วันศุกร์, กันยายน 30, 2565

ตลก.รธน.ตัดสินประยุทธ์ ๘ ปีอย่างไร ศาลฯ ไม่พ้นเป็นองค์กร 'ไร้คุณค่า' “โอนไปเอนมาเหมือนไม้หลักปักขี้เลน ตามใบสั่ง”

เมื่อบทความนี้ตีพิมพ์ อาจมีแหล่งข่าวบางกระแสทราบผลวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญแล้วว่า การดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีครบ ๘ ปีของประยุทธ์ จันทร์โอชา ควรสิ้นสุดเมื่อใด นับจากวันรัฐธรรมนูญ ๖๐ ประกาศใช้ หรือยืดไปถึงปี ๗๐ นั่นเลย

ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตามแต่ ยากที่จะเห็นการตัดสินของ ตลก.รธน.ชุดนี้ตามคลองธรรมของกฎหมาย เพราะเป็นชุดที่ตั้งมาด้วยอำนาจและอิทธิพลของรัฐบาลประยุทธ์ การตัดสินว่าประยุทธ์เป็นนายกฯ ครบ ๘ ปีในวันที่ ๒๔ สิงหา ๖๕ จึงเป็นไปยาก

การชุมนุมที่สกายว้อคปทุมวันวันนี้ จะเล็กหรือใหญ่ ไม่เพียงแสดงให้โลกรับรู้ว่า ยังมีประชากรจำนวนหนึ่งไม่น้อย ไม่ใช่ไทยเฉย แล้วออกไปแสดงให้ประจักษ์ว่า หมดเวลาสำหรับการครองบ้านผ่านเมืองอย่างไร้ประสิทธิภาพกันเสียที

และยังแจ้งต่อประชาชนทั้งมวลว่าศาลรัฐธรรมนูญนี้ไร้คุณค่า ไม่ควรยึดถือเป็นองค์กรชี้ขาดข้อพิพาททางรัฐธรรมนูญเลยแต่น้อย เนื่องจากการวินิจฉัยตัดสินของศาลขาดความเที่ยงตรง โอนไปเอนมาเหมือนไม้หลักปักขี้เลน ตามใบสั่ง (หรือตั๋วช้าง) อยู่เสมอ

เห็นได้จากหลักฐานตำตาที่พรรคการเมืองฝ่ายค้านยกเอามาชี้ให้เห็นการทำหน้าที่อย่างลักลั่นของศาล ในคำร้องที่มีถึงศาลรัฐธรรมนูญผ่านประธานรัฐสภา ให้วินิจฉัยว่าการสิ้นสุดอายุความดำรงตำแหน่งนายกฯ ของประยุทธ์ควรสิ้นสุด ๘ ปี ในปีนี้นั้น ระบุว่า

“ศาล รธน.เคยวินิจฉัยในกรณีอื่น ให้นับเวลาตั้งแต่ก่อน รธน. ๖๐ ประกาศใช้” เช่นคำวินิจฉัยที่ ๕/๒๕๖๑ โดยคำร้องของ กกต.กรณี สมาชิกครอบครัวของดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการต่างประเทศ เป็นหุ้นส่วนกิจการเอกชน ผิดข้อห้าม รธน. ม.๑๘๗

ศาลบอกว่าแม้ดอนได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีก่อนรัฐธรรมนูญ ๖๐ ประกาศใช้ ก็ไม่ได้รับยกเว้นในข้อห้ามการเป็นหุ้นส่นบริษัทตามมาตรา ๑๘๗ ในมาตรฐานเดียวกันกับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ในข้อห้ามเป็นนายกฯ เกิน ๘ ปีด้วย เนื่องจาก รธน.ไม่ได้ใส่ข้อยกเว้นไว้

อีกกรณีจากคำวินิจฉัยของ ตลก.รธน. ที่ ๗/๒๕๖๒ กกต.ขอให้พิจารณาว่ารัฐมนตรี ๔ คน ที่มาจากการแต่งตั้งก่อน รธน.๖๐ ประกาศใช้ ให้นำมาตรา ๑๘๖ ซึ่งห้ามรัฐมนตรีแทรกแซงหน่วยงานรัฐมาใช้บังคับได้หรือไม่ ศาลตัดสินว่าได้

กรณีนี้เท่ากับยอมรับแล้วว่า “ความเป็นรัฐมนตรีเริ่มต้นตั้งแต่วันที่ได้รับการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง เพราะเป็นวันที่เข้าบริหารราชการแผ่นดินตามรัฐธรรมนูญ” นำมาใช้กับรายประยุทธ์เป็นนายกฯ ครบ ๘ ปี การเข้าดำรงตำแหน่งเมื่อปี ๕๗ ก็ด้วยการโปรดเกล้าฯ

ในข้อเท็จจริงและเนื้อหาแห่งกฎหมายของรัฐธรรมนูญ ไม่มีทางที่จะวินิจฉัยไปเป็นอื่นผิดทำนอง ไม่ว่าจะทำหูไปนาตาไปไร่ต่อคำพิพากษาเดิมขององค์กร หาเหตุอ้างอิงนานาเพื่อพิพากษาตามใบสั่ง ไม่แยแสว่าการใช้ตรรกะเหตุผลเหลวไหลเพียงใด

เมื่อใดก็ตามที่ประเทศได้กลับสู่ทำนองการปกครองอันเที่ยงตรงตามหลักการประชาธิปไตย องค์กรที่ต้องเจอมีดหมอทำการสังคายนาผ่าตัดใหญ่เป็นรายแรก ก็คือ ตลก.รธน.นี่ละ

(https://www.facebook.com/iLawClub/posts/pfbid02GKtEEBShu)

ถ้าประยุทธ์รอด เจอกัน ! 16.00 น. แสดงพลังประชาชน🔥ที่ Skywalk (แยกปทุมวัน) ฟังผล 14:00 น.ร่วมกัน ! ถ้าประยุทธ์ร่วง มาร่วมเฮ !


ทะลุฟ้า - Thalufah
10h

30 กันยายน ประยุทธ์ รอด หรือ ร่วง !
ฟังผลชี้ชะตาประยุทธ์ไปพร้อมๆกัน
เวลา 14:00 น. เป็นต้นไป
ที่ Skywalk (แยกปทุมวัน)
และถ้าประยุทธ์รอด หลังคำวินิจฉัยออกแล้วเจอกัน !
16.00 น. มาแสดงพลังประชาชน

#ทะลุฟ้า
#ราษฎร
#นายกเถื่อน
#ให้มันจบที่8ปี
#ฟังผลชี้ชะตาประยุทธ์


ทะลุฟ้า - Thalufah
1d

รวมพล! ฟังผลชี้ชะตาประยุทธ์
ศุกร์นี้มาร่วมฟังคำวินิจฉัยไปพร้อมๆกัน
เตรียมตัว พบกัน 30 กันยายน
ที่ Skywalk(แยกปทุมวัน)
เวลา 14:00 น. เป็นต้นไป

#ราษฎร
#8ปีประยุทธ์
#ฟังผลชี้ชะตาประยุทธ์

ตัดสิน 8 ปี ประยุทธ์ : ความหวัง หรือจุดจบหลักนิติรัฐ ? “ถ้าผลออกมาให้ พล.อ. ประยุทธ์ ไปต่อ (ตามธง ?) ...มันไม่มีความหวังแล้วในประเทศนี้…”



ตัดสิน 8 ปี ประยุทธ์ : ความหวัง หรือจุดจบหลักนิติรัฐ ?

29 กันยายน 2022
โดยธีร์วัฒน์ ชูรัตน์
กษิพัฒน์ ลัดดามณีโรจน์
The Active.Net

คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ และการตีความบนหลัก “นิติศาสตร์”
ก่อนถึงการล่มสลายของระบบกฎหมายไทย


เชื่อว่าทันทีที่ผลการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ ปม 8 ปี การดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ของ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่จะออกมาในวันพรุ่งนี้ คงจะสร้างความเปลี่ยนแปลงไม่น้อยในทางการเมือง โดยเฉพาะตำแหน่งของผู้นำประเทศว่าจะเป็นใคร ซึ่งต้องบอกว่าการชี้ชะตา พล.อ. ประยุทธ์ ด้วยคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ ในครั้งนี้ ไม่ใช่ครั้งแรก หากนับย้อนกลับไป ยังมีทั้ง การตีความการเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ คดีบ้านหลวง และกรณีการถวายสัตย์ปฏิญาณฯ ที่ทุกกรณีล้วนมีผล “เป็นคุณ” ต่อ พล.อ. ประยุทธ์ ทั้งสิ้น จนหลายฝ่ายมองว่านี่คือ “อภินิหารทางกฎหมาย” ที่ไม่แน่ว่าอาจเกิดขึ้นอีกในครั้งนี้หรือไม่ ?

The Active พูดคุยกับนักกฎหมาย รศ.มุนินทร์ พงศาปาน อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ วิเคราะห์ผลของคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ ที่ไม่ได้ส่งผลกระทบเฉพาะในทางการเมืองเท่านั้น แต่นี่อาจเป็นบททดสอบอีกครั้งของการตีความกฎหมาย และการทำหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญในการธำรงไว้ซึ่งหลัก “นิติรัฐ” ว่าได้บังคับใช้ และตีความกฎหมายต่อประชาชนทุกคนอย่างเสมอภาคหรือไม่

“หากตีความตามหลักนิติศาสตร์ และพิจารณาจากข้อเท็จจริง ค่อนข้างชัดเจนว่าไม่สามารถเป็นอย่างอื่นไปได้…” รศ.มุนินทร์ เริ่มต้นยืนยันความเห็นในทางนิติศาสตร์ของตน ถึงการตีความตัวบทกฎหมายที่ปรากฏตามรัฐธรรมนูญที่มีความชัดเจนสูงว่า การดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ พล.อ. ประยุทธ์ เกิน 8 ปีไปแล้ว แต่อย่างไรก็ตาม แม้ฝ่ายนิติบัญญัติจะพยายามเขียนกฎหมายให้ชัดเจนเพียงใด ก็มักจะมีความเห็นในการแปลความที่แตกต่างกันออกไป จึงทำให้ต้องมีการพัฒนา “หลักในการตีความ” ขึ้นมา เพราะ ไม่เช่นนั้นผู้ที่มีอำนาจในการตีความ จะตีความออกไปคนละทิศ คนละทาง จะส่งผลให้แม้รูปคดีเหมือนกัน และใช้กฎหมายเดียวกัน ก็อาจจะตีความแตกต่างกันออกไปได้ ซึ่งจะสร้างปัญหา และความไม่แน่นอนให้กับประชาชน ที่ต้องทราบถึงสิทธิและหน้าที่ตามกฎหมายของตน

หลักการตีความกฎหมายที่เป็นที่ยอมรับมากที่สุด คือ การตีความตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย หมายความว่า กฎหมายนั้นจะมีวัตถุประสงค์ในการบังคับใช้ โดยในขั้นตอนการร่างกฎหมาย จะมีการจัดทำ “บันทึกเจตนารมณ์กฎหมาย” ในแต่ละมาตรา ว่ามีวัตถุประสงค์อย่างไร เพื่อให้คนที่ตีความและบังคับใช้ได้บรรลุวัตถุประสงค์มากที่สุด เอกสารชุดนี้จะเป็นเอกสารสำคัญ ที่จะบอกว่าเจตนารมณ์เป็นอย่างไร

“ในรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน มีการจัดทำบันทึกเจตนารมณ์ของแต่ละมาตราไว้ด้วย ใน ม.158 เขียนไว้ว่าเหตุใด จึงต้องจำกัดวาระนายกรัฐมนตรีไว้ 8 ปี เพราะ อาจเป็นการผูกขาดอำนาจ แต่ก็มีคนโต้แย้งว่า จะนับเมื่อไหร่ จึงต้องกลับไปดูเอกสาร และข้อเท็จจริงอื่นประกอบด้วย…”

รศ.มุนินทร์ อธิบายต่อว่า เรื่องนี้ หากดูเฉพาะตัวบท ก็ชัดเจนแล้วว่าต้องนับตั้งแต่ปี 2557 ก่อนที่รัฐธรรมนูญ มีผลบังคับใช้ เพื่อให้วัตถุประสงค์ของการกำหนดวาระ 8 ปีของนายกรัฐมนตรีนั้นบรรลุผล เมื่อมีข้อโต้แย้ง ก็เป็นเรื่องที่บังเอิญมาก ที่ในช่วงของการร่างรัฐธรรมนูญ มีเอกสารบันทึกรายงานการประชุม ที่ได้หยิบยกประเด็นนี้ขึ้นมาพูดคุยกัน ซึ่งต้องบอกว่าในการประชุมกรรมการร่างกฎหมายอื่น ๆ ไม่บ่อยครั้งนักที่จะเห็นปัญหาล่วงหน้า แล้วเอาปัญหานี้มาพูดคุยกันในที่ประชุม จนมีฉันทามติที่เห็นชอบร่วมกัน

ประธานแสดงความเห็นว่า ให้เริ่มนับตั้งแต่ปี 2557 รองประธานเห็นด้วย ส่วนสมาชิกท่านอื่น “นิ่ง” ซึ่งอาจหมายความได้ว่า ไม่คัดค้าน เพราะ เวลาที่มีข้อถกเถียงแล้วมีคนไม่เห็นด้วย ก็ต้องแสดงความคิดเห็น นักกฎหมายก็อาจตีความได้ว่าเป็นการยอมรับโดยปริยาย นอกจากนั้น ภายหลังยังปรากฏข้อเท็จจริงว่า มีการรับรองรายงานการประชุมในครั้งนั้นด้วย ส่วนตัวจึงมองว่า ลำพังแค่ดูจากเอกสารเหล่านี้ ก็ค่อนข้างชัดเจนในเจตนารมณ์แล้ว เมื่อพูดถึงการเริ่มนับระยะเวลา 8 ปี จึงต้องเริ่มตั้งแต่ปี 2557 แต่สิ่งที่ศาลรัฐธรรมนูญพยายามทำต่อ คือ การเชิญผู้ร่าง มาให้ความเห็นว่ามีเจตนารมณ์อย่างไร ซึ่งเป็นสิ่งที่ผิดปกติ รศ.มุนินทร์ กล่าว



“การตีความที่มาถามคนร่างฯทีหลัง ทั้งที่มีเอกสารชัดเจนแล้ว เขาไม่ทำกัน เพราะคนเปลี่ยนความเห็นได้ตลอด แต่เอกสารที่ทำขึ้น ณ เวลานั้น จะบันทึกเหตุการณ์อย่างตรงไปตรงมา บ่งชี้เจตนารมณ์ได้อย่างสมบูรณ์ที่สุดแล้ว ถ้าพิจารณาจากข้อเท็จจริง ไม่น่ามีผลเป็นอย่างอื่นไปได้…”

ตีความกฎหมาย “นิติศาสตร์” ต้องมาก่อน “รัฐศาสตร์”

จริง ๆ แล้ว ปัญหาการตีความกฎหมาย ถือเป็นเรื่องปกติ เพราะ ในต่างประเทศก็มีปัญหาเช่นเดียวกัน แต่ตอนนี้มีคนที่พยายามทำให้เรื่องที่มีความชัดเจนอยู่แล้ว ให้กลายเป็นปัญหาขึ้นมา แม้เราไม่รู้เหตุผลที่อยู่เบื้องหลังเขา แต่อย่างไรก็ตาม รศ.มุนินทร์ มองว่า หน้าที่ของนักกฎหมาย คือ การตีความที่สามารถอธิบายได้ ถึงเหตุผลประกอบดุลยพินิจของการตีความ ต้องแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ใช้หลักการ หรือทฤษฎีใดในการตีความ เป็นเหตุผลที่คนอ่านแล้วเข้าใจได้ มีที่มาที่ไป มีฐานทฤษฎีรองรับที่ชัดเจน ไม่ใช่ว่าเป็นเรื่องของอารมณ์ หรือความรู้สึกเท่านั้น

“การอ้างเรื่องรัฐศาสตร์ หรือความมั่นคงมาใช้ มันเป็นอารมณ์ความรู้สึก มากกว่าเหตุผล คือ เราไม่รู้ว่าศาลจะวินิจฉัยออกมาอย่างไร บางครั้งมันไม่มีอะไรผิด หรือถูก เพียงแต่เหตุผลมันน่าเชื่อถือ และสร้างความมั่นใจให้ประชาชนได้หรือไม่…”

การตีความกฎหมายจำเป็นต้องใช้หลักนิติศาสตร์ แม้บางคนจะมองว่าเป็นการตีความตามตัวอักษรที่เคร่งครัด ตายตัว และไม่สนใจบริบทแวดล้อมของสังคม แต่คำตอบ คือ ไม่ใช่ เพราะ การตีความตามหลักนิติศาสตร์ เป็นการตีความตามหลักกฎหมายที่วางไว้แล้วอย่างมั่นคง เพื่อให้เกิดผลอย่างสม่ำเสมอ และเป็นธรรมสำหรับทุกคน แต่กฎหมายบางเรื่อง อาจอนุญาตให้ผู้ตีความคำนึงถึงบริบทแวดล้อมของสังคมได้ ยกตัวอย่างเช่น คำนึงถึงความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน ถ้อยคำกฎหมายลักษณะนี้ ที่เขียนไว้หลวม ๆ ไม่ชัดเจน หมายความว่าผู้ร่าง ต้องการให้ผู้ตีความกฎหมาย ได้คำนึงถึงบริบทในสังคม แต่การอนุญาตแบบนี้ต้องมาจากหลักกฎหมายด้วย ถ้ากฎหมายบอกว่าต้องตีความอย่างเคร่งครัด เราจะไปเอาหลักกฎหมายอื่นมาตีความไม่ได้



“ถ้าผลออกมาให้ พล.อ. ประยุทธ์ ไปต่อ ตุลาการที่ตัดสินแบบนั้นจะต้องแสดงเหตุผลที่ชัดเจน มีหลักทฤษฎีการตีความที่ยอมรับได้ ไม่เช่นนั้นแล้ว จะเป็นไปตามที่คนสบประมาทว่า จะคาดหวังอะไรกับศาลรัฐธรรมนูญ และจะยิ่งทำให้คนรู้สึกว่ามันไม่มีความหวังแล้วในประเทศนี้…”

รศ.มุนินทร์ กล่าวว่า ณ ตอนนี้ยังไม่สามารถบอกได้ว่าผลของคำวินิจฉัยจะเป็นอย่างไร ต่อให้ไม่เห็นด้วย หรือเห็นต่าง ก็ต้องแสดงเหตุผลให้ชัดเจน ไม่ให้สังคมคลางแคลงใจว่ามาจากอารมณ์ความรู้สึกอย่างเดียว แต่ถ้าให้พูดถึงที่สุด เมื่อกลับไปดูหลักการ และทฤษฎี ก็ไม่มีหลักไหนอีกแล้ว ที่จะทำให้น่าเชื่อถือมากไปกว่าการตีความตามเจตนารมณ์ และพยานหลักฐาน




“ถ้าเราตั้งต้นว่าคนที่ถูกตัดสินเป็นใคร มองว่าถ้าไม่มีคนนี้บ้านเมืองจะเดินต่อไปไม่ได้ แต่เอาเข้าจริงนะ ตอนนี้ไม่อยู่มา 1 เดือนแล้ว ประเทศก็ยังเดินต่อไปได้… เราควรรักษาระบบกฎหมายไว้ดีกว่า ในเวลาที่คนเชื่อถือกระบวนการยุติธรรมน้อยมากเต็มทีแล้ว…”

เป็นเรื่องที่อันตรายมาก ที่เราตั้งต้นว่าต้องยึดหลักรัฐศาสตร์ หรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ณ ตอนนั้นก่อน ในอดีตมีตัวอย่างให้เห็น อย่างคดีซุกหุ้นที่เขาพูดกัน ให้เอาหลักรัฐศาสตร์มาก่อน คิดถึงคนที่จะถูกตัดสินว่าเป็นใคร เป็นนายกรัฐมนตรี ที่ประชาชนเลือกเข้ามามากที่สุด หากขาดไปบ้านเมืองจะล่มสลาย ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้น

เมื่อขาดหลัก อาจตีความ “ตามอำเภอใจ”

การที่เราตีความกฎหมาย โดยไม่มีหลักทฏษฎีมารองรับ คือ การตีความตามอำเภอใจ และวิชานิติศาสตร์ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อป้องกันเรื่องนี้ รศ.มุนินทร์ ย้ำถึงปัญหาที่สำคัญที่สุดในการใช้กฎหมาย เพราะที่เราต้องเรียนกฎหมายกัน บางคนใช้เวลายาวนานมาก เหตุผลทั้งหมด คือ เราต้องการให้ใช้กฎหมายอย่างมีระบบ ป้องกันการตีความตามอำเภอใจ ถ้าปล่อยให้ตีความตามอำเภอใจ ใช้หลักอะไรก็ได้ แบบนี้ไม่ต้องสอนวิชานิติศาสตร์กันเลย ใครก็มาตีความกฎหมายได้ คิดถึงเป้าหมายเอาไว้ก่อน แล้วค่อยมาให้เหตุผลกันทีหลัง หรืออาจจะไม่สนใจเลยก็ได้ ว่าจะให้เหตุผลอย่างไร เพราะ ตนมีอำนาจสูงสุดในการตีความอยู่แล้ว เรื่องนี้จึงอันตรายมาก



“เหมือนให้อาวุธ กับคนที่ใช้ไม่เป็น และจะเป็นตัวอย่างของการตีความกฎหมาย เพราะ ประจักษ์ชัดแล้วว่าสามารถทำได้ ไม่เห็นเกิดอะไรขึ้น คนที่กระทำก็ยังไม่ต้องรับผลของการกระทำนั้น มันเป็นการส่งสัญญาณที่อันตราย และจะนำไปสู่การล่มสลายของหลักนิติรัฐ และวิชานิติศาสตร์”

แต่แน่นอนว่าตุลาการมีดุลยพินิจในการตีความ แต่สิ่งที่ทำให้ผิดหวังอย่างมาก คือ การให้เหตุผลอ่อนมากในหลายกรณี อาจเรียกได้ว่าไม่ได้ใช้หลักในทางนิติศาสตร์อย่างแท้จริง เป็นเรื่องของอารมณ์ความรู้สึกเสียมากกว่า การให้เหตุผล แม้เราไม่ได้ยึดว่าต้องให้คนถูกใจทั้งหมด แต่ว่าเหตุผลที่ให้มาต้องอ้างอิงหลักการที่มีน้ำหนัก และเป็นที่ยอมรับ มีความสมเหตุสมผลในระดับหนึ่ง หากการตัดสินยังขัดต่อหลักการ มันยิ่งทำให้คนตั้งข้อสังสัยว่าเป็นการตัดสินที่มีธงหรือไม่ ตามอำเภอใจหรือไม่


“ตั้งแต่หลังรัฐประหาร ผลทางคดีส่วนใหญ่ ค่อนข้างเอื้อไปทางผู้ที่กุมอำนาจรัฐ การตีความรัฐธรรมนูญที่ขัดต่อความรู้สึกของคนทั่วไป และการให้เหตุผลที่อ่อนมากเหมือนที่ผ่านมา อาจเรียกไม่ได้ว่าใช้หลักนิติศาสตร์แล้วอย่างแท้จริง มันยิ่งทำให้คนสงสัยว่าเป็นการตัดสินที่มีธงหรือไม่…”

แต่หากให้ความเป็นธรรมต่อศาลรัฐธรรมนูญด้วยแล้ว โดยธรรมชาติเป็นคดีที่ไปเกี่ยวข้องกับข้อโต้แย้งทางการเมืองสูง เวลาผลของคำตัดสินออกมา จะก่อให้เกิดความเห็นที่แตกแยก และส่งผลในวงกว้างมากกว่าคดีอื่น ๆ อย่าง คดียุติธรรม หรือคดีปกครอง จึงเป็นเรื่องปกติ ที่จะมีคนเห็นด้วย และไม่เห็นด้วย แต่อย่างไรก็ตามในภาพรวมการปรับใช้หลักกฎหมาย ไม่ได้เป็นไปตามปกติอย่างที่นักนิติศาสตร์คุ้นเคย

ก่อน รศ.มุนินทร์ จะปิดท้ายว่า ถ้าคนไม่เชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม และการตัดสินของศาลเสียแล้ว จะตามมาด้วยปัญหาอื่นมากมาย เรายังหวังว่าคดีนี้ศาลจะฟื้นฟูความเชื่อมั่น เพราะ เราเห็นสัญญาณที่ดีอย่างหนึ่ง ในคำสั่งที่ออกมา เมื่อวันที่ 24 ส.ค. ให้พักการปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราวของนายกรัฐมนตรี เพราะ ตัวเลขของตุลาการที่สั่งลงมาค่อนข้างน่าสนใจ ที่ผ่านมาส่วนใหญ่แทบจะเป็นเอกฉันท์ทั้งหมด เราไม่ค่อยเห็นตัวเลขที่ก้ำกึ่งแบบนี้มานานมาก คิดว่าครั้งนี้อาจเชื่อได้ว่า มีความเป็นอิสระประมาณหนึ่ง และจะปรับใช้หลักกฎหมายได้ตามหลักการที่ตุลาการท่านนั้นเห็นว่าถูกต้อง

เตรียมพร้อมประกาศประยุทธ์ยังอยู่ไม่ครบ8ปีไช่มั้ย ศาล รธน.ออกประกาศพื้นที่ปลอดภัย มีผล 1 ทุ่มคืนนี้ รองรับวันตัดสิน 8 ปีนายกฯ


การเมืองไทย ในกะลา
8h

ด่วน! ศาล รธน.ออกประกาศพื้นที่ปลอดภัย มีผล 1 ทุ่มคืนนี้ รองรับวันตัดสิน 8 ปีนายกฯ
วันที่ 29 กันยายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวรวิทย์ กังศศิเทียม ได้ลงนามประกาศศาลรัฐธรรมนูญ เรื่อง อาณาบริเวณ หรือพื้นที่ที่กำหนดให้ศาลรัฐธรรมนูญและสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญใช้เป็นสถานที่ปฏิบัติงาน รักษาความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อย โดยประกาศระบุว่า ตามที่คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญได้กำหนดนัดแถลงด้วยวาจา ปรึกษาหารือ และลงมติกรณีรับคำร้องของพรรคร่วมฝ่ายค้านที่ยื่นผ่านประธานสภาผู้แทนราษฎร ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสอง ประกอบมาตรา 158 วรรคสี่ หรือไม่ และออกนั่งบัลลังก์อ่านคำวินิจฉัยให้คู่กรณีฟังในเวลา 15.00 น.
ทางหน่วยงานความมั่นคงได้แจ้งต่อสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญว่าจะมีสถานการณ์ที่มีสิ่งบอกเหตุ หรือข้อมูลที่แสดงให้เห็นว่าอาจจะมีเหตุการณ์ความไม่ปลอดภัยและความไม่สงบเรียบร้อยเกิดขึ้น
เพื่อให้กระบวนการเป็นไปด้วยความเรียบร้อย จึงออกประกาศกำหนดให้อาณาบริเวณหรือพื้นที่ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ อาคารราชบุรีดิเรกฤทธิ์ (อาคาร A) ตามแนวเขตเป็นพื้นที่ชั้นนอกในการรักษาความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อย บุคคลและยานพาหนะที่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาในพื้นที่ ต้องผ่านการตรวจของเจ้าหน้าที่ของหน่วยงาน
และห้ามผู้ใดเข้ามาในพื้นที่ควบคุม เว้นแต่ผู้ที่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาปฏิบัติงาน หรือมาติดต่อราชการ และต้องผ่านการตรวจตัวบุคคลและสิ่งของที่นำมา ตามวิธีการของหน่วยงานซึ่งมีหน้าที่รักษาความปลอดภัยและคงามสงบเรียบร้อย
มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 29 กันยายน เวลา 19.00 น. ถึงวันที่ 3 ตุลาคม เวลา 06.00 น.
https://www.matichon.co.th/politics/news_3589915
.....
Chamnan Chanruang
18h
วันที่ 30 กันยานี้ ประเด็นไม่ได้อยู่ที่ประยุทธ์จะอยู่หรือไปแล้ว เพราะเหลือเวลาอีกเพียง5-6 เดือนก็หมดอายุสภาฯ แต่ประเด็นอยู่ที่ว่าหากศาลรัฐธรรมนูญให้เหตุผลในคำวินิจฉัยไม่ดี ศาลรัฐธรรมนูญเองนั่นแหละจะต้องเป็นฝ่ายถูกเตะออกไปน่ะครับ
#8ปีประยุทธ์
#ศาลรัฐธรรมนูญ

ปลาอยู่ในน้ำ ไม่รู้สึกเปียก


Orathai Ard-am
12h

ภาพนี้สะท้อนจุดกำเนิด-ที่มาของความเปราะบาง ความรู้สึกต่ำต้อย ด้อยค่า ไม่มีศักดิ์ศรี ไม่มีอำนาจใด ๆ ในตน ที่ถูกปลูกฝังตั้งแต่ยังเด็ก ทำให้มีคนเปราะบางจำนวนมากในสังคม ผลผลิตแบบนี้เกิดจากปฏิสัมพันธ์ที่ไม่เสมอภาค ไม่เน้นประเด็นความภาคภูมิใจในตน ในฐานะมนุษย์และพลเมืองที่มีคุณค่า มีศักดิ์ศรี มีบทบาทในการร่วมกันสร้างสังคมให้เจริญก้าวหน้า
การกำหนดให้คนลงไปก้มหมอบกราบสร้างความรู้สึกที่ไม่ดี ไม่พอใจให้คนจำนวนมาก เพราะคนเราชอบไม่เหมือนกัน และจำนวนมากเค้าไม่เชื่อในเรื่องสมมุติเทพ (ซึ่งเค้าควรมีสิทธิ์ที่จะไม่เชื่อ) แต่เค้ามองว่าทุกคนเป็นคนที่มีศักดิ์ศรีเหมือนกัน
ถ้าปรับตรงนี้ได้ ให้คนเงยหน้าขึ้นมาสนทนาพูดคุย แลกเปลี่ยน ใช้วิธียืนคำนับ โต้ตอบกันไปมาได้ตามปกติเหมือนความสัมพันธ์ของคนปกติธรรมดาทั่วไป จะทำให้สถาบันกษัตริย์ได้รับการยอมรับเพิ่มมากขึ้น ความเคารพรักศรัทธาในประชาชนจะมีมากขึ้น ไม่มีใครต่อต้านหรือการต่อต้านจะลดลง
(เค้าว่าถ้าพูดด้วยเจตนาดี จะไม่มี 112 ก็เลยลองดู เพราะที่จริงอยากให้สังคมสงบสุข อยู่ร่วมกันได้ ไม่เกลียดชังกัน ไม่กดบังคับกัน ทุกคน ทุกฝ่าย ทุกระดับเคารพซึ่งกันและกัน)


อานนท์ นำภา
1d

ปลาอยู่ในน้ำ ไม่รู้สึกเปียก
เวลาต่างชาติมองเข้ามาในไทย เขาเห็นอะไร ?
1.เห็นศาลกำลังดำเนินคดีกับคนเรียกร้องประชาธิปไตย
2.เห็นนายกที่มาจากการสืบทอดอำนาจคณะรัฐประหาร
3.เห็นองค์กรอิสระที่รับใช้รัฐและปฏิปักษ์กับประชาชน
4.เห็นนักโทษการเมืองเยาวชนในคุก
5.เห็นคนบ้าๆบอๆ
สังเกตง่ายๆ เราไม่อายเขาหรือเวลานักเรียน(เน้นคำว่านักเรียน) นักศึกษา ต้องขึ้นศาลแล้วมีเจ้าหน้าที่สถานทูตไปสังเกตการณ์คดี
เราไม่อายเขาหรือที่มีผู้ลี้ภัยจาก 112 จำนวนมากและต่อเนื่อง
ปลาอยู่ในน้ำ ไม่รู้สึกเปียก

ประยุทธ์รอด ม็อบลงถนนแน่ การเมืองเละ ! บก.ลายจุด ฟันธง

#บกลายจุด #8ปีประยุทธ์ #matichontv
สัมภาษณ์พิเศษ: บก.ลายจุด ฟันธง ประยุทธ์รอด ม็อบลงถนนแน่ การเมืองเละ ! : Matichon TV

Sep 29, 2022

matichon tv

สัมภาษณ์พิเศษ: สมบัติ บุญงามอนงค์ บก.ลายจุด ฟันธง 30 กันยายน ประยุทธ์ ไปต่อ ม็อบลงถนนแน่นอน เชื่อประยุทธ์บริหารประเทศต่อ การเมืองไทยเละ แฉพฤติกรรมผู้นำการเมืองเสพติดอำนาจ อยากอยู่ยาวจนตาย วิเคราะห์ 2 ป. ไม่แตกต่าง ไม่ใช่ทางเลือก

ดูกันอีกครั้ง ก่อนวันตัดสิน

 


วีรกรรมวีนๆ ของ นายกฯ "ประยุทธ์ จันทร์โอชา" คนทำไม่เคยจำ คนโดนไม่เคยลืม | Thairath Online

Mar 11, 2021

อารมณ์ฉุนเฉียว ขี้วีน ขี้โมโห จอมเหวี่ยง... กลายเป็นจุดอ่อนของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีของไทย ตั้งแต่เข้ามาบริหารประเทศในยุคคสช. จนมีการเลือกตั้ง รวมกว่า 7 ปี จนมาล่าสุด "ฉีดสเปรย์แอลกอฮอล์" ใส่นักข่าวแบบหน้าตาเฉย ไม่รู้ร้อนรู้หนาว จนหลายคนตกใจ "อิหยังวะ" ทำให้อดนึกถึง โดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ ผู้บ้าบิ่นเอาแต่ใจตัวเอง ขึ้นมาทันที

สมชัย ศรีสุทธิยากร มาค้นบันทึกการประชุม กรรมการร่างรัฐธรรมนูญ ให้เห็นกับตาตัวเอง "จบจริงๆครับนาย" การนับอายุ 8 ปี นายกฯ นับรวมก่อนวันที่รัฐธรรมนูญ 60 ใช้บังคับ - (ถ้าประยุทธ์ได้ไปต่อ มีใบสั่งให้ "สานรัดทำมะน​วยหัว​คูน" แน่นอน)!


สมชัย ศรีสุทธิยากร is at หอสมุดรัฐสภา.
15h · Bangkok, Thailand ·

มาค้นบันทึกการประชุม กรรมการร่างรัฐธรรมนูญ ให้เห็นกับตาตัวเอง
หอสมุดรัฐสภา อยู่ที่ชั้น 9 อาคารกลาง ของรัฐสภา ยังไม่ค่อยมีคนมาใช้บริการนัก เนื่องจากทางเข้าซับซ้อนและประชาชนทั่วไปอาจไม่สะดวกในการเข้าพื้นที่รัฐสภาใหม่
เอกสารบันทึกการประชุม กรธ. มี copy เดียว เย็บปกแข็ง จำนวน 11 เล่ม เป็นบันทึกครั้งที่ 1- ครั้งที่ 485 หนักเล่มละ ราว 3 กิโล
ส่วนเล่มที่อยากดูเป็นปกอ่อนสีเหลือง ของการประชุมครั้งที่ 486-501 ที่แยกออกมาต่างหาก
บันทึกการประชุมครั้งที่ 500 วันที่ 7 กันยายน 2561 เริ่มประชุมเวลา 13.40 น. มีกรรมการเข้าประชุม 19 คน ในวาระที่ 3 เป็นเรื่องเพื่อพิจารณา มีมาตราที่นำเข้าสู่การพิจารณา คือ มาตรา 158 , 161 , 171 , 174 , 175 , 176 , 177 , 179 , 180 , 182 และ 183
ในส่วนมาตรา 158 ที่ว่าด้วยการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ห้ามเกิน 8 ปีนั้น อยู่ในหน้า 2-6 มีผู้อภิปรายและการมีมติดังนี้
“หากนายกรัฐมนตรีที่ดำรงตำแหน่งอยู่ก่อนวันที่รัฐธรรมนูญ 2560 ประกาศใช้บังคับ เมื่อประเทศไทยยังคงมีการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ก็ควรนับระยะเวลาที่ดำรงตำแหน่งดังกล่าวรวมเข้ากับระยะเวลาที่ดำรงตำแหน่งตามรัฐธรรมนูญ 2560 ด้วย”
สุพจน์ ไข่มุกด์ รองประธานกรรมาธิการคนที่หนึ่ง (หน้า 3)
“เมื่อพิจารณาบทเฉพาะกาลในมาตรา 264 วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า “ให้คณะรัฐมนตรีที่บริหารราชการแผ่นดินอยู่ในวันก่อนหน้าประกาศใช้รัฐธรรมนูญนี้เป็นคณะรัฐมนตรีตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้ จนกว่าคณะรัฐมนตรีที่ตั้งขึ้นใหม่ภายหลังการเลือกตั้งทั่วไปครั้งแรกตามรัฐธรรมนูญนี้จะเข้ารับหน้าที่ และให้นำความในมาตรา 263 วรรคสาม มาใช้บังคับแก่การดำรงตำแหน่งด้วยโดยอนุโลม” การบัญญัติในลักษณะดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า แม้จะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอยู่ก่อนวันที่รัฐธรรมนูญนี้ใช้บังคับก็สามารถนับรวมระยะเวลาดังกล่าวรวมกับระยะเวลาที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญ 2560 ได้ ซึ่งเมื่อนับรวมระยะเวลาที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต้องมีระยะเวลาไม่เกิน 8 ปี”
มีชัย ฤชุพันธุ์ ประธาน กรธ. (หน้า 3-4)
“ได้กำหนดหลักการใหม่เกี่ยวกับการนับระยะเวลาการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเพื่อให้เกิดความชัดเจนในการนับระยะเวลา กล่าวคือ การนับระยะเวลาแปดปีนั้น แม้บุคคลดังกล่าวจะมิได้มีการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีติดต่อกันก็ตาม แต่หากรวมระยะเวลาทั้งหมดที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของบุคคลดังกล่าวแล้วเกินแปดปี ก็ต้องห้ามมิให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แต่อย่างไรก็ตาม ได้กำหนดข้อยกเว้นไว้ว่า การนับระยะเวลาการดำรงตำแหน่งของนายกรัฐมนตรีในระหว่างรักษาการภายหลังจากการพ้นตำแหน่ง จะไม่นำมานับรวมกับระยะเวลาการดำรงตำแหน่งของนายกรัฐมนตรีดังกล่าว การกำหนดระยะเวลาแปดปีไว้ก็เพื่อมิให้เกิดการผูกขาดอำนาจในทางการเมืองยาวนานเกินไปอันจะเป็นต้นเหตุเกิดวิกฤตทางการเมืองได้”
มติที่ประชุม กรธ. (หน้า 6)
เลิกประชุมเวลา 16.40 น.
บันทึกการประชุมครั้งที่ 501 วันอังคารที่ 11 กันยายน 2561 เริ่มประชุมเวลา 14.05 น. มีกรรมการเข้าประชุม 18 คน
ระเบียบวาระที่สอง รับรองบันทึกการประชุม
“คณะกรรมการมีมติรับรองบันทึกการประชุมครั้งที่ 497 วันอังคารที่ 28 สิงหาคม 2561 ถึงครั้งที่ 500 วันศุกร์ที่ 7 กันยายน 2561 ที่คณะอนุกรรมการพิจารณาตรวจบันทึกการประชุมและรายงานการประชุมตรวจทานแล้ว โดยไม่มีการแก้ไข”
(หน้า 2)
เลิกประชุมเวลา 16.05 น.
จบแล้วครับเจ้านาย








.....

ศาลขอนแก่นวินิจฉัย112 ไม่ได้คุ้มครองตัวสถาบัน และตัวสถาบันสามารถถูกวิจารณ์ได้ ทิวากร ผู้สวมเสื้ิอ 'เราหมดศรัทธาสถาบันกษัตริย์แล้ว'ศาลพิพากษายกฟ้องแล้ว


Sa-nguan Khumrungroj
14h

คดีสำหรับผู้สวมเสื้ิอที่มีข้อความทำนองนี้
ศาลพิพากษายกฟ้อง แล้วเช้านี้
มันดูคล้ายคดี #เสื้อสหพันธ์รัฐไทย ที่โดนยัดข้อหาอั้งยี่ ??
คนฟ้องน่าจะเป็น #คนบ้า ของรัฐบาลเถื่อน #ควายสมชื่อ คณะลิเก "3 ป" จ้างมารังแกชาวบ้านที่เห็นต่าง
(ภาพ:สงวน คุ้มรุ่งโรจน์)

ศาลขอนแก่นวินิจฉัย112 ไม่ได้คุ้มครองตัวสถาบัน และตัวสถาบันสามารถถูกวิจารณ์ได้
...
ศาลขอนแก่น เช้านี้ตบหน้าอย่างจังใส่"ลูกบิดแช่งแข็ง"พยานฝ่ายสลิ่ม ผู้ใส่ร้าย"ทิวากร"

สำนักข่าวหงวนจัดให้


พิเคราะห์แล้วนอกจากพยานโจทก์ปากผศ.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ ไม่มีพยานโจทก์ปากอื่นใดเบิกความว่าภาพและข้อความตามฟ้องจะชักชวนให้คนรู้สึกเกลียดชังหรือดูหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ ทั้งเมื่อพิจารณาข้อความที่จำเลยลงทั้งหมด ก็ไม่ปรากฎให้เห็นเป็นเช่นนั้น

เมื่อข้อความและรูปภาพของจำเลยเป็นการกล่าวถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยไม่ได้กล่าวถึงองค์พระมหากษัตริย์องค์ใดองค์หนึ่ง จึงไม่เข้าข่ายการหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้าย
พิพากษายกฟ้อง

นับถือหัวใจเธอ "ที่ใหนมีการกดขี่ ที่นั่น ย่อมมีการต่อสู้ขัดขืน"


NowThis
@nowthisnews
·18h
Turkish singer Melek Mosso cut her hair mid-concert during a show in Istanbul on Sept 26, in solidarity with the thousands of women in Iran and internationally who have protested the death of Mahsa Amini in morality police custody.
#melekmosso #Iran #AntiHijabProtests
Turkish singer Melek Mosso chops hair in support of Anti Hijab Protests | Oneindia news * news

Sep 28, 2022

Oneindia News

Turkish singer Melek Mosso joined a legion of women showing their support for the anti-hijab protests in Iran.



Pipob Udomittipong
16h

"ขอคารวะผู้หญิงที่กล้าหาญ ท้าทาย และไม่กลัวแห่ง #อิหร่าน
ทุกคนที่อยู่รอดมาได้ถึงทุกวันนี้และต่อต้านมาหลายทศวรรษ คนที่ออกมาประท้วงในวันนี้ และมาฮ์ซา อามีนี และคนหนุ่มสาวในอิหร่านเหมือนเธอ
ผู้หญิงไม่ต้องการการกำกับดูแลทางศีลธรรม ไม่ต้องการการปรับทัศนคติ ไม่ต้องการการควบคุมร่างกายของเธอ ผู้หญิงต้องการเสรีภาพที่จะมีชีวิตและหายใจโดยปลอดจากความรุนแรงหรือการข่มขู่
สำหรับผู้หญิงในอิหร่านทุกคน แล้วพบกัน"
https://www.instagram.com/p/CjEFrjEJqyd/?hl=en
.....

Jaran Ditapichai
12h

สถานการณ์การต่อสู้ของประชาชนอีหร่านขยายตัวไปทั่วอีหร่าน ผู้หญิงปลดพากันโยนฮิญาบเผาไฟ และบางส่วนเริ่มตัดผมประท้วง ตามสัจธรรม
“ที่ใหนมีการกดขี่ ที่นั่น ย่อมมีการต่อสู้ขัดขืน ”
ทางการรัฐบาลเผด็จการโดยคุณธรรม ยังคง ปราบปรามอย่างนองเลือด มีผู้เสียสละชีวิตไปแล้วกว่า 50 คน


ถ้า ท.อ. ต้องการแสดงแสนยานุภาพ ทำไมไม่แสดงตอนที่เครื่องบินรบของพม่าบินล้ำน่านฟ้าไทย สวนสนามทางอากาศ คือการเล่นปาหี่


Uninspired by Current Events
@UninspiredBy
Hold Short


ข่าวสด
@KhaosodOnline
·11h
ลุยต่อ!! พล.อ.ต.ประภาส สอนใจดี โฆษก ทอ. ระบุการสวนสนามทางอากาศ ในพิธีส่งมอบตำแหน่ง เป็นธรรมเนียมของทอ. แสดงออกถึงการส่งมอบศักยภาพ แสนยานุภาพ เทิดเกียรติบุคคลสำคัญ ผบช.ระดับสูง จึงต้องทำต่อไป แต่ให้กระชับกระทบไฟล์ทบินน้อยที่สุด ขออภัยในความไม่สะดวก #กองทัพอากาศ #ภาษีประชาชน

。Mame 。
@LittleBirbMame
·9h
คุณพี่ควรแสดงแสนยานุภาพตอนที่เครื่องบินรบของพม่ามันล้ำน่านฟ้าไทยมาแล้วจะส่งเครื่องบินรบขึ้นไปประกบอะไรก็ว่าไป มากกว่าการแสดงสวนสนามทางอากาศไหมวะ ค จริงๆ ทัพอากาศมีไว้เล่นแสดงโชว์ปาหีเหรอคะ

งงกับศาลไทย ศาลที่อยู่ต่างจังหวัดมักจะมีแนวโน้มตัดสิน (เฉพาะ112) เป็นคุณกับประชาชน ?


ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน
10h

29 ก.ย. 2565 ศาลจังหวัดขอนแก่นมีคำพิพากษายกฟ้อง คดีที่ทิวากร วิถีตน ถูกพนักงานอัยการจังหวัดขอนแก่นฟ้องในข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112, มาตรา 116(3) และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14(3) จากการสวมเสื้อ “เราหมดศรัทธาสถาบันกษัตริย์แล้ว” ถ่ายรูปโพสต์ลงเฟซบุ๊ก รวมถึงโพสต์เรียกร้องให้สถาบันกษัตริย์ยุติการใช้มาตรา 112 และปล่อย 4 แกนนำราษฎร ในช่วงเดือน ก.พ. 2564
.
ทิวากรพร้อมทนายความเดินทางมาถึงศาลจังหวัดขอนแก่นก่อนเวลานัด โดยมี “ครูใหญ่” อรรถพล บัวพัฒน์ ซึ่งมาศาลในคดีอื่นด้วยแวะมาให้กำลังใจ และมีนักกิจกรรม ผู้สังเกตการณ์ รวมทั้งสื่ออิสระหลายราย มาร่วมติดตามฟังคำพิพากษาด้วย
.
ก่อนเดินขึ้นไปห้องพิจารณาคดีทิวากรกล่าวว่า วันนี้เขาไม่ได้ขี่รถมอเตอร์ไซค์มาจากบ้านเหมือนปกติที่เคยมาศาล เนื่องจากหากศาลตัดสินให้จำคุกจะไม่มีใครนำมอเตอร์ไซค์กลับไปที่บ้าน
.
ราว 09.20 น. ในห้องพิจารณาคดี หลังจากศาลดำเนินการในคดีอื่นๆ เสร็จแล้ว เจ้าหน้าที่ได้ให้บุคคลอื่นออกจากห้องพิจารณา เหลือเพียงผู้ที่เดินทางมาร่วมฟังคำพิพากษาในคดีทิวากร จากนั้น วรวุฒิ เลาลัคนา ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะชั้นต้นในศาลจังหวัดขอนแก่น เจ้าของสำนวน จึงเริ่มอ่านคำพิพากษา โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมกุญแจมือ ยืนประกบทิวากร เพื่อเตรียมควบคุมตัวไปห้องขัง หากศาลพิพากษาลงโทษจำคุก
.
คำพิพากษามีใจความว่า เห็นว่า โจทก์มีพยานเพียง อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ เบิกความว่า ที่จำเลยโพสต์ว่า จุดจบสถาบันกษัตริย์จะล่มสลาย เป็นการขู่อาฆาตมาดร้ายองค์พระมหากษัตริย์ แต่ไม่มีพยานโจทก์ปากอื่นใดเบิกความว่า ภาพและข้อความที่จำเลยโพสต์จะชักชวนให้คนรู้สึกเกลียดชังหรือดูหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์
.
ทั้งเมื่อพิจารณาข้อความที่จำเลยลงทั้งหมดก็ไม่ปรากฏให้เห็นเป็นเช่นนั้น ส่วนรูปภาพและข้อความดังกล่าวจะเป็นข้อความที่หมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายหรือไม่นั้น หมิ่นประมาท คือ การใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่ 3 โดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง ดูหมิ่น คือการด่า ดูถูกเหยียดหยาม และจะต้องได้ความว่า การใส่ร้ายหรือดูหมิ่นดังกล่าวได้ระบุถึงตัวบุคคลผู้ถูกใส่ความหรือผู้ถูกดูหมิ่น เป็นการยืนยันรู้ได้แน่นอนว่าเป็นใคร หรือหากไม่ระบุถึงผู้ที่ถูกใส่ความหรือผู้ที่ถูกดูหมิ่นโดยตรง การใส่ความหรือการดูหมิ่นนั้นก็ต้องได้ความว่าเป็นบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ
.
เมื่อข้อความและรูปภาพที่จำเลยลงในเฟซบุ๊กดังกล่าว กล่าวถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ ไม่ได้กล่าวถึงองค์พระมหากษัตริย์องค์ใดองค์หนึ่งโดยเฉพาะ หากจำเลยต้องการลงข้อความในเพจเฟซบุ๊กถึงพระมหากษัตริย์โดยตรง จำเลยจะระบุไว้โดยชัดเจนตามที่ พ.ต.ท.สุรัตน์ วันทะมาตย์ และ พ.ต.ต.สุริยัน ภูนบทอง พนักงานสอบสวนเบิกความตอบคำถามค้านของทนายจำเลยไว้
.
และ ผศ.อานนท์ ก็เบิกความยืนยันว่า สถาบันพระมหากษัตริย์หมายถึงองค์พระมหากษัตริย์องค์ปัจจุบัน อดีตพระมหากษัตริย์ พระบรมวงศานุวงศ์ชั้นผู้ใหญ่ที่ทํางานใกล้ชิดเบื้องพระยุคลบาท ซึ่งเป็นไปตามพระบรมราชโองการ ประกาศสถาบันกษัตริย์ตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งมีหลายพระองค์
.
การที่จำเลยโพสต์ภาพและข้อความดังกล่าวจึงไม่ได้ระบุถึงการดูหมิ่นหรือหมิ่นประมาทให้รู้ได้โดยแน่นอนว่าเป็นองค์พระมหากษัตริย์องค์ใดองค์หนึ่งโดยเฉพาะ การเข้าใจข้อความดังกล่าว ขึ้นกับการตีความของบุคคล และสถาบันพระมหากษัตริย์ไม่ใช่องค์ประกอบความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 การที่จำเลยลงข้อความดังกล่าวในเพจเฟซบุ๊กจึงไม่ใช่การดูหมิ่น หมิ่นประมาท หรือแสดงความอาฆาตมาดร้าย พระมหากษัตริย์ และไม่ใช่กระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน พยานหลักฐานของโจทก์จึงมีไม่พอที่จะลงโทษจำเลยความผิดฐานดังกล่าวได้
.
เมื่อข้อเท็จจริงการกระทำของจำเลยไม่ใช่ความผิดตามประมวลกฏหมายอาญา มาตรา 112 และมาตรา 116 การที่จำเลยลงข้อความและรูปภาพในเฟซบุ๊กจึงไม่เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ตามฟ้องโจทก์
.
และเมื่อข้อเท็จจริงรับฟังไม่ได้ว่าจำเลยทำผิดตามฟ้อง เสื้อยืดของกลางที่ริบมาจากจำเลย จึงให้คืนแก่เจ้าของ พิพากษายกฟ้องและให้คืนของกลาง
.
.
หลังฟังคำพิพากษา ทิวากรเปิดเผยความรู้สึกว่า “รู้สึกประหลาดใจและผิดไปจากความคาดหมายมาก ผมไม่คิดว่าศาลจะยกฟ้อง แม้ว่าในคดีนี้ ผมไม่ควรถูกฟ้องตั้งแต่แรก และหากศาลพิพากษาตามพยานหลักฐานในการสืบพยานแล้ว โดยไม่มีอะไรมาแทรกแซง ศาลน่ายกฟ้อง”
.
“แต่ก็อย่างที่ผมเคยบอก บรรทัดฐานของกระบวนการยุติธรรมไทยที่ผมเห็นมา ตั้งแต่ตำรวจ อัยการ แม้แต่ศาล มีการตีความกฎหมายที่บิดเบือนไปมาก ก่อนหน้านี้ก็มีคำตัดสินคดีสมบัติ ทองย้อย, นิว จตุพร ทำให้เห็นว่า มีการใช้กฎหมายกำจัดศัตรูทางการเมือง รวมทั้งประชาชนที่เห็นต่าง ทำให้ผมคิดว่า กรณีผมเขาจะลงโทษให้หลาบจำ หรือเชือดไก่ให้ลิงดู ให้คนอื่นกลัว และจะไม่พูดแบบผม ซึ่งเป็นจุดมุ่งหมายในการใช้มาตรา 112 อยู่แล้ว ยิ่งคนที่ถูกตัดสินจำคุกก่อนผม อย่างนิวแค่ใส่ชุดไทย ไม่ได้พูดอะไร ทำไมผมถึงจะไม่โดน”
.
“ตอนนี้ผมยังงง และยังหาคำตอบไม่ได้ว่า รัฐไทยเขามองคดีผมยังไง” ทิวากรทิ้งท้าย
.
.
อ่านบนเว็บไซต์ https://tlhr2014.com/archives/48972
อ่านปากคำพยานในคดี https://tlhr2014.com/archives/48783
ดูฐานข้อมูลคดี https://database.tlhr2014.com/public/case/1748/lawsuit/531/

วันพฤหัสบดี, กันยายน 29, 2565

โฆษกกลาโหม "รับผิดชอบเอง" ไม่มีรัฐประหาร คอยดูสิว่านายพลจะไปเป็นอธิบดีประชาสัมพันธ์อีกคนไหม

ไม่เห็นจำเป็น โฆษกกลาโหมจะต้องร้อนตัวปฏิเสธไม่มีรัฐประหารเพื่อใคร “ในส่วนของทหาร ไม่ได้มีเงื่อนไข” แต่ที่ผ่านมาแม้นว่าปฏิเสธสม่ำเสมอ มันก็สร้างเงื่อนไขขึ้นมาจนได้ แล้วการเอาตัวเองเป็นประกัน ใครล่ะจะรับฟัง

พลเอก คงชีพ ตันตระวานิชย์ พูดยังกับจะเป็นโฆษกคณะรัฐประหารนั่นน่ะ บอกว่าประยุทธ์ไม่ได้พูดถึงเลยในที่ประชุมสภากลาโหม เอ๊า ยึดอำนาจแต่ละครั้งซุบซิบกันทำทั้งนั้น “ตราบใดที่ผมยังอยู่ ทำหน้าที่อยู่ ผมรับผิดชอบในคำพูดของผมเอง”

รับผิดชอบแล้วชาวบ้านได้อะไร ได้ทหารเป็นอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์อีกคนละสิ คนก่อนมุสาเรื่องขบวนการล้มเจ้า พูดเป็นตุเป็นตะยังกะข่าวกรองเจ๋งเสียเหลือเกิน ที่ไหนได้ เป็นมุสาตาใสของ สรรเสริญ แก้วกำเนิด ซึ่งไม่มีใครรับผิดชอบสักคน

ประธานสภาอีกราย ตอบข้อซักถามจากนักข่าวที่หวั่นกันว่าจะมีอุบัติเหตุทางการเมืองขึ้นอีก หากศาลรัฐธรรมนูญไม่ได้ตัดสินให้เป็นไปตามคาดหมาย ชวน หลีกภัย บอกอย่าได้สมมุติอะไรไปก่อนศาล รอผลตัดสินพรุ่งนี้แล้วค่อยว่ากัน

“ในเรื่องนี้มีข้อกฎหมายกำหนดไว้อยู่แล้ว ไม่มีอะไรพิเศษ” อ้าวทั่น เวลาเขายึดอำนาจครั้งใด ก็ยกเลิกข้อกฎหมายหมดก่อนทุกทีมิใช่หรือ เขาบอกเป็นสถานการณ์พิเศษไง ประเด็นมีแค่จะให้ตู่ทำต่อหรือป้อมทำแทนใช่ไหมล่ะ

อย่าว่าแต่ยึดอำนาจแล้วลบกฎหมายเดิมทิ้ง สร้างกฏกูขึ้นมาแทนเลย กฎหมายธรรมดาที่ใช้อยู่รายวันก้ยังลักลั่นเสมอ ไม่เพียงแต่กฎหมายเดียวกัน ใช้วินิจฉัยผิดกับฝ่ายที่ไม่ใช่พวกหนุน (หรือหงอต่อ) อำนาจทหารเลย ในพวกเดียวกันยังมีไม่คงเส้นคงวา

กรณีหมอเหรียญทอง แน่นหนา ถูกตัดสินมีความผิดฐานหมิ่นประมาทนายสิระ เจนจาคะ อดีต ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ จากการเขียนเฟชบุ๊คบริภาษณ์ว่าขานอย่างสาดเสียเทเสีย เช่นเรียกสิระว่า ไอ้กุ๊ยหลักสี่ทำให้โดนฟ้องอาญา

ศาลพิพากษาว่า “เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๒๘ ประกอบมาตรา ๓๒๖ เป็นการกระทำความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรม...จำคุกกระทงละ ๑ ปี และปรับกระทงละ ๑ แสนบาท รวม ๓ กระทง”

แต่มีข้อยกเว้น เนื่องจาก “จำเลยประกอบคุณงามความดีแก่สังคมและประเทศชาติบ้านเมือง โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด ๒ ปี กับให้จำเลยลบข้อความที่หมิ่นประมาทในบัญชีเฟซบุ๊กทั้งหมด” แล้วยังให้จ่ายค่าโฆษณาผลคำพิพากษาด้วย

เท่ากับหมอเหรียญทองรับโทษจริงขี้ประติ๋ว จ่ายค่าโฆษณาขนหน้าแข้งไม่ร่วง ทว่าผู้ชนะคดีซึ่งถูกฟ้องจากหมอเหรียญทอง ฐานบุกเข้าไปในโรงพยาบาลมงกุฏวัฒนะ ศาลพิพากษาเป็นความผิดที่สิระก่อความเสียหาย ให้ “คุก ๑๖ เดือน ไม่รอลงอาญา”

ตั้งข้อสังเกตุตาม @DrSuwadee ได้อย่างไม่มีอคติกับฝ่ายใด ในเรื่องทำคุณประโยชน์แก่บ้านเมือง เหรียญทองกับสิระมีไม่ต่างกัน ถ้าจะให้มี เพียงแต่เหรียญทองเล่นบทโหนราชวงศ์มากกว่าสิระเท่านั้นแหละ

(https://www.facebook.com/VoiceOnlineTH/posts/pfbid0x38EBCRY, https://www.facebook.com/WassanaJournalist/posts/pfbid026RL และ https://www.matichon.co.th/politics/news_3589081) 

ถ้าประยุทธ์ได้ไปต่อ ประชาชนจะลงถนน


แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม (UFTD)
@ThammasatUFTD
ถ้าประยุทธ์ได้ไปต่อ ประชาชนเตรียมลงถนน 
#ประยุทธ์ออกไป #นายกเถื่อน

แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม - United Front of Thammasat and Demonstration
11h

รวมพลประชาชน ฟังผลชี้ชะตาประยุทธ์!!!
เตรียมตัวเตรียมแรงให้พร้อม วันศุกร์นี้มาร่วมฟังคำวินิจฉัย ส่งระบอบประยุทธ์เข้าเมรุไปพร้อม ๆ กัน
พบกัน วันที่ 30 กันยายน
ที่ Skywalk(แยกปทุมวัน)
เวลา 14:00 น. เป็นต้นไป

#แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม
#ราษฎร
#8ปีประยุทธ์
#ฟังผลชี้ชะตาประยุทธ์
#นายกเถื่อน


ก้าวไกล หนุน กทม. ชนกระทรวงการคลัง เก็บภาษีที่ดินให้เป็นธรรม เลิกปลูกกล้วยเลี่ยงภาษี


Wiroj Lakkhanaadisorn - วิโรจน์ ลักขณาอดิศร
10h

[ หนุน กทม. ชนกระทรวงการคลัง เก็บภาษีที่ดินให้เป็นธรรม เลิกปลูกกล้วยเลี่ยงภาษี ]
- - - - - - - - - - - - - - - - - -
จากข่าวในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาที่ผู้ว่าชัชชาติ มีความพยายามจัดเก็บภาษีที่ดินอย่างเป็นธรรม โดยขึ้นภาษีที่ดินเกษตรกรรมแยกตามโซนผังเมืองในอัตราสูงสุด 0.15% เพราะรู้กันอยู่ว่าการปลูกกล้วย ปลูกมะนาว บนพื้นที่ผังเมืองโซนสีแดงเพื่อการพาณิชยกรรมใจกลางเมือง หรือโซนสีม่วงเพื่อการอุตสาหกรรม นั้นมีเจตนาเพื่อหลบเลี่ยงภาษีที่ดิน
.
เรื่องแบบนี้ปล่อยไว้ไม่ได้ครับ เพราะในปี 2566 นี้ กทม. มีประมาณการในการจัดเก็บภาษีที่ดินไว้ต่ำมากเพียงแค่ 7,710 ล้านบาทเท่านั้น ทั้งๆ ที่ควรจะจัดเก็บได้ 18,000 ล้านบาท (เนื่องจากปี 2564 ที่รัฐบาลลดภาษีที่ดินให้ 90% กทม. จัดเก็บได้ 1,800 ล้านบาท) หนำซ้ำหากนำไปเทียบกับปี 2562 ในสมัยที่ยังเป็นภาษีโรงเรือน ที่จัดเก็บได้ 15,000 ล้านบาท ภาษีที่ดินที่ กทม. ประมาณการว่าจะจัดเก็บไปในปี 2566 ก็ยังต่ำกว่าปี 2562 เป็นเท่าตัว
.
แล้ว กทม. จะเอางบประมาณที่ไหนมาปรับปรุงและพัฒนาระบบระบายน้ำเพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วม ?
จะเอางบที่ไหนมาปรับปรุงทางเท้าถนนหนทาง ความปลอดภัย ?
จะเอางบที่ไหนมาปรับปรุงการจัดเก็บขยะ ?
จะเอางบที่ไหนมาปรับปรุงดูแลสวนสาธารณะ ?
จะเอางบที่ไหนมาส่งเสริมการศึกษาดูแลเด็กๆ ?
.
สถานการณ์ในตอนนี้นายทุนอสังหาริมทรัพย์ที่รวยล้นฟ้า จงใจซอยที่ดินเอาไปปลูกกล้วย กลับจ่ายภาษีที่ดินถูกลง แต่ประชาชนตาดำๆ ในชุมชนดั้งเดิม ที่เช่าที่วัดมาจัดสรรเป็นที่อยู่อาศัย กลับถูกรีดภาษีที่ดินเพิ่มขึ้น
.
นี่คือความไม่เป็นธรรม ที่เกิดขึ้น
.
การที่มีข่าวออกมาว่า แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง ออกมาเบรกไม่ยอมให้ผู้ว่าชัชชาติทำในสิ่งที่ถูกต้อง โดยอ้างว่าอาจจะขัดกับ พ.ร.บ.ภาษีที่ดินฯ พ.ศ. 2562
.
ผมไม่รู้ว่า แหล่งข่าวระดับจากกระทรวงการคลังเป็นใคร แต่เรื่องนี้คุณอาคม เติมพิทยาไพสิฐ ในฐานะ รมว.คลัง จะอ้างว่าไม่รู้ คงจะไม่ได้ และถ้าไปอ่าน พ.ร.บ.ภาษีที่ดินฯ ให้รอบคอบ จะพบว่ากฎหมายฉบับนี้ ได้เขียนนิยามของ "ที่ดินรกร้าง" ไว้ครอบคลุมมาก ไม่ได้หมายความแค่ที่ดินที่ถูกทิ้งร้างเท่านั้น แต่หมายรวมถึง ที่ดินที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ตามควรแก่สภาพด้วย
.
ซึ่งหมายความว่า ถ้าจะตีความกันแบบตรงไปตรงมา ที่ดินใจกลางเมืองที่เอาไปปลูกกล้วยหล็อมแหล็มเพื่อเลี่ยงภาษี สมควรจะต้องถูกเก็บภาษีที่ดินในอัตราที่รกร้าง 0.3% - 0.7% ด้วยซ้ำ
.
ผมยืนยันว่า สิ่งที่ผู้ว่าชัชชาติกำลังทำอยู่ คือ สิ่งที่ถูกต้องชอบธรรม แต่ความพยายามในการขัดขวางของกระทรวงการคลังต่างหาก ที่อาจเข้าข่ายเป็นการตีความ พ.ร.บ.ภาษีที่ดินฯ แบบข้างๆ คูๆ เพื่อเอื้อประโยชน์ให้นายทุนอสังหาริมทรัพย์
.
ก็ต้องถามไปยัง รมว.คลัง แบบตรงไปตรงมาว่า รัฐบาลนี้มีนโยบายสนับสนุนให้นายทุนปลูกกล้วยเพื่อหลบเลี่ยงภาษีที่ดินใช่หรือไม่ สรุปแล้วภาษีที่ดิน มีไว้รีดภาษีจากคนจน เพื่อบีบให้คนจนขายที่ดิน ให้กับนายทุน ใช่ไหม
.
ผมยืนยันว่า อ.ชัชชาติ กำลังทำในสิ่งที่ถูกต้อง อำนาจในการกำหนดอัตราภาษีดังกล่าวเป็นอำนาจเต็มของ กทม. ที่ได้รับตามกฎหมาย ผมและพรรคก้าวไกล พร้อมสนับสนุนผู้ว่าชัชชาติ แบบสุดตัว การที่ที่ปรึกษาผู้ว่าฯ ท่านหนึ่ง ที่มาจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ออกมาแสดงท่าทีว่าจะยอมถอยในเรื่องนี้ ผมคิดว่าถอยไม่ได้ครับ ถ้าเจอปัญหาอะไรกับรัฐบาล พรรคก้าวไกลพร้อมเป็นแรงหนุนช่วยชนเรื่องนี้กับกระทรวงการคลังเต็มที่

กฎหมายที่ดินออกแบบให้คนรวยสบาย 350,000 เหลือ 5,000 - สมมติว่าเศรษฐี A มีที่ดินมูลค่า 100 ล้านบาท และปล่อยไว้เป็นที่รกร้าง ก็จะถูกเก็บภาษี 350,000 บาทต่อปี หากที่ดินนี้ถูกนำไปใช้ทำเกษตรกรรม ค่าภาษีที่ดินจะเหลือแค่ 5,000 บาทต่อปี ! โอว !!


ห่วยตูน
May 25
350,000 เหลือ 5,000

Positioning Magazine Online
May 25

- ปลูกกล้วยเลี่ยงภาษีที่ดิน...ทำได้จริงหรือไม่? -
.
1) กรณีที่อิมแพ็ค อารีน่า แปลงที่ดินรกร้าง 50 ไร่ริมทะเลสาบเมืองทองธานีให้กลายเป็นสวนกล้วยกว่า 10,000 ต้น พร้อมแจ้งจุดประสงค์เพื่อใช้ในครัวอิมแพ็คและแบ่งปันให้สังคม เรียกเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่ากรณีนี้เป็นการ “เลี่ยงภาษีที่ดิน” ด้วยการปรับมาทำเกษตรกรรมกะทันหันหรือไม่ และทำไมจึงเล็ดรอดตาข่ายของกฎหมายไปได้
.
2) จากการค้นตัวบทกฎหมายและคำให้สัมภาษณ์ของเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายภาษีที่ดิน ต้องบอกว่า “การปลูกกล้วยเลี่ยงภาษีที่ดินน่าจะทำได้จริง”
.
3) ตัวกฎหมายวางเกณฑ์อย่างไรที่จะถือว่าที่ดินนั้นเป็นที่ดินเกษตรกรรมจริง? ต้องไปดูที่กฎหมายลูกนั่นคือ “ประกาศกระทรวงการคลังและกระทรวงมหาดไทย เรื่อง หลักเกณฑ์การใช้ประโยชน์ในการประกอบเกษตรกรรม” ประกาศเมื่อเดือนพฤษภาคม 2563
.
ข้อที่ 2 ระบุว่า “การใช้ประโยชน์ในการประกอบเกษตรกรรม ให้หมายถึง การใช้ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้าง ตามความหมายของคำว่า “ประกอบการเกษตร” ในระเบียบคณะกรรมการนโยบายและแผนพัฒนา การเกษตรและสหกรณ์ว่าด้วยการขึ้นทะเบียนเกษตรกร พ.ศ. 2560 และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยมี วัตถุประสงค์เพื่อการบริโภค จำหน่าย หรือใช้งานในฟาร์ม แต่ไม่รวมถึงการทำการประมงและการทอผ้า”
.
4) จะเห็นได้ว่ากฎหมายไม่ได้ระบุว่าที่ดินนั้นๆ ต้องทำการเกษตรเป็นอาชีพคือเพื่อ “จำหน่าย” เพียงอย่างเดียว แต่จะใช้เพื่อบริโภคเองก็นับรวมด้วย
.
5) กฎหมายตัวนี้ยังมีบัญชีแนบท้ายด้วยว่า การปลูกพืชหรือเลี้ยงสัตว์ต้องมากแค่ไหนจึงจะถือว่าใช้ทำเกษตรจริง เช่น
- กล้วยหอม กล้วยไข่ กล้วยน้ำว้า 200 ต้น/ไร่
- มะม่วง 20 ต้น/ไร่
- มะนาว 50 ต้น/ไร่
- ยางพารา 80 ต้น/ไร่
- ส้มเขียวหวาน 45 ต้น/ไร่
- วัว 7 ตารางเมตรต่อ 1 ตัว
- สัตว์ปีกเลี้ยงปล่อย เช่น เป็ด ไก่ 4 ตารางเมตรต่อ 1 ตัว
(เห็นได้ว่าที่ดินอิมแพ็ค อารีนา 50 ไร่ x กล้วย 200 ต้น = 10,000 ต้น ตรงตามกฎหมายกำหนดให้เป็นที่ดินเกษตรกรรม)
.
6) ย้อนไปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปี 2563 “ชุมพล สุวรรณกิจบริหาร” เลขานุการกรมจาก สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) (ตำแหน่งขณะนั้น) เคยขึ้นตอบคำถามในเวทีสัมมนาวิชาการ “ไขข้อข้องใจภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง” โดยตอบคำถามถึงเรื่องการใช้ประโยชน์ที่ดินไว้ว่า
“ดูตามเจตนาการใช้ประโยชน์ เช่น สร้างโรงเรือนเพื่อเลี้ยงไก่ถือเป็นเกษตรกรรม และดูจากการใช้งานจริงบนที่ดิน ไม่ใช่อาชีพของเจ้าของทรัพย์ ดังนั้น หากทรัพย์มีไว้ทำเกษตรกรรมจะถือว่าเป็นที่ดินเกษตรกรรม หากเจ้าของไม่ใช่เกษตรกร ไม่ต้องไปลงทะเบียนเป็นเกษตรกร เพราะกฎหมายไม่ได้ระบุให้ตรวจสอบจุดนี้”
.
7) เช่นเดียวกับ “ประสงค์ พูนธเนศ” (อดีต) ปลัดกระทรวงการคลัง ที่ให้สัมภาษณ์สื่อในเดือนมกราคมปี 2563 ว่า “เป็นสิทธิ์ที่เจ้าของที่ดินจะทำได้ เพราะกฎหมายไม่ได้ห้ามไว้ โดยกระทรวงการคลังมองว่า การปลูกมะนาวในที่ดิน เป็นการสร้างมูลค่าให้ที่ดิน ดีกว่าปล่อยให้ทิ้งร้างไว้เฉยๆ” (--อ้างอิง ไทยรัฐออนไลน์)
.
สรุปได้ว่า มหกรรมการปลูกกล้วยปลูกมะนาวน่าจะยังมีต่อเนื่องเพราะมีช่องให้ทำได้ ความหวังที่ที่ดินรกร้างจะถูกปล่อยมือโดยเร็วเพราะเจ้าของรับภาระภาษีที่ดินไม่ไหว...คงจะเป็นเรื่องยาก
-----------------------------
ทำไมเจ้าของที่ดินจึงตื่นตัวกับการแปลงที่ดินเปล่าเป็นสวนกล้วย?
.
1) ย้อนความกันเล็กน้อย ภาษีที่ดินที่พูดถึงกันอยู่นี้มาจากการออกกฎหมาย พ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ.2562 เพื่อนำมาใช้แทนการเก็บภาษีบำรุงท้องที่และภาษีโรงเรือน แต่เดิมภาษีที่ดินจะเริ่มเก็บเต็มจำนวนตั้งแต่ปี 2563 แต่บังเอิญประเทศไทยเผชิญโรคระบาด COVID-19 เสียก่อน จึงมีการผ่อนผันลดภาษีที่ดิน 90% มาสองปี จนถึงปีนี้ 2565 ที่จะมีการเก็บเต็มจำนวน
.
2) เนื้อความหลักของกฎหมายคือการแบ่งที่ดินออกเป็น 3 ประเภท คือ ที่ดินเกษตรกรรม, บ้านพักอาศัย และที่ดินอื่นๆ และรกร้างว่างเปล่า แต่ละประเภทจะถูกจัดเก็บภาษีไม่เท่ากัน
.
3) ประเด็นหลักที่ถูกเพ่งเล็งมาตลอดนับตั้งแต่มีการร่างกฎหมายคือ จุดประสงค์หนึ่งของกฎหมายนี้ต้องการจะลดการกักตุนที่ดินของเศรษฐี เก็บไว้โดยไม่ใช้ทำประโยชน์ กลายเป็นที่ดินรกร้าง ในขณะที่คนไทยทั่วไปอีกมากขาดที่ดินทำกินหรือที่อยู่อาศัย ทำให้การเก็บภาษีที่ดินรกร้างจะสูง เริ่มต้นที่อัตรา 0.3% และปรับเป็นขั้นบันไดตามมูลค่าที่ดิน แถมตีบวกเพิ่มอีก 0.3% ทุกๆ 3 ปีที่ยังเก็บที่ดินไว้เฉยๆ
.
4) กรณีตัวอย่าง สมมติว่าเศรษฐี A มีที่ดินมูลค่า 100 ล้านบาท และปล่อยไว้เป็นที่รกร้าง ก็จะถูกเก็บภาษี 350,000 บาทต่อปี
.
5) หันไปมองทางภาษีของที่ดินเกษตรกรรม อัตราภาษีเริ่มที่ 0.01% และขึ้นเป็นขั้นบันไดตามมูลค่าที่ดินเช่นกัน แต่ด้วยอัตราที่ต่างกันมาก สมมติว่าที่ดินมูลค่า 100 ล้านบาทนี้ถูกนำไปใช้ทำเกษตรกรรม ค่าภาษีที่ดินจะเหลือแค่ 5,000 บาทต่อปี! หรือต่างกัน 70 เท่า
.
6) ส่วนต่างขนาดนี้ทำให้เจ้าของที่ดินต่างเตรียมตัวปลูกมะนาว ปลูกกล้วยกันถ้วนทั่ว เพราะแม้ว่าจะเสียค่าพันธุ์ไม้ ค่าคนดูแลสวน ก็ดูท่าจะยังคุ้มค่ากว่าการจ่ายในอัตราภาษีที่ดินรกร้าง ทำให้ปรากฏการณ์สวนเกษตรใหม่เกิดขึ้นทั่วประเทศไม่ใช่แค่ที่อิมแพ็ค อารีนา และเริ่มปลูกกันมาตั้งแต่ปี 2563 เพราะเกรงว่าจะมีการเก็บเต็มจำนวน
.
ภาพจาก: Facebook@IMPACTvenue
#ภาษีที่ดิน #ที่ดิน #ขายที่ดิน #สวนกล้วย #Positioningmag

ฮ้า ! สนามบินดอนเมือง สนามบินเชียงใหม่ เป็นทรัพย์สินของกองทัพอากาศเหรอ ?


Pipob Udomittipong
18h ·

#กองทัพอากาศ ไม่ผิดหรอก เขาจะปิดสนามบินซ้อมใหญ่ในพิธีเกษียณอายุราชการหรืออะไรก็แล้วแต่ จะปิดเพื่อจัดเลี้ยงฉลองปีใหม่ก็ได้ เพราะเขาเป็นเจ้าของทรัพย์สิน ที่ดิน + บริการอากาศยานพาณิชย์ของ #สนามบินดอนเมือง เราควรตั้งคำถามว่ากองทัพอากาศเป็นเจ้าของทรัพย์สินสาธารณะได้อย่างไร ทำไมไม่แบ่งแยกให้เหมาะสม สนามบินฮีธโรวเป็นของกองทัพอากาศอังกฤษ สนามบินเจเอฟเคเป็นของกองทัพอากาศสหรัฐฯ หรือเปล่า ทำไมเอาเรื่องพาณิชย์มาทับซ้อนกับความมั่นคง?

#สนามบินเชียงใหม่ ก็เป็นทรัพย์สินของ #กองทัพอากาศ เขาจะปิดสนามบินเมื่อไรก็ได้ ทุกวันนี้ คนเชียงใหม่ต้องยอมจ่ายเงินแลกบัตรผ่านกองบินทุกปี โครงการขยายถนนนิมมานฯ เพื่อทะลุต่อมาแถวเซ็นทรัลแอร์พอร์ตยังทำไม่ได้ ก็เพราะมันต้องผ่านที่ดินของกองทัพอากาศ ทำไมกองทัพไม่เคยเสียสละเพื่อประชาชน?
.....
ภัควดี วีระภาสพงษ์
16h
การปฏิรูปกองทัพเรื่องหนึ่งที่ต้องทำคือเอาทรัพย์สินพวกนี้ออกจากกองทัพ กองทัพมีหน้าที่ปกป้องประเทศ ไม่มีหน้าที่มาดำเนินการธุรกิจ

ใครใคร่แบกใครแบก.. "..ตอนนี้ผู้หญิงที่จะเป็นนายกของผมได้ มีคนเดียวชัดเจน สวย สง่า สุภาพ ทันเกม พูดจารู้เรื่องทั้งในสภาและบนถนน..."


สลิน ภักดีราษฎร์
8h

ใครใคร่แบกใครแบก..
..พรรคใหญ่บึ้มอดีตแลนด์สไลด์ 16 ล้านเสียง เปิดคุณอุ๊งอิ๊ง (ลูกสาวนายใหญ่เถ้าแก่พรรคเพื่อไทย)มาให้มวลชนแบกกันแล้ว
ไม่จำเป็นต้องมีประสบการณ์ ผลงานการเมือง
แค่เป็นลูกสาวทักษิณก็พร้อมสำหรับแลนด์สไลด์แล้ว
..
อีกด้าน ..เจอโพสต์น่ารักๆของเฟรนด์ท่านหนึ่งว่า
"..ตอนนี้ผู้หญิงที่จะเป็นนายกของผมได้ มีคนเดียวชัดเจน สวย สง่า สุภาพ ทันเกม พูดจารู้เรื่องทั้งในสภาและบนถนน กล้าไปม๊อบ ยินดีประกันตัวราษฎรโดยไม่ช้า คือ แม่เจี๊ยบ"
....
ดิฉันนี่ก็อยากแบกแม่เจี้ยบ สส.หญิงฝึปากกล้าที่เคียงข้างราษฎรทุกสถานการณ์ สส.หญิงจากพรรคมวลชนขนาดกลางอุดมการณ์ประชาธิปไตย
(เสียดายที่แม่เจี้ยบอยากวางมือทางการเมือง)
....
ฉันอยากแบกแม่เจี้ยบ เพราะแม่เจี้ยบแบกประชาชน!!
...
Chainuwat Saiphrom
รอบนี้พท.จะครองอันดับ1
แต่รอบหน้าก้าวไกลจะอันดับ1แทนด้วยจุดยืนและเจนเนอเรชัน​ที่เติบโตมาทดแทนคนรุ่นเก่า​ มวลก้อนนี้มหาศาลครับ
.....
สลิน ภักดีราษฎร์
1d

สรุปวีรกรรมนางแบกในรอบสามวันห้าวัน
.
1.ออกมาดีเฟนด์ว่า "นิว จตุพร" ไม่ได้โดน 112 แค่เพราะใส่ชุดไทย แต่โดนเพราะตั้งใจแต่งตัวเลียนแบบล้อเลียนพระราชินี
.
2.ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. ออกมาเสนอว่า การลงนาม ICC ไม่ได้มีประโยชน์อะไร ไม่ช่วยคดีปราบคนเสื้อแดงเมื่อปี 2553 และคนจำนวนมากแค่จำเรื่องนี้มาพูดต่อๆกันเพื่อจะโจมตีคุณทักษิณ
.
3.ยืนยันว่า "นิว จตุพร" สมควรโดนคดี 112 และโดนน้อยเกินไปด้วยซ้ำ
.
4.แม่อีแบก ออกโรง ลั่นถ้าอยากแก้ 112 อยากแตะ 112 ให้ไปเลือกพรรคอื่น
.
5.ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม.ท่านเดิม ยืนยันว่า พรรคต้องเป็นกลางเพราะเป็นพรรคของคนทุกคน และต้องรับฟังทั้งสองฝ่าย ในเรื่อง 112 สังคมก็มีความขัดแย้งกันมากจะ take side ฝั่งใดฝั่งหนึ่งไม่ได้ เพราะในอนาคตต้องเป็นตัวแทนคนทั้งสังคม ไม่ใช่แค่ตัวแทนของคนสีใดสีหนึ่ง
.
6.เสริมครับ วีรกรรมล่าสุดเจอกับตัว คืออ้างโควทของลินคอร์น มาเพื่อบอกว่า เรื่อง 112 เป็นคนละเรื่องกับเรื่องประชาธิปไตย
.
จบการรายงานข่าว
#เฟรนด์ท่านหนึ่ง
.....
Prawais Prapanugool
21h
ถ้านางแบกพูดตามนี้จริงก็สลิ่มคลั่งเจ้าชัดๆ
#112นี่แหละโคตรปัญหา
#ให้สัตยาบันICCคือยุติล้อมฆ่าประชาชน
.....