วันพุธ, มีนาคม 31, 2564

‘เต้น’ ประกาศยืนเคียงข้าง 'การต่อสู้' คนหนุ่มสาว ส่วนความผูกพัน 'ตู่' ทางกระบวนการ "มันไม่ได้ดำรงสภาพอยู่แล้ว"


ชัดแจ่มและจะแจ้ง กับการนั่งเรียงแถวแถลงข่าวของ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อย และพี่ๆ แกนนำ นปช. (ครั้งอดีต) ซึ่งบัดนี้น่าจะเรียกว่ากลุ่ม ยูดีดีส์คงไม่เกินจริงมากนัก โอกาสก็คือการถอดเครื่องอีเล็คโทรนิคคุมประพฤติ ได้อิสรภาพอัน เปราะบาง คืนมามากพอกล้าประกาศ

“ผมคิดว่าประเทศนี้ไม่สามารถจะพูดถึงอนาคตที่สดใสงดงาม ตราบเท่าที่อนาคตของชาติยังอยู่ในกรงขัง” แม้นว่า “การแสดงจุดยืนหรือการพูดเรื่องราวเหล่านี้ ก็อาจจะทำให้ความเปราะบางนั้น เปราะบางไปอีก แต่ผมไม่คิดจะมีทางเลือกอื่น”

เต้นพูดถึง “ในวันที่คนหนุ่มสาว ในวันที่พี่น้องประชาชนออกมาสู้ แล้วกำลังถูกกระทำอยู่เช่นนี้ ผมมีท่าทีอย่างอื่นไม่ได้ ผมแสดงจุดยืนอย่างอื่นไม่ได้ ผมต้องยืนเคียงข้างพวกเขา” โดยเปรียบเทียบถึงลูกชายวัยเยาว์ของตนในอีกสิบปีข้างหน้า

“จะอายุเท่าเพ็นกวิ้นวันนี้...ไม่แน่ว่าสิบปีข้างหน้า คนที่จะต้องวิ่งขึ้นลงบันไดศาล อาจจะไม่ใช่แม่เพนกวิ้น แม่รุ้ง แม่ไม้ค์ แม่ไผ่ แต่อาจจะเป็นผมซึ่งเป็นพ่อของเด็กชาย นปก ใสยเกื้อ...ผมถึงบอกว่าคนรุ่นเราต้องรับผิดชอบ ไม่ใช่ให้เด็กที่โตขึ้นมาบนความขัดแย้ง”

ใครที่อ้างว่า เด็กทำผิด “ต้องรับผิดชอบตามกฎหมาย...ผมไม่ได้คิดแบบนั้น เราสู้กันมาสิบกว่าปี แล้วจนถึงวันนี้ การต่อสู้นี้ก็ยังคงอยู่ แล้วคนรุ่นลูกรุ่นหลานออกมาสู้วันนี้ ถูกดำเนินคดี ถูกกระทำต่างๆ นานามากมาย...คนรุ่นเราต่างหากต้องรับผิดชอบ”

เขาท้าวความตอนหนึ่ง “สิบกว่าปีที่ผ่านมา พวกผมต่อสู้แล้วเจอแต่สิ่งนี้...ถูกฆ่าตายมากที่สุดในประวัติศาสตร์...ถูกตราหน้าว่าเป็นควาย...ถูกกาหัวว่าเป็นพวกไร้การศึกษา เราถูกทำให้ไร้ค่า แต่พวกเขาคนหนุ่มสาวเหล่านี้...

หยิบยื่นความเห็นใจและหยิบยื่นเกียรติยศให้พวกผม พวกเขาเป็นคนกลุ่มแรกที่ตะโกนเรียกพวกเรากลางท้องถนน พวกเขาเป็นคนกลุ่มแรกที่บอกว่าเข้าใจพวกเราแล้วและขอโทษพวกเราที่เคยเข้าใจผิด ในนามของความเป็นมนุษย์ ผมทิ้งพวกเขาไม่ได้”

สัจจธรรมที่หลายๆ คนไม่สำเหนียก “ไม่มีใครปฏิเสธความเปลี่ยนแปลงได้ และเราอยู่ร่วมกับความเปลี่ยนแปลงนี้ได้ ไม่มีใครต้องทำลายกันและกันให้พินาศ...เมตตาเถอะครับอย่าอาฆาต กรุณาเถอะครับอย่าพยาบาท”

ถ้อยคำซับซึ้งและซึมลึกของเขา ทำให้วันนี้ ณัฐวุฒิเป็น พี่เต้น ของน้องๆ หลานๆ ที่ “ยังอยู่ตรงนี้ จะไม่ทอดทิ้งกัน” ถึงอย่างนั้นมันช่วยไม่ได้ที่มันกระหวัดเกี่ยวถึงอีกพี่ ตู่ ซึ่งไม่ใช่ลุง ‘I Too’ ที่ผู้คนมักจะว่าได้ยินหรือ ‘hear’ ตลอดเจ็ดปีที่ผ่านมา

ตู่-เต้น เป็นของคู่กันสำหรับ นปช.ครั้งกระโน้นสิบกว่าปีที่แล้ว วันนี้ก็ยัง “เราเป็นพี่น้องกัน ในทางส่วนตัวเนี่ยยังไงก็แยกกันไม่ได้ครับ แต่ว่าในแง่กระบวนการทางการเมือง ในแง่ของการขับเคลื่อนทางการเมือง ในฐานะองค์กรนำของ นปช.แบบเดิมนั้น

โดยข้อเท็จจริงมันไม่ได้ดำรงสภาพอยู่แล้วเกือบสามปี “ที่คุณจตุพร (พรหมพันธุ์) และคณะดำเนินการนั้น ก็เป็นไปดังที่ผมได้อธิบายความตั้งแต่ต้น ว่าเรายังไม่ได้ทราบเรื่อง...แล้วก็ไม่มีเจตนาจะไปกระทบกระทั่งใดใดกับคณะที่เคลื่อนไหวกันอยู่”

นั่นเป็นเรื่องของกำหนดวันที่ ๔ เมษายน ซึ่งผู้ยังดำรงตำแหน่งประธาน นปช.ประกาศจัดชุมนุมใหญ่ ขับอีกตู่ออกไปจากฐานะ ผู้ครองเมืองโดยมิพักจะเอ่ยถึงอีกสองข้อเรียกร้องของขบวนการคนรุ่นใหม่ อันทำให้พวกเขาถูกจับยัดคุกทั้งที่ยังไม่ได้ดำเนินคดี

มีเสียงกระทบออกมาแล้วว่า “ถ้าจตุพรจะออกมานำม็อบโดยจำกัดประเด็น ไม่แตะ ๑๑๒ก็นอนอยู่บ้านดีกว่า ไม่ยกเลิก ๑๑๒ และไม่ปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ ไม่มีทางเป็น ปชต.” สุรพศ ทวีศักดิ์ จดจารึกไว้ตามตรงบนสื่อสังคม เช่นกันกับอีกความเห็น

“ไล่ประยุทธ์ ๑ ไปก็มีประยุทธ์ ๒ ไล่ประยุทธ์ ๒ ก็มีประยุทธ์ ๓ ฯลฯ บทเรียนจากการไล่ถนอม-ประภาส ไล่เปรม ไล่สุจินดา ยังไม่พออีกหรือ” พิชิต ลิขิตกิจสมบูรณ์ ถามแรงๆ โดยเชื่อว่า “นี่เป็นการเบี่ยงเบนแนวทางการชุมนุม

ไปเป็นเรื่องการบริหาร ปท.ของประยุทธ์เพียงคนเดียว แม้แต่ปัญหา รธน.๖๐ ก็พูดถึงน้อยลงๆ โดยโยนไปเป็นเรื่องหลังเลือกต็ั้งครั้งต่อไป” เขาปรารภดังๆ ด้วยว่า “ความขัดแย้งการเมืองวันนี้เดินมาไกลมากแล้วจากจุดเริ่มต้นปี ๔๙

ไม่อาจหวนกลับได้” แม้กระทั่งประสบการณ์ พฤษภา ๓๕ ที่รุ่น ๕ กับรุ่น ๗ ช่วงชิงอำนาจกันแล้ว ไปหมอบกรานออกโทรทัศน์ให้รุ่น ๙ ตัดสิน เพื่อที่ได้กลับสู่ ‘Status quo’ สถานะไม่เปลี่ยน รักษาระบอบศักดินาประชาธิปไตยมาจนกระทั่งบัดนี้

(https://www.youtube.com/watch?v=LY8tVO8gB5Q, https://www.facebook.com/VoiceOnlineTH/videos/131816035560924/, https://www.facebook.com/pichitlk/posts/3889922941075495, https://www.facebook.com/awirapa และ https://www.facebook.com/waymagazine/posts/10157685906961456) 

ทุกวันนี้แทบไม่เคยเห็นเจ้าหน้าที่รัฐคนไหนพูดจริงแม้แต่ประโยคเดียว แต่ฟ้ารู้ดินรู้ โกหกแล้วประชาชนก็รู้อยู่ดีว่าความจริงเป็นอย่างไร


Pravit Rojanaphruk
21h ·

ประเทศไทยนี่หลอนมากมาก เมื่อคืนดูช่อง 3 มีข่าวและะภาพรายงานว่าหลังชาวกะเหรี่ยงสองพันที่หนีเครื่องบินทิ้งระเบิดพม่ามาฝั่งไทยที่แม่ฮ่องสอนถูกผลักดันกลับไปฝั่งที่เขามา แล้ว ก.การต่างประเทศก็ปฏิเสธ
รอยเตอร์ก็รายงานคล้ายๆกันว่าเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นยอมรับว่านโยบายคือบล็อคไม่ให้เข้าไทย ในขณะที่รัฐบาลปฎิเสธ ตกลงใครโกหกครับ? หรือภาพที่ทหารไทยเอาลวดหนามมากั้นริมแม่น้ำฝั่งไทยไม่ให้คนหนีร้อนมาพึ่งหนาวเป็น CG?
สมแล้วที่บางคนเรียกว่าตอแหลแลนด์
ปล. ถ้าจริงใจแล้วมิได้ผลักกลับจริงก็เปิดให้นักข่าวทั้งหมดเข้าไปถ่ายรูปสัมภาษณ์เลย ล่าสุดนักข่าวอาวุโสรอยเตอร์ที่เขียนข่าวบอกว่ายืนยันอะไรไม่ได้เพราะทางการไทยบล็อคไม่ให้นักข่าวเข้าพื้นที่ #ป #เมียนมาร์ #ไทย
Can we even believe the Thai government any longer? Last night I watched TV channel 3 news and saw razorwires installed next to a river along Thai-Myanmar border in Mae Hong Son province and Karen political refugees fleeing Burmese junta aerial bombing pleading to not pushed back home for now.
Beyond shame!
If they are transparent, they should let all journos in to take photos and conduct interviews.
Panu Wongcha-um, the man behind the Reuters article told me journalists have been blocked from entering the site. #SaveMyanmar
#whatshappeningthailand #Thailand #SaveMyanmar
.....


ทำไมกองทัพพม่าจึงสามารถส่งเครื่องบินโจมตีภาคพื้นดิน ริมแม่น้ำสาละวิน ประชิดชายแดนไทยได้ ถ้าไม่มีไฟเขียวจากไทย ??




Pai Deetes
Yesterday at 12:06 AM ·

ทำไมกองทัพพม่าจึงสามารถส่งเครื่องบินโจมตีภาคพื้นดิน มาประชิดชายแดนไทยได้ ?
สถานการณ์ในรัฐกะเหรี่ยง ที่ชายแดนพม่า อ.สบเมย และ อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน ฐานบัญชาการของกองกำลังสหชนชาติกะเหรี่ยง (Karen National Union- KNU) และหมู่บ้านต่างๆ ถูกโจมตีโดยเครื่องบินรบของกองทัพพม่า เป็นวันที่สามแล้ว ส่งผลให้ชาวบ้านกะเหรี่ยงไม่น้อยกว่า 3,000 คน ต้องหนีภัยความตายมาอาศัยอยู่บนแผ่นดินไทย (ซึ่งล่าสุดยังไม่มีรายงานว่ามีมาตรการรองรับ และการคัดกรอง Covid แม้ว่าผู้ลี้ภัยเหล่านี้จะอยู่ตามแนวชายแดนและมีความเสี่ยงCovid น้อยมากก็ตาม)
หากใครเคยไปสาละวิน จะทราบว่าภูมิประเทศสลับซับซ้อนด้วยภูเขา มีแม่น้ำสาละวินไหลคดโค้งเป็นพรมแดน
มองตามแผนที่ ฝั่งซ้าย คือพื้นที่ของกองพล 5 KNU ฝั่งขวา คืออุทยานแห่งชาติ และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสาละวิน มีหมู่บ้านไทยตั้งอยู่ริมน้ำ เช่น บ้านสบเมย บ้านแม่สามแลบ บ้านท่าตาฝั่ง เป็นต้น
เป้าหมายที่ถูกโจมตีโดยเครื่องบินรบพม่านั้นมีหลายแห่งอยู่ริมแม่น้ำสาละวิน เช่น ซิกอท่า ตรงข้าม ต.แม่คง อ.แม่สะเรียง
เท่ากับว่าเป้าหมายนั้นประชิดชายแดนไทยเพียงข้ามฟากแม่น้ำ และมีความเสี่ยงที่จะล้ำดินแดน
หากไม่มีไฟเขียวจากกองทัพไทย กองทัพพม่าจะกล้ามีปฏิบัติการนี้ได้หรือไม่?
ข่าวประกอบ https://transbordernews.in.th/home/?p=26942
https://www.matichon.co.th/foreign/news_2645819
ขอบคุณรูปแม่น้ำสาละวิน-เมย-ยวม จาก @TBC
.....


Friends Without Borders Foundation
Yesterday at 8:20 AM ·

คำขอโทษ
ภาพเบื้องล่างจากผู้ไม่ประสงค์จะออกนามเหล่านี้ คือผู้ลี้ภัยชาวกะเหรี่ยงที่ถูกผลักดันกลับจากประเทศไทยในเย็นวันที่ 29 มีนาคม 2564 รวมราวกว่า 3000 คน คนเหล่านี้ไม่สามารถกลับคืนชุมชนเนื่องจากความหวาดกลัว จึงได้แต่พักอยู่ริมน้ำและในพื้นที่บริเวณใกล้แม่น้ำสาละวิน
ผู้ลี้ภัยถูกส่งกลับ แม้พวกเขาจะคัดค้าน โดยมีความหวาดกลัวอันมีมูลเหตุที่พิสูจน์ได้ คือ ในวันนี้ ยังคงมีปฏิบัติการทางอากาศในพื้นที่จังหวัดมื่อตรอใกล้ชายแดนไทย และกองทัพพม่ายังใช้โดรนบินสำรวจอีกหลายจุด
ที่โหดร้ายที่สุด ก็คือการที่เครื่องบินรบพม่าได้ยิงขีปนาวุธเข้าใส่โรงเรียนมัธยมปลายหมายเลข 3 (โรงเรียนดอกูท่า) จังหวัดมื่อตรอ จำนวน 5 ครั้ง ทำลายโรงเรียนทั้งหลังพังพินาศ ล่าสุดยังไม่ทราบว่ามีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิตหรือไม่อย่างไร
ในนามของประชาชนไทยที่เป็นมิตรกับประชาชนพม่าทุกชาติพันธุ์ เราขอโทษ และยืนยันว่า เราไม่เห็นด้วยและมีความเสียใจเป็นอย่างยิ่งกับการกระทำของกองทัพไทยในการส่งกลับผู้ลี้ภัยไปสู่การประหัตประหาร
29 มีนาคม 2564
หมายเหตุ
กรุณาแสดงความคิดเห็นบนพื้นฐานการเคารพในเสรีภาพ ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และระมัดระวัง "ความผิดฐานหมิ่นประมาท" ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเดี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ประมวลกฎหมายอาญา ฯลฯ
.....

ปีศาจแห่งการเปรียบเทียบบนพรมแดง



สุชาติ สวัสดิ์ศรี
13h ·

ปีศาจแห่งการเปรียบเทียบ
Group Portrait ปูพรมแดงเหมือนกัน
ถ้าไม่สลาย"หมู่บ้านทะลุฟ้า"
ภาพสุดปังของวันนี้ก็จะไม่เกิด

แว่วยินเสียงข้ามพรมแดง

" ประยุทธ ออกไป !"
" ประยุทธ ออกไป !"
" ประยุทธออกไป !"
.....

ไม่มีใบสั่งถึงศาลจริงหรือ !?!?!


Tanakorn Wongpanya
14h ·

โฆษกศาลยุติธรรม ชี้แจง เรื่องราวเผยแพร่สื่อโซเชียลพาดพิงการประชุมใหญ่ศาลฎีกา ไม่เป็นความจริง เป็นข้อมูลเท็จ
ooooo
Somsak Jeamteerasakul
Yesterday at 6:58 AM ·

ข่าวกรอง
................
เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ในการประชุมใหญ่ศาลฎีกา มีผู้พิพากษาศาลฎีกาท่านหนึ่งพูดในที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาว่า เรื่องคำสั่งไม่ให้ประกันตัวแกนนำม็อบ ยังไงก็เป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่มีพฤติการณ์หลบหนี ไม่มีพฤติการณ์จะยุ่งเหยิงต่อพยานหลักฐาน จะไม่ให้ปล่อยตัวได้อย่างไร
.
ประธานศาลฎีกาตอบว่า "มีบุคคลภายนอกสั่งมาอีกที"
.
ผู้พิพากษาศาลฎีกาอีกรายหนึ่ง ก็ตอบโต้ว่า "ศาลยุติธรรมเป็นองค์กรตุลาการ ถ้าคนที่เป็นประธานศาลฎีกายังพูดได้ว่า มีบุคคลภายนอกสั่งมาอีกที แล้ว ต่อไป ศาลยุติธรรมคงดำรงอยู่ต่อไปไม่ได้ และถ้าประธานศาลฎีกาปล่อยให้บุคคลภายนอกมาสั่งบงการ ก็น่าจะมีการเสนอเรื่องให้คณะกรรมการตุลาการ (ก.ต.) ตรวจสอบวินัยว่า คนแบบนี้ยังสมควรเป็นประธานศาลฎีกาอยู่อีกหรือไม่"
.
เรื่องก็มีเพียงเท่านี้ ไม่มีการโหวตใด ๆ ทั้งสิ้น ไม่มีการชูสามนิ้ว

.....

ประธานรับใช้วังสั่งศาลเอียง เสียงจัดหนักหักหน้ากลางที่ประชุม / คุยกันวันเสาร์ค่ำ ตอนพิเศษ1

Mar 27, 2021

Sunai Fanclub

คุยกันวันเสาร์ค่ำ 27 มีนาคม 2564
คดีมายด์ ทำไมอัยการถอยตั้งหลัก? ชนักปักหลังประธานศาลฎีกา
โดย สส.สุนัย จุลพงศธร
เปิดสมาชิก VIP VVIP SUPER VIP // YouTube Sunai TV \\
ดูสิทธิพิเศษสำหรับการเป็นสมาชิก https://www.youtube.com/channel/UCCR9...
.....
*คดีมายด์ ทำไมอัยการถอยตั้งหลัก? ชนักปักหลังประธานศาลฎีกา, ยุทธ์เปิดหน้าท้าทาย ประชาชน/ ดูยาว Rerun วันเสาร์ค่ำ 27 มีนา64
https://youtu.be/b8_wXOI3X6E
.....

ธีร์ อันมัย
20h ·

คนอย่างสมยศ พฤกษาเกษมสุข ไม่ได้หิวแสง
คนอย่างไผ่ ดาวดิน ไม่ได้หิวแสง
คนอย่างรุ้ง ปนัสยาไม่ได้หิวแสง
คนอย่างเพนกวิน ไม่ได้หิวแสง
คนอย่างอานนท์ นำภา ไม่ได้หิวแสง
คนอย่างหมอลำแบงค์ ไม่ได้หิวแสง
คนอย่างไมค์ ระยอง ไม่ได้หิวแสง
คนที่เป็นนักโทษการเมือง ไม่ได้หิวแสง
คนที่เป็นนักโทษทางความคิด ไม่ได้หิวแสง
แต่เพราะบนแผ่นดินนี้และใต้ฟ้านี้แล้งไร้ยุติธรรม
สิ่งที่พวกเธอและเขาหิวกระหายคือ ความยุติธรรม
#ยกเลิก112 #ศักดินาจงพินาศประชาราษฎร์จงเจริญ



นิทานสอนชาวพม่าผู้ลี้ภัย เมื่อเจองูกับเจอพระไทย จะหนีหรือตีอะไรก่อนดี??




Tisana Choonhavan Marchal
8h ·

ณ ตอนนี้มีผู้ลี้ภัยจากพม่า ซึ่งเป็นนักเคลื่อนไหวทางการเมือง และถูกประหัตประหารโดยรัฐบาลพม่า และได้ข้ามฟากมาขอความช่วยเหลือจากเพื่อนบ้านคือประเทศไทย ผู้ลี้ภัยชื่อนายจอ เต็งเพศชาย อายุ 51 จากพม่าที่มาขอความช่วยเหลือจากมูลนิธิการศึกษาเพื่อการพัฒนา และจากรายงานตอนที่หลบภัยความขัดแย้งติดอาวุธมาจากประเทศพม่า ใช้เวลาในการเดินทางซึ่งเดินด้วยเท้าจาก อำเภอกระบุรี จังหวัดระนอง มาจึงอำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา ประมาณ 2 อาทิตย์ ในระหว่างทางจะหยุดพักตามศาลาข้างทาง ก่อนถูกตำรวจจับ ( วันที่ 20 มีนาคม 2564 ) อยู่ในพื้นที่จังหวัดพังงามาแล้ว 6 วัน ซึ่งช่วงแรกที่มาถึงได้ขอข้าวกิน และขอพักอาศัยที่โบสถ์คริสตจักร ปากวีป ตำบลคึกคัก อำเภอคุระบุรี จังหวัดพังงา
.
จนกระทั่งวันที่ 19 มีนาคม 2564 นายจอ เต็ง ได้เดินทางไปขอข้าวกิน และขอพักอาศัยที่วัดปากวีป เจ้าอาวาสอนุญาตให้พักได้และห้ามไม่ให้ออกไปไหน จนกระทั่งเช้าของ วันที่ 20 มีนาคม 2564 ทางเจ้าอาวาสได้แจ้งกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรเขาหลัก ตำบลคึกคัก อำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา
.
จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้ดำเนินคดีกับนายจอ เต็ง นาย ในข้อหา หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย และส่งฟ้องศาล (ศาลจังหวัดตะกั่วป่า) ประมาณวันที่ 22 มีนาคม 2564 ศาลพิพากษาปรับจำนวน 8,000 บาท รับสารภาพลดเหลือ 4,000 บาท ไม่มีค่าปรับให้จำคุกแทนค่าปรับ ปัจจุบันพ้นโทษออกมาแล้วเมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2564 และถูกควบคุมตัวอยู่ที่สถานีตำรวจภูธรเขาหลัก จังหวัดพังงา เพื่อกักตัวโรคระบาดโควิด-19 จำนวน 14 วัน โดยเริ่มนับจากวันที่ 30 มีนาคม 2564 จากนั้นจะส่งตัวไปยังด่านตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดพังงา เพื่อรอการผลักดันกลับพม่าต่อไป
.
ขณะนี้ได้ประสานงานกับส.ส.ในพื้นที่ของพรรคการเมืองฝ่ายค้านพรรคหนึ่งและพรุ่งนี้จะพาทนายเข้าพบเพื่อช่วยเหลือต่อไป และให้สิทธิประกันตัว และไปลงทะเบียนเป็นผู้ลี้ภัยถูกต้องตามกฎหมายกับ UNHCR เนื่องจากตอนนี้ถูกคุมขังอยู่เพราะอ้างเรื่องการกักตัวโรคระบาดโควิด ทั้งๆที่ไม่ได้เป็นอาชญากรแต่เป็นผู้ลี้ภัยซึ่งถูกข่มเหงโดยภาครัฐ ไม่สมควรถูกปฏิบัติเยี่ยงอาชญากรหรือมาตรการต่อไปหลังกักตัวโควิด-19 คือการผลักดันผู้ลี้ภัยกลับประเทศ เป็นมาตราการจะส่งผลเป็นความเสี่ยงอันตรายต่อชีวิตของผู้ลี้ภัยเนื่องจากรัฐไม่สามารถปกป้องพลเมืองของตนเองได้หรือถูกกลั่นแกล้งโดยภาครัฐ
.
แล้วจะมารายงานต่อไปผลเมื่อทราบเพิ่มเติมค่ะ
.
#SaveMyanmar
#WhatsHappeningInMyanmar
#WhatsHappeninginThailand
.....


ฟังยัง ณัฐวุฒิ แถลง


Voice TV - Wake Up Thailand
16h ·

'ณัฐวุฒิ' ประกาศเคียงข้างการเคลื่อนไหวของนิสิตนักศึกษา ประชาชนที่เรียกร้องประชาธิปไตย

'ณัฐวุฒิ' ประกาศในนามความเป็นมนุษย์จะยืนเคียงข้างการเคลื่อนไหวของนิสิตนักศึกษาและประชาชนที่เรียกร้องประชาธิปไตยและต่อต้านเผด็จการ
พร้อมปฏิเสธความเกี่ยวเนื่องกับการพาดพิงถึงสถาบันฯ

https://www.facebook.com/wakeupthailand/videos/3831380066950387
.....

Noi Thamsathien
15h ·

ถ้ามีโอกาสน่าจะไปฟังสิ่งที่ณัฐวุฒิ ไสยเกื้อแถลงหลังได้รับอิสรภาพนะคะ เมื่อเช้านี้เอง มีสำนักข่าวถ่ายทอดเอาไว้ ยาวหน่อย เราสรุปมาเฉพาะบางเรื่องแบบคนบ้านไกลเวลาน้อย
.
- ให้ข้อมูลที่ทำให้เห็นภาพนักโทษในขั้นตอนก่อนจะได้พักโทษ การได้รับการลดโทษเมื่อมีการพระราชทานอภัยโทษ เขาแจกแจงขั้นตอนจนถึงการออกมาและสวมกำไลมืออิเลคทรอนิสค์ มีรายงานตัวตลอด ไม่ออกจากเขตที่ให้อยู่หรือเข้าใกล้สถานที่บางแห่งที่ห้าม จะออกจากพท.มีการทำหนังสือขออนุญาตทุกครั้ง มีกระทั่งการไปฟังธรรมที่อำนวยความสะดวกให้โดยกรมควบคุมความประพฤติ รวมไปถึงการอยู่ในเรือนจำก่อนหน้านั้น และว่าที่เกิดกับเขานั้นมันคือขั้นตอนทั่วไป ทุกอย่างเป็นไปตามระเบียบกระบวนการที่ผู้ต้องขังทุกคนที่เข้าหลักเกณฑ์จะได้รับ "ขอบคุณก.ยุติธรรมและทุกคนที่ปฏิบัติต่อกันตามระเบียบกติกา" (ตรงนี้กำลังจะเป็นมาตรฐานใหม่ เมื่อไหร่ที่จนท.ปฏิบัติตามระเบียบ ปชช.ขอบคุณและบันทึกเอาไว้)
.
- เข้าคุกสองปีแปดเดือนหนนี้เป็นการเข้าคุกครั้งที่สาม ณัฐวุฒิว่า แต่คดีนี้จบ ยังมีอีกหลายคดีรออยู่
.
- นักข่าวถามเรื่องการเคลื่อนไหวทางการเมืองตอนนี้ ณัฐวุฒิบอกว่าสนับสนุนแต่ไม่ใช่พื้นที่ของตัวเองที่จะไปนำการเคลื่อนไหว แสดงท่าทีสนับสนุน เคารพการเคลื่อนไหวของคนรุ่นใหม่แต่ไม่ก้าวล่วง สนับสนุนเพราะจุดยืนทางการเมืองของตัวเอง และสนับสนุน "ในนามของความเป็นมนุษย์" เพราะคนหนุ่มสาวเหล่านี้ คือ "คนกลุ่มแรกที่หยิบยื่นความเข้าใจ เห็นใจและเกียรติยศศักดิ์ศรีคืนให้พวกผม" ซึ่งก็คือคนเสื้อแดง หลังจากที่คนเสื้อแดง "ถูกเหยียบย่ำ คุมขัง ยิงตายบนถนน คดีไม่ถึงศาล ถูกเรียกเป็นควาย ถูกตราหน้าเป็นขบวนการรับจ้าง ถูกกาหัวเป็นคนไร้ค่า" "ในนามของความเป็นมนุษย์ ผมทิ้งพวกเขาไม่ได้ ผมมีโลกใบเดียว ถ้าผมต่อต้านเผด็จการในเมียนมา ผมก็ต่อต้านเผด็จการในเมืองไทย"
.
- "การต่อสู้ของพวกเขา มีบางส่วนที่ผมเห็นด้วย และมีส่วนที่ผมห่วงใย แต่ในส่วนที่พวกเขาเป็นคนหนุ่มสาว ผมมีแต่ความรักและความห่วงใย ไม่มีอย่างอื่น"
.
- มีนักข่าวถามทำนองประเมินการเคลื่อนไหว ณัฐวุฒิไม่มีให้ เขาบอกว่าในการต่อสู้ นักสู้สรุปบทเรียนพัฒนาตัวเองเมื่อเวลาผ่านไป การต่อสู้ของพวกเขาจะระมัดระวังมากขึ้นและแหลมคมขึ้น เพราะประสบการณ์มากขึ้น "เมื่อพวกเขาก้าวออกมาต่อสู้ วางชีวิตและอิสรภาพเป็นเดิมพัน พวกเขาก็เท่าเทียมกับผม ถ้าผมเป็นนักต่อสู้ พวกเขาก็เป็นนักต่อสู้ที่มีเกียรติยศ ศักดิ์ศรีเท่ากัน ผมเคารพพวกเขาและคงไม่แน่พอจะมาประเมินสิ่งที่พวกเขาเผชิญอยู่" แต่ก็ฝากบอกน้องๆว่า "พี่เต้นยังอยู่ตรงนี้ เคียงข้างเสมอ"
.
- ณัฐวุฒิบอกว่าได้เจอและคุยกับคนหนุ่มสาวที่เข้าไปใหม่ในเรือนจำบ้าง ไม่ได้คุยยาว แค่ทักทายกันเมื่อพบ ได้ถามเพนกวิ้นว่า ได้ยินว่าเอ่ยชื่อณัฐวุฒิหลายครั้งบนเวที รู้จักได้ยังไง เพนกวิ้นตอบว่า เห็นณัฐวุฒิตั้งแต่อายุ 11 ขวบ ซึ่งคือปีห้าสาม ณัฐวุฒิบอกว่า ถ้าปีห้าสามเพนกวิ้นอายุสิบเอ็ด เวลานั้นคือสิบปีที่แล้ว หลังจากนั้นสิบปีเพนกวินมานำการต่อสู้ สิ่งที่เขากลัวคือ จากนี้อีกสิบปีมันอาจจะเป็นคิวของเขาที่ต้องลุกขึ้นมาวิ่งขึ้นวิ่งลงศาลเพื่อขอประกันตัวลูกตัวเองเหมือนกลุ่มแม่ๆของไผ่ ไมค์ รุ้ง ฯลฯ ในตอนนี้ เขาชี้ว่าคนหนุ่มสาวเหล่านี้ควรที่จะต้องใช้เวลานี้ของชีวิตสะสมความรู้ประสบการณ์เพื่อนำพาประเทศในอนาคตแต่กลับต้องมาใช้เวลาในคุก แต่เตือนสังคมว่า ไม่อยากให้สังคมสะใจ คิดว่าเมื่อเด็กทำผิดก็สมควรรับผิดตามกฎหมาย รับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองทำ ณัฐวุฒิเห็นว่าคนที่ต้องรับชอบคือผู้ใหญ่ ต้องรับผิดชอบที่สะสมปัญหาเอาไว้ให้คนรุ่นใหม่ต้องลุกขึ้นมาเรียกร้องหาทางแก้ไข เขาย้ำว่า คนเป็นผู้ใหญ่ในสังคมต้องคิดและฟังเด็ก เหมือนพ่อแม่ที่ทะเลาะกันมานาน เมื่อลูกลุกขึ้นมาร้องว่าทนไม่ไหวแล้ว ต้องฟังและหาทางออก ไม่ใช่ปิดปากเด็กๆ เมื่อเด็กๆบอกว่าโลกแบบที่เป็นอยู่ไม่ใช่แบบที่พวกเขาต้องการ พวกเขาต้องการโลกที่ปรับตัวตามยุคสมัย ก็ควรจะต้องฟังและหาทางออก
.
"เพราะการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นแล้ว โลกเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ความเปลี่ยนแปลงคือความแน่นอน ไม่มีใครหนีกฎเกณฑ์นี้ได้" แต่ "เราอยู่ร่วมกับความเปลี่ยนแปลงนี้ได้ ไม่มีใครต้องทำลายกันและกันจนอยู่ไม่ได้ เราอยู่ร่วมกันได้"
.
"กับคนหนุ่มสาว เมตตาอย่าอาฆาต กับคนหนุ่มสาว กรุณาอย่าพยาบาท ผมเชื่อว่าบ้านเมืองมีทางออก"
.....
เวอร์ชั่นเต็ม

ว่าด้วยเรื่อง#คนเดือนตุลา มีเนม โนเนม(แต่น่านับถือ) และพวกน่าตบ น่ากระทืบ


พิชิต ลิขิตกิจสมบูรณ์
7h ·

ก็เป็นแค่นักวิชาการกระจอกคนหนึ่งที่นั่งเขียนอยู่ในรูเท่านั้นนะ ไม่มี "ยี่่ห้อ" เป็นคนเดือนตุลาอะไรที่ไหน และถือเป็นการด่ากันถ้ามาเรียกว่าเป็น "คนเดือนตุลา"
ชื่อ "คนเดือนตุลา" ที่มีคนแปลอย่างหรูว่า Octobrists หมายถึงนร.นศ.ที่มีส่วนในเหตุการณ์ 14 ตุลา 16 ถึง 6 ตุลา 19 และบางส่วนเข้าป่าไปร่วมกับพรรคคอมมิวนิสต์ยุค 2520s ปัจจุบันก็อายุ 60+
ช่วงหลัง 2519 ถึงยุค 2530 ไม่มีใครอ้างเป็น "คนเดือนตุลา" มีแต่ปกปิดหรือเลี่ยงไม่พูดถึง หลายคนเปลี่ยนชื่อ-นามสกุล เปลี่ยนมหาลัย ย้ายถิ่นไปไกลเลย
คนเดือนตุลาในวงวิชาการและการเมือง "พลิกคดี" ได้สำเร็จในยุค 2540 มีอนุสรณ์เล็ก ๆ ให้ระลึกถึง "คนเดือนตุลา" จึงกลายเป็น "วีรชนผู้จากไป" Fallen Heroes ที่เศร้าและโรแมนติก นับแต่นั้น "คนเดือนตุลา" ก็ผุดขึ้นมายังกับดอกเห็ดในแทบทุกแวดวงอาชีพ
คนเดือนตุลามีส่วนสำคัญมากในกลุ่มพันธมิตรเสื้อเหลืองที่ขับไล่ทักษิณและรปห.49 จนถึงกปปส.โค่นรบ.ยิ่งลักษณ์และรปห.57 คนเดือนตุลาจำนวนมากที่โดดเด่นสาธารณะนี่แหละมีบทบาทสร้างความเสียหายการเมืองใหญ่หลวงมาตั้งแต่ 2549 ถึงปัจจุบันทั้งจากวงวิชาการ พรรคการเมือง สหภาพ สื่อ เอ็นจีโอ ฯลฯ
ที่น่าขันคือ ปัจจุบันชื่อ "คนเดือนตุลา" กลายเป็น "ยี่ห้อ" ที่อ้างกันอย่างภาคภูมิออกสื่อหลักและโซเชียลหรือบนเวทีเสวนา บางคนถึงขนาดเรียกชื่อจัดตั้งของตัวเองว่า "สหายxxx" ทั้งที่ตัวยังสวมเสื้อเหลืองหรือชุดสีกากีอยู่เลย เดือนตุลาของทุกปีถือเป็น "เดือนเช็งเม้ง" ที่จะมารำลึกอดีตแถมด้วยเสวนาที่เอาคนดังเดือนตุลาหน้าเดิม ๆ มานั่งบนเวทีคุยเรื่องเดิม ๆ ถึงประสบการณ์เดิม ๆ กัน
คนติดป้ายเดือนตุลาที่ยังเสนอหน้า "ใช้ประสบการณ์ร่วมแก้ปัญหาให้สังคม" วันนี้ก็มีทั้งเป็นเสื้อเหลือง "ตุลา รอ." หรือในวงการเมืองก็เป็น "ตุลา รท." ทั้ง ๆ ที่คนที่น่านับถือที่สุดคือ ลุงป้าคนเดือนตุลาจำนวนหนึ่งที่โนเนม โนบอดี้ ไม่ใช่นักวิชาการหรือนักการเมืองดัง แต่บริจาคเงินมากมายและยืนหยัดร่วมกับเสื้อแดงในอดีตมาจนถึงร่วมกับนร.นศ.ในวันนี้ คนเหล่านี้แหละที่ "เวลาเปลี่ยน สังขารเปลี่ยน แต่อุดมการณ์ยิ่งมั่นคง"
#คนเดือนตุลา
.....

Nithinand Yorsaengrat
5h ·

โมเมนท์แห่งการเหวี่ยง! เหวี่ยงก็เหวี่ยงวะ อะ ได้
เออ ก็ไม่เคยประกาศตัวว่าเป็นคนเดือนตุลานะ เป็นอดีตนักข่าวกระจอกๆ บอกอกระจิบๆ ผู้บริหารสื่อกระจ๊อกๆ ที่ตอนนี้เกษียณงานประจำมารับงานแปล คนแก่ๆ มีใจอยากช่วยเด็กเขารวมตัวกันพยายามผลักดันโน่นนึ่นั่นของเขา เราก็ช่วยกัน จะให้เราเรียกตัวเองว่าคนรุ่นไหน ก็คนรุ่นเรามันรุ่นเราจริง ๆ คำว่าเดือนตุลาที่พี่เสก เรียกคนแรก ตามด้วยบอกอเวียง มันเป็นคำจำกัดความประเภททีเดียวอยู่ แบบคำว่าสลิ่ม หรือควายแดง นักวิชาการไทยสักคนแหละมั้งเรียกพวกเขาเป็นภาษาอังกฤษว่า Octoberists พวกคนรุ่นนั้นไม่ได้เรียกตัวเอง แต่อธิบายความตามนั้นได้
คำว่าคนเดือนตุลา มันคงน่าหมั่นไส้ น่าตบ น่ากระทืบ น่าขุดหลุมฝังจริง พอๆ กับควรลืมประวัติศาสตร์บาดแผลเดือนตุลาใช่ไหม? แต่คนรุ่นพวกเราก็หมั่นไส้กันเอง ตบกันเอง กระทีบกันเองมานานแล้วนี่นะ มันถึงรุ่งริ่งให้อายเด็กมาจนวันนี้! แต่เราว่าถ้าจะด่ากันก็ควรด่าพวกที่อวดตัวเป็นฮีโร่ แล้วยังทะลึ่งเข้าข้างเผด็จการหรือทะลึ่งเป็นตุลารอออ แต่พวกที่ไม่เคยเข้าข้างเผด็จการ ไม่เคยอวดตัวเป็นฮีโร่ และพยายามรวมกลุ่มกันทำอะไรแบบของเขาเพื่อหนุนช่วยการต่อสู้ของเด็กๆ วันนี้โดยถอดหัวโขนทุกอย่างออก อยู่คนละพรรคการเมืองก็มาร่วมมือกัน มีปัญหากับใครนักหรือ?
.....

บันทึก 2 พระ#หมู่บ้านทะลุฟ้า #จับสึกได้แต่ตัว



Design for Life ออกแบบเพื่อชีวิต
March 28 at 3:11 AM ·

“ถึงแม้ว่าจะมีผู้ใดใจโหดร้ายทารุณแย่งชิงผ้ากาสาวพัสตร์ของกระผมไป กระผมก็จะนุ่งห่มผ้ากาสาวพัสตร์ชุดอื่นแทน ซึ่งกระผมมีสิทธิ์ตามพระธรรมวินัย และกฏหมาย จึงขอให้ท่านเจ้าคณะหรือผู้อื่นซึ่งเห็นเป็นพยานอยู่ ณ ที่นี้ โปรดทราบและเป็นสักขีพยานให้แก่กระผม ตามคำปฏิญาณนี้ด้วย”

บันทึกฉบับนี้ทำขึ้นที่กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน ภาค 1 เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2564 จึงลงชื่อไว้เป็นหลักฐาน

ลงชื่อ พระประนมกร ปราณีต
ลงชื่อ พระวิรัช แซ่คู

----
#หมู่บ้านทะลุฟ้า
#จับสึกได้แต่ตัว







ทวนความจำ ธนาธรพูดอะไรในไลฟ์เรื่องวัคซีน ในโอกาสที่ ธนาธร เข้ารับทราบข้อกล่าวหา 112 ปมไลฟ์เรื่องนี้


ธนาธร เข้ารับทราบข้อกล่าวหาปมไลฟ์วัคซีนโควิด ไม่กังวลโดน ม.112 : Matichon TV

Mar 30, 2021

ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เดินทางเข้าทราบข้อกล่าวหาปมไลฟ์วัคซีนโควิด บอกไม่กังวลโดนมาตรา 112 เพราะ ไม่ได้ล่วงละเมิดและก้าวล่วง ทำไปด้วยเจตนาที่ดีต่อสังคม 

.....
วัคซีนโควิด: "ธนาธร" วิจารณ์รัฐบาลจัดซื้อวัคซีนล่าช้า-แทงม้าตัวเดียว-ฉวยโอกาสสร้างความนิยม



18 มกราคม 2021
บีบีซีไทย

นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ออกโรงวิจารณ์นโยบายการจัดหาวัคซีนโควิด-19 ของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่า "ล่าช้า" และตั้งคำถามถึงแนวทางจัดหาวัคซีนแบบ "แทงม้าตัวเดียว" จาก บ.แอสตร้าเซนเนก้า และแสดงความกังวลต่อการที่บริษัทเอกชนซึ่งมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นผู้ถือหุ้นโดยตรงเข้ามาเป็นผู้เล่นในตลาดวัคซีน

นายธนาธรตั้งข้อสังเกตถึงกระบวนการจัดหาวัคซีนโควิด-19 และการเข้ามาเกี่ยวข้องของ บ.สยามไบโอไซเอนซ์ทางเฟซบุ๊กไลฟ์วันนี้ (18 ม.ค.) ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ออกมาให้ความมั่นใจกับประชาชนไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้าว่า รัฐบาลดำเนินการในเรื่องนี้อย่างรอบคอบและยึดความปลอดภัยของประชาชนเป็นหลัก "จะมีแพ้บ้าง ก็เป็นเรื่องปกติ" และล่าสุดได้มีการตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมาเพื่อศึกษาและจัดสรรวัคซีนแล้ว

ประธานคณะก้าวหน้ากล่าวว่าเหตุที่เขาออกมาตั้งข้อสังเกตในเรื่องนโยบายและแนวทางการจัดหาวัคซีนของรัฐบาลเป็นเพราะการได้วัคซีนล่าช้าและไม่ครอบคลุมกลุ่มประชากรส่วนใหญ่ นอกจากจะทำให้ประชาชนตกอยู่ในความเสี่ยงแล้ว ยังทำให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจจากวิกฤตโควิด-19 เป็นไปอย่างล่าช้ากว่าประเทศอื่น

บีบีซีไทยสรุป 5 ข้อสังเกตของนายธนาธรต่อเรื่องวัคซีนโควิด-19 ภายใต้การบริหารจัดการของรัฐบาลประยุทธ์ โดยเป็นข้อมูลที่ได้จากการสัมภาษณ์พิเศษนายธนาธรและจากสิ่งที่เขานำเสนอทางเฟซบุ๊กไลฟ์

1. รัฐบาลประมาท ไม่เร่งการเจรจาจัดหาวัคซีนจนเกิดความล่าช้า

ประเด็นแรกที่ประธานคณะก้าวหน้าวิพากษ์วิจารณ์ คือ กระบวนการเจรจากับผู้ผลิตวัคซีนต่างชาติและจัดหาวัคซีนต้านเชื้อโควิด-19 ของรัฐบาลภายใต้การนำโดย พล.อ. ประยุทธ์ เป็นไปอย่างล่าช้าและไม่สามารถครอบคลุมประชากรอย่างเหมาะสมและทันท่วงที เพื่อให้ประชากรที่มีภูมิคุ้มกันเกิดขึ้นมากพอในประชากร หรือ ภูมิคุ้มกันหมู่ (herd immunity)

ความล่าช้าดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อการเสียโอกาสทางเศรษฐกิจ ความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวและนักลงทุนต่างชาติ รวมไปถึงเพิ่มความเสี่ยงในประชาชนในการติดโรคอีกด้วย

เขามองว่า เป็นความประมาทเลินเล่อของรัฐบาลที่ไม่เร่งเจรจากับบริษัทผู้วิจัยและผลิตวัคซีนต่างประเทศทั้ง ๆ ที่แผนพิมพ์เขียวเพื่อการเข้าถึงวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของประชาชนไทยได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติตั้งแต่วันที่ 22 เม.ย. 2563 แต่รัฐบาลก็ไม่ได้แสดงให้เห็นถึงความพยายามการจัดซื้อจัดหาวัคซีนล่วงหน้า จนกระทั่งเดือน พ.ย. กระทรวงสาธารณธสุขจึงหนังสือด่วนที่สุด เรื่องโครงการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) สำหรับประชาชนไทยโดยการจองล่วงหน้า (AstraZeneca) ที่ผ่านมา ผ่านการผลิตและโอนถ่ายเทคโนโลยีการผลิตมายังของบริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัดของไทย

ภายใต้ข้อตกลงดังกล่าว ไทยจะได้วัคซีนล็อตแรกจำนวน 26 ล้านโดส สำหรับประชากรราว 10 ล้านคนในกลางปี 2564 จึงทำให้รัฐบาลจะต้องเจรจากับซิโนแวค ไบโอเทค บริษัทผู้ผลิตยาและชีวเภสัชภัณฑ์ของจีน เพื่อจัดหาวัคซีนโควิดแบบเร่งด่วนจำนวน 2 ล้านโดส ซึ่งล็อตแรกจะจัดส่งมาภายในเดือน ก.พ.นี้

เขาระบุว่าไทยได้วัคซีนล่าช้าและครอบคลุมประชากรน้อยกว่าหลายประเทศในเอเชีย เช่น มาเลเซียที่ปิดสัญญาซื้อวัคซีนได้ค่อนข้างเร็วและมีวัคซีนครอบคลุม 71% ของประชากรทั้งหมด ขณะที่ไต้หวันและ ฟิลิปปินส์จัดหาวัคซีนได้สำหรับ 42% และ 45.1% ตามลำดับ

"กว่าจะรู้ตัวว่าล่าช้า ก็สายไปเสียแล้ว" นายธนาธรกล่าวและให้ความเห็นว่า ความล่าช้านี้ยังทำให้ไทยต้องซื้อวัคซีนในราคาต่อโดสที่สูงขึ้นด้วย

"หากว่าจัดซื้อจัดหาตั้งแต่แรกก็อาจจะได้ราคาถูก แต่ก็ขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพของวัคซีนในการสร้าง herd immunity เพราะฉะนั้น ราคา ประสิทธิภาพและจำนวนจึงสัมพันธ์กัน ต่อให้แพงแต่ประสิทธิภาพดีคุณก็ไม่จำเป็นจะต้องฉีดให้ครบ 100%"

แต่เขาเห็นว่า "เรื่องราคาเป็นเรื่องรอง" เมื่อเทียบกับความจำเป็นที่ต้องจัดซื้อวัคซีนมาให้ประชาชน
"ถ้าเป็นผมต่อให้วัคซีนแพงผมก็จะซื้อ ผมรู้สึกว่า ราคาสำคัญน้อยกว่าเวลา"

เมื่อสอบถามถึงความแตกต่างระหว่างรูปแบบการจัดซื้อแบบชิโนแวค และกรณีของแอสตร้าเซเนก้าที่ได้วัคซีนมาพร้อมกับการถ่ายโอนเทคโนโลยีการผลิต นายธนาธรเห็นด้วยว่าที่ระยะกลางระยะยาว จำเป็นจะต้องมีการผลิตวัคซีนในประเทศ ปัญหาก็คือทำไมไม่ให้องค์การเภสัชกรรม หรือระดมบริษัทยาในประเทศไทยมาร่วมกันผลิต

"อาจจะจัดให้เป็นมีบทบาทในซัพพลายเชน โดยให้องค์การเภสัชฯ เป็นกลุ่มบนที่เป็นผู้ประสานงาน ควบคุมมาตรฐานการผลิตกับบริษัท แอสตร้าเซเนก้า ในขณะที่อาจจะมีบริษัทโรงงานอีกกลุ่มมาเป็นผู้ผลิตยา" เขาอธิบาย



ก่อนหน้านี้ นพ.นคร เปรมศรี ผู้อำนวยการสถาบันวัคซีนแห่งชาติ ชี้แจงกับบีบีซีไทยเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า ภายในปีนี้คาดว่าประชากรอย่างน้อย 50% จะต้องได้รับวัคซีน

ผอ.สถาบันวัคซีนแห่งชาติอธิบายถึงความพยายามในการจัดหาวัคซีนของทางการไทยว่ามีทั้งการสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาวัคซีนในประเทศ ซึ่งการพัฒนาและทดลองวัคซีนต้องใช้เวลานานและมีหลายขั้นตอน จึงทำให้เกิดความล่าช้า แต่คาดว่าจะสามารถทดสอบในคนได้ ภายในปีนี้

ส่วนแนวทางที่สองคือความร่วมมือต่างประเทศโดยเน้นการถ่ายทอดทางเทคโนโลยีเป็นสำคัญ และที่ดำเนินการไปแล้วคือ ความร่วมมือกับบริษัทแอสตร้าเซนเนก้าในการถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตวัคซีนให้แก่ บ.สยามไบโอไซเอนซ์

"นี่เป็นความมั่นคงของประเทศแล้วว่า ประเทศเราผลิตวัคซีน viral vector ได้หนึ่งชนิดแล้ว" ผอ.สถาบันวัคซีนแห่งชาติกล่าว

ส่วนแนวทางที่สามคือการจัดซื้อวัคซีนโดยตรงแต่จะต้องขึ้นอยู่กับข้อมูล การวิจัยพัฒนาที่ผ่านมาเพื่อพิจารณาผู้ที่มีศักยภาพในการผลิตวัคซีน ทั้งในส่วนที่สำเร็จแล้วและใกล้จะสำเร็จซึ่งหนึ่งในนั้นคือ ซิโนแวคจากจีน

"แนวทางทั้ง 3 อย่างนี้ก็เพื่อโอกาสในการเข้าถึงวัคซีนของไทยให้มากที่สุด" ผอ.สถาบันวัคซีนแห่งชาติกล่าว

2. "แทงม้าตัวเดียว" ไม่เปิดทางเลือกอื่นจากบริษัทอื่น ๆ

หัวหน้าคณะก้าวหน้าตั้งคำถามถึงการที่รัฐบาลเลือกที่จะสนับสนุนผู้ประกอบการเอกชนรายเดียว คือ บริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด ในการผลิตวัคซีนโควิด-19 จากแอสตร้าเซนเนก้า โดยไม่มีการเจรจากับผู้ผลิตรายอื่น ๆ ทั้ง ๆ ที่ยังมีองค์กรที่มีความพร้อมอื่น ๆ ในประเทศซึ่งถูกระบุในแผนยุทธศาสตร์ความมั่นคงด้านวัคซีนแห่งชาติ พ.ศ. 2563 - 2565 ว่ามี 6 หน่วยงานที่มีศักยภาพผลิตวัคซีนแบบปลายน้ำ เช่น สถานเสาวภา ของสภากาชาดไทย, บริษัท ไบโอเนท-เอเชีย จำกัด, องค์การเภสัชกรรม, บริษัท องค์การเภสัชกรรม-เมอร์ริเออร์ชีววัตถุ จำกัด, ศูนย์วิจัยและพัฒนาวัคซีน สถาบันชีววิทยาศาสตร์ โมเลกุล ม. มหิดล และโรงงานต้นแบบผลิตยาชีววัตถุแห่งชาติ ม.เทคโนโลยีพระจอมเกล้า ธนบุรี

"ไม่มีชื่อของสยามไบโอไซเอนซ์อยู่ในแผนยุทธศาสตร์ความมั่นคงด้านวัคซีนแห่งชาติ พ.ศ. 2563 - 2565 ของประเทศไทยเลย" เขากล่าว

เมื่อพิจารณาในแง่ผลประผลประกอบการของบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์และบริษัทในเครือทั้งหมด ยังไม่มีบริษัทใดเลยประสบความสำเร็จทางด้านการเงิน ขาดทุนแทบจะทั้งหมด ทั้ง ๆ ที่สยามไบโอไซเอนซ์ ตั้งมาแล้วกว่า 10 ปี ด้วยทุนจดทะเบียน 4,800 ล้านบาท โดยมีการขาดทุนสะสมกว่า 581 ล้านบาท

จากข้อมูลที่สยามไบโอไซเอนซ์รายงานต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ พบว่า ผลประกอบการปี 2556 - 2562 ขาดทุนอย่างต่อเนื่องหลายสิบล้านบาท แม้ว่าจะมีรายได้รวมที่เข้ามาเพิ่มขึ้นในแต่ละปีก็ตาม

"บริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ เหมาะสมที่จะทำภารกิจนี้หรือเปล่า" เขาตั้งคำถาม

ในประเด็นนี้ ผอ.สถาบันวัคซีนแห่งชาติ อธิบายว่า แอสตร้าเซนเนก้าเป็นผู้เลือกสยามไบโอไซเอนซ์ผ่านการประสานงานของเอสซีจี ในขณะที่แอสตร้าเซนเนก้ากำลังมองหาศูนย์การผลิตในอาเซียน และไทยถือว่าเป็น แหล่งของนักเรียนหัวกะทิที่พร้อมรับการถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตจากแอสตร้าเซนเนก้าและมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด และเมื่อประเมินแล้วทั้งในแง่บุคลากร ศักยภาพ เครื่องมือทั้งโรงงานที่มีและที่ลงทุนมาแล้วกว่า 4,500 ล้านบาท รวมทั้งทุนการผลิต สยามไบโอไซเอนซ์ จึงเหมาะสม


กระทรวงสาธารณสุข สยามไบโอไซเอนซ์ เอสซีจี และแอสตร้าเซนเนก้า บริษัทผู้ผลิตชีวภัณฑ์ชั้นนำสัญชาติอังกฤษ-สวีเดน ร่วมลงนามในหนังสือแสดงเจตจำนง (Letter of Intent) ในการผลิตและจัดสรรวัคซีนวิจัยป้องกันโควิด-19 AZD1222 ที่พัฒนาโดยมหาวิทยาลัยอ็อกซฟอร์ด

3. ความขัดกันของผลประโยชน์

นายธนาธรยังอ้างถึงรายงานการประชุมคณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติครั้งที่ 5/2563 วันที่ 5 ต.ค. 2563 มีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเป็นประธาน ที่ประชุมได้รับทราบความคืบหน้าของโครงการพัฒนาวัคซีนต้นแบบและเตรียมความพร้อมรับการถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตวัคซีนโควิด-19 ซึ่งหนึ่งในกิจกรรมที่สำคัญของโครงการนี้คือ "การเพิ่มศักยภาพอุตสาหกรรมการผลิตวัคซีนชนิด viral vector ดำเนินการโดยบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด งบประมาณ 600 ล้านบาท"

ที่ประชุมยังได้หารือเรื่องโครงการพัฒนาศักยภาพการผลิตในระดับนานาชาติเพื่อการเข้าถึงวัคซีนโควิด-19 ผ่านการขอรับถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตจากต่างประเทศ แต่มีความกังวลเรื่อง "การขัดกันแห่งผลประโยชน์" จากการนำงบประมาณของรัฐไปสนับสนุนบริษัทเอกชน

"มีประเด็นข้อกังวลเรื่องของการขัดกันแห่งผลประโยชน์ (conflict of interest) เนื่องจากเป็นการนำงบประมาณจากรัฐบาลไปสนับสนุนบริษัทเอกชน ซึ่งขอให้พิจารณาดำเนินการด้วยความรอบคอบและโปร่งใส และมีความเห็นว่าสถาบันวัคซีนแห่งชาติต้องเปิดเผยข้อมูลการขัดกันแห่งผลประโยชน์ให้ทราบด้วย" รายงานการประชุมซึ่งบีบีซีไทยได้เห็นเอกสารฉบับสำเนาระบุ

4. รัฐบาลฉวยโอกาสจากโควิด กอบกู้ความนิยมช่วงที่มีการเรียกร้องปฏิรูปสถาบันกษัตริย์

นายธนาธรตั้งคำถามว่าการตัดสินใจ "แทงม้าตัวเดียว" โดยเลือกวัคซีนจากแอสตร้าเซนเนก้าซึ่งให้ สยามไบโอไซเอนซ์เป็นผู้ผลิตวัคซีนนั้นเป็นการกระทำที่ต้องการสร้างความนิยมทางการเมืองมากกว่าเรื่องสาธารณสุขหรือไม่ เนื่องจากการจัดหาวัคซีนนี้เพิ่งเกิดขึ้นในไตรมาสที่ 3 ของปี 2563 ซึ่งเป็นช่วงเดียวกับที่มีการชุมนุมของกลุ่มนักเรียน นักศึกษาประชาชนที่เรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ลาออก การแก้ไขรัฐธรรมนูญ และการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์

หัวหน้าคณะก้าวหน้าขยายความประเด็นนี้เพิ่มเติมกับบีบีซีไทยว่า เขาเชื่อว่ารัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ อาศัยเรื่องการจัดหาวัคซีนป้องกันโควิด-19 มากอบกู้ความนิยมต่อสถาบันกษัตริย์ซึ่งกำลังถูกวิพากษ์วิจารณ์และถูกเรียกร้องให้มีการปฏิรูปอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

"การกระทำครั้งนี้เป็นการกระทำที่ต้องการสร้างความนิยมทางการเมืองมากกว่าที่ต้องการจะหาข้อสรุปในการจัดการวัคซีนให้ครอบคลุมประชากรไทยให้มากที่สุดและเร็วที่สุดหรือเปล่า" นายธนาธรตั้งคำถาม

นายธนาธรตั้งข้อสังเกตด้วยว่า การเลือกพึ่งพาวัคซีนจาก แอสตร้าเซนเนก้า-ไบโอไซเอนซ์ ยังเป็นการสร้างความชอบธรรมทางการเมืองของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ด้วยการแสดงให้เห็นถึง "ความจงรักภักดี"

บีบีซีไทยสอบถามไปยังนายอนุทินเพื่อขอคำชี้แจงต่อประเด็นข้อกล่าวหาต่าง ๆ ของนายธนาธร นายอนุทินปฏิเสธที่จะให้ความเห็น



นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกรัฐบาลปฏิเสธที่จะให้ความเห็นต่อข้อวิจารณ์ของนายธนาธรที่ว่ารัฐบาลนำเรื่องวัคซีนมาสร้างความนิยมทางการเมือง แต่ยืนยันว่าการจัดหาวัคซีนของรัฐบาลเป็นเรื่องของสาธารณสุขที่รัฐบาลจะต้องดูแลประชาชน โฆษกรัฐบาลอธิบายว่าในเรื่องของวัคซีนโควิด รัฐบาลมีเป้าหมายหลักสองประการคือ การจัดหาวัคซีนให้ครอบคลุมประชากรอย่างน้อย 50% หรือประมาณ 33 ล้านคนภายในปีนี้ และประเทศไทยต้องมีศักยภาพในการผลิตวัคซีนเอง ซึ่งจะใช้สำหรับทั้งประชากรไทยและภูมิภาคอาเซียน

ทั้งนี้ ในพิธีลงนามในสัญญาการจัดหาวัคซีนโควิด-19 ระหว่างกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กับ แอสตร้าเซนเนก้าเมื่อ 27 พ.ย. 2563 พล.อ.ประยุทธ์กล่าวแสดงความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ที่ทรงมีพระราชดำริให้ บ.สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในพระปรมาภิไธย ให้เข้าร่วมดำเนินการบรรจุและแจกจ่ายวัคซีนโควิด-19

"เราต้องมีการเตรียมการภายในประเทศคือ เมื่อรับวัคซีนมาแล้ว จะต้องดำเนินการอย่างไรต่อไป ซึ่งอันนี้ก็ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงพระราชทานให้บริษัทสยามไบโอไซเอนส์ ซึ่งเป็นบริษัทในพระปรมาภิไธย อยู่ในขั้นตอน คือเมื่อรับวัคซีนเข้ามาแล้วจะมีการบรรจุ แจกจ่าย" นายกฯ กล่าว

5.สถานะของสถาบันกษัตริย์กับผู้เล่นทางเศรษฐกิจไปด้วยกันไม่ได้

ในช่วงสุดท้ายนายธนาธรกล่าวว่า เนื่องจาก บ.สยามไบโอไซเอนซ์ มีในหลวงรัชกาลที่ 10 ทรงเป็นผู้ถือหุ้นโดยตรง หากมีอะไรผิดพลาดขึ้น ประชาชนย่อมต้องตั้งคำถามกับบริษัท ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะนายกฯ ที่ตัดสินใจเรื่องนี้จะต้องรับผิดชอบ

ทั้งนี้ สำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น บ.สยามไบโอไซเอนซ์ ในฐานข้อมูลของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ระบุว่ามีทุนจดทะเบียน 4,800 ล้านบาท แบ่งเป็น 48 ล้านหุ้น มูลค่าหุ้นละ 100 บาท มีพระนามสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร อยู่ในบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นอันดับ 1

"ผู้ถือหุ้นของสยามไบโอฯ คือในหลวงรัชกาลที่ 10 คุณประยุทธ์ ในฐานะนายกฯ อนุมัติดีลนี้ ถ้ามีอะไรผิดพลาด คุณประยุทธ์จะสามารถรับผิดชอบได้หรือไม่ ถ้าเกิดว่าวัคซีนผลิตได้ช้ากว่ากำหนด ถ้าเกิดว่าการผลิตวัคซีนมีปัญหาในการแจกจ่ายประชาชนอย่างไม่เป็นธรรม ถ้าเกิดว่าประชาชนเกิดการแพ้วัคซีนหรือวัคซีนมีประสิทธิภาพไม่ได้ตามเป้าหมาย คุณประยุทธ์จะรับผิดชอบไหวหรือไม่"

นายธนาธรกล่าวกับบีบีซีไทยเพิ่มเติมว่าเขาเห็นว่า "สถานะผู้เล่นทางเศรษฐกิจกับสถานะของพระมหากษัตริย์ในระบอบประชาธิปไตยไปด้วยกันไม่ได้"

เขากล่าวว่าขณะนี้มีหลายบริษัททั้งที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์และที่ไม่อยู่ ที่พระมหากษัตริย์ทรงเป็นผู้ถือหุ้นโดยตรง ซึ่งทำให้พระมหากษัตริย์กลายเป็น "ผู้เล่นทางเศรษฐกิจ" และอาจตกอยู่ในสถานะของการเป็นคู่ขัดแย้งซึ่งตามหลักสากลผู้เล่นทางเศรษฐกิจอาจถูกฟ้องร้องหรือถูกวิจารณ์ได้ แต่ภายใต้กฎหมายปัจจุบันพระมหากษัตริย์อยู่ในสถานะที่ฟ้องร้องและวิจารณ์ไม่ได้ ซึ่งนายธนาธรมองว่าเป็นปัญหา

"ถ้าจะปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ ต้องอย่าให้สถาบันพระมหากษัตริย์เป็นผู้เล่นทางเศรษฐกิจ" นายธนาธรกล่าว

รัฐพระเจ้ายังต้องประหยัดรัฐกษัตริย์ไทยใช้จ่ายตามใจ งบ"ปลาทรงเลี้ยง"ปี 58-63 37.4 ล้าน!!!




Somsak Jeamteerasakul
16h ·

<งบ"ปลาทรงเลี้ยง"ปี 58-63 รวม 37.4 ล้าน!!!>
จาก "มิตรสหายท่านหนึ่ง"
ช่วงก่อนสังคมออนไลน์มีการนำเสนอประเด็นเรื่องการใช้เงินภาษีไปกับสุนัขทรงเลี้ยงไปแล้ว ม้าทรงเลี้ยงก็พูดไปแล้ว เพื่อให้ครบถ้วนก็ต้องนำเสนอข้อมูลเรื่อง "ราชมัจฉา" หรือ "ปลาทรงเลี้ยง" บ้าง
"กรมประมง" เป็นหน่วยงานหลักที่รับผิดชอบเกี่ยวกับเรื่องการเลี้ยงปลาในเขตพระตำหนักที่ประทับ โดยเท่าที่สืบค้นเจอพบว่ากรมประมงมีการใช้เงินภาษีไปเพื่อการปรับปรุงซ่อมแซม ตู้ปลา, บ่อปลา และ สระเลี้ยงปลา ในเขตที่ประทับระหว่างปี 58-63 รวมทั้งหมด 37.4 ล้านบาท
โดยส่วนใหญ่เกือบ 30 ล้านบาท เป็นค่าใช้จ่ายในปี 58-59 ซึ่งมีการรีโนเวตใหญ่ บ่อปลา/สระน้ำ ในพระที่นั่ง/วังหลายแห่งพร้อมๆกันในนี้ได้แก่ บ่อปลา"สระกระต่าย"(พระราชวังดุสิต?) 17.9 ล้าน, บ่อปลาพัชราภิรมย์(วังศุโขทัย) 3.2 ล้าน, บ่อปลาพระที่นั่งอุดรภาค(พระราชวังดุสิต) 2.1 ล้าน และ บ่อปลาที่ AGG Amporn Resort (พระราชวังดุสิต) 6 ล้าน
ซึ่งในงบส่วนนี้ เกือบทั้งหมดเป็นค่าใช้จ่ายเรื่องตัวบ่อเลี้ยง ที่มีการก่อสร้าง/ปรับปรุง ทั้งงานโครงสร้าง งานสถาปัตยกรรม และ งานระบบ โดยเฉพาะระบบสุขาภิบาล(ระบบปั้มน้ำ ระบบหมุนเวียนอากาศ ฯลฯ) เป็นส่วนงานที่มีมูลค่าสูงที่สุด แต่ค่าใช้จ่ายในการจัดซื้อ "ปลา" ค่าใช้จ่ายในการเลี้ยง ยังไม่ได้รวมอยู่ใน 37.4 ล้านนี้แต่อย่างใด!!! เนื่องจากไม่สามารถสืบค้นค่าใช้จ่ายอื่นๆได้ จึงยากจะทราบว่าค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับ "ปลาทรงเลี้ยง"ทั้งหมดนั้นจะมากกว่านี้สักเท่าไหร่
และตั้งข้อสังเกตุว่าในการจัดซื้อจัดจ้างเหล่านี้เกือบทั้งหมดไม่ได้มีการประกวดราคาตามปกติอย่างที่ควร แต่ทำโดยวิธี "เฉพาะเจาะจง" โดยส่วนใหญ่ไว้วางใจ บริษัท ฟีนิกซ์สยาม จำกัด เป็นผู้ดำเนินการปรับปรุงซ่อมแซมงานบ่อเลี้ยงปลาทรงเลี้ยงเหล่านี้
https://actai.co/SupplierDetail/0105534109261?compName=บริษัท%20ฟีนิกซ์สยาม%20จำกัด
.....

รัฐพระเจ้ายังต้องประหยัดรัฐกษัตริย์ไทยใช้จ่ายตามใจ / รู้เขารู้เรา ตอนที่1

Mar 29, 2021

Sunai TV

รู้เขารู้เรา 29 มีนาคม 2564
วาติกันยังต้องตัดงบ ยุทธ์ประจบถวายงบไม่อั้น
โดย สส.สุนัย จุลพงศธร
เปิดสมาชิก VIP VVIP SUPER VIP // YouTube Sunai TV \\
ดูสิทธิพิเศษสำหรับการเป็นสมาชิก
https://www.youtube.com/channel/UCCR9...

“เคลียร์ทุกคำถาม ชัดทุกคำตอบ” กับพี่ Tony Woodsome #คิดเคลื่อนไทย


“เคลียร์ทุกคำถาม ชัดทุกคำตอบ” กับพี่ Tony Woodsome .#คิดเคลื่อนไทย

Streamed live 6 hours ago

CARE คิดเคลื่อนไทย
.....


Inabnit Ruenpraphat Moo
ใหญ่กว่าทหาร ก็เทวดา บนดิน

วันอังคาร, มีนาคม 30, 2564

คดีราษฎรที่ศาลอาญา ๒๙ มีนา 'เกล็ดเยอะ' ตอบโจทย์ “ศาลยุติธรรมคงดำรงอยู่ต่อไปไม่ได้”


ที่ศาลอาญา ๒๙ มีนา นัดตรวจพยานหลักฐานธรรมดาๆ คดีกลุ่มราษฎรชุดใหญ่ ๒๒ คน จากการชุมนุม ๑๙-๒๐ กันยา ๖๓ ข้อหาหมิ่นสถาบันฯ ม.๑๑๒ และก่อความวุ่นวาย ม.๑๑๖ ไม่น่าจะทำให้เกิดดราม่าฟู่ฟ่าอะไรนัก แต่มันก็มีจนได้

นอกจากไฮไล้ท์ สมยศ พฤกษาเกษมสุข บอกศาล เขาถูกคุมขังอย่างนี้ ไม่สามารถเตรียมการต่อสู้คดีได้ ขณะที่ฝ่ายอัยการได้เปรียบเต็มที่ “สุดท้ายแล้วหากศาลยกฟ้อง ตนและพวกก็ถือว่าจำคุกไปแล้ว หรือต่อให้ศาลฟ้อง ตนและพวกก็ถูกจำคุกอยู่ดี”

กว่าคดีจะจบเขาอาจตายเสียก่อน อย่างนี้แล้วขอให้ศาลตัดสินประหารชีวิตไปเสียเลย รู้แล้วรู้รอดไป “เพื่อยุติปัญหาทั้งหมด และย่นระยะเวลาการพิจารณาคดีให้คนอื่นได้เร็วขึ้น อีกทั้งประชาชนจะได้ไม่ต้องกังวล และออกมาต่อสู้เรียกร้องเพื่อให้ปล่อยตัวตน”

ด้าน พริษฐ์ ชิวารักษ์ ต้องนั่งรถเข็นแขวนขวดน้ำเกลือเข้ามา มีผู้คุมใส่เครื่องแบบพยาบาลกำกับ กวิ้นดูอ่อนเพลียร่วงโรยมากจากการอดอาหาร หลังๆ นี่ดื่มแต่น้ำเปล่าและสารเกลือแร่ ทนายต้องอ้อนวอนซ้ำๆ ศาลจึงยอมให้แม่และน้องสาวเข้าไปกอด

สำหรับกวิ้นมีเกล็ดเล่าจาก Karnt Thassanaphak “เพื่อนๆ และผมได้ฝากแม่กับน้องสาว (ศาลให้เข้าได้แค่ ๒ คน) ไปขอร้อง เพ็นกวิ้น ให้เลิกอดอาหาร แต่มันไม่ยอมนะครับ ใจยังสู้ แต่ร่างกายคือเรี่ยวแรงแทบไม่มีแล้ว...นาทีนี้คือต้องเคารพการตัดสินใจของมัน”

ส่วน รุ้งมีร้องไห้เล็กน้อย เมื่อผู้พิพากษาเรียกเข้าไปคุยหน้าบัลลังก์ ถามไถ่ในฐานที่เป็นผู้หญิงคนเดียวถูกคุมขังในคดีนี้ ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล “บอกว่า อยู่ในเรือนจำไม่มีเวลาต่อสู้คดี ไม่มีเวลาหาพยานหลักฐาน พวกเราสู้อะไรไม่ได้เลย”

ศาลตอบว่า “จะให้โอกาสเต็มที่ในการต่อสู้คดี รุ้งจึงบอกว่าหนูขอแค่ข้อเดียว คือขอสิทธิประกันตัว” เมื่อศาลไม่ให้ ต่อนี้ไปจะอดอาหารเช่นเดียวกับเพ็นกวิ้น เริ่มจากลดเหลือวันละมื้อ ไปสู่แค่น้ำ นม และสารอาหาร ถ้าจะตาย “ขอให้การตายของเราเป็นสายธารนำความหวังสู่สังคม”


ไลลอว์รายงานว่า “บรรยากาศในห้องพิจารณาค่อนข้างวุ่นวาย เนื่องจากเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์พยายามจะไม่ให้ญาติ และเพื่อนที่มาฟังการพิจารณาได้พูดคุยกับจำเลยที่มาจากเรือนจำ อนุญาตเพียงให้ทนายความปรึกษาคดีเท่าน้ัน”

จึงเกิดการโต้เถียงระหว่างผู้คุมกับผู้ถูกควบคุมเป็นระยะๆ มีอีกเกล็ดที่ มุทิ ปลา เชื้อช่าง เก็บจาก ทนายสายขำมาผายเรื่อง จัสตินชูเกียรติต้องกระซิบกระซาบบอกทนายหญิง ซึ่ง “โน้มตัวเข้าไปใกล้ๆ เพราะได้ยินไม่ชัด” ผู้คุมมันคอยจ้องเอาหูมาแนบฟัง

“ทันใดนั้นเจ้าหน้าราชทัณฑ์ผู้ชายที่นั่งประกบจัสตินเอามือมาดึงแขนซ้ายเรา” ทนายเขียนบันทึกเล่า “เราสะบัดและโต้ทันที คุณมาจับแขนแบบนี้ได้ยังไง คุณไม่มีสิทธิ เขาโต้ว่าจะคุยอะไร เราบอกทนายจะคุยอะไรก็ได้กับลูกความ

แล้วคุณมาจับตัวกันแบบนี้ได้ยังไง ยังไม่ทันจะได้ฟาดจบ ก็มีเสียงคนสวน (ว่า) นี่ลวนลามหลายครั้งแล้วคนนี้กวนตีน” เป็น ไผ่ จตุภัทรผู้นั่งถัดจากจัสติน ก็เลยไฟจุดติดระหว่างไผ่กับราชทัณฑ์คนนั้น สำหรับกวิ้นทนายคนเดียวกันมีพาดพิง

กวิ้นออดว่าเท้าของเขาบวม “ข้างซ้ายผมเริ่มชา ไม่รู้สึก” ทนายลอง “เอาเล็บยาวของเราเคาะๆ ข่วนๆ ลงเท้าข้างซ้ายและสลับกับข้างขวา เป็นไงบ้างอะ ชาไหม” กวิ้นยังมีลูกเล่น “เอ่อ ไม่เคยมีใครเอาเล็บมาข่วนๆ เคาะๆ เท้าผมแบบนี้อะ” สุดท้ายก็ “ฝากดูแลรุ้งด้วยนะพี่”

ยังมีเกล็ดอื่นๆ อีกเยอะ ณัฐชนนท์ชูสามนิ้วในห้องพิจารณาคดี ราชทัณฑ์บอกเบาให้เอาลง เขาไม่ยอมเลยมีอีกคนมาดึงมือลงวางแนบข้างตัว และมารดาของกวิ้นพยายามยื่นคำร้องขอให้ศาลส่งตัวลูกชายไปโรงพยาบาลพระราม ๙

ศาลยักไหล่ (ในใจมั้ง) ยกคำร้องนางเมตตา ท้าวสกุล ให้เหตุผลว่าไม่ได้อยู่ในอำนาจที่จะสั่งย้ายผู้ต้องขัง อ้างเป็นอำนาจของอธิบดีกรมราชทัณฑ์ เช่นกันกับแม่ของ แอมมี่ยื่นหลักทรัพย์ ๒ แสนบาทขอประกัน ศาล ยก อีก อ้างว่าเคยยกแล้ว

“กรณีไม่มีเหตุเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิม” เหล่าทนาย ๑๘๘ รายชื่อจากสมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน ที่ คอรีเยาะ มานุแช นายกสมาคมเป็นตัวแทนไปยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวราษฎรที่ยังถูกกักในคุก ก็คงเจอคำตอบเดียวกัน

หลักกฎหมายอย่างไรไม่สำคัญ เท่ากับที่ประธานศาลฎีกาตอบคำท้วงติงของผู้พิพากษาศาลฎีกาคนหนึ่ง ในการประชุมใหญ่คณะ ตลก. ที่ว่า “คำสั่งไม่ให้ประกันตัวแกนนำม็อบ ยังไงก็เป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย” นางเมทินี ชโลธร ตอบว่า

“มีบุคคลภายนอกสั่งมาอีกที” ทำให้ผู้พิพากษาอีกคนในที่ประชุมโพล่งว่า ขนาดประธานฯ ปล่อยให้บุคคลมาสั่งบงการได้อย่างนี้ “ศาลยุติธรรมคงดำรงอยู่ต่อไปไม่ได้...น่าจะมีการเสนอเรื่องให้คณะกรรมการตุลาการ (ก.ต.) ตรวจสอบวินัย

ว่า คนแบบนี้ยังสมควรเป็นประธานศาลฎีกาอยู่อีกหรือไม่”

(ขอบพระทัยสมเด็ดเจียม Somsak Jeamteerasakul เอาข่าวกรองมาผาย นอกนั้นแท้งกิ้ว https://www.facebook.com/mutita.ubekka/posts/5869719399720580, https://www.facebook.com/thestandardth/posts/2713334328959442, https://www.facebook.com/iLawClub/posts/10165238406125551, https://www.facebook.com/lawyercenter2014/posts/3786703668046126 และ https://www.facebook.com/iLawClub/posts/10165238293865551) 

เอาไงดีอ่ะ ตอนม็อบ REDEM ก็ว่าไปสร้างเงื่อนไขให้ตำรวจสลายการชุมนุม นี่หมู่บ้านทะลุฟ้า นอนอยู่เฉยๆยังไม่ตื่นเลยก็บุกเข้าไปจับ นั่งชุมนุมอยู่เฉยๆก็เอาหน่วยคุมฝูงชนดันนักข่าวออกไป แล้วอุ้มขึ้นรถไปเลย เอาไงดี




UNME of Anarchy
19h ·

10.30 น. อัพเดตจากกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส. ) ทนายแจ้งว่าผู้ถูกควบคุมตัวทั้ง 32 คนกำลังอยู่ระหว่างตรวจร่างกายและจะถูกนำตัวไปศาลแขวงดุสิตเพื่อฝากขังไม่คอนเฟอร์เรนซ์รวมทั้งอีก 60 กว่าคนที่ตชด. ภาค 1คาดออกไปก่อนเที่ยงนี้ทั้งนี้ประชาชนนักกิจกรรม 32 คนผู้ถูกจับกุมจากหมู่บ้านทะลุฟ้าทั้งหมดถูกแจ้งข้อหา
-ฝ่าฝืน-พ. ร. ก. ฉุกเฉิน (จัดกิจกรรม / ชุมนุม)
-พ. ร. บ. โรคติดต่อ
-พ. ร. บ. จราจรทางบก
-พ. ร. บ. รักษาความสะอาด
-พ. ร. บ. ควบคุมการโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียง

ปล. รวมแล้วมีการจับกุมประชาชน 99
คนเพื่อเคลียร์ทางและสถานที่ให้ครม.ใหม่ถ่ายภาพ

#หมู่บ้านทะลุฟ้า


เปิดที่มาที่ไป หมู่บ้านทะลุฟ้า ตั้งแต่ต้นจนจบ | workpointTODAY

Mar 29, 2021

workpointTODAY

หมู่บ้านทะลุฟ้า เป็นที่สนใจในสายตาสาธารณชน เมื่อ 28 มีนาคม 2564 ที่มีการสลายการชุมนุม แต่หมู่บ้านทะลุฟ้ามีที่มาที่ไปมากว่า 1 เดือนก่อนหน้า
 
workpointTODAY ชวนมาดูการก่อตัวของขบวนการเคลื่อนไหวนี้กัน
.....


กลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตย Democracy Restoration Group - DRG
10h ·

[แนวทางของ REDEM]
แม้จะเป็นการเคลื่อนไหวที่ไม่มีแกนนำปราศรัย แต่การเคลื่อนไหวของ REDEM ก็มีทีมงานพร้อมช่วยเหลือและจัดการการชุมนุม
การชุมนุมของ REDEM 2 ใน 3 ครั้งที่ผ่านมาพบว่า หากเป็นชุมนุมในบริเวณที่เกี่ยวข้องกับใจกลางปัญหาของสังคมไทยในปัจจุบัน (พื้นที่ใกล้วังของกษัตริย์) การชุมนุมนั้นจะถูกเจ้าหน้าที่รัฐใช้กำลังปราบปรามอย่างรุนแรงเกินกว่าเหตุ ซึ่งขัดต่อหลักสากลอย่างสิ้นเชิง รวมถึงการดักทำร้ายผู้ชุมนุม REDEM จากกลุ่มปกป้องสถาบันฯ
ทีมงานและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องจะนำข้อบกพร่องและข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นจากปัญหาข้างต้นไปปรับปรุงแก้ไขในการเคลื่อนไหวของ REDEM ต่อไป
โดยในการชุมนุมครั้งต่อไป REDEM ได้นำปัญหาเหล่านั้นมาวิเคราะห์และหาแนวทางแก้ไข ซึ่งนำมาสู่ Protocol ทั้ง 3 ข้อ ดังนี้
[ 1 ] การต่อสู้ที่ไม่เน้นตัวบุคคล : การเคลื่อนไหวในรูปแบบ Restart Democracy หรือ REDEM เป็นรูปแบบการเคลื่อนไหวที่มวลชนเป็นเจ้าของร่วมกัน ภายใต้เงื่อนไขของการไม่มีแกนนำ แต่มีการจัดการจากทีมงานที่อยู่หน้างาน รวมถึงการประสานการเคลื่อนไหวกับผู้ชุมนุมผ่าน Telegram และ Facebook
[ 2 ] หลีกเลี่ยงความรุนแรง แต่พร้อมปกป้องตนเองและผู้ชุมนุมคนอื่นหากเกิดอันตราย : เพื่อหลีกเลี่ยงความรุนแรงโดยไม่จำเป็นและการฉวยโอกาสใช้ความรุนแรงจากรัฐ การชุมนุมของ REDEM จะไม่มีการใช้ความรุนแรง อย่างไรก็ตามเราไม่ปิดโอกาสที่จะปกป้องตนเองและมวลชนจากการใช้ความรุนแรงโดยฝ่ายรัฐ
[ 3 ] ยืนยัน 3 ข้อเรียกร้อง : จำกัดอำนาจสถาบันกษัตริย์ lll ขับไล่ทหารออกจากการเมือง lll ทำลายทุนผูกขาด ลดความเหลื่อมล้ำด้วยรัฐสวัสดิการถ้วนหน้า
หากต้องการร่วมต่อสู้และร่วมโหวตการนัดหมายที่ใกล้จะมาถึงของ REDEM โปรดเข้ากลุ่มเทเลแกรม https://t.me/joinchat/HPzZbJp0emljMGU1

#REDEM