วันจันทร์, สิงหาคม 31, 2563

ชุมนุมวิชาการ #ไทยภักดี นี่ถอดแบบ กปปส.ทั้งดุ้น


วนกลับมาแล้วเร็วจัง เพิ่ง ๗ ปี บรรยากาศเป่านกหวีดปิดกรุงเทพฯ กรวยมหาภัย และ (อาจมี) มือปืนป็อปคอร์นกลับมาใหม่ จากการจัดม็อบ (ทางวิชาการ ฮ่าฮ่า) โดย นพ.วรงค์ เดชวิกรม คนที่เอาดีทางการเมืองไม่ได้ ริเอาร้ายทางป่วนเมืองแบบ 
ลุงกำนัน ในอดีต

การชุมนุม #ไทยภักดี ที่สนามกีฬาเวสต์ของ กทม.มีรถทัวร์ขนคนจากต่างจังหวัดเข้ามาร่วมประมาณ (หัวละ) ๑,๒๐๐ (บาท) ที่นั่งรักษาระยะห่าง ๑ เมตรกลางฟลอร์ราว ๓๐๐ บนอัศจรรย์บางด้านหนาบางด้านบาง บางด้านโหรงเหรง

ตีเสียว่าสี่ซ้าห้าร้อย รวมแล้ว ๗-๘ ร้อยมากกว่าที่ Jerry Harmer @Coalporter ผู้สี่ข่าวเอพีประเมินกันไว้เกือบเท่าตัว แต่น้อยกว่าที่ผู้จัดประกาศผลคำนวณจากการที่มีของชำร่วยแจก ๔ พันชิ้น และคาดเดาว่ามีคนหลุดเข้างานไม่ผ่านการสกรีนอีกจำนวนหนึ่ง รวบยอดได้ ๕ พัน


ที่ต้องไล่เลียงตัวเลขเป็นวรรคเป็นเวรเพราะหมอวรงค์ยกเอามายืนยัน ว่าครั้งนี้มาสู้กับคู่แข่ง “มาด้วยหัวใจ มาด้วยอุดมการณ์” มาท้าทาย “ลุกขึ้นยืนชูธงชาติไทย” ทีแรกไม่รู้สู้กับชาติไหน ตอนท้ายถึงอ๋อ เมื่อ อุ๊ หฤทัย ม่วงบุญศรี ขึ้นปราศรัย

“เราต้องการปกป้องชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เพื่อเป็นการส่งสัญญาณไปถึงทุกคนไม่ว่าจะในประเทศนี้และคนที่อยู่ต่างประเทศที่พยายามที่จะปลูกปั่นสร้างกระแสใส่ร้ายโจมตีประเทศไทย” หล่อนพาดพิง น้องๆ นักเรียนนักศึกษาที่ออกมาชุมนุมชูสามนิ้วกันไม่เว้นแต่ละวัน

กรณี คนอยู่ต่างประเทศ นี่นางม่วงบุญศรีคงไปเก็บเฟคนิวส์มาจากเพจ ‘Thai Vision’ ที่จัดทำ ผังล้มเจ้า เวอร์ชั่น ๒๐๒๐ ออกมา มีทั้ง จอร์จ ซอรอส เอ็นอีดี (มูลนิธิเพื่อประชาธิปไตย) ฟรีดอมเฮ้าส์ แอมเนสตี้ ฮิวแมนไร้ท์ว้อทช์ และ เน็ตฟลิก(อีกฮา)

“ขอให้น้องๆ ตั้งสติค่อยๆ เรียนรู้แล้วหันมาร่วมกันสร้างชาติ...น้องๆ เหล่านั้นไม่ได้รับรู้ถึงบริบทการเมืองของไทย เขาขาดช่วงขาดตอนในการเรียนรู้ประวัติศาสตร์การต่อสู้กับอำนาจระบอบเผด็จการรัฐสภา” อันนี้ อุ๊ ยกตัวอย่างคนอเมริกันเคยเรียกร้องให้ทหารยึดอำนาจ (แบบไทย)

“เมื่อไม่นานมานี้วุฒิสมาชิก นางอลิซาเบธ วอร์เรน ของสหรัฐได้ปราศรัยเกี่ยวกับประเทศไทย” นางร่ายต่อ “ประเทศไทยไม่ได้อยู่ได้เพราะมีประชาธิปไตย ประเทศไทยไม่ได้อยู่ได้เพราะมีรัฐธรรมนูญ ประเทศไทยไม่ได้อยู่ได้เพราะมีกฎหมาย

แต่ประเทศไทยอยู่ได้เพราะมีพลเมือง ที่ดีไม่ดูดายอย่างพวก กปปส. พวกเป่านกหวีด (แต่ทำไม ไม่ใช่ #ประชาชนปลดแอก) “ดาราศิลปินนักร้องที่ออกมาเคลื่อนไหวต่อสู้กับ กปปส.นั่นคือการต่อสู้กับการทุจริตคอรัปชั่นคนทั้งโลกเขายังยอมรับ” อุ๊เพ้อ


เธอว์น่าจะไม่รู้ตัวว่าได้พูดอะไรออกไปบ้างตามธรรมชาติของโรคเรื้อรังที่เรียกว่า สลิ่มในเมื่อสิ่งท่พุดมาเหล่านั้น ผิดทั้งเพไม่ว่าจะเรื่องคนอเมริกันเรียกร้องรัฐประหาร หรือที่ สว.วอเร็น บอกคนไทยต่อต้านคอรัปชั่นเข้มแข็ง

Sunai @sunaibkk ยืนยันได้ว่าสิ่งที่หลุดจากปากหฤทัยเมื่อวานนี้ (๓๐ สิงหา) “เฟคนิวส์! วุฒิสมาชิก Elizabeth Warren แห่งพรรคเดโมแครตของอเมริกาไม่เคยพูดถึงการเมืองไทยอย่างที่อุ๊ หฤทัยอ้างเป็นตุเป็นตะในคำปราศรัยบนเวที #ไทยภักดี

ร้ายไปกว่านั้น อุ๊ก้าวล้ำสิทธิและเสรีภาพของคนอื่นชนิด หมิ่นประมาทตรงตามนิยามของกฎหมาย “ถ้าบรรพบุรุษธนาธรนั่งเรือไปขึ้นท่าที่กัมพูชา ป่านนี้ครอบครัวคุณจะมีเงินร่ำรวยเป็นหมื่นล้านหรือไม่” นี่พาดพิงโดยดูหมิ่นทั้ง ปรีดี พนมยงค์ และธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ

“แล้วทำไมต้องมาทิ่มแทงสถาบันพระมหากษัตริย์ อันเป็นที่รักยิ่งของคนไทย” อุ๊ใช้คำ ทิ่มแทงอาจด้วยศรัทธาบอดแห่งตนที่ตีความการกล่าวถึงสถาบันกษัตริย์โดยธนาธรบางครั้ง และสำหรับ ปรีดี แล้วละก็ อุ๊ก็คือเต่าตุ่นตัวหนึ่ง

หากเรียนรู้ประวัติศาสตร์ให้แจ่มแจ้งเสียบ้าง อุ๊จะรู้ว่าแท้จริงแล้ว หลวงประดิษฐ์นั่นแหละทำให้ราชวงศ์อยู่รอด และเติบโตมโหฬารมาจนกระทั่งบัดนี้ มิฉะนั้นอาจจะมีชตากรรมแบบ นิโคลัส โรมานอฟ ก็ได้ แต่คนที่รอดมาได้นี่สิกลับทำร้ายปรีดีเกือบยับเยิน

อีก หมิ่น “นายบุญเกื้อ ปุสสเทโว อดีตผู้ช่วย ส.ส.พรรคภูมิใจไทย ขึ้นเวทีกล่าวตอนหนึ่ง” กล่าวหา “ปัจจุบันปัญหาที่เกิดขึ้นอยู่นี้เกิดจากนักศึกษาที่มีอาชีพเคลื่อนไหวการเมือง ต้องถามกลับว่าเจ้านายคือใคร รับเงินจากใครหรือไม่” เอ่ยชื่อ พรรณิการ์ วานิช โดยตรง

นอกจากสวมเสื้อเหลือง โพกแถบผ้าธงชาติแล้ว การชุมนุมของ #ไทยภักดี ยังมาแนว กปปส.อีกอย่างสองอย่าง หนึ่งนั้น “ลุงใส่เสื้อแดงกำลังกวาดถนนที่สนามไทยญี่ปุ่น โดนการ์ดของไทยภักดีทำร้าย” (@opol999) หัวร้างข้างแตก


ไหนหมอวรงค์บอก “เขากลัวเรามาก” แล้วใยพาลไปไล่ตีเขาก่อน ตีคนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ แบบเดียวกับการ์ด สมีฟรีด้อมตีคนจนตายแล้วโยนลงคลอง ที่น่ากลัวกว่านั้น ตอนนี้มีการปลุกกระแสใช้นามสกุลเดียวกันแบบ รักในหลวงเมื่อก่อน

พวกนามสกุล ไทยภักดี ทั้งหลายในเวลานี้เปลี่ยนมารักเยอรมนีแล้วเรอะ

(http://www.thaipost.net/main/detail/75968, https://www.matichon.co.th/politics/news_2328743 และ https://www.matichon.co.th/politics/news_2328654) 

มาแล้วจ้า ม็อบปลดแอ็ก save nation


 
หมอวรงค์ยืนยันกลุ่ม “ไทยภักดี” ไม่ใช่ “ม็อบ” แต่ทำกิจกรรมกึ่งวิชาการ
.
12 วันหลังเปิดตัวองค์กรกลางในการรวบรวมประชาชนผู้ภักดีต่อชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ภายใต้ชื่อ “ไทยภักดี” มีผู้ร่วมก่อตั้งรวม 27 คน นำโดย นพ. วรงค์ เดชกิจวิกรม บ่ายวันนี้ (30 ส.ค.) กลุ่มไทยภักดีได้นัดหมายสมาชิกมาพบปะกันที่ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย-ญี่ปุ่น) ดินแดง พร้อมเปิดรับสมาชิกกลุ่มเพิ่มเติม
.
หนึ่งในกิจกรรมสำคัญที่จะเกิดขึ้นคือการเปิดตัว “แนวร่วม” ทางอุดมการณ์ของกลุ่มไทยภักดีอย่างน้อย 6 กลุ่ม โดยพวกเขาเรียกตัวเองว่า กลุ่มประชาพิทักษ์ หัวหิน, กลุ่มเสื้อหลากสี, กลุ่มเพชรบุรีรวมใจปกป้องสถาบัน, ศูนย์กลางประสานงานนักศึกษาอาชีวะ ประชาชน ปกป้องสถาบัน (ศอปส.) ข้าแผ่นดินจอมสยาม และศิษย์เก่าอุเทนถวาย
.
ส่วนกิจกรรมอื่น ๆ บนเวที อาทิ การร่วมกันถวายความเคารพพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี, การรับชมสารคดีพระราชกรณียกิจของในหลวง ร. 10, การร่วมรับฟังบทเพลงพระราชนิพนธ์ของในหลวง ร. 9, การรับฟังคำปราศรัยของแกนนำกลุ่ม และปิดท้ายที่การประกาศอุดมการณ์ของกลุ่มโดย นพ. วรงค์
.
นพ. วรงค์กล่าวกับสื่อมวลชนว่า สถาบันพระมหากษัตริย์คือสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจ เกี่ยวร้อยสังคมไทยด้วยกัน วันนี้มีนักการเมืองกลุ่มหนึ่งมาเรียกร้องให้มีการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งทางกลุ่มมองว่าไม่ใช่ เพราะสถาบันฯ ไม่เคยเป็นอุปสรรคต่อการดูแลประชาชนของรัฐบาล พร้อมย้ำด้วยว่าไม่มีความคิดเรื่องม็อบ และไม่ใช่กลุ่มชุมนุม ดังนั้นเวทีของพวกเขาจะเป็นเวทีกึ่งวิชาการเพื่อให้ความรู้แก่ประชาชน
.
“เราไม่มีความคิดในเรื่องการที่จะทำให้เกิดการปะทะ เพราะการปะทะไม่ได้ประโยชน์ใด ๆ ทั้งสิ้นกับประเทศชาติ อาจมีคนบางกลุ่มหวังให้เกิดความรุนแรงแต่ยืนยันว่าพวกเราไม่มีเด็ดขาด การออกมาครั้งนี้ของกลุ่มไทยภักดีไม่ถือว่าเป็นการชุมนุม” นพ. วรงค์กล่าว
.
ประชาชนที่มาร่วมงานบางส่วนได้อัญเชิญพระบรมฉายาลักษณ์ ร่วมด้วยธงสัญลักษณ์ประจำพระองค์ และธงชาติไทย ผู้ร่วมงานส่วนใหญ่เลือกสวมใส่เสื้อสีเหลือง ขณะที่บรรดาผู้ก่อตั้งกลุ่มได้สวมใส่เสื้อสีขาวของกลุ่ม พร้อมใส่สายคล้องคอสีธงไตรรงค์เพื่อแสดงตัวในฐานะ “กรรมการ” 
.
ในช่วงที่กิจกรรมบนเวทีดำเนินไป มีเสียงปรบมือและเป่านกหวีดแทนการโห่ร้องยินดีดังขึ้นเป็นระยะ ๆ ทั้งนี้ “นกหวีด” และ “ธงชาติ” เคยถูกใช้เป็นสัญลักษณ์ในการเคลื่อนไหวทางการเมืองของกลุ่มที่เรียกตัวเองว่า กปปส. เพื่อขับไล่รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เมื่อปี 2556-2557 ก่อนที่การชุมนุมครั้งนั้นจะจบลงด้วยรัฐประหารปี 2557


Veera Somkwamkid
18h ·

หน่วยงานความมั่นคงของรัฐบาล ปล่อยให้มีการขนคนจากหลายจังหวัดเข้ากรุงเทพได้อย่างไร?
รัฐบาลหรือคนในรัฐบาลรู้เห็นเป็นใจใช่หรือไม่?
เปลี่ยนสถานที่ไปใช้สนามกีฬาที่ดินแดงของ กทม.
กรณีเช่นนี้ทำไมผู้ว่า กทม. จึงอำนวยความสะดวกให้อย่างดีและอย่างรวดเร็ว แสดงว่าต้องมีใครที่มีอำนาจมากถึงขนาดสั่งผู้ว่า กทม. ได้เช่นนี้
ที่สำคัญ ใครเป็นคนจ่ายเงินมหาศาล เพื่อใช้ขนคนมากมายจากหลายจังหวัดเข้ากรุง มุ่งสู่สนามกีฬาที่ดินแดง ทั้งค่ารถ ค่าจ้าง งานนี้ใช้เงินหลายสิบล้านบาท ลำพังหมอวรงค์ไม่มีปัญญาและความสามาถจะทำได้เช่นนี้ ใครรู้เบื้องลึกเบื้องหลังช่วยแจ้งให้ทราบด้วยครับ

#คนใต้ไม่อยู่ใต้ตีนเผด็จการ : รีรัน .. “ประโยชน์เพื่อนมนุษย์เป็นกิจที่หนึ่ง “ ม.อ. หาดใหญ่ จ.สงขลา



#คนใต้ไม่อยู่ใต้ตีนเผด็จการ

รีรัน .. “ประโยชน์เพื่อนมนุษย์เป็นกิจที่หนึ่ง “ ม.อ. หาดใหญ่ จ.สงขลา

ก้าวหน้า ผู้คน การเดินทาง

เวที “ประโยชน์เพื่อนมนุษย์เป็นกิจที่หนึ่ง “ วันนี้ เวลา 16.00-21.30 น. ณ ลาน bizzmall ม.อ. หาดใหญ่ จ.สงขลา 


ก้าวหน้าการเดินทางและผู้คน

สัมภาษณ์ผู้ไปร่วมงานการชุมนุมกลุ่ม"ไทยภักดี"



สัมภาษณ์ผู้ไปร่วมงานการชุมนุมกลุ่ม"ไทยภักดี"

Aug 29, 2020

ก้าวหน้า ผู้คน การเดินทาง

ภายในงานการชุมนุมกลุ่ม"ไทยภักดี" EasyYukhon ก้าวหน้าการเดินทางและผู้คน

ไทยภักดี ปกป้องพระมหากษัตริย์ พร้อม ๆ กับลดอำนาจทุนผูกขาด (แบบทักษิณ)




Thanapol Eawsakul
8h · 

ไทยภักดี ปกป้องพระมหากษัตริย์ พร้อม ๆ กับลดอำนาจทุกผูกขาด
....................
12 สิงหาคม 2563
ในหลวง พระราชินี โปรดเกล้าฯ คณะบุคคล เฝ้าฯ ถวายพระพรชัยมงคล
https://www.matichon.co.th/court-news/news_2304982
30 สิงหาคม 2563
ไทยภักดีประกาศอุดมการณ์ 5 ข้อ
1.ปกป้องสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2. สืบสานรากเหง้าเอกลักษณ์ อัตลักษณ์ความเป็นไทย
3.ลดอำนาจ ควบคุม ตรวจสอบทุนผูกขาด
4.เสริมสร้างความเท่าเทียมด้วยเทคโนโลยีทันสมัยในการประกอบอาชีพของทุกชนชั้น
และ 5 สร้างรากฐานความมั่งคั่งของชาติอย่างมั่นคงด้วยระบบเศรษฐกิจพึ่งพาตนเอง
พร้อมประกาศข้อเรียกร้อง 3 ข้อ คือ
1.ต้องไม่ยุบสภา
2. ดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดทุกกลุ่มที่จะช่วงสถาบัน
และ 3.ต้องไม่แก้รัฐธรรมนูญ 2560
กระหึ่ม! ชุมนุมใหญ่'ไทยภักดี'ประกาศ 5 จุดยืน-พ่วง 3 ข้อเรียกร้อง(ประมวลภาพ)
https://www.naewna.com/politic/515047

..
Chalermchai Thongsook
นับในรูป 21 พาน ถ้าพานละ 100 ล. เปนเงิน 2100 ล้าน?!!!

Sikan Uasamanjit
เนื่องจากในสมองของพวกเขา ทุนผูกขาด=ทักษิณ ยังไงล่ะคะ

อ.ปราชญ์ พูดเรื่องพรรคเพื่อไทย กับ loser mentality



ขอพูดเรื่องพรรคเพื่อไทยหน่อยครับ
ตามที่ผมเข้าใจ ขณะนี้ทุกพรรค (รวมทั้งพรรคร่วมรัฐบาล) เห็นร่วมกันว่าต้องแก้รัฐธรรมนูญเพื่อตั้ง สสร. ขึ้นมาร่างรัฐธรรมนูญใหม่ แต่มีประเด็นที่เห็นไม่ตรงกันอยู่ 2 เรื่องคือ
1) การตัดอำนาจ สว. ในการโหวตเลือกนายกฯ
2) การอนุญาตให้ สสร. ร่างรัฐธรรมนูญได้ทุกหมวด รวมทั้งหมวด 1 และหมวด 2
นักศึกษาและประชาชนที่ออกมาประท้วงยืนยันทั้ง (1) และ (2) ...พรรคก้าวไกลประกาศจุดยืนแล้วว่าเอาด้วยกับทั้ง (1) และ (2) ...วันก่อนพรรคเพื่อไทยบอกว่าไม่เอา (2) ผมก็ยังหวังว่าอย่างน้อยก็น่าจะเอาด้วยกับ (1) แต่ปรากฏว่าไม่ใช่ วันนี้เพื่อไทยไม่ยอมแม้แต่จะเอา (1)
ข้ออ้างของเพื่อไทยคือ ถ้าเสนอตัดอำนาจ สว. ในการโหวตนายกฯ ไป สว. จะไม่ยอมโหวตผ่านให้ แล้วข้อเสนอเรื่องตั้ง สสร. ก็จะโดนปัดตกไปด้วย
ผมคิดว่าอันนี้แย่ทั้งในแง่หลักการและในแง่กลยุทธ ...แง่หลักการคงไม่ต้องพูดมาก เพราะทุกคนรู้ดีว่า สว. ไร้ความชอบธรรมโดยสิ้นเชิง แต่กลับมีอำนาจมาก รวมถึงอำนาจในการเลือกนายกฯ
ในแง่กลยุทธ ไม่ว่าจะประเด็นตั้ง สสร. หรือประเด็นตัดอำนาจ สว. ยังไงก็ไม่มีทางที่ สว. จะเป็นพ่อพระ ยินดีโหวตผ่านให้ด้วยจิตกุศล แต่ประชาชนและพรรคการเมืองต้องช่วยกันบีบ สว. ให้ยอมโหวตผ่านให้ ...สามเดือนที่แล้วก่อนมีม็อบปลดแอก ใครจะคิดว่าฝ่ายรัฐบาล (ซึ่งคุม สว.) จะยอมให้ตั้ง สสร.​ ได้ง่ายๆ? วันนี้เขาต้องยอม เพราะเจอแรงบีบจากประชาชน
ในเมื่อตอนนี้โมเมนตัมยังอยู่กับฝ่ายประชาชน ทำไมพรรคเพื่อไทยถึงไม่ร่วมมือกับพรรคก้าวไกลและประชาชนในการบีบต่อ? ทำไมถึงมักน้อย เจียมเนื้อเจียมตัว ทั้งที่ฝ่ายประชาชนยังเป็นฝ่ายบุกและมีแต้มต่อ?
ผมคิดว่ากลยุทธ์ที่ดีที่สุดตอนนี้ไม่ใช่การเรียกร้องแบบเจียมเนื้อเจียมตัว แต่คือการโยนทางสองแพร่งให้ฝ่ายนั้นต้องเลือก ระหว่าง (1) ยอมตั้ง สสร.+ลดอำนาจ สว. ไปด้วยพร้อมกัน หรือ (2) โหวตคว่ำข้อเสนอทั้งคู่ แล้วเจอม็อบลุกฮือ
ผมว่าความคิดแบบเจียมเนื้อเจียมตัว กล้าๆ กลัวๆ ของเพื่อไทย มาจากการเป็นผู้แพ้มานานกว่า 10 ปี ...ที่ผ่านมาเพื่อไทยต้องเดินตามกติกาที่ฝ่ายตรงข้ามวางมาให้ ต้องคอยระมัดระวังไม่ทำอะไรที่ขัดใจฝ่ายตรงข้ามเกินไป (เดี๋ยวจะโดนยุบพรรค เดี๋ยวจะโดนยัดคดี) ทำได้ดีที่สุดคือเก็บคะแนนเล็กๆ น้อยๆ ตามโอกาส
นี่คือ loser mentality ซึ่งไม่เหมาะกับสถานการณ์ที่เป็นฝ่ายบุก ...ตอนนี้ประชาชนเป็นฝ่ายบุก ไม่ใช่ฝ่ายตั้งรับครับ
บางคน (เช่น พี่แขกคำผกา) พยายาม justify การตัดสินใจของเพื่อไทย โดยบอกว่ามันเป็นการตัดสินใจที่เน้น practicality แทนที่จะเน้นหลักการ หรือ ideal ...แต่ในความเป็นจริง practicality นั้นไม่ได้ตรงข้ามกับ idealism เพราะในบางสถานการณ์การยืนยันในหลักการที่ถูกต้อง(ไปก่อน) นั่นแหละคือกลยุทธ์ที่ practical ที่สุด
ผมเชื่อว่าสถานการณ์ตอนนี้เป็นอย่างนั้น ...ถ้าอีก 2-3 เดือนสถานการณ์เปลี่ยน ค่อยยอมผ่อนตอนนั้นก็ยังไม่สาย

...


Atukkit Sawangsuk
3h ·

เขียนอัดเพื่อไทยไว้วันก่อน (ส่งต้นฉบับวันพฤหัส) ยังไม่ทันโพสต์ เห็นข่าวว่า พรรคร่วมฝ่ายค้านจะพลิกกลับมาช่วยลงชื่อในญัตติปิดสวิทช์ ส.ว.ของพรรคก้าวไกล
เพียงแต่เพื่อไทยยังร่วมลงชื่อไม่ได้ เพราะพรรคมีมติไปแล้ว ต้องรอขอมติใหม่
:
อ้าว ไหนว่าเพื่อไทย practicality เลือกทำเฉพาะที่ทำได้จริง รบแพ้จะรบทำไม ฯลฯ
อ้าว ไหนวัฒนาอธิบายเป็นคุ้งเป็นแคว ว่าลงชื่อได้ญัตติเดียว ไม่งั้นจะเหมืิอนฟ้องซ้ำ (เพิ่งเคยได้ยิน ไม่เห็นใครเคยอ้าง)
คือถ้าเพื่อไทยเปลี่ยนใจก็เป็นเรื่องดี แต่ขณะเดียวกันก็เป็นเรื่องขำ กลืนคำพูดหมด
ยังไม่รู้ว่าปล่อยข่าวลดกระแสหรือไม่ รอดูว่าจะลงชื่อจริงไหม
:
1.ตัวเองก็เป็นคนรุ่นเก่า เห็นคนรุ่นใหม่หัวแถวไปไกล บางทีก็ห่วงพะวงว่าจะล้ำเกิน ทำไมไปด่าเพื่อไทย
อ้าว แล้วทำไม FC เพื่อไทยยังหยิบเอา สศจ.ปวิน มาด่าก้าวไกล "ของปลอม" ทั้งที่พรรคตัวเองอยู่ข้างหลังนู้น
คือถ้าเราจัดขบวน ก็มีกลุ่มแถวหน้า "ปฏิรูปสถาบัน" "รอแยลลิสต์มาร์เก็ตเพลซ"
ถัดมาก็เป็นพวกหนุนเนื่อง เอาด้วย เห็นด้วยในเนื้อหา แต่ตอนแรกอาจจะพะวงว่า ติดเพดานขนาดนี้จะส่งผลกระทบหรือเปล่า
กระนั้น เอาก็เอาวะ คือมาถึงขั้นนี้แล้ว ทิ้งกันไม่ได้
แต่เพื่อไทยนี่อยู่หลังสุด เหมือนผู้ใหญ่เดินตามหลัง เห็นใบไม้ไหวก็สะดุ้งผวา กลัวโน่นกลัวนี่ไปหมด
คือกระแสแบบนี้ ไม่ได้เรียกร้องให้พรรคการเมืองนำหน้าหรอก แค่ตามให้ทัน ให้สนับสนุน ปกป้อง ช่วยสร้างโอกาส
:
2.พูดอย่างเห็นใจ ต้องยกของ อ.ปราชญ์ ปัญจคุณาธร ที่ว่า "ความคิดแบบเจียมเนื้อเจียมตัว กล้าๆ กลัวๆ ของเพื่อไทย มาจากการเป็นผู้แพ้มานานกว่า 10 ปี ...ที่ผ่านมาเพื่อไทยต้องเดินตามกติกาที่ฝ่ายตรงข้ามวางมาให้ ต้องคอยระมัดระวังไม่ทำอะไรที่ขัดใจฝ่ายตรงข้ามเกินไป (เดี๋ยวจะโดนยุบพรรค เดี๋ยวจะโดนยัดคดี) ทำได้ดีที่สุดคือเก็บคะแนนเล็กๆ น้อยๆ ตามโอกาส
นี่คือ loser mentality ซึ่งไม่เหมาะกับสถานการณ์ที่เป็นฝ่ายบุก ...ตอนนี้ประชาชนเป็นฝ่ายบุก ไม่ใช่ฝ่ายตั้งรับ"
https://www.facebook.com/prach.pan/posts/10164018055910608
loser mentality ที่น่าเห็นใจนี้ทำให้เพื่อไทยไม่ใช่แค่ไม่กล้าเสี่ยงแม้แต่น้อย แต่ยังตามหลังมวลชนไกลลิบ เพราะรู้สึกเสมอว่าตัวเองจะซวย จะโดนเล่นงาน ต้องตามเขาไปห่างๆ
อันนี้ผมไม่ค่อยเชื่อเรื่อง "ดีล" ในแง่จูบปาก แต่ "ดีล" ของจริงคือการเอาคดีความมาบีบคอ เป็นชะนัก ซ่ามากก็โดนหนัก
:
3.ท่าทีเก้ๆกังๆ แบบนี้ ทำให้เพื่อไทยเสียมวลชนให้อนาคตใหม่-ก้าวไกล
แล้วแทนที่จะปรับตัวเพื่อแย่งชิง กลับโกรธแล้วขัดขา
มติพรรคที่ออกมาวันนั้น สาเหตุหลักคือยัวะโรม เรื่องที่โรมตั้งปุจฉาว่า ยื่นอภิปรายไม่ลงมติให้รัฐบาลฟอกตัวหรือเปล่า
ส.ส.เพื่อไทยเรียงหน้าออกมาสวนแต่เช้า
เพื่อไทยแถลงข่าว 99.99% ไม่ช่วย แสดงความสะใจ ลืมนึกไปว่ามันเป็นความต้องการของประชาชน ไม่ใช่แค่ก้าวไกล
มันเป็นปัญหาขบกันระหว่างพรรค แน่ละ โรมไม่ควรพูด แต่เพื่อไทยกลับไปเอาญัตติปิดสวิทช์ สว. มาเป็นเครื่องมือตอบโต้
แล้วก็ต้องมาแถลงอธิบายอีกที ร่ายยาว โดยไม่มีประโยชน์อะไร
สิ่งที่ประชาชนอยากฟังคือจะหวนไปลงมติหนุนไหม
กลับไปแก้ต่างยาวยืดอ้างว่าทีแรกก้าวไกลก็เห็นด้วยกับร่างแก้ไข 256 ห้ามแก้หมวด 1-2
ฝั่งก้าวไกลไม่ตอบโต้ คงเพราะอยากสงบศึก
แต่ที่ว่า "เอาดีใส่ตัวเอาชั่วใส่คนอื่น" ให้เพื่อไทยเอาดีบ้าง แบบเสนอแก้ รธน.ทั้งฉบับ ไม่จำกัดหมวด 1-2 เพื่อไทยก็ไม่กล้านะ
:
4.เพื่อไทยควรสรุปบทเรียนว่า ทุกครั้งที่มีปัญหากับอนาคตใหม่-ก้าวไกล (ตั้งแต่อภิปรายไม่ไว้วางใจจนรอบนี)
ยังไม่ต้องชี้ว่าใครถูกใครผิด โดยปรากฏการณ์คือเพื่อไทยเสียท่าตลอด
แม้ว่าจะทำให้ FC เหนียวแน่นยิ่งหมั่นไส้ก้าวไกลฝังใจ
แต่ในวงกว้าง มวลชนก็ถอยห่างเปลี่ยนใจไปเรื่อยๆ
โดยยังไม่ต้องพูดถึงคนรุ่นใหม่ ก้าวไกลกวาดหมด (เว้นแต่เกิดพรรคคนรุ่นใหม่ที่ล้ำกว่าก้าวไกล)
แถมการบ้านข้อใหญ่ สมัยหน้าเพื่อไทยจะยกความได้เปรียบมีขุนพลมากประสบการณ์ ก็น่าจะไม่ได้แล้ว
ขุนพลเพื่อไทยเหลือแต่รุ่นใหญ่ๆ สังขารไม่ให้ ชัชชาติ จาตุรนต์ ภูมิธรรม ก็ไม่อยู่
ส.ส.เขตในสภาก็โดดเด่นไม่กี่คน ไม่มีนักบริหารเลือดใหม่ ถ้าไม่เตรียมหาคนจะยิ่งลำบากไปใหญ่

คลิป The Reporters สด! กิจกรรม #สมุทรปราการดีดนิ้วไล่เผด็จการ ณ หอชมเมืองสมุทรปราการ




iLaw
8h ·

อัพเดทเวลา 21.52 น.
30 สิงหาคม 2563 เวลา 16.00 น. ที่หอชมเมืองจังหวัดสมุทปราการ เพจเฟซบุ๊ก #สมุทรปราการดีดนิ้วไล่เผด็จการ นัดทำกิจกรรม ก่อนหน้านี้วันที่ 21 สิงหาคม 2563 ผู้จัดกิจกรรมขอใช้สถานที่หอชมเมืองกับทางผู้ว่าราชการจังหวัดแต่ไม่มีหนังสือตอบกลับ ต่อมาวันที่ 25 สิงหาคม 2563 พบมีการล้อมรั้วพื้นที่หน้าหอชมเมือง
สำหรับกิจกรรมนี้มีข้อเรียกร้องและจุดยืนตามคณะประชาชนปลดแอก และความฝันที่จะปฏิรูปสถาบันฯ
ลำดับเหตุการณ์ดังนี้
13.00 น. ตำรวจนอกเครื่องแบบประจำการรอบบริเวณหอชมเมือง
14.00 น. ผู้จัดกิจกรรมเข้าเตรียมเวที
14.23 น. ตำรวจในเครื่องแบบทยอยรวมตัวกันที่สภ.เมืองสมุทรปราการ
14.31 น. บริเวณใต้ถุนสภ.เมืองสมุทรปราการ ตำรวจในเครื่องแบบไม่น้อยกว่า 100 นาย ตั้งแถวรับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชา เนื้อหาเป็นการชี้แจงแนวปฏิบัติในการชุมนุมวันนี้ เช่น หากมีความพยายามใช้ความรุนแรงให้ถ่ายรูปไว้ ไม่ให้ใช้กำลังและโต้เถียงกับผู้ชุมนุมและรักษาความสงบเรียบร้อย
14.54 น. ตำรวจขี่รถจักรยานยนต์วนรอบหอชมเมือง
15.15 น. บีทีเอสปิดทางลงศาลากลางจังหวัด เมื่อสอบถามเจ้าหน้าที่ระบุว่า ไม่ทราบสาเหตุที่ปิด แต่เมื่อวานนี้ทางออกดังกล่าวเปิดใช้ปกติ ขณะที่ด้านบริเวณถนนสุทธิภิรมย์ มีตำรวจในเครื่องแบบประจำการไม่น้อยกว่า 10 นาย
15.22 น. พบกล้องวงจรปิดชั่วคราว 2 ตัวตั้งอยู่ภายในหอชมเมืองที่ไม่เปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้า โดยตัวกล้องหันมาทางพื้นที่กิจกรรม
15.30 น. ตำรวจ 6 นายตั้งกรวยกั้นไม่ให้รถเข้ามาบริเวณถนนด้านข้างหอชมเมืองติดกับสำนักงานพัฒนาชุมชน จ.สมุทรปราการ
15.45 น. ผู้กำกับการสภ.เมืองสมุทรปราการแจ้งกับผู้สื่อข่าวว่า อีกสักครู่จะประกาศข้อกฎหมายและคำสั่งให้เลิกการชุมนุม
15.47 น. ตำรวจในเครื่องแบบ 5 นายเดินทางเข้ามายังพื้นที่กิจกรรมเพื่อรอเจรจากับผู้จัดงาน
16.09 น. ตำรวจแจ้งว่า การชุมนุมวันนี้ยังไม่ได้แจ้งการชุมนุม ซึ่งเสี่ยงต่อการทำผิดกฎหมาย ย้ำว่าหากมีข้อสงสัยอะไร สามารถเข้าไปพูดคุยซักถามได้ที่ สภ. จากนั้นจึงเปิดเทปบันทึกเสียงที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับกฎหมายการชุมนุม
เวลาเดียวกันรถกระบะไม่มีป้ายระบุว่า เป็นรถของสังกัดใด หลังกระบะมีกล้องวงจรปิด 2 ตัวจากสภ.บางเสาธงเข้ามาติดตั้งหน้าสำนักงานพัฒนาชุมชน จ.สมุทรปราการและหันไปทางเวทีกิจกรรม
16.18 น. ตำรวจแจ้งให้ยุติการชุมนุม ไมค์ ภาณุพงศ์ จาดนอกกล่าวว่า เจ้าหน้าที่ไม่มีสิทธิห้ามจัดชุมนุม ไม่ยุติธรรมกับนักกิจกรรม และทำการเผาเอกสารของตำรวจ และกล่าวว่าจะจัดการชุมนุมต่อ หากตำรวจอยากรื้อเวทีก็รื้อเลย
16.24 น. ตัวแทนประกาศบนเวทีว่า จะจัดกิจกรรมต่อไป เรียกร้องให้ตำรวจอย่ารับใช้เผด็จการและ #หยุดคุกคามประชาชน โดยมีตำรวจในเครื่องแบบและเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบไม่น้อยกว่า 50 นายอยู่ในพื้นที่กิจกรรม โดยตำรวจในเครื่องแบบที่รับคำสั่งเมื่อช่วง 14.31 น. กระจายตามจุดต่างๆนอกพื้นที่กิจกรรมเช่น ทางเข้าพื้นที่กิจกรรม, บีทีเอสปากน้ำและตามแยกถนนต่างๆ
16.30 น. พบบุคคลไม่ทราบฝ่าย 2 คนยืนอยู่บนดาดฟ้าสำนักงานพัฒนาชุมชน จ.สมุทรปราการ ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กันกับลานจัดกิจกรรม
17.03 น. ผู้สังเกตการณ์สอบถามตำรวจในเครื่องแบบเรื่องคำสั่งให้ยกเลิกการชุมนุม ตำรวจระบุว่า เหตุที่ต้องออกคำสั่งเนื่องจากผู้จัดกิจกรรมไม่ได้แจ้งการชุมนุมตามพ.ร.บ.ชุมนุมฯ หากไม่แจ้งให้ยกเลิกจะเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ วันนี้ตำรวจแค่จะมาดูแลความปลอดภัยเท่านั้น ด้านแกนนำระบุว่า วันนี้เรามาชุมนุมด้วยความสงบและเพื่อแสดงจุดยืนเท่านั้น รวมทั้งขอบคุณตำรวจที่มาดูแลความปลอดภัยให้
17.31 น. จุฑาทิพย์ ศิริขันธ์ ประธานสหภาพนักเรียน นิสิต นักศึกษาแห่งประเทศไทยขึ้นปราศรัย ก่อนเข้าเนื้อหาประกาศว่า ตอนนี้ตนยังมีหมายจับในคดีการชุมนุมของเยาวชนปลดแอกเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2563 ตอนนี้รอให้ตำรวจมาจับกุมอยู่ โดยเป็นการประกาศบนเวทีท่ามกลางตำรวจประจำการรอบบริเวณหลายนาย
18.12 น. จุฑาทิพย์เดินทางออกนอกพื้นที่ โดยเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบคอยถ่ายภาพไว้ตลอด จากนั้นมีรถกระบะและรถจักรยานยนต์ขับตามไป
18.17 ผู้ปราศรัยกล่าวว่า มีรถตำรวจติดตามจุฑาทิพย์ไปและกล่าวขอให้ผู้ชุมนุมช่วยเป็นเกราะป้องกันให้นักกิจกรรมด้วย
18.21 น. จุฑาทิพย์กลับมาในพื้นที่อีกครั้ง โดยทีมงานตัดสินใจจัดรถไปส่ง
18.40 น. พบรถกระบะที่ขับติดตามจุฑาทิพย์กลับมาจอดติดเครื่องที่บริเวณลานจอดรถหอชมเมือง
18.43 น. หอชมเมืองไม่เปิดไฟส่องสว่างตามปกติ
18.59 น. ผู้ปราศรัยชักชวนผู้ร่วมกิจกรรมเปิดแฟลชและยืนสงบนิ่งเพื่อร่วมอาลัยให้ผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ 6 ตุลา เป็นเวลา 1.12 นาที
19.00 น. พริษฐ์ ชิวารักษ์ ขึ้นปราศรัยกล่าวว่า ที่ผ่านมาเกิดการคุกคามประชาชนผ่านการใช้ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และกฎหมายอื่นเพื่อปิดปากประชาชนมานาน ซึ่งถือเป็นการปิดกั้นเสรีภาพการแสดงออกของประชาชน
19.13 น. พื้นที่กิจกรรมค่อนข้างมืด มีเพียงไฟของผู้จัดกิจกรรม โดยวันนี้หอชมเมืองไม่เปิดไฟและไฟริมทางเปิดเพียง 1 ดวงเท่านั้นคือบริเวณหน้าเวที ขณะที่ดวงถัดมาใกล้ถนนใหญ่ไม่เปิด ไม่แน่ชัดว่า ไฟดวงดังกล่าวไม่เปิดมาตั้งแต่วันไหน
19.49 น. พริษฐ์ประกาศรวมตัวชุมนุมใหญ่ 19 กันยายนนี้
19.50 น. ไมค์ ภาณุพงศ์ จาดนอกขึ้นปราศรัยพูดถึงปัญหาสิ่งแวดล้อม และเจาะจงไปถึงเรื่องเขื่อนเหมืองตะกั่ว จังหวัดพัทลุง ที่ตอนนี้ชาวบ้านมาชุมนุมเรียกร้องให้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีลงนามหยุดเขื่อนเหมืองตะกั่วที่หน้ากระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมทั้งประกาศจะไปร่วมกิจกรรมกับกลุ่มดังกล่าวในวันพรุ่งนี้
20.00 น. ผู้สังเกตการณ์ได้รับแจ้งว่า มีชายเสื้อเขียวคนหนึ่งยืนจ้องไมค์ ภาณุพงศ์อยู่ด้านหลังเวที ไม่เดินไปไหน
20.48 น. ทีมผู้จัดกิจกรรมแจ้งต่อตำรวจว่า ชายเสื้อเขียวมาจ้องไมค์ ภาณุพงศ์นานแล้ว ทำให้ตำรวจนอกเครื่องแบบประมาณ 10 นายคอยเฝ้าสังเกตการณ์ชายรายดังกล่าว
21.19 น. แกนนำขอให้ทุกคนขึ้นชู 3 นิ้วร่วมกันบนเวที และร่วมร้องเพลง Do you hear the people sing? จากนั้นตัวแทนกลุ่ม 24 มิถุนาฯ ออกมาเปิดเผยการทุจริตที่เกิดขึ้นใน จ.สมุทรปราการ และเสร็จสิ้นกิจกรรม
21.29 น. ตำรวจนอกเครื่องแบบประมาณ 10 นาย พยายามผลักดันชายเสื้อเขียวออกจากพื้นที่ ชายคนดังกล่าวตกใจและร้องออกมาว่า ตำรวจช่วยด้วย จากนั้นตำรวจนอกเครื่องแบบและผู้ชุมนุมได้ล้อมชายคนกล่าวไว้ ผู้ชุมนุมคนหนึ่งขอตรวจสอบกระเป๋าและเสื้อผ้าว่า มีสิ่งเป็นอันตรายใดติดตัวมาหรือไม่ แต่ไม่พบ ตำรวจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเช่น ชื่อ สกุลและอายุ ขณะที่ผู้ชุมนุมขอให้ตำรวจไปสอบสวนที่อื่น เพื่อไม่ให้เกิดความวุ่นวาย
21.38 น. ชายเสื้อเขียวเดินออกจากพื้นที่ โดยมีตำรวจในเครื่องแบบ 3 นายเดินตาม และตำรวจนอกเครื่องแบบ 10 คนเดินตามไป
กันต์ แสงทอง

ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์ “ความรู้สึกแห่งยุคสมัย” : อวสานของอุดมการณ์ อนุรักษนิยมเผด็จการ


ที่มา มติชนสุดสัปดาห์

ม็อบเยาวชนปลดแอกนำสังคมไทยมาสู่สถานการณ์ใหม่ที่ไม่มีใครเคยพบเคยเจอ

คำปราศรัยที่ดุเดือดของทนายอานนท์ นำภา ในวันที่ 3 สิงหาคม นำไปสู่คำปราศรัยที่ดุเดือดยิ่งกว่าในการชุมนุมอื่นๆ

ซึ่งยิ่งนานก็ยิ่งประจักษ์ชัดว่าความดุเดือดของคำปราศรัยเป็นผลจากความดุเดือดยิ่งกว่าของผู้ชุมนุม

เดือนกว่าๆ ที่เยาวชนปลดแอกปรากฏตัวคือเดือนกว่าๆ แห่งการเผยแพร่ของพลังต้านเผด็จการที่อัดแน่นในสังคมไทยมาหลายปี การชุมนุมที่เกิดขึ้นทุกวันคือหลักฐานว่ากลุ่มปลดแอกไม่มีศูนย์กลาง ไม่มีแกนนำเป็นบุคคลหรือกลุ่มแค่กลุ่มเดียว และเป็นม็อบที่คนมีศักยภาพเป็นแกนนำมากเหลือเกิน

รัฐบาลเข้าใจว่าคณะเยาวชนปลดแอกและประชาชนปลดแอกคือแกนนำชุมนุม ผลก็คือการยัดคดีคนกลุ่มนี้นับไม่ถ้วน

แต่เดือนกว่าๆ ที่ทำแบบนี้กลับทำให้การชุมนุมขยายตัวขึ้นบนเนื้อหาที่ผู้ชุมนุมเรียกว่า “ยกเพดาน” ขึ้น

จนอาจพูดได้ว่าการดำเนินคดีกับคนจัดชุมนุมไม่มีผลต่อการชุมนุมเลย

ไม่ถึงสองเดือนหลังจากการชุมนุมของเยาวชนปลดแอกครั้งแรกที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยวันที่ 18 กรกฎาคม พื้นที่ในการชุมนุมได้ขยายตัวสู่โรงเรียนมัธยม, สถานีรถไฟฟ้า, ห้องเรียน และกระทั่งเตียงนอน หากถือว่าความเคลื่อนไหวอย่างการดันแฮชแท็กต่างๆ เปรียบได้กับการชุมนุมออนไลน์

สามข้อเรียกร้องของกลุ่มปลดแอกมีหัวใจที่การต่อต้านเผด็จการ และด้วยการขยายตัวของการชุมนุมทั้งในโลกออนไลน์และออฟไลน์ พื้นที่ของการต่อต้านเผด็จการได้ขยายตัวจากถนนราชดำเนินไปสู่การต่อต้านในชีวิตประจำวัน

จนอยู่ที่ไหนก็แสดงออกว่าสนับสนุนประชาธิปไตยได้ตลอดเวลา

ตรงข้ามกับความเข้าใจผิดของรัฐบาลว่า “ปลดแอก” คือ “ขบวนการ” ที่มี “แกนนำ” ความเป็นจริงก็คือปลดแอกเป็น “ความเคลื่อนไหว” ที่ทุกองคาพยพทำงานอย่างเป็นไปเอง ชี้นำไม่ได้ เป็นเอกเทศ แต่เกาะเกี่ยวกันตามธรรมชาติ

เพราะทุกส่วนแบ่งปัน “ความรู้สึกแห่งยุคสมัย” บางอย่างร่วมกัน

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หลอกกองเชียร์ตัวเองโดยด้อยค่าว่าผู้ชุมนุมหรือแสดงออกด้วยวิธีต่างๆ ถูกแกนนำหลอกลวง

แต่ที่จริงการยกเพดานที่ขยายตัวท่ามกลางวงล้อมของคดีความและการคุกคามแสดงถึง “ความรู้สึกแห่งยุคสมัย” ที่สั่นคลอนอุดมการณ์ซึ่งเป็นรากฐานของการยึดอำนาจปี 2557 ตลอดมา

ไม่มีความจำเป็นต้องระบุว่าอุดมการณ์ที่ พล.อ.ประยุทธ์อ้างในวันยึดอำนาจคืออะไร

แต่ที่พูดได้แน่ๆ คือความพยายามใช้อุดมการณ์ล้างสมองประชาชนล้มเหลวแทบทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นค่านิยม 12 ประการที่ พล.อ.ประยุทธ์ใช้ภาษีประชาชนปลุกปั่น หรือแม้แต่ชะตากรรมของ “เบส อรพิมพ์”

หนึ่งในกิจกรรมต้านเผด็จการที่ขยายตัวรวดเร็วที่สุดคือการชูสามนิ้ว ร้องเพลงชาติ และผูกโบขาวของนักเรียนมัธยม

เพราะทันทีที่การชุมนุมของกลุ่มประชาชนปลดแอกบนถนนราชดำเนินจบลงในวันที่ 16 สิงหาคม ปฏิบัติการชูสามนิ้วร้องเพลงชาติและผูกโบขาวทั่วประเทศก็เกิดขึ้นจนปัจจุบัน

ชูสามนิ้วคือสัญลักษณ์ของการต่อต้านรัฐประหารในสังคมไทยตั้งแต่วินาทีแรกที่ พล.อ.ประยุทธ์จับคนที่ทำแบบนี้

นักเรียนที่ชูสามนิ้วคือนักเรียนที่ประกาศต้านเผด็จการเหมือนประชาชนนอกโรงเรียน แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือเป็นนักเรียนที่มั่นใจว่าตัวเองมี “มวลชน” จนกล้าทำแบบนี้ในโรงเรียน

สังคมไทยสะกดจิตตัวเองว่านักเรียนคือเด็ก, โรงเรียนคือบ้าน และครูคือพ่อ-แม่คนที่สองของ “เด็กนักเรียน” แต่ในความเป็นจริงของสังคมไทย โรงเรียนมีมิติแห่งการเป็นสถาบันถ่ายทอดอุดมการณ์ของรัฐ และครูจำนวนมากเชื่อว่าตัวเองมีหน้าที่อบรมสั่งสอน “เด็กๆ” ให้เชื่ออุดมการณ์ที่รัฐต้องการ

ชูสามนิ้วคือการประกาศตัวว่าเชิดชูเสรีภาพ เสมอภาค และภราดรภาพ หรือพูดง่ายๆ คือหลักการเรื่อง “คนเท่ากัน”

วินาทีที่นักเรียนชูสามนิ้วจึงเป็นวินาทีที่นักเรียนประกาศตัวว่ามีความคิดบางอย่าง ซ้ำยังเชื่อมั่นในความคิดนั้นจนไม่แคร์ว่าจะครูและโรงเรียนจะคิดเหมือนหรือแตกต่างกัน

สามนิ้วคือการประกาศตัวตน นักเรียนที่ชูสามนิ้วคือนักเรียนที่กล้าบอกโลกว่าตัวเองไม่ใช่ “เด็กๆ” แต่เป็น “พลเมือง” ซึ่งคิดเป็น คิดเองได้ กล้าแสดงออกในแบบที่รู้ว่าจะถูกรัฐมองเป็นฝ่ายตรงข้าม รวมทั้งไม่กลัวที่จะถูกครูหรือโรงเรียนคุกคามในกรณีที่คิดไม่เหมือนกับครูและโรงเรียน

ปฏิบัติการชูสามนิ้วและผูกโบขาวทำให้ครูจำนวนมากไม่พอใจจนตี, หยิก, ตบ, ด่าประจาน, ขู่ไล่ออก, เรียกตำรวจจับ, แคปชื่อให้เจ้าหน้าที่ ฯลฯ เพราะทันทีที่นักเรียนชูสามนิ้ว นักเรียนได้เปลี่ยนสถานะตัวเองจากการเป็นเบี้ยล่างในห้องเรียนเป็นคนเท่ากันกับครูที่เห็นต่างจากนักเรียนทันที

ในสังคมที่ครูเชื่อว่าโรงเรียนมีหน้าที่ถ่ายทอดอุดมการณ์รัฐจนงานครูคือ “กล่อมเกลา” ให้ “เด็กๆ” คิดแบบที่รัฐต้องการ นักเรียนที่ชูสามนิ้วย่อมถูกครูมองเป็นศัตรูของรัฐเหมือนชนชั้นนำมองคนเสื้อแดงปี 2553 และทหารมองประชาชนปี 2557 นั่นคือมีเหตุผลที่ครูจะลงโทษนอกกฎหมายได้ทุกกรณี

น่าสังเกตว่าครูจำนวนมากทำร้ายนักเรียนทันทีที่เห็นการชูสามนิ้วร้องเพลงชาติ เพราะปฏิบัติการชูสามนิ้วร้องเพลงชาติคือปฏิบัติการที่ประกาศว่าชาติเป็นของคนที่ชูสามนิ้วเท่ากับคนที่ไม่ชู ชาติวางอยู่บนหลักเสมอภาค เสรีภาพ ภราดรภาพได้ และคนที่รัฐมองเป็นศัตรูก็คือคนรักชาติเช่นเดียวกัน

หัวหน้าพรรคก้าวไกลเคยอภิปรายในสภาให้สังคมไทยยอมรับการมีอยู่ของ “ความจริงที่น่ากระอักกระอ่วน” และปฏิบัติการชูสามนิ้วร้องเพลงชาติคือปฏิบัติการที่บอกว่าสังคมไทยมีคนที่คิดเรื่องน่า “กระอักกระอ่วน” มากจนไม่กลัวที่จะแสดงตัวออกมาอีก

ทั้งหมดนี้จึงเป็นฝันร้ายของรัฐโดยตรง

การพังทลายของอุดมการณ์ที่เป็นฐานของรัฐประหาร 2557 ทำให้การต้านเผด็จการเป็น “วิถีใหม่” ของประเทศจนนักเรียนกล้าชูสามนิ้วแบบไม่กลัวครูและรัฐบาล

ขณะที่นอกรั้วโรงเรียนออกไป การพังทลายนี้นำไปสู่การต่อต้านสัญลักษณ์ของอุดมการณ์ในปริมณฑลอื่นด้วยเช่นกัน

เนชั่นถูกมองว่าเป็นกระบอกเสียงของรัฐในการโจมตีพลังประชาธิปไตยมานาน แต่ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ทวิตเตอร์เรื่องแบนสปอนเซอร์เนชั่นแสดงว่าพลังฝ่ายประชาธิปไตยมีมากจนบางสินค้าถอดโฆษณาจากเนชั่นไปแล้ว เช่นเดียวกับการแบนพิธีกรที่ด่านักเรียน-นักศึกษาจนถูกปลดจากรายการ

อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์คนปัจจุบันเคยเป็นทหารที่ชำนาญในการใช้สื่อเพื่อปราบปรามประชาชนปี 2553 แต่เมื่อต้องแสดงบทบาทเดียวกันในปี 2563 วิธีโฆษณาชวนเชื่อแบบที่ทำ Big Cleaning Day หลังฆ่าเสื้อแดงกลับล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงในการโจมตีคนเรียกร้องประชาธิปไตยว่าไม่รักชาติไทย

รัฐบาลที่ดีต้องตอบได้ว่าดำรงอยู่เพราะอะไร แต่ในการประชาสัมพันธ์เพื่อต่ออายุรัฐบาล ช่อง 11 กลับสื่อสารว่าฝ่ายต่อต้านเผด็จการคือฝ่ายทำลายความสัมพันธ์ในครอบครัวทั้งหมด

รัฐไม่สามารถหาเหตุผลในการอธิบายคุณค่าของรัฐได้มากกว่าโจมตีว่าคนวิจารณ์รัฐคือคนทำลายครอบครัว

ในสังคมที่คนคิดเหมือนรัฐเผด็จการ การโจมตีคนต้านเผด็จการว่าทำลายครอบครัวอาจมีน้ำหนักในการทำให้คนสยบยอมต่อไป แต่ในสังคมที่คนหันหลังให้รัฐเผด็จการมากขึ้นเรื่อยๆ การโจมตีแบบนี้คือบัตรเชิญให้คนส่วนใหญ่สมเพชความอับจนทางปัญญาของฝ่ายประชาสัมพันธ์เผด็จการ

ไม่ว่าจะมองไปทางไหน สังคมไทยวันนี้เต็มไปด้วยหลักฐานว่า “ความรู้สึกแห่งยุคสมัย” บางอย่างได้ก่อตัวขึ้นจนเผชิญกับอุดมการณ์ของรัฐมากขึ้นเรื่อยๆ โดยรัฐไม่สามารถสร้างความยอมรับนับถือได้

ทำได้แค่ยัดคดี, ด่า, ตบ, ขู่ ฯลฯ แบบเดียวกับครูกระทำต่อนักเรียนและตำรวจทำกับประชาชน

หัวใจของอุดมการณ์อนุรักษนิยมในโลกคือการจรรโลงจารีตประเพณีโดยปรับตัวหาโลกสมัยใหม่แต่สิ่งที่พลังอนุรักษนิยมในสังคมไทยทำคือใช้ทหาร และระบอบอำนาจนิยม ขัดขวางการเปลี่ยนแปลง

ความไม่พอใจที่ประชาชนมีต่อการใช้กำลังของฝ่ายต้านการเปลี่ยนแปลงจึงเกิดขึ้นตลอดเวลา

ปี2563 เป็นปีที่คนจำนวนมากเห็นว่าสังคมไทยจะเกิดความเปลี่ยนแปลงแบบที่ไม่เคยมีใครเคยพบเคยเห็นมาก่อน และถึงแม้จะยังไม่มีใครตอบได้ชัดๆ ว่าความเปลี่ยนแปลงที่ว่านั้นคืออะไร สัญญาณทางการเมืองทั้งหมดชี้ว่าอุดมการณ์อนุรักษนิยมในสังคมได้พังทลายลงจนเหลือแต่ลมหายใจรวยริน

อุดมการณ์คือรากฐานของการปกครองเท่ากฎหมายและพละกำลัง เมื่อใดที่รัฐคุมอุดมการณ์ไม่ได้ การปกครองย่อมมีโอกาสพังทลาย ทางเลือกของรัฐเผด็จการในระยะสั้นจึงได้แก่การใช้กฎหมายและกำลังควบคุมประชาชนรุนแรงขึ้น แต่กำลังที่ปราศจากการยอมรับย่อมทำให้รัฐเป็นทรราชทันที

กลุ่มปลดแอกสะท้อนความเร่าร้อนทางอุดมการณ์ที่ไม่เคยมีในสังคมไทย และด้วยการควบแน่นของพลังอนุรักษนิยมกับเผด็จการ คนส่วนใหญ่ได้เลือกข้างประชาธิปไตยแทบเด็ดขาดไปแล้ว ชนชั้นนำที่เข้าใจความเปลี่ยนแปลงจนยอมเปลี่ยนผ่านคือกลไกประคับประคองสังคมไม่ให้มุ่งสู่ความรุนแรง

สังคมไทยใกล้จะมีการเปลี่ยนแปลง และด้วยเหตุปัจจัยต่างๆ ที่ทุกฝ่ายทำกันอยู่ในปัจจุบัน โอกาสที่สังคมจะชุลมุนจนเกิดการเปลี่ยนแปลงที่อลหม่านย่อมมีมากขึ้นไปด้วย

ไม่เคยมียุคไหนที่คนซึ่งรักประเทศจริงๆ จากทุกฝ่ายต้องสร้างความเปลี่ยนแปลงที่คำนึงถึงความอยู่รอดของประเทศมากเท่าในยุคปัจจุบัน

คลิปกิจกรรมวันผู้สูญหายสากล | อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา


 
กลุ่ม24มิถุนาประชาธิปไตย
8h ·

#วันที่30สิงหาคมของทุกปีเป็นวันผู้สูญหายสากล
กลุ่ม24มิถุนาประชาธิปไตย
ขอเชิญร่วมงาน "วันผู้สูญหายสากล"
ในวันอาทิตย์ที่ 30 สิงหาคม 2563
ตั้งแต่เวลา 5 โมงเย็นเป็นต้นไป
ณ อนุสรณ์สถาน14ตุลา (สี่แยกคอกวัว)
...ชมนิทรรศการ "ห่าง/หาย" จาก Spring Movement
...พูดคุย "ห่าง/หาย"
คุณจุฑารัตน์ กุลตัณกิจจา ผู้ที่ทำรายงานผู้สูญหายที่ขัดแย้งกับรัฐบาล
คุณวจนา วรรลยางกูร เจ้าของบทความ "พ่อของเขา ความทรงจำของเรา และความตายที่ไม่มีวันจบ"
คุณกัญญา ธีรวุฒิ ผู้ที่บุคคลอันเป็นที่รักหาย (มารดาของสยาม ธีรวุฒิ )
คุณสิตานัน สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ (พี่สาวต้าร์ วันเฉลิม)
ชวนคุยโดย :
คุณพรเพ็ญ คงขจรเกียรติ (จากมูลนิธิผสานวัฒนธรรม)
...พูดจาปราศรัย
สิรวิชญ์ (จ่านิว) เสรีธิวัฒน์
พะเยาว์ อัคฮาด
...ดนตรี :
อาเล็ค โชคร่มพฤก / แป๊ะ บางสนาน / สามัญชน
...กวี :
คาล รีอัล / พันธ์ศักดิ์ ศรีเทพ
พิธีกรในงาน :
น้องมายด์ จากกลุ่มมหานครเพื่อประชาธิปไตย
องค์กรร่วมจัด
กลุ่ม24มิถุนาประชาธิปไตย
Spring Movement
...


ศูนย์ข้อมูลคนหาย มูลนิธิกระจกเงา
7h ·

30 สิงหาคม ของทุกปี เป็นวันคนหายสากล รำลึกถึงเหตุการณ์คนสูญหาย โดยเฉพาะการบังคับให้สูญหาย หรือเรียกกันอีกคำว่า "ถูกอุ้ม"
.
การติดตามคนหายที่ถูกทำให้หายหรือถูกอุ้ม กระบวนการต่างๆมักทำให้คนหายเป็นคนเลวในสายตาสาธารณะ เช่น เป็นทนายให้โจร (กรณีทนายสมชาย) , ไปเก็บไปขโมยของป่า (กรณีคุณบิลลี่ แก่งกระจาน) ,หรือกระทั่งกรณีคุณต้าร์ วันเฉลิม ซึ่งถูกระบุว่า เป็นเหตุส่วนตัวพัวพันกับธุรกิจผิดกฏหมายและอยู่เกินวีซ่าในต่างประเทศ สิ่งเหล่านี้ทำให้คนในสังคม ออกห่างจากความสนใจช่วยติดตาม เพราะถูกทำให้เชื่อว่าสมควรหายตัวไปแล้ว
.
เคยได้ยินครอบครัวคนถูกอุ้มหาย พูดว่า ความเจ็บปวดของการรอคอยมันทรมาน เยียวยาด้วยเงินหรือการชดเชยไม่ได้ - ภรรยาคุณบิลลี่ก็เคยบอกว่า ตอนนี้ไม่เอาโทษใครแล้ว ไม่โกรธไม่เกลียดใคร ขอแค่รู้ว่าบิลลี่หายไปไหน อยากเอาบิลลี่มาทำบุญ
.
เธอไม่ได้ยอมแพ้หรอก แต่ถ้าคิดไปไกลกว่านั้นมันคงเจ็บปวดมากกว่านี้.

#วันผู้สูญหายสากล #วันบังคับให้สูญหาย
#ที่นี่มีคนหาย #30สิงหาคม
ขอบคุณภาพจาก แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล

...





คุณพระก้อยกลับเยอรมัน คุยกันวันเสาร์ค่ำ กับ อ.สุนัย



#ยังไม่ตาย

ก้อยกลับเยอรมัน นุ้ยจะทำฉันใด / คุยกันวันเสาร์ค่ำ ตอนที่3

Aug 29, 2020

คุยกันวันเสาร์ค่ำ 29 สิงหาคม 2563 แก้รัฐธรรมนูญนอกกรงขังสภา ประยุทธ์ต้องลาออก

วันอาทิตย์, สิงหาคม 30, 2563

‘พี่ใหญ่รู้ดี’ รีบๆ หน่อยนะ เป็นห่วงน้องๆ ‘วัยรุ่นใจร้อน’ เค้า 'แดงหย่าย' ประกาศแล้ว #จะไม่ยอมให้จบที่รุ่นเรา


#จะไม่ยอมให้จบที่รุ่นเรา แฮ้สแท็กนี้เขาออกมาเพื่อฟัดกับขบวนการเยาวชนโดยตรงเลย ผบ.ทบ.อาศัย สวนสนประดิพัทธ์สถานพักฟื้นและพักผ่อนของกองทัพเป็นฉากหลัง แม้ว่าสถานที่นี้เปลี่ยนจาก “สวัสดิการภายใน เป็นสวัสดิการในเชิงธุรกิจ” ไปแล้ว

อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ทำท่าไปเยี่ยม “กำลังพลที่ได้รับบาดเจ็บจากการปฏิบัติหน้าที่ราชการสนาม” ถ่ายภาพประชาสัมพันธ์ว่า ถึงแม้ทหารเหล่านั้นได้รับบาดเจ็บจากปฏิบัติการชายแดนภาคใต้มา “เขาเหล่านี้ยังคงรบต่อไป รบจนสุดใจขาดดิ้น

เพื่อปกป้อง สถาบัน ชาติ ศาสนาพระมหากษัตริย์และประชาชน ไม่มีวันรู้จบ” นี่ละมังความหมาย ไม่แฝงของแฮ้สแท็กที่ไม่บังเอิญ เผชิญหน้า จะแจ้งและโดยตรงกับแฮ้สแท็กของ ประชาชนปลดแอก และการเรียกร้องของนักเรียนนักศึกษา

ขณะที่น้องๆ คนรุ่นใหม่ ยังคงมุ่งหน้าในข้อเสนอปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ ๑๐ ข้อ กับยืนหยัด 'ผ่าทางตันรัฐธรรมนูญไทย :ไม่แก้ไข เขียนใหม่เท่านั้น' ร่วมทางไปกับ ครช. คณะรณรงค์เพื่อรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน ไม่ย่นย่อ


พวกเขาพร้อมหน้ากันลุกขึ้นสู้อย่างจริงจังและจริงใจ ไม่มีใครลดละ เพราะเห็นอยู่ซึ่งๆ หน้า ถ้าไม่ทำอะไรเสียแต่เวลานี้ อนาคตไม่มีทางแจ่มใส หากผลักดันไม่หยุดยั้ง ทางสำเร็จเป็นไปได้ แม้จะตระหนักดีว่ายิ่งกว่าเข็นครกขึ้นภูเขา

ขนาดเกิดแนวคิดในหมู่คนรุ่นหนุ่มสาว “ถ้าประยุทธ์ยังเป็นนายกฯ อยู่ต่อไป เราจะไม่ยอมมีลูกกัน” จะเรียกว่าเป็นการ ประท้วงเรื่องขยายพันธุ์ก็ได้ เพื่อไม่ให้รุ่นลูกหลานต้องมารับความลำบากลำบน แนวคิดนี้ยังมีบริบทของการ หมดศรัทธาในสังคมไทยอยู่ด้วย

“เยาวชนของเราดูเหมือนจะสิ้นหวัง ต่อการมีคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าได้ในวันข้างหน้า” @Honestyisbest8 สนทนาทางทวิตเตอร์กับ @JBuchananBKK “คนในวัย ๓๐-๔๐ ดูท่าจะยอมแพ้กันแล้ว พวกเขามักพูดว่า สู้ไปเท่าไรก็ไม่มีทางเปลี่ยนแปลง”

แต่บรรดาน้องๆ เหล่านี้ก็ยังไม่หยุดสู้ การชุมนุมเสวนา อภิปราย และเรียกร้องยังทำกันอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน เปลี่ยนสถานที่บ้าง จัดกันเองในท้องที่บ้าง ทั้งที่การผลักดันให้นักการเมืองฝ่ายยึดมั่นประชาธิปไตย ทำในส่วนของตนด้วยความเร่งทัดเทียมกับเยาวชนก็ยากพอๆ กัน

ตลอดสองอาทิตย์ที่ผ่านมา ความเชื่องช้าและระมัดระวังตัวจนหงอ ของพรรคการเมืองใหญ่ฝ่ายค้าน ทำให้กระบวนการแก้ไขปัญหา การสืบทอดอำนาจเผด็จการ คสช.เกิดความปั่นป่วนพอควร จากท่าที่ พี่ใหญ่รู้ดีของพรรคเพื่อไทย

มาวันนี้น่าดีใจที่ความตึงเครียดคลี่คลายได้บ้าง ไม่มากนัก ก็ยังดีกว่า ไม่มีเลยจากผลการประชุมร่วมของแกนนำพรรคฝ่ายค้านเมื่อวันที่ ๒๘ สิงหา ตัวแทนพรรคเพื่อไทยขอให้มองข้ามสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมาเสียก่อน แล้วมุ่งไปที่การร่วมมือในกรอบใหญ่ๆ

ทางพรรคก้าวไกลได้เตรียมนำร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อปิดสวิทช์ อำนาจ สว. ข้อเสนอแก้มาตรา ๒๗๒ ซึ่งกำหนดให้ สว.ร่วมเสนอและเลือกตัวนายกฯ คนนอก ไปให้พรรคร่วมฝ่ายค้านลงชื่อสนับสนุน โดยพรรคเพื่อไทยยังขอสงวนตัว จนกว่าจะมีมติใหม่ของพรรคออกมาแทน


ก่อนหน้านี้พรรคเพื่อไทยตั้งโต๊ะแถลงจุดยืนอีกครั้งว่า จะสนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา ๒๕๖  เพื่อให้มีการเลือกตั้ง สสร.ขึ้นมาร่างรัฐธรรมนูญใหม่เท่านั้น เพราะถือว่านี่เป็นสิ่งที่พรรคได้ “ยกร่างตั้งแต่ก่อนการเลือกตั้งในเดือนมีนาคม พ.ศ.๒๕๖๒”

เพื่อไทยอ้างว่าได้เสนอร่างนี้ต่อ ๗ พรรคร่วมฝ่ายค้าน และเป็นที่ยอมรับกันว่าจะไม่มีการแตะต้องทั้งหมวด ๑ การเป็นรัฐเดี่ยว (ประชาธิปไตยอันมีกษัตริย์) และหมวด ๒ เกี่ยวกับสถานะและอำนาจกษัตริย์ นายโภคิน พลกุล ชี้แจงว่า

“อยากให้ประเด็น ส.ส.ร.เดินไปได้จนประสบความสำเร็จระยะหนึ่งก่อน แล้วจากนั้นค่อยแก้ไขเพิ่มเติมในประเด็นอื่นๆ ต่อไป” ทว่ามีความเห็นแย้งจากนักวิชาการนอกวงพรรคการเมือง ชี้ว่าการมุ่งแต่จะให้มี สสร.ขึ้นมายกร่างรัฐธรรมนูญใหม่อย่างเดียว ไม่ตอบโจทย์

“มาตราต่างๆ ใน (รธน.) ๒๕๖๐ ก็จะอยู่ต่อไปจนกว่าจะมี รธน. ใหม่ประกาศใช้ ซึ่งไม่รู้เมื่อไหร่ รัฐบาลนี้ครบวาระแล้วก็ยังไม่รู้จะมี รธน. ใหม่หรือไม่” การยกร่างจะช่วยยืดระยะเวลาการอยู่ในอำนาจของรัฐบาลนี้อีกอย่างน้อยๆ ๒ ปี

แม้กระทั่งถึงวาระเลือกตั้งใหม่ก็อาจจะยังร่างไม่เสร็จ สว.๒๕๐ คนก็ยังเป็นตัวชี้ขาดว่าใครจะมาเป็นนายกฯ คนใหม่ แม้อาจไม่ใช่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็จะเป็นนายกฯ ประเภทเดียวกัน หรือ สาหัส กว่า (นึกภาพ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ไว้แล้วกัน)

“สำคัญที่สุดคือ เททิ้ง การเคลื่อนไหวของนักศึกษา ประชาชน ที่เป็นพลังกดดันทางการเมืองให้พรรคการเมืองในสภาทำงานได้ อีกฝั่งยอมประณีประนอมมากขึ้น” อุเชนทร์ เชียงเสน เขียนความเห็นผ่านทางเฟชบุ๊คว่าแบบนี้เพื่อไทย ตัดขา ตัวเองไปด้วย

ว่าไปแล้ว การที่มี วัยรุ่นใจร้อนอย่างที่ ส.ส.วัน อยู่บำรุง เหน็บแรง ส.ส.รังสิมันต์ โรม ก็เป็นอาณิสงค์ให้วัยงอมยังยืนอยู่ได้ ไม่เช่นนั้นสมัยหน้าอาจจะต้องไปชิงที่ยืนกับพรรคประชาธิปัตย์ก็ได้

(https://www.khaosod.co.th/politics/news_4792592, https://www.khaosod.co.th/politics/news_4804046 และ https://www.facebook.com/TheReportersTH/posts/2739729356277447) 

พรรคสามัญชน ชวนสมาชิกถก “10 ข้อเสนอ ปฏิรูปสถาบันกษัตริย์”


พรรคสามัญชน - Commoners Party
15h ·

เชิญสมาชิกพรรคสามัญชนร่วมแสดงความคิดเห็นพิจารณา “10 ข้อเสนอ ปฏิรูปสถาบันกษัตริย์” เห็นด้วยหรือเห็นต่างเรามาถกกัน
.
สืบเนื่องจากการจัดเวทีชุมนุม #ธรรมศาสตร์จะไม่ทน และการปราศรัยในวันที่ 10 สิงหาคม 2563 ณ ลานพญานาค มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ที่มีการเสนให้แก้ไขกฎหมายและรัฐธรรมนูญเพื่อให้เกิดความเป็นประชาธิปไตยและให้รักษาสถานภาพของพระมหากษัตริย์ในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ซึ่งเป็นการแสดงความคิดเห็นอย่างสุจริต ภายใต้ขอบเขตของกฎหมาย และรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 รวมถึงสอดคล้องกับหลักกฎหมายสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศซึ่งรัฐไทยให้พันธกรณีอย่างกติกาสากลว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (International Covenant on Civil and Political Rights) ที่รับรองเสรีภาพในการแสดงออกภายใต้ข้อ 19
.
พรรคสามัญชน ในฐานะเป็นพรรคการเมืองที่เชื่อมั่นในประชาธิปไตยฐานราก สิทธิมนุษยชน และความเท่าเทียมเป็นธรรมของสังคมไทย ตระหนักถึงความสำคัญในการสร้างพื้นที่ในการแสดงความคิดเห็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเด็นอันเป็นประโยชน์สาธารณะ ซึ่งควรต้องยกขึ้นมาวิเคราะห์ถกเถียงในพื้นที่สาธารณะ เพื่อกำหนดทิศทางท่าทีของพรรคภายใต้การมีส่วนร่วมมากที่สุด และด้วยความอดทนอดกลั้น อันเป็นลักษณะที่สำคัญอย่างยิ่งของสังคมประชาธิปไตย
.
พรรคสามัญชนจึงขอเชิญสมาชิกพรรคสามัญชนเข้าร่วม การประชุมแสดงความคิดเห็นพิจารณา “10 ข้อเสนอ ปฏิรูปสถาบันกษัตริย์” เห็นด้วยหรือเห็นต่างเรามาถกกัน" วันอาทิตย์ที่ 6 กันยายน 2563 เวลา 12.30 น. – 16.00 น. ณ ห้องประชุมสวนเงินมีมา ถนนเจริญนคร กรุงทพมหนคร
.
12.30 น. ลงทะเบียน
13.00 น. นำเสนอ “10 ข้อเสนอ ปฏิรูปสถาบันกษัตริย์” โดยตัวแทนกลุ่มธรรมศาสตร์และการชุมนุม
13.30 น. ซักถามข้อสงสัย / ผู้นำเสนอตอบคำถาม
13.45 น. ร่วมกันแลกเปลี่ยนพิจารณา “10 ข้อเสนอ ปฏิรูปสถาบันกษัตริย์”
"
ความคิดเห็นและข้อสรุปในการประชุมจะเสนอให้พรรคฯ ต่อไป
.
สมาชิกพรรคสามัญชนที่สนใจเข้าร่วมการแสดงความคิดเห็น กรุณาแจ้งชื่อ-นามสกุล และอีเมล์ ได้ตามลิงค์นี้ https://forms.gle/G8T3hqDfYbH7esi37 ภายในวันที่ 4 ก.ย. เท่านั้น โดยสมาชิกจะได้รับแจ้งยืนยันทางอีเมล์
.
พรรคสามัญชนขอสงวนสิทธิเฉพาะสมาชิกที่แจ้งชื่อ-นามสกุล ล่วงหน้าก่อนเท่านั้น และจำกัดจำนวนเพียง 50 คน เท่านั้น เนื่องจากขนาดของสถานที่ ต้องขออภัยด้วย
https://www.facebook.com/CommonersParty/photos/a.315471495199017/3298027100276760/
....

 

ทัวร์ลงที่ไอ้แดงลูกจ๊อดแล้ว


กะลาธิปไตย
6h ·

โซเชี่ยลเดือด แช่งให้ ‘บิ๊กแดง’ ไปตายซะ ขู่จัดม็อบชัตดาวน์กรุงเทพ ถ้าทำรัฐประหาร พร้อมขุดมรดกบาปประจานนายทหารเจ้าน้ำตา
#ให้มึงตายที่รุ่นกู พุ่งติดท็อปเทรนด์โซเชี่ยล ตอบโต้วาทกรรมบิ๊กแดง #จะไม่ยอมให้จบที่รุ่นเรา พร้อมขู่ชุมนุมแช่แข็งกรุงเทพ หากทำรัฐประหาร
โลกโซเชี่ยลแห่แช่งบิ๊กแดงให้ตาย บางรายนัดจัดทัวร์ไปชมหลุมศพ ทั้งยังมีการนัดแต่งชุดคอสเพลย์ในวันงานศพ ขณะที่บางส่วนโจมตีเรื่องความเจ้าน้ำตา และการไม่เคยไปรบ
นอกจากนี้ยังมีการขุดวาทกรรมของ ผบ.ทบ.ซึ่งดูแล้วมีความขวาจัดดัดจริต ตลอดจนการขุดเรื่องมรดก 4,000 ล้าน ของบิดาบิ๊กแดงอีกด้วย บางส่วนระบุว่า
“ปลดเกษียณก็มีการประกาศแต่งตั้งองครักษ์พิเศษเลยนะ แล้วล่าสุดก็สร้างวาทกรรม #จะไม่ยอมให้จบที่รุ่นเรา คืออะไรหรอ”
ด้านแกนนำม็อบ อานนท์ นำพล ประกาศ หากมีการรัฐประหารจะเปลี่ยนสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินทุกสถานีเป็นเวทีชุมนุม
ซึ่งหากจัดชุมนุมดังกล่าวจะทำให้กรุงเทพเป็นอัมพาตเพราะรถไฟฟ้าใต้ดินเป็นระบบขนส่งหลักรองรับผู้โดยสารวันละ 400,000 คน อีกทั้งยังเป็นระบบเชื่อมต่อรถไฟฟ้าบีทีเอสที่มีผู้โดยสารวันละ 800,000 คน



'Paint as Protest'



Thammachat Kri-aksorn
Yesterday at 10:00 AM ·

อย่าไปหยอง
เห็นข่าวแอมมี่สาดสีใส่ตำรวจรอบนี้ อยากออกมาพูดอะไรหน่อยเนื่อง​จากทำงานแปลเรื่องสันติวิธีมา
หลังเห็นข่าวแอมมี่ สิ่งแรก ๆ ที่ทำคือการไปเปิด 198 วิธีปฏิบัติการไร้ความรุนแรงของยีน ชาร์ปดู ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ปรากฏว่ามันต้องมีอยู่แล้ว ที่น่าสนใจคือพบสิ่งตกหล่นในการแปลของตัวเอง
ในภาษาอังกฤษชาร์ปเรียกปฏิบัติการแบบนี้ว่า "paint as protest" แต่พอมาเป็นภาษาไทยแปลว่า "การวาดภาพประท้วง" เอาเข้าจริงความหมายมันครอบคลุมไม่พอ ควรแปลว่า "การวาดภาพหรือทาสีเพื่อประท้วง" น่าจะดีกว่า
ถ้าใครสนใจอยากเห็นว่าสันติวิธีมีอะไรบ้าง สามารถลองหาซื้อ "จากเผด็จการสู่ประชาธิปไตย" มาอ่านกันได้ สันติวิธีไม่ใช่การอยู่หยอง ๆ นั่งพับเพียบก้มกราบเบญจางค์เพื่อขอประชาธิปไตย หรือการนอนยอมรับชะตากรรม คนยังเข้าใจผิดเรื่องนี้กันเยอะมาก
แต่ทำไมคนถึงหยอง ? สาเหตุที่คนหยองเป็นเพราะเขากลัว กลัวว่าถ้าทำไปแล้วจะโดนเอาคืนแรงกว่าเดิม ผู้กดขี่ทำร้ายข่มขู่เราไม่ให้ลุกขึ้นสู้ จนเสียงมันฝังไปอยู่ในหัวเหมือนโดนตั้งโปรแกรม เวลาเห็นแบบนี้เสียงในหัวมันดังขึ้นโดยอัตโนมัติ เขาขู่เราได้โดยไม่ต้องพูดอะไรเลย เพราะเขาทำให้ประชาชนขู่กันเองว่ามันไม่เหมาะสม ขู่กันเองว่าถ้าทำแล้วจะอันตราย
หน้าที่ของเราคือการตระหนักว่ามันมีโปรแกรมอันนี้ในหัวเราแล้วปิดมันซะ พูดย้ำกับตัวเองบ่อย ๆ ว่าอย่าไปหยอง เพราะถ้าประชาชนลุกขึ้นสู้มากจริง ๆ คนที่จะต้องหยองคือผู้ปกครอง บก. ลายจุดตระหนักถึงเรื่องนี้ดีเขาถึงพยายามทำให้เรื่องมันขำ เขาจะขอซื้อเสื้อบอกว่ามันเป็นงานศิลปะ เพราะความตลกมันชนะความกลัวได้
ย้ำกับตัวเองบ่อย ๆ ว่าอย่าไปหยอง เพราะไม่งั้นเราจะเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมโทษเหยื่อ เหมือนผู้หญิงโดนข่มขืนแล้วบอกว่าหล่อนนุ่งสั้นเอง เหมือนเพื่อไทยขู่ประชาชนว่าถ้าพูดเรื่องปฏิรูปสถาบันระวังเจอแบบ 6 ตุลา คนกระทำคือคนข่มขืน คนกระทำเราคือรัฐทหาร เขาต่างหากที่ทำร้ายเรา เราไม่ได้ทำร้ายตัวเอง
คนสาดสีไม่ผิด คนที่ผิดคือเจ้าหน้าที่รัฐที่ข่มขู่คุกคามประชาชน ลองไปอ่าน "การศึกษาของผู้ถูกกดขี่" ของเปาโล แฟร์ดู เวลาต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยจะได้ไม่หยอง สู้ไปกราบไปมานานเท่าไหร่แล้ว อย่าไปหยอง อย่าไปหยอง อย่าไปหยอง
...

...

 ... 

หากรัฐบาลแพ้คดีคิงส์เกท ต้องชดใช้เงินหลายหมื่นล้านบาท ต้องเอาคืนจากพลเอกประยุทธ์โดยการยึดทรัพย์ เหมือนที่เคยทำกับนายกยิ่งลักษณ์ว่าปล่อยปละละเลยในคดีรับจำนำข้าว

11m
 
หลายคนถามว่ากรณีรัฐบาลจัดสรรงบประมาณให้กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ตั้งแต่ปี 2562-2564 รวม 389 ล้านบาท เพื่อใช้ในการต่อสู้คดีที่รัฐบาลถูกบริษัท คิงส์เกท คอนโซลิเดเต็ด ยื่นฟ้องต่ออนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศ ซึ่งหากแพ้คดีรัฐบาลอาจจะต้องรับผิดชดใช้เงินหลายหมื่นล้านบาท กรณีนี้จะเอาคืนได้จากพลเอกประยุทธ์ได้หรือไม่ ขอตอบดังนี้
การใช้อำนาจตามมาตรา 44 ของพลเอกประยุทธ์ถือได้ว่าเป็นความโง่อย่างสมบูรณ์แบบเพราะอำนาจดังกล่าวมีอยู่แล้วตามมาตรา 125 และ 126 ของ พรบ. แร่ พ.ศ. 2510 อันเป็นอำนาจของอธิบดีจึงไม่จำเป็นต้องไปใช้อำนาจของหัวหน้าเผด็จการให้ถูกฟ้อง แต่ความซวยของคนไทยคือนายมีชัยได้เขียนรัฐธรรมนูญมาตรา 279 นิรโทษกรรมการกระทำของ คสช. ทั้งหมด ทำให้รัฐบาลไม่อาจไปเรียกร้องค่าโง่คืนจากพลเอกประยุทธ์ในฐานะหัวหน้า คสช. ได้
อย่างไรก็ตาม การที่มาตรา 44 กำหนดให้หัวหน้า คสช. ต้องรายงานการออกคำสั่งให้ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติและนายกรัฐมนตรีทราบโดยเร็ว หากบุคคลทั้งสองเห็นว่าเป็นการออกคำสั่งที่ไม่ชอบจะต้องทักท้วงหรือขอให้แก้ไข แต่การที่บุคคลทั้งสองปล่อยปละละเลยทำให้คำสั่งดังกล่าวถูกนำไปใช้จนก่อให้เกิดความเสียหาย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติและนายกรัฐมนตรีจึงต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายคืนให้รัฐตามมาตรา 9 แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542
ดังนั้น หากรัฐบาลต้องไปชดใช้ค่าเสียหายให้คิงส์เกทถึงแม้จะไม่อาจเรียกร้องคืนจากพลเอกประยุทธ์ในฐานะหัวหน้า คสช. ก็ยังเรียกร้องจากพลเอกประยุทธ์ในฐานะนายกรัฐมนตรีและประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เหมือนที่เคยกล่าวหานายกยิ่งลักษณ์ว่าปล่อยปละละเลยในคดีรับจำนำข้าว
วัฒนา เมืองสุข
30 สิงหาคม 2563