงาน “มึงจบอะไรมาวะ” พอเขาตอบว่ารัฐศาสตร์ จุฬาฯ (เหมือนกับทั่น) ยังซักต่อ “เฮ้ย ทำไมมึงโง่อย่างนั้นวะ คุณรุ่นอะไรล่ะ คุณรุ่นอะไร...เข้าปีอะไรล่ะ”

เขาตอบว่า เข้าเรียนปริญญาโทความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ จบปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยสยามอะไรสักอย่าง ก็ร้อง “อ้ออออ กูว่าแล้ว” ถามอีกว่าเรียนภาคผู้บริหารหรือภาคปกตินี่ เขาอึกอักนิดนึงแล้วบอกว่าเป็น ไออาร์สาม ครับท่านครับ

ปลัดฯ ดันไม่รู้ว่าไออาร์น่ะ International Relations เป็นสาขาของรัฐศาสตร์มาแต่ไหนๆ สมัยก่อนพวกเรียนแผนกนี้มักตั้งเป้าไปอยู่กระทรวงต่างประเทศกัน ทั่นปลัดฯ บอก “หา แปลว่าอะไรวะ” เขาก็ตอบว่าเป็นหลักสูตรเลือกเรียนได้

ไม่วายเติมสร้อย “ครับท่านครับ” ปลัดฯ ได้แต่ “เหะเหะ โธ่ ไอ้ห่า มหาลัยเดี๋ยวนี้ชอบหาตังค์ เปิดหลักสูตรอะไรไม่รู้มั่วไปหมด” ต้นตอดราม่า วจีขยี้ปัญญาของทั่นปลัด มท. มาจากต้องการอวดภูมิตนเองกับลูกน้องนั่นละ

“อุปสงค์เท่ากับอุปทานนี่ภาษาเศรษฐศาสตร์เค้าคืออะไรรู้ปะ เขามีศัพท์ว่าไงนะ” ขจรดันตอบภาษาปะกิดว่า “ดีมานด์ซัพพลาย ครับท่านครับ” ทั่นปลัดฯ ถึงได้ “โธ่เอ๊ย” อวดศักดา “คนที่เรียนรัฐศาสตร์จุฬา เขาเรียนเศรษฐศาสตร์สองตัว นะ

อุปสงค์เท่ากับอุปทานเนี่ย เขาเรียกว่าตลาดสัมบูรณ์...ก็คุณมีตลาดสัมบูรณ์แล้ว คุณไม่ต้องช่วยอะไรแล้ว” ทั่นหมายถึงมันยังไม่สัมบูรณ์ “ถ้าใช่คุณจะต้องพาสินค้าเกษตรออกนอกทำไมเล่า” แหม่ทั่นก้อ ส่งนอกเนี่ยมันได้เงินตราต่างประเทศเก็บเป็นทุนสำรองไง

เฮ้อ ไม่เห็นจำเป็นต้องไปบุลลี่ลูกน้องต่อหน้าธารกำนัลถึงขนาดนั้น มันเป็นสันดอนเห้ๆ ห้าๆ เหมือนใครคนหนึ่งนะ ที่ชอบยักคิ้วหลิ่วตา

(ขอบคุณคลิปจาก https://twitter.com/AmaratJeab/status/1608495175772565505) 

ส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ ฝากให้ "พญามัจจุราช" ใคร่ครวญ เรื่องผลของการกลับมาของ ม.112 ด้วย หลังจากไม่มีการบังคับใช้เกือบ 2 ปี


Suchart Sawadsri
13h
ส่งท้ายปี 2565
ฝากให้ "พญามัจจุราช" ใคร่ครวญ
ม.112 ถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง ไม่เป็นผลดีต่อ "สถาบันกษัตริย์"
.....
iLaw
 13h
การกลับมาของ #มาตรา112 ในเดือนพฤศจิกายน 2563 หลังจากไม่มีการบังคับใช้เกือบ 2 ปี ส่งผลให้ในปี 2563-2565 เป็นช่วงเวลาที่มีผู้ถูกดำเนินคดีเป็นตัวเลขสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ หรือจำนวนอย่างน้อย 225 คน ใน 243 คดี
และในปี 2565 ก็มีคดีมาตรา 112 ที่ทยอยมีคำพิพากษาออกมาแล้วจำนวน 33 คดี ซึ่งส่วนมากเป็นประชาชนทั่วไปที่ใช้โซเชียลมีเดียแสดงความคิดเห็นบนโลกออนไลน์
โดยมากกว่าครึ่งหนึ่งหรือ 17 ใน 26 คดีที่ศาลพิพากษาว่ามีความผิด ศาลลงโทษจำคุกกรรมละ 3 ปี ซึ่งเป็นบทลงโทษขั้นต่ำสุดของมาตรา 112
สำหรับผลคำพิพากษาทั้งหมด ไล่เรียงกันจากโทษเบาไปหนักได้ดังต่อไปนี้
คดีที่ยกฟ้องทุกข้อหา : 6 คดี
1) คดีของอิศเรศ : โพสต์ข้อความถึงการไม่แต่งตั้งกษัตริย์ใหม่หลังการสวรรคต
16 มีนาคม 2565 ศาลจังหวัดนครพนมยกฟ้องโดยระบุว่า ข้อความไม่ได้แสดงความอาฆาตมาดร้าย ไม่ได้ระบุถึงบุคคลให้รู้ได้แน่นอนว่าเป็นใคร พยานหลักฐานโจทก์ไม่พอ และเมื่อไม่ผิดตามมาตรา 112 จึงไม่มีความผิดตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ
2) คดีของทิวากร : โพสต์ภาพตนเองสวมเสื้อ “เราหมดศรัทธาสถาบันกษัตริย์แล้ว” และอีก 2 ข้อความ
29 กันยายน 2565 ศาลจังหวัดขอนแก่นยกฟ้องทั้งมาตรา 112 และมาตรา 116 โดยระบุว่าข้อความและรูปภาพของจำเลยเป็นการกล่าวถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยไม่ได้กล่าวถึงองค์พระมหากษัตริย์องค์ใดองค์หนึ่งโดยเฉพาะ
3) คดีของสุริยศักดิ์ : ส่งข้อความผ่านไลน์
5 ตุลาคม 2565 ศาลอาญา รัชดา พิพากษายกประโยชน์ความสงสัยให้แก่จำเลย เนื่องจากพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับคดีมีความขัดแย้งกันและพบพิรุธหลายประเด็น เช่น การเบิกความของพยานโจทก์ การพิสูจน์ตัวตนของจำเลยในการใช้บัญชีไลน์
4) คดีของ "วารี" : คอมเมนต์รูปการ์ตูนบนเฟซบุ๊ก และอีก 2 โพสต์
6 ตุลาคม 2565 ศาลจังหวัดนราธิวาสยกฟ้องทุกข้อกล่าวหา เนื่องจากพยานโจทก์ไม่เพียงพอให้เชื่อได้ว่าจำเลยเป็นผู้โพสต์ และมีเพียงผู้กล่าวหาคนเดียวที่เบิกความว่าจำเลยโพสต์ แต่กลับเบิกความถึงการเห็นโพสต์แตกต่างกัน อีกทั้งภาพที่นำมาแจ้งความไม่ปรากฏ URL ประกอบการคำเบิกความของพยานจำเลยซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญทั้งสองคนเห็นว่า ภาพมีการตัดต่อมา
5) คดีของพิพัทธ์ : โพสต์ภาพรัชกาลที่สิบในรอยัลลิสต์มาร์เก็ตเพลส
26 ตุลาคม 2565 ศาลจังหวัดสมุทรปราการยกฟ้อง เนื่องจากหลักฐานเป็นเพียงการแคปภาพหน้าจอ ไม่ใช่สิ่งพิมพ์จากข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์โดยตรง จึงไม่สามารถนำสืบได้ว่าข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์มีจุดเริ่มต้นส่งข้อมูล และปลายทางส่งข้อมูลเป็นอย่างไร หมายเลขประจำตัวเครื่องคอมพิวเตอร์คืออะไร ซึ่งเป็นข้อมูลระบุตัวตนสำคัญ จึงต้องยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย
6) คดีของ "ชัยชนะ" : โพสต์ข้อความวิจารณ์สถาบันพระมหากษัตริย์
21 ธันวาคม 2565 ศาลจังหวัดนราธิวาสยกฟ้อง เนื่องจากโจทก์ไม่สามารถนำสืบได้ว่าจำเลยเป็นผู้ใช้งานหรือเป็นเจ้าของบัญชีเฟซบุ๊กดังกล่าวจริง ทั้งผู้เชี่ยวชาญด้านคอมพิวเตอร์ที่เป็นพยานจำเลยก็เบิกความว่า ข้อมูลส่วนตัวที่ถูกเผยแพร่อยู่บนอินเทอร์เน็ต สามารถถูกนำไปตัดต่อ ปลอมแปลงเป็นภาพและข้อมูลเท็จได้ นอกจากนั้นจากการตรวจสอบโทรศัพท์ของจำเลยก็ไม่พบว่ามีประวัติการเข้าถึงเฟซบุ๊กที่เป็นปัญหาในคดีนี้ ประกอบกับจำเลยมีอาการทางจิต จึงต้องยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย
คดีที่ยกฟ้องเฉพาะมาตรา 112 แต่ลงโทษตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ : 1 คดี
1) คดีของ “วุฒิภัทร” : โพสต์ข้อความเกี่ยวกับ 3 จำเลยกรณีสวรรคต ร.8
25 มีนาคม 2565 ศาลจังหวัดสมุทรปราการยกฟ้องโดยเห็นว่า องค์ประกอบ ม.112 คุ้มครองเฉพาะพระมหากษัตริย์ที่ยังทรงครองราชย์อยู่เท่านั้น แต่ลงโทษในข้อหาตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ม.14 (1) เนื่องจากเห็นว่าข้อความกระทบกระเทือนความรู้สึกของประชาชนทั่วไป จึงพิพากษาจำคุก 1 ปี ให้การเป็นประโยชน์ ลดโทษเหลือจำคุก 8 เดือน โดยไม่รอการลงโทษ
คดีที่พิพากษาว่ามีความผิดตาม ม.112 : 26 คดี
รอกำหนดโทษ : 2 คดี
1) คดีของชลสิทธิ์ จากการโพสต์ภาพวาดล้อเลียน รัชกาลที่ 10 ลงในสตอรี่เฟซบุ๊ก
ศาลจังหวัดกันทรลักษ์ พิพากษาเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2565 ให้รอการกำหนดโทษ 2 ปี ให้คุมความประพฤติไว้ 1 ปี โดยให้จำเลยไปรายงานตัวกับพนักงานคุมประพฤติ 4 ครั้ง และให้จำเลยทำกิจกรรมบริการสังคมหรือสาธารณประโยชน์ 12 ชั่วโมง เนื่องจากไม่เคยทำผิดมาก่อนและขณะโพสต์รู้เท่าไม่ถึงการณ์
2) คดีของ "โจ" จากการแชร์โพสต์ข้อความจากเพจเยาวชนปลดแอกที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับโอกาสครบรอบ 7 ปี การรัฐประหาร
ศาลจังหวัดลำปางพิพากษาเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2565 ให้รอการกำหนดโทษ 2 ปี โดยพิจารณาถึงพฤติการณ์ของจำเลย ประวัติส่วนตัว ที่จำเลยไม่เคยกระทำผิดมาก่อน ทั้งนี้ ในการสอบคำให้การของศาล โจได้ตัดสินใจให้การรับสารภาพตามข้อกล่าวหา และศาลได้มีคำสั่งให้สืบเสาะและพินิจพฤติการณ์จำเลยเพิ่มเติมก่อนพิพากษา
รอการลงโทษ (รอลงอาญา) : 7 คดี
1) คดีของ “บุญลือ” จากการคอมเมนต์ถึงลักษณะที่ดีของกษัตริย์และความจำเป็นในการปฏิรูปสถาบันฯ
ศาลจังหวัดพังงาพิพากษาเมื่อวันที่ 22 กันยายน 2565 ให้จำคุก 3 ปี แต่ลดโทษให้กึ่งหนึ่งเหลือจำคุก 1 ปี 6 เดือน เพราะจำเลยรับสารภาพ ให้รอการลงโทษไว้ 2 ปี และคุมประพฤติ 1 ปี โดยให้รายงานตัวกับพนักงานคุมประพฤติ 3 ครั้ง และทำกิจกรรมบริการสังคม 12 ชั่วโมง เนื่องจากเห็นว่าจำเลยกระทำโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เมื่อตักเตือนก็ยินยอมลบข้อความ ไม่ได้ทำเพื่อประโยชน์ในทางการเมืองหรือหวังผลอย่างอื่นใด
2) คดีของ “ณชา” จากการคอมเมนต์ในโพสต์ข้อความในกลุ่มรอยัลลิสต์ มาร์เกตเพลส
ศาลอาญา รัชดา พิพากษาเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2565 ให้จำคุก 3 ปี แต่ลดโทษให้กึ่งหนึ่งเหลือจำคุก 1 ปี 6 เดือน เพราะจำเลยรับสารภาพ พร้อมเหตุผลว่า จำเลยไม่เคยรับโทษมาก่อน จึงให้รอการลงโทษไว้ 2 ปี รายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติ 4 เดือนครั้ง ภายใน 1 ปี ทำงานบริการสังคม 12 ชั่วโมง และริบโทรศัพท์ที่เป็นของกลาง
3) คดีของจรัส จากแสดงความคิดเห็นวิจารณ์แนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงของรัชกาลที่ 9
คดีนี้ ในเดือนสิงหาคม 2563 ตำรวจแจ้งข้อหาจรัสตามมาตรา 14(1) ของพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ แต่มาแจ้งข้อหาแจ้งมาตรา 112 เพิ่มภายหลังการประกาศใช้กฎหมายทุกบททุกมาตราของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา โดยใน 30 พฤศจิกายน 2564 ศาลจังหวัดจันทบุรีศาลยกฟ้องมาตรา 112 เนื่องจากเห็นว่า องค์ประกอบมาตรา 112 คุ้มครองเฉพาะพระมหากษัตริย์ที่ยังทรงครองราชย์อยู่เท่านั้น แต่ให้มีความผิดตามมาตรา 14(1) ของพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ พิพากษาจำคุก 2 ปี แต่ลดโทษให้เหลือจำคุก 1 ปี 4 เดือนและปรับเงิน 26,666.66 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 2 ปี ให้รายงานตัวกับพนักงานคุมประพฤติ 4 ครั้ง ใน 1 ปี
ต่อมา ในชั้นอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์จังหวัดจันทบุรี กลับคำพิพากษา เมื่อ 22 พฤศจิกายน 2565 โดยเห็นว่าจำเลยมีความผิดตามมาตรา 112 เนื่องจากเห็นว่า การกระทำต่อพระมหากษัตริย์ที่สวรรคตไปแล้วนั้น ย่อมกระทบมาถึงกษัตริย์องค์ปัจจุบันด้วย ลงโทษจำคุก 3 ปี แต่ให้รอการลงโทษไว้ 2 ปี
4) คดีของพิทยุตม์ จากการวางเพลิงพระบรมฉายาลักษณ์ ร.10
คดีของพิทยุตม์เป็นคดีมาตรา 112 ที่มีเหตุสืบเนื่องจากการการวางเพลิงคดีแรก ที่มีคำพิพากษาออกมา โดยศาลจังหวัดอุดรธานีพิพากษาเมื่อ 29 พฤศจิกายน 2565 ให้จำคุก 5 ปี รับสารภาพลดโทษกึ่งหนึ่งเหลือ 2 ปี 6 เดือน โทษจำคุกให้รอลงอาญาไว้ 2 ปี คุมประพฤติเป็นเวลา 1 ปี โดยให้รายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติ 4 ครั้ง และทำงานบริการสังคม 24 ชั่วโมง
5) คดีของ "พนิดา" จากการพ่นสีใต้พระบรมฉายาลักษณ์ในเมืองพัทยาจำนวน 2 จุด
ศาลจังหวัดพัทยาพิพากษาเมื่อ 14 ธันวาคม 2565 ให้จำคุกกรรมละ 3 ปี ให้การรับสารภาพ ลดโทษกึ่งหนึ่ง เหลือกรรมละ 1 ปี 6 เดือน รวมจำคุก 2 ปี 12 เดือน แต่ให้รอการลงโทษจำคุกไว้เป็นเวลา 2 ปี และให้รายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติ 4 ครั้ง ภายในกำหนดระยะเวลา 1 ปี พร้อมทั้งให้กระทำกิจกรรมบริการสังคมหรือสาธารณประโยชน์เป็นเวลา 12 ชั่วโมง
6) คดีของ เพชร ธนกร จากการปราศรัยในการชุมนุมคนนนท์ท้าชนเผด็จการ (ม็อบ10กันยา63)
ศาลเยาวชนและครอบครัวกลางจังหวัดนนทบุรี พิพากษาเมื่อ 22 ธันวาคม 2565 ให้จำคุก 3 ปี แต่พิจารณาลดโทษให้กึ่งหนึ่ง เพราะขณะเกิดเหตุจำเลยมีอายุ 17 ปี เหลือจำคุก 1 ปี 6 เดือน และให้รอลงอาญา 2 ปี
7) คดีของ "อัปสร" จากการแชร์โพสต์ข้อความของปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ วิจารณ์ราชวงศ์ไทย
ศาลอาญาพิพากษาเมื่อวันที่ 26 กันยายน 2565 ให้จำคุก 4 ปี แต่ลดโทษให้กึ่งหนึ่งเหลือจำคุก 2 ปี เพราะจำเลยรับสารภาพ ให้รอการลงโทษไว้ 3 ปี กับคุมประพฤติโดยให้ไปรายงานตัว 3 ครั้งภายในระยะเวลา 2 ปี เนื่องจากรู้เท่าไม่ถึงการณ์และไม่เคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน
8 ) คดีของธัญดล จากการแชร์โพสต์จากเพจ “KonthaiUK” 2 ข้อความ
ศาลจังหวัดสมุทรปราการ พิพากษาเมื่อ 27 ธันวาคม 2565 ให้จำคุกกรรมละ 3 ปี รับสารภาพ เหลือกรรมละ 1 ปี 6 เดือน รวม 2 ปี 12 เดือน แต่เห็นว่าจำเลยสำนึกผิด ประกอบกับไม่เคยกระทำผิดมาก่อน จึงให้รอลงอาญา 3 ปี และให้คุมประพฤติ 3 ปี รายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติ 4 เดือนต่อครั้ง
กรรมละ 2 ปี ได้แก่ คดีของเพชร ธนกร จากการปราศรัยในการชุมนุมที่วงเวียนใหญ่ เมื่อ 6 ธันวาคม 2563
ศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง พิพากษาเมื่อ 22 พฤศจิกายน 2565 ว่าแม้คำปราศรัยจะไม่ได้มีการกล่าวถึงพระนามของกษัตริย์พระองค์ใด แต่เห็นว่ามาตรา 112 ไม่ได้คุ้มครองแค่กษัตริย์พระองค์ใดพระองค์หนึ่ง แต่คุ้มครองทั้งสถาบันกษัตริย์ กำหนดโทษจำคุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา อาศัยอำนาจตาม พ.ร.บ.ศาลเยาวชนฯ ม.142 (1) เปลี่ยนโทษจำคุกเป็นคุมประพฤติ นำตัวไปฝึกอบรมที่ศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน กำหนดขั้นต่ำ 1 ปี 6 เดือน ขั้นสูงไม่เกิน 3 ปี
กรรมละ 3 ปี
1) คดีของ “ปุญญพัฒน์” ถูกกล่าวหาว่าโพสต์ 4 ข้อความ
ศาลจังหวัดสมุทรปราการพิพากษาเมื่อ 20 มิถุนายน 2565 ให้จำคุกกรรมละ 3 ปี รวม 12 ปี จำเลยรับสารภาพ ลดโทษเหลือ 4 ปี 24 เดือน
2) คดีของพอร์ท ไฟเย็น ถูกกล่าวหาว่าโพสต์ 3 ข้อความ
ศาลอาญาพิพากษาเมื่อ 15 สิงหาคม 2565 ว่าข้อความทั้งสามเป็นข้อมูลเท็จ ให้จำคุกกรรมละ 3 ปีรวม 9 ปี จำเลยให้การเป็นประโยชน์ลดโทษเหลือ 6 ปี
3) คดีของสมบัติ ทองย้อย ถูกกล่าวหาว่าโพสต์ 3 ข้อความ
ศาลอาญากรุงเทพใต้พิพากษาเมื่อ 28 เมษายน 2565 ว่าจากการโพสต์ 3 ข้อความ มี 2 ข้อความที่เป็นการกระทำด้วยเจตนาเดียวกัน เป็นการกระทำกรรมเดียวกัน สมบัติจึงมีความผิด 2 กรรม ให้จำคุกกรรมละ 3 ปี รวม 6 ปี ไม่มีเหตุลดโทษ
4) คดีของ “กัลยา” ถูกกล่าวหาว่าโพสต์ 2 ข้อความ
ศาลจังหวัดนราธิวาสพิพากษาเมื่อ 2 สิงหาคม 2565 ให้จำคุกกรรมละ 3 ปี รวม 6 ปี ไม่รอการลงโทษ ไม่มีเหตุลดโทษ
5) คดีของอุดม ถูกกล่าวหาว่าโพสต์ 7 ข้อความ
ศาลจังหวัดนราธิวาสพิพากษาเมื่อ 26 กรกฎาคม 2565 ว่ามีความผิด 2 ข้อความ จำคุกกรรมละ 3 ปี รวม 6 ปี จำเลยให้การเป็นประโยชน์ ลดโทษเหลือโทษจำคุก 4 ปี โดยอีก 4 ข้อความ ศาลมองว่าไม่ครบองค์ประกอบเนื่องจาก ม.112 คุ้มครองเฉพาะผู้ดำรงตำแหน่งในปัจจุบัน ขณะที่อีก 1 ข้อความ โจทก์นำสืบไม่ได้ว่าหมายถึงบุคคลใด
6) คดีของนรินทร์ ถูกกล่าวหาว่าแปะสติกเกอร์ “กูkult” คาดทับพระเนตรบนพระบรมสาทิสลักษณ์รัชกาลที่ 10
ศาลอาญาพิพากษาเมื่อ 4 มีนาคม 2565 ว่าการกระทำของจำเลยเป็นการแสดงว่ามีความยิ่งใหญ่เหนือกว่าพระมหากษัตริย์ ให้จำคุก 3 ปี ให้การเป็นประโยชน์ลดโทษจำคุก 1 ใน 3 เหลือจำคุก 2 ปี
7) คดีของ นิว จตุพร ถูกกล่าวหาว่าใส่ชุดไทยเลียนแบบพระราชินี
ศาลอาญากรุงเทพใต้พิพากษาเมื่อ 12 กันยายน 2565 เห็นว่าจำเลยมีการแสดงตนเป็นราชินี ในเชิงล้อเลียนเสียดสี ก่อให้เกิดความตลกขบขัน จำคุก 3 ปี ให้การเป็นประโยชน์ ลดโทษเหลือจำคุก 2 ปี
8 ) คดีของภัคภิญญา ถูกกล่าวหาว่าแชร์เฟซบุ๊ก 6 ข้อความ
ศาลจังหวัดนราธิวาสพิพากษาเมื่อ 19 ตุลาคม 2565 ว่ามี 3 ข้อความที่เข้าข่ายมาตรา 112 ให้จำคุกกรรมละ 3 ปี รวม 9 ปี
9) คดีของสุทธิเทพ ถูกกล่าวหาว่าโพสต์ 1 ข้อความ
ศาลอาญา รัชดา พิพากษาเมื่อ 8 พฤศจิกายน 2565 ให้จำคุก 3 ปี แต่เนื่องจากจำเลยรับสารภาพ จึงลดโทษกึ่งหนึ่งเหลือ 1 ปี 6 เดือน โดยไม่รอการลงโทษ
10) คดีของพรชัย ถูกกล่าวหาว่าโพสต์ 3 ข้อความ
ศาลจังหวัดยะลา พิพากษาเมื่อ 15 ธันวาคม 2565 ว่ามี 1 ข้อความที่เข้าข่ายมาตรา 112 ให้จำคุก 3 ปีให้การเป็นประโยชน์ ลดโทษเหลือ 2 ปี ในขณะที่อีก 2 ข้อความให้ยกฟ้องเนื่องจาก ภาพหลักฐานไม่ปรากฏ URL ที่มาของข้อความในเอกสารที่นำมาแจ้งความ
11) คดีของอุกฤษฏ์ ถูกกล่าวหาว่าโพสต์ 5 ข้อความ
ศาลอาญา รัชดา พิพากษาเมื่อ 21 ธันวาคม 2565 ให้จำคุกกรรมละ 3 ปี รับสารภาพลดโทษกึ่งหนึ่งเหลือ 1 ปี 6 เดือน รวม 5 ปี 30 เดือน และเนื่องจากคดีเป็นเหตุร้ายแรง ทำให้ประชาชนเข้าใจผิดและดูหมิ่นเกลียดชังสถาบันฯจึงไม่มีเหตุให้บรรเทาโทษ
กรรมละ 4 ปี ได้แก่
1) คดีของมีชัย ถูกกล่าวหาว่า โพสต์วิจารณ์การใช้ภาษีของสถาบันกษัตริย์ โดยศาลจังหวัดสมุทรปราการพิพากษาเมื่อ 18 กรกฎาคม 2565 ว่าข้อความที่โพสต์เป็นความเท็จ มีเจตนาลดเกียรติและดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ จำคุก 4 ปี ให้การเป็นประโยชน์ ลดโทษเหลือจำคุก 2 ปี 8 เดือน ไม่รอการลงโทษ
2) คดีของ "ปณิธาน" ถูกกล่าวหาว่า คอมเมนต์ในโพสต์ข้อความในกลุ่มรอยัลลิสต์ มาร์เกตเพลส โดยศาลอาญา รัชดา พิพากษาเมื่อ 24 พฤศจิกายน 2565 ให้จำคุก 4 ปี รับสารภาพ ลดโทษลงกึ่งหนึ่งเหลือ 2 ปี ทั้งนี้ ศาลระบุว่าจากรายงานการสืบเสาะจำเลยประกอบอาชีพสุจริต ไม่เคยกระทำความผิดมาก่อน ต้องเลี้ยงดูครอบครัว แต่การกระทำของจำเลยทำให้กษัตริย์เสื่อมเสียเกียรติยศ ชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น เกลียดชัง เป็นความผิดร้ายแรง ไม่สมควรรอการลงโทษ
กรรมละ 5 ปี ได้แก่
1) คดีของ "พลทหารเมธิน" ถูกกล่าวหาว่าพาดพิงกษัตริย์ระหว่างเถียงกับคู่กรณีที่ขับรถเฉี่ยวชน โดยคดีนี้พิจารณาในศาลทหารกรุงเทพ เมื่อ 11 สิงหาคม 2565 จำเลยให้รับสารภาพ ลดโทษกึ่งหนึ่ง คงจำคุก 2 ปี 6 เดือน
2) คดีของ พิทักษ์พงษ์ ถูกกล่าวหาว่าโพสต์ข้อความพาดพิงถึงความประพฤติของกษัตริย์ โดยศาลอาญา รัชดา พิพากษาเมื่อ 21 พฤศจิกายน 2565 ให้จำคุก 5 ปี รับสารภาพ ลดโทษกึ่งหนึ่งเหลือ 2 ปี 6 เดือน และเห็นว่าจำเลยกระทำความผิดต่อสถาบันพระมหากษัตริย์อันเป็นที่รักยิ่งของปวงชนชาวไทย จึงไม่มีเหตุให้รอการลงโทษ
อ่านทั้งหมดบนเว็บไซต์ https://freedom.ilaw.or.th/node/1100

"ใครฆ่าแตงโม" ขับเคลื่อนด้วย "สารพัดความเป็นไปได้" ข่าว Ridiculous แห่งปี

https://www.facebook.com/baitongpost/posts/5848670188548095
Atukkit Sawangsuk
19h

ข่าวแห่งปี
..................
สำหรับผมคือข่าว "ใครฆ่าแตงโม"
มันสะท้อนสังคมไทยยุค Disrupt ได้เกือบจะสมบูรณ์แบบ
อิทธิพลของสื่อ ที่ไม่ใช่สื่อแบบเดิม แต่เป็นสื่อที่เข้าถึงคนวงกว้างอย่างรวดเร็วและดึงคนเกือบทั้งสังคมเข้ามาเป็น "ลูกขุนออนไลน์"
ตั้งวงตั้งตนวิเคราะห์วิแคะกันมากมาย ทั้งทนาย ผู้เชี่ยวชาญ กูรู หมอดู หมอผี ไลฟ์โค้ช ได้แสงถ้วนหน้า
ประชาชนแทบทุกคน "มีส่วนร่วม" มีอารมณ์ร่วม กับคดีแตงโม (ประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วม?)
สื่ิอตั้งแต่โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ เว็บไซต์ เฟซบุ๊กไลฟ์ ยูทูบเบอร์ ทำยอดคลิกยอดวิว เป็นล้านๆ
มันมีทั้งความไม่เชื่อมั่นต่อรัฐ ไม่เชื่อมั่นตำรวจ กระบวนการยุติธรรม
มันมีทั้งความรู้สึกเหลื่อมล้ำ แบบคนรวยไม่ติดคุก ฯลฯ
:
แต่ทั้งหมดนั้นแม่- Ridiculous
ด้วยพยานหลักฐาน ทั้งโดยตรง-แวดล้อม ความเป็นไปได้ ความน่าจะเป็น
มันก็แค่คดีขับเรือประมาททำให้ผู้โดยสารตกน้ำตาย (โดยอาจจะเมาทั้งลำ)
มันมีแรงจูงใจอะไรให้ใครฆ่าแตงโม
แต่การเอาคน 5 คนบนเรือมาซักไซ้ต่อหน้า "ลูกขุนออนไลน์" ทั้งประเทศ
มันทำให้บานปลาย เกิดความเชื่อไม่เชื่อ
ความไม่เชื่อมั่นทำให้คนหันไปเชื่อทฤษฎี Conspiracy ทั้งที่ไม่มีเหตุผลไม่มีแรงจูงใจ
:
คดีแตงโมนั้นเอาไปทำวิทยานิพนธ์ได้แทบทุกด้าน
นิติศาสตร์ สังคมศาสตร์ สังคมวิทยามานุษยวิทยา จิตวิทยาสังคม
นิเทศศาสตร์ อิทธิพลของสื่อใหม่ การเสพสื่อของประชาชน การมีส่วนร่วม
นักข่าวบันเทิงทำข่าวอาชญากรรม นักข่าวอาชญากรรมทำข่าวบันเทิง
จนกลายเป็นมหรพ Circus "ทวงความยุติธรรมให้แตงโม"
บนความ Ridiculous แต่มองข้ามความอยุติธรรมอีกมากในสังคม
:
จำได้ไหม ตอนม็อบเอเปก พายุ ทะลุฟ้า โดนยิงกระสุนยางตาบอด
สังคมดรามาสนใจข่าวอะไรมากที่สุด ผัวถูกลอตเตอรี่เมียเชิดหนีไปกับชู้
เข้าใจละว่ามันสะเทือนใจ เห็นใจ
แต่มันก็สะท้อนสังคมออนไลน์ในแง่ที่เสพความสะเทือนใจวูบวาบฉาบฉวย
หรือบางครั้งก็พลิกไปพลิกมา แบบคดีลุงพล
ที่สื่อถึงขั้นลงพื้นที่ถ่ายทอดสด ชักชวนคนเข้าไปพิพากษาตั้่งแต่ต้น
แถมคนส่วนหนึ่งก็เชื่อข่าวเฟคทางไลน์
เช่นเรือล่ม "นายสั่งไม่ให้เรือจม" ต้องไปจัดงานให้ได้ ใครมันจะสั่งขนาดนั้น
แต่กองทัพเรือเป็นจำเลยสังคมไปแล้วไง พอมีคนส่งไลน์อ้างเป็นทหารในเรือ คนส่วนใหญ่ก็เชื่อ
:
พูดกันจริงๆ ทุกสังคมมันก็มีซีกที่ไร้วุฒิภาวะ
การสื่อสารออนไลน์ที่ประชาชนทุกคนเป็นสื่อได้ มันทลายการปิดกั้น เปิดโลกแห่งความรับรู้ วิพากษ์วิจารณ์
แต่มันก็ไปเชื่อมต่อความไร้สมองไร้วุฒิภาวะด้วยเช่นกัน
ไม่งั้นทรัมป์คงไม่สามารถปลุกคนให้เชื่อว่าถูกโกงเลือกตั้ง บุกอาคารรัฐสภา
หรือเชื่อมต่อพวกเชื่อ conspiracy โทษ CIA อยู่เบื้องหลังรัสเซียบุกยูเครนเพราะต้องการค้าอาวุธ ต้องการทุบค่าเงิน บลาๆๆ
สังคมไทยเนี่้ยแม่-ยิ่งพิการอยู่แล้ว ระบบการศึกษาไม่เอื้อให้คนรู้จักคิดวิเคราะห์
พวกจบปริญญาโทปริญญาเอกจำนวนมาก จึงเชื่อศาสดาโกเต๊กซ์ไม่ลืมหูลืมตา เชื่อฟอร์เวิร์ดเมล์ ทักษิณจาบจ้วง ฯลฯ
:
ข่าวแตงโม เป็นข่าวแห่งปี มันยังสะท้อน Ridiculous ในแง่ที่มีข่าวอื่นๆมากมาย ที่สำคัญต่อปากท้องตัวเองด้วยซ้ำ แต่คนสนใจน้อยกว่า
เช่นรัสเซียบุกยูเครน ของแพง น้ำมันขึ้น วิกฤตอาหาร วิกฤติพลังงาน
หรือข่าวโศกนาฏกรรมที่หนองบัวลำภู ก็เป็นข่าวใหญ่ไม่เท่าแตงโม
เพราะคนตามข่าวดารามากกว่าชีวิตจริง ดาราจะรักกันเลิกกันก็ลุ้นเอาใจช่วยยิ่งกว่าข่าวขึ้นค่าแรง
:
ผมฝากความหวังกับคนรุ่นใหม่ที่ตื่นรู้
แต่ไม่หวังอะไรมากกับสังคมไทย

คุยกับ 'อานนท์ นำภา' ประเมินการเคลื่อนไหวปฏิรูปสถาบันฯ ปี 65 และมองปี 66 - ประชาไท


คุยกับ 'อานนท์ นำภา' ประเมินการเคลื่อนไหวปฏิรูปสถาบันฯ ปี 65 และมองปี 66

prachatai

Streamed live 9 hours ago

ถ่ายทอดสดการสนทนากับ อานนท์ นำภา ทนายความ ผู้ต้องหาและนักเคลื่อนไหวทางการเมือง เพื่อประเมินการเคลื่อนไหวปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ในรอบปีที่ผ่านมา ��วมทั้งมองไปยังปีหน้าที่ถนนทุกสายมุ่งสู่การเลือกตั้ง ที่ทางของขบวนการเคลื่อนไหวและข้อเรียกร้องจะเป็นอย่างไร วันนี้ (29 ธ.ค.65) เวลา 19.30-20.00 น. ทางเฟซบุ๊ก ยูทูบและทวิเตอร์ประชาไท

ปี 2565 มี 365 วัน แต่ "คทาธร-คงเพชร" ถูกขังมานานกว่า 260 วันแล้ว ยาวนานที่สุดในรอบปีนี้!


ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน
15h

ปี 2565 มี 365 วัน แต่ "คทาธร-คงเพชร" ถูกขังมานานกว่า 260 วันแล้ว ยาวนานที่สุดในรอบปีนี้!
.
เพชรกับต๊ะ คือ สองผู้ต้องขังในคดีที่เกี่ยวข้องกับการเมืองที่ถูกคุมขังระหว่างต่อสู้คดีเป็นเวลานานที่สุดในปี 2565 โดยถูกคุมขังมาตั้งแต่ 11 เม.ย. 2565 ล่าสุดเมื่อทนายความได้เข้าเยี่ยมทั้งสองเล่าว่า ช่วงเดือนธันวาคมนี้อากาศเริ่มเย็นแล้ว ทั้งคู่นอนอยู่บนอาคารนอนชั้น 3 ซึ่งพื้นเป็นปูนเปลือยเปล่า และแต่ละคืนมีผ้าห่มเพียง 3 ผืนไว้ห่มคลายหนาวเท่านั้น
.
“หนาวมากกกกกก …” ทั้งสองพูดลากเสียงยาว เพราะตอนนี้ผ้าเพียง 3 ผืน เริ่มให้ความอบอุ่นกับทั้งคู่ไม่ได้แล้ว เพชรเล่าอีกว่าบางครั้งหนาวมากจนต้องไปยืมเสื้อแขนยาวของรุ่นพี่มาใส่กันหนาว เพราะกลางคืนอากาศหนาวมากจริงๆ
.
เพชรบอกกับทนายที่ไปเข้าเยี่ยมเสมอว่า ‘เขาอยากออกไปเรียนหนังสือ’ ส่วนต๊ะก็มักบอกกับทนายเสมอเช่นกันว่า ‘อยากออกไปทำงานและร่วมต่อสู้กับทุกคนข้างนอกแล้ว’ อยากให้คดีจบโดยเร็ว ทั้งสองยังมีความกังวลเกี่ยวกับคดีที่ถูกคุมขังอยู่เหมือนกันว่า นัดสืบพยานในวันที่ 7 มี.ค. 2566 ที่กำลังจะมาถึง อาจจะไม่มีความคืบหน้าทางคดีอีก นั่นหมายความว่าอาจทำให้พวกเขาถูกคุมขังต่อไป
.
สุดท้ายทั้งต๊ะและเพชรฝากสวัสดีปีใหม่กับทุกๆ คน พร้อมบอกว่าขอเป็นกำลังใจให้ทุกคน ขอบคุณทุกคนที่ไม่ลืมกัน
.
“พวกเราจะรอดูพลุสวยๆ จากห้องขังในเรือนจำ หวังว่าจะได้เห็นนะ”
.
.
Q: หากได้รับการปล่อยตัว ปี 2566 ที่จะถึงนี้ วางแผนชีวิตไว้ว่าตั้งใจจะทำอะไรบ้าง
.
คงเพชร: จะไปจัดการเรื่องเรียนก่อนเป็นอันดับแรกเลยครับ ต่อไปก็จะจัดการเรื่องหางานพาร์ทไทม์ทำ แล้วก็จะไปทำงาน ‘ช่างประกอบรถจักรยานยนต์’ ที่เคยทำก่อนหน้านี้ด้วยครับ
.
คทาธร: คงออกไปหางาน หาเงินครับ และก็อยากเรียนต่อที่รามฯ ด้วย ผมเป็นคนชอบดนตรีมาก ออกไปก็คงจะออกไปทำเพลงด้วยครับ ตอนนี้ข้างในเรือนจำเองก็มีแข่งประกวดร้องเพลงด้วยนะครับ
.
.
Q: หากขอของขวัญเนื่องในวันปีใหม่ได้ 1 อย่าง อยากจะได้อะไร เพราะอะไร
.
คงเพชร: ขอให้ประยุทธ์ จันทร์โอชา ลาออกจากตำแหน่งนายกฯ สักที เพราะอยากให้ชีวิตของทุกคนดีขึ้นครับ
.
คทาธร: ขอให้พวกผมออกไปได้ครับ และก็ขอให้ครั้งนี้เป็นการต่อสู้ครั้งสุดท้ายครับ
.
.
Q: อยากจะส่งคำอวยพรปีใหม่ถึงใครบ้าง
.
คงเพชร: ขออวยพรให้แม่ครับ ขอให้แม่มีสุขภาพแข็งแรง อยู่กับเพชรไปนานๆ อาจจะมีเวลาคุยกันน้อย แต่รักเหมือนเดิม อยู่ให้เพชรกวนต่อไปนานๆ ให้เพชรได้เห็นรอยยิ้มของแม่ไปนานๆ นะครับ
.
คทาธร: ขออวยพรให้นักสู้ที่กำลังต่อสู้อยู่ ขอให้ทุกคนยังมีจิตใจที่ตามหาความถูกต้อง แม้การเปลี่ยนแปลงจะไม่ได้มาอย่างง่ายดาย ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนสู้ต่อไปและพบกันในโลกใหม่ที่ดีขึ้น
.
.
คดี: ถูกจับกุมขณะเดินทางไปร่วมงาน #ยุติธรรมไม่มี12ปีเราไม่ลืม และพบวัตถุระเบิดในครอบครอง
ข้อกล่าวหาหลัก: ร่วมกันมีวัตถุระเบิดไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย
สถานะคดี: ชั้นพิจารณาคดี
วันที่ถูกคุมขัง: 11 เม.ย. 2565
.
หมายเหตุ: ข้อมูลจากการเข้าเยี่ยมเมื่อวันที่ 21 ธ.ค. 2565
.
อ่านเรื่องของคงเพชรเพิ่มเติม: https://tlhr2014.com/archives/48477
อ่านเรื่องของคทาธรเพิ่มเติม: https://tlhr2014.com/archives/48448
.
คืนข้ามปี การเริ่มต้นใหม่ เทศกาลแห่งการเฉลิมฉลอง ความสุข และงานรื่นเริง ช่างอบอวลและหอมหวานสำหรับทุกคนทุกครอบครัว แต่สำหรับคนกลุ่มหนึ่งที่อยู่ข้างหลัง “กรงขัง” กลับกลายเป็นเพียงวันธรรมดาวันหนึ่งเช่นทุกวันที่ผ่านมาและจะผ่านไป ติดตามอ่านบทสัมภาษณ์ชุดพิเศษ "ส.ค.ส.คนถูกขังข้ามปี" ได้ตลอดท้ายเดือนธันวาคมนี้
.
.
#อย่าลืมฉัน
#คนถูกขังข้ามปี
#ปล่อยนักโทษการเมือง

เก็บตกเรื่อง องค์ที


ภาพจาก เพจ Nithiwat Wannasiri