วันศุกร์, พฤษภาคม 31, 2562

ไม่มีคราวไหนต่ำตมไปกว่าครั้งนี้แล้ว การเมืองแบบ ‘แอนิมอลฟาร์ม’ ภายใต้อำนาจ คสช.

ไม่มีคราวไหนต่ำตมไปกว่าครั้งนี้แล้ว การเมืองแบบ แอนิมอลฟาร์ม ภายใต้อำนาจ คสช. ที่พยายามสืบทอดต่อเนื่องไปอีก ๒๐ ปี เมื่อนางหมูสมุน นโปลีออนเปิดฉากกัดหมูสาวในขบวนการ สโนว์บอลปรากฏว่ากัดผิดท่า ไม่ได้ทำให้เหยื่อระคายเคืองแล้ว ยังพลาดไปงับเอาหางของหมูแก่ผู้เป็นบิดา

การเมืองเรื่อง ส.ส.เพศเมียรุ่นเก่าเกิดอาการ ‘hot flashes’ แว้งกัดนักการเมืองที่มาแรง หาว่าไม่รู้จักเรียนรู้ระเบียบของชาวไร่สัตว์ๆ ที่เขียนไว้บนกำแพง จัดการ เฟชบุ๊คไล้ฟ์ ใช้สรรพนามไฮเทค (I-E) เอ่ยถึง ส.ส.หญิงรุ่นใหม่ว่า อีช่อ

ก่อเกิดคลื่นสึนามิทางไซเบอร์ระดมถล่มทลายขุดรากถอนโคนกันถึงก้นบึ้งของการเป็น ส.ส.หลายสมัย ตั้งแต่เรื่องการเมือง #ปารีณาค้าอาวุธ ไปถึงเรื่องในมุ้ง ชนิดที่ โซเดียมฮีเลียม @delileba’ สรุปเอาไว้พอประมาณว่า

-พ่อยิงหมา -เคยประกวดนางสาวไทย -มอบกระเช้าให้ปูว์ -ฟอกเงินพระเครื่อง -ขายอาวุธสงคราม -แย่งสามีคนอื่น -ฆ่ากิ๊กของชู้ -ยิงขู่ในไร่ชู้ (ชู้คือคนที่ยิง​ สส​ เพชรบุรี) -สามีฟ้องหย่าเพราะ​ DNA ลูกไม่ตรง –ตีลุงในงานศพ”

อ่านรายละเอียดส่วนใหญ่ได้ที่ https://voicetv.co.th/read/9NM9pZbfM แต่ส่วนไม่ละเอียดอยู่ที่ตอนแก้ตัวต่อสาธารณะ นางปารีณา ไกรคุปต์ อ้างว่าคำ อีช่อ ที่ใช้นั้นเป็นคำพื้นบ้านของราชบุรี ใช้เรียกคนที่ไม่มีระเบียบกฏเกณฑ์
 
ไม่เท่านั้นเธอว์ลากพ่อไปออกทีวีช่วยแก้ตัวด้วย อดีต ส.ส.หลายพรรค ทวี ไกรคุปต์ ผู้นี้ครั้งหนึ่ง (ช่วงว่างงาน) เกิดอาการของขึ้น รำคาญหมาหน้าเซเว่นเห่ากวนอารมณ์ เลยชักปืนยิงรัว ๖ นัด หมาตัวนั้นตายคาที่

คุณพ่อทวีอธิบายช่วยลูกสาว ถ้าใครไม่อยู่ในกฎเกณฑ์หรือตอแหล จะถูกเรียกว่าอีช่อ เป็นอันรู้กัน” แต่สำหรับ Jom Petchpradab คนใต้แถวสงขลายกคำพื้นบ้านของตนมาเทียบเคียงว่า “อิไซ่กูนิ (เป็นคำวิเศษ) หมายถึง ช่างมันฉันไม่แคร์ นิยมใช้กันในจังหวัดสงขลาและพัทลุง”

ขณะที่ มติชนออนไลน์’ ยังข้องใจ เลยเจาะถึงแก่น “สอบถามไปยัง ศาสตราภิชาน ล้อม เพ็งแก้ว ปราชญ์ท้องถิ่น ผู้เชี่ยวชาญด้านภาษา วัฒนธรรม และวรรณคดีภาคกลางถึงประเด็นดังกล่าว” ได้ความว่า “ตนไม่เคยได้ยินคำว่า ‘อีช่อ’ ในลักษณะที่ถูกใช้ในการเปรียบเปรย หรือตำหนิผู้ที่ไม่มีวินัย

อย่างไรก็ตาม มีคำที่ใกล้เคียงกันซึ่งมีความหมายในแง่ลบคือ ‘ฉ้อ’ ซึ่งออกเสียงเหมือนกัน แต่สะกดต่างกัน โดยมีความหมายถึงการฉ้อโกง ดังนั้น หากมีการใช้คำนี้จริง อาจเป็น ‘อีฉ้อ’ แต่ตนก็ไม่เคยได้ยินอยู่ดี”

 
คงต้องสันนิษฐานเอาว่าคำ อีช่อที่สองพ่อลูกนักการเมืองตระกูลไกรคุปต์อ้าง น่าจะพูดกัน แถวบ้านที่ทั้งคู่ใช้ชีวิตอยู่อาศัยเฉพาะในพื้นที่ภายในรอบรั้วขอบชิดเท่านั้น ไม่ได้ขยายออกไปกว้างไกลถึงขนาด ละแวก หรืออย่าว่าแต่ หมู่บ้านด้วยซ้ำ

พอดีมีชาวโพธาราม ราชบุรี ที่เป็นนักวิชาการอยู่ต่างประเทศ (มหาวิทยาลัยคอนเน็คติกัต สหรัฐอเมริกา) ที่บอกว่า คนโพธารามส่วนใหญ่คงชอบแบบนี้ โพธารามมีปัญหายาเสพติดและมือปืนชุกชุมมาหลายทศวรรษแล้ว”

กานดา นาคน้อย @kandainthai’ ยังเขียนบนหน้าทวิตเตอร์ด้วยว่า ฉันเป็นคนโพธารามและไม่เคยเลือกพ่อลูกบ้านไกรคุปต์ ปีติยินดีมากที่ #ปารีณาค้าอาวุธ #คนสวยโพธาราม #คนงามพลังประชารัฐ ไม่ใช่สมาชิกพรรคฝ่ายประชาธิปไตย”

ทั้งที่นางปารีณามีประวัติทางการเมืองเริ่มเป็น ส.ส.ครั้งแรกในปี ๒๕๔๘ สังกัดพรรคไทยรักไทย แล้วย้ายไปอยู่พรรคชาติไทยพัฒนาในปี ๒๕๕๒ พอเลือกตั้ง ๒๕๕๗ ย้ายกลับไปเพื่อไทย แต่ถูก กกต.ประกาศโมฆะ เพราะ พธม.และ กปปส.ขัดขวางการเลือกตั้ง ๒ ก.พ.

เลือกตั้งคราวนี้นางปารีณาเป็นหนึ่งในอดีต ส.ส.ที่ถูกกลุ่ม สามมิตรดูดเข้าพรรคพลังประชารัฐเพื่อสนับสนุนให้หัวหน้า คสช.ได้กลับไปเป็นนายกฯ อีกครั้ง ผลจากการยอมให้ดูดเมื่อปีที่แล้วทำให้คดี ร่วมกันค้าอาวุธสงครามกับบิดาเงียบไปจนกระทั่งมาดังอีกครั้งกรณี อีช่อ นี่ละ

เรื่องแบบนี้เป็นส่วนหนึ่งของพฤติกรรมทางการเมือง ที่นักการเมืองสายเกื้อหนุนเผด็จการ “กระทำต่อนักการเมืองฝ่ายต้าน คสช. “คล้ายๆ กับกรณีผู้สนับสนุน คสช.อย่าง โจ พูดถึง จอนและมงคลกิตติ์พูดถึงการทำร้าย ส.ส.และนักการเมืองจากพรรคที่เห็นต่างกับตัวเอง”

ดัง ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์ ให้ข้อคิดไว้ เป็น วังวน ของการเมืองไทยแบบเก่าๆ ที่กระบวนการของหมู่คนรุ่นใหม่ต้องการถีบตนให้พ้นไป ทว่าปัญหาหลักในสังคมแอนิมอลฟาร์มแบบไทยๆ ยังอยู่ที่หลักบางอย่างใน ๗ ประการของนโปลีออน

“สัตว์ทั้งหลายนั้นเท่าเทียมกัน แต่บางตัวเหนือกว่าสัตว์อื่น (All animals are equal, but some animals are more equal than others.) และ สัตว์มีความสุขสูงสุดเมื่อใช้ชีวิตพอเพียง (The happiest animals live simply lives.)

นั่นเป็นผลจากเหตุที่ อจ.กานดาเปรยไว้ว่า “เวลาคนรุ่นใหม่บอกว่า เวลาอยู่ข้างเราฉันไม่เห็นด้วย เพราะคนรุ่นเก่าก็ผลิตทายาทเช่นกัน ที่จริงเวลาเข้าข้างคนมาก่อนด้วยซ้ำ

แอนิมอล ฟาร์ม เวอร์ชั่น Pruay Saltihead #หมดเวลาหมูครองเมือง





มีสัตว์ฝูงหนึ่ง ร่วมกันเป่านกหวีด โดยบอกพวกสัตว์ด้วยกันว่าเราจะไม่ยอมอยู่ภายใต้รัฐบาลนี้ และจะไม่ยอมให้มนุษย์พวกนี้เลือกตั้งอีก

พวกสัตว์บอกว่า “ต้องปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง” จากนั้นจึงชวนพวกสัตว์ด้วยกันทำการยึดอำนาจจากมนุษย์ โดยหวังว่า สัตว์พวกที่มายึดอำนาจจะทำการปฏิรูปทุกอย่างให้ดีขึ้น แต่อยู่ไปห้าปีก็ไม่มีอะไรดีขึ้น ทุกอย่างแย่ลง แถมมีหมูสกปรกตัวนึงในหมู่แกนนำการยึดอำนาจ มีนาฬิกาใส่มากขึ้น

ในที่สุดสัตว์พวกนี้ก็ทนแรงกดดันไม่ไหว ต้องยอมจัดการเลือกตั้งให้มนุษย์ได้เลือกตั้งด้วย

แต่ก่อนเลือกตั้งสัตว์พวกนี้ก็วางแผนสืบทอดอำนาจไว้แล้ว ในที่สุดพวกสัตว์นี้ก็ไม่ชนะเลือกตั้ง แม้พวกมันจะเขียนกติกาเลือกตั้งเอง

หลังเลือกตั้งสัตว์พวกนี้จึงให้พวกเหี้ยแก้สูตรคำนวณคะแนนปาร์ตี้ลิสต์เพิ่มจำนวนสมาชิกพวกมันเข้ามาในสภา แต่คะแนนเสียงก็ยังไม่พอ สัตว์พวกนี้จึงพยายามจะหางูเห่ามาเพิ่มให้จำนวนสัตว์มากขึ้น เพื่อเอาชนะมนุษย์ในสภา

ถึงตอนนี้ทั้งเสือ สิงห์ กระทิง แรด หมูสกปรก ตัวตู่ แมลงสาบ ปลาไหล และพวกเหี้ยทั้งหลายกำลังต่อรองแย่งชิงตำแหน่งกันวุ่นวายไปหมด

และนี้คือการ “ปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง” ของสัตว์นรกทั้งหลาย

รัฐสัตว์(นรก)ฉบับ -- (ปรวยเล่า)

ที่มา FB


Pruay Saltihead

...




หนุ่มชนะประกวดคำขวัญ 50ปี ปชป. ขอคืนรางวัล ถ้าไปร่วมพปชร.พร้อมแต่งใหม่ “73 ปีประชาธิปัตย์ กัดกร่อนประชาธิปไตย ทรยศประชาชน”




ศูนย์ข่าวภาคใต้ - “วรา จันทร์มณี” อดีตเลขาท่านอังคารที่เคยชนะเลิศประกวดคำขวัญ 50 ปี ปชป. ทนอึดอัดกับเกมการเมืองไม่ไหว ประกาศขอคืนโล่และเงินรางวัล แถมตั้งคำขวัญให้ใหม่หากจูบปากพลังประชารัฐ ว่า “73 ปี ประชาธิปัตย์ กัดกร่อนประชาธิปไตย ทรยศประชาชน”

วันนี้ (30 พ.ค.) นายวรา จันทร์มณี นักวิชาการอิสระด้านการมีส่วนร่วมของประชาชน ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวที่ใช้ชื่อว่า “บัก หำน้อย (ตนเล็กคนน้อยต้องมีสิทธิเสรี)” โดยนำภาพถ่ายในอดีตสมัยยังเป็นนักศึกษา ม.รามคำแหง ที่ได้รับมอบโล่รางวัลเมื่อปี 2538 จากการประกวดคำขวัญครบรอบ 50 ปี พรรคประชาธิปัตย์ จากมือ นายชวน หลีกภัย ประธานที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ อดีตนายกรัฐมนตรี 2 สมัย และรัฐมนตรีหลายกระทรวง ล่าสุด เพิ่งได้รับเลือกให้นั่งตำแหน่งประธานรัฐสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎร เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยนำมาโพสต์ไว้พร้อมข้อความว่า

“ผมอยากขอสโลแกน “50 ปี ประชาธิปัตย์ พัฒนาประชาธิปไตย รับใช้ประชาชน” ของผมคืน และพร้อมจะโอนเงินรางวัล 5,000 บาทคืนให้พรรคประชาธิปัตย์ด้วย ใครจะติดต่อให้ได้มั่งครับ” ข้อความที่นายวรา โพสต์ไว้หน้าวอลล์เฟซบุ๊ก ก่อนที่จะตามด้วยว่า

“นอกจากจะคืนเงินให้แล้ว หากพรรคประชาธิปัตย์เข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐในครั้งนี้ ผมจะแถมสโลแกนใหม่ให้ด้วย “73 ปี ประชาธิปัตย์ กัดกร่อนประชาธิปไตย ทรยศประชาชน” พูดจริงนะครับ พูดแล้วไม่ตระบัดสัตย์ ใครติดต่อให้ได้ ผมขอขอบคุณล่วงหน้าครับ วรา จันทร์มณี”





อนึ่ง นายวรา จันทร์มณี ยังเป็นอดีตเลขาส่วนตัว ท่านอังคาร กัลยาณพงศ์ ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์และกวีซีไรต์ เคยเป็นอดีตกรรมการองค์การนักศึกษา มหาวิทยาลัยรามคำแหง และยังเคยเป็นอดีตกรรมการผู้จัดการมูลนิธิตับแห่งประเทศไทย พื้นเพเป็นชาว จ.นครศรีธรรมราช บ้านเดียวกับท่านอังคาร กัลยาณพงศ์ ซึ่งปัจจุบันได้อุทิศตนร่วมเคลื่อนไหวกับภาคประชาชนในภาคใต้อย่างแข็งขันเพื่อปกป้องแผ่นดินเกิด โดยเฉพาะเกี่ยวกับการต่อต้านโครงการพัฒนาขนาดใหญ่ที่ถูกหว่านโปรยลงสู่พื้นที่

ที่มา

อ่านกันยังไง Animal Farm ไหงกลายเป็น Buffalo Farm ?









ผลงานดับไฟใต้? ห้าปีแสนล้าน...ที่ถูกละลาย พร้อมๆ กับการปิดฉากไปของ คสช. ไฟใต้ยังคงจะหลอกหลอนคนไทยเหมือนเดิม เพราะผู้นำรัฐบาลชุดใหม่กำลังจะเป็นคนเดิม... ไอหยา !!!



คสช.ที่เข้าควบคุมอำนาจการปกครองเมื่อ 22 พ.ค.57 กำลังจะสิ้นสุดทันทีที่ ครม.ชุดใหม่เข้าถวายสัตย์ปฏิญาณ

ผลงานของรัฐบาล "บิ๊กตู่ ณ คสช." ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา ทุกคนคงได้ประจักษ์แก่สายตา และซาบซึ้งถึงหัวใจ ดีบ้างไม่ดีบ้างปะปนกันไป

แต่สำหรับไฟใต้ คงไม่ร้ายแรงเกินไปหากจะบอกว่า...น่าผิดหวัง และเป็นผลงานชิ้นโบดำ

ปัญหาไฟใต้ที่ผ่านมา 10 ปีเศษในวันที่ คสช.เข้ามาบริหารประเทศ ถูกประทับตราว่าเป็น "สถานการณ์ความมั่นคง" ส่งผลให้กองทัพเข้ามามีบทบาทหลักในการจัดการปัญหา

ทั้งๆ ที่ผู้รู้หลายคนทักท้วงว่ามันเป็น "ปัญหาการเมือง" เป็นอาการของความขัดแย้งบนสมการอำนาจที่ไม่สมดุล โดยมีแรงกดทับทางวัฒนธรรมเป็นตัวขับเคลื่อน

เป็นปัญหาความไม่สงบภายในที่ควรใช้ตำรวจและฝ่ายปกครองเป็นกำลังหลักในการบริหารจัดการ และใช้"งานการเมือง" ผ่านกระบวนการพูดคุยเจรจาเพื่อหา "จุดร่วมบนความต่าง" เพื่อหยุดยั้งเสียงปืน เสียงระเบิดของฝ่ายที่เชื่อว่าตนเองถูกกดทับเลือกใช้เป็นเครื่องมือ

แต่เมื่อการแก้ปัญหาถูกตีตรามา 1 ทศวรรษว่าเป็น "งานของกองทัพ" และมีทหารเป็นเจ้าภาพ ซึ่งผู้คนจำนวนมากก็เชื่อเช่นนั้น เพราะบ้านนี้เมืองนี้อะไรๆ ก็ใช้ทหาร ทำให้วันที่ คสช.ก้าวเข้ามา มีความหวังอันแรงกล้าในหัวใจใครหลายคนว่า...ไฟใต้น่าจะถึงคราวดับมอด

เพราะ คสช.คือตัวแทนของเหล่าทัพทุกเหล่าทัพรวมทั้งตำรวจ ซึ่งถือได้ว่าเป็น "หน่วยงานความมั่นคง" ระดับสูงสุดของประเทศ

แต่ผ่านมา 5 ปี รัฐบาล คสช.เทงบดับไฟใต้ไปถึง 94,573.9 ล้านบาท (นับรวมจากงบปี 58 ที่เข้ามาจัดเองหลังยึดอำนาจ จนถึงงบปีปัจจุบัน คือปี 62) ปรากฏว่าสถานการณ์ไฟใต้วันนี้ยังเหมือนเดิม

ตัวเลขงบที่สรุปมานี้ เฉพาะ 3 ปีงบประมาณหลัง (ปี 60-62) ตัวเลขที่แสดงในเอกสารงบประมาณ มีเพียงงบแผนงานบูรณาการฯ ไม่รวมงบกำลังพล เบี้ยเลี้ยง เบี้ยเสี่ยงภัย เงินเพิ่มพิเศษ หรือพวกงบทรงชีพต่างๆ (รัฐบาลก่อนๆ ในอดีตคิดรวมเป็นตัวเลขงบดับไฟใต้ในแต่ละปี) งบในหมวดนี้ที่หายไปจากเอกสารงบประมาณ คิดถัวเฉลี่ยอีกปีละราวๆ 1 หมื่นล้าน เมื่อนำมารวมกับยอดงบประมาณที่แสดงในเอกสาร ย่อมหมายถึงว่าดับไฟใต้ยุค คสช.พุ่งสูงมากกว่าแสนล้านด้วยซ้ำ

แต่ผ่านมา 5 ปี ถึงวันนี้ยังมีระเบิดหน้าตลาด หลังสถานีรถไฟ ประกบยิงทหารพราน ฯลฯ ทั้งเด็ก ผู้หญิง คนแก่ตกเป็นเหยื่อ

ที่ยกตัวอย่างมา ไม่ใช่เป็นการนำสถานการณ์เพียงบางห้วงเวลามาวิจารณ์การทำงานตลอด 5 ปี แต่ถ้าไม่ได้ความจำสั้นก็จะพบว่าช่วงเวลาที่ คสช.เข้ามาเทคโอเวอร์ภารกิจดับไฟใต้ผ่านกลไกกองทัพและ กอ.รมน. โดยยุบเลิก-บอนไซโครงสร้างเดิมในมิติ "การเมืองนำการทหาร" เกือบทั้งหมดนั้น ผลปรากฏว่าสถานการณ์ไม่ได้ดีขึ้น

ในห้วง 5 ปีมานี้มีเหตุรุนแรงขนาดใหญ่เกิดขึ้นมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเหตุสังหารพระถึงในวัด ระเบิดหน้าห้างสรรพสินค้า ปล้นรถกระบะ 6 คันทำคาร์บอมบ์ ฯลฯ หนำซ้ำยังมีเหตุร้ายขยายวงออกนอกพื้นที่ชายแดนใต้หลายครั้งมากเป็นประวัติการณ์ ทั้งระเบิด 7 จังหวัดภาคใต้ตอนบน ระเบิดรูปปั้นนางเงือกริมหาดสมิหลา ฯลฯ

การกล่าวอ้างสถิติเหตุรุนแรงที่ลดลงเป็นเพียงข้อมูลตัวเลขที่สวนทางความรู้สึก เพราะความถี่ลดลงจริง แต่ความร้ายแรงของสถานการณ์ไม่ได้เบาลงตาม

หนำซ้ำยังเป็นการกดตัวเลขด้วยวิธีนับเหตุรุนแรงที่เปลี่ยนไป (เหตุการณ์ที่เกิดในคราวเดียวกัน ไม่ว่าเกิดกี่จุด จะนับเป็น 1 เหตุการณ์ ส่วนเหตุความไม่สงบที่ไม่มีผู้เสียชีวิต มักนับเป็นแค่เหตุก่อกวน)

ยิ่งไปกว่านั้น สถิติตัวเลขที่ลดลงยังมีสาเหตุส่วนหนึ่งมาจากอัตรากำลังพลติดอาวุธของฝ่ายรัฐมีมากกว่า 130,000 นาย แยกเป็นทหาร 24,004 นาย ตำรวจ 9,809 นาย พลเรือน อส. 5,652 นาย และกองกำลังภาคประชาชนที่ผ่านการฝึกอบรมจากหน่วยงานความมั่นคงอีก 95,974 คน (ชรบ. อรบ. อรม. ทสปช. อปพร.) รวมกำลังพลทุกฝ่าย 135,439 คน

เหลียวไปดูการแก้ปัญหาในมิติ "การเมือง" ผ่านโต๊ะพูดคุยเจรจา ตลอด 5 ปีที่ผ่านมาเปลี่ยนตัวหัวหน้าคณะพูดคุยไปแล้ว 2 ครั้ง เป็นทหารยศพลเอกทั้งคู่ (ตั้งใหม่ 1 ครั้ง เปลี่ยนตัว 1 ครั้ง) แต่กระบวนการพูดคุยก็ไม่คืบหน้า ล้มลุกคลุกคลาน โดนกลุ่มผู้เห็นต่างจากรัฐท้าทายและชิงความได้เปรียบอยู่เนืองๆ

ความหวังที่คนไทยเฝ้าคอยกำลังเลือนหายไป งบแสนล้านที่ถูกละลาย พร้อมๆ กับการปิดฉากไปของ คสช.

ทว่าความจริงของไฟใต้ยังคงหลอกหลอน เพราะผู้นำรัฐบาลชุดใหม่กำลังจะเป็นคนเดิม...คนเดียวกับผู้นำคสช.

‘Tear down walls of ignorance and narrowmindedness.' — Angela Merkel got a standing ovation for her rebuke of Trumpism at Harvard's commencement



“ปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง” วีระกรแฉอีกคน รัฐธรรมนูญ60 ออกแบบมาเพื่อให้ พปชร. ได้จัดตั้งรัฐบาล - ออกกฎหมายสูงสุดของประเทศ เพื่อเอื้อประโยชน์ตนเอง (ทำลายประเทศชาตินี่หว่า ฮ่วย !)



วีระกรยอมรับ รัฐธรรมนูญ60 ออกแบบมาเพื่อให้ พปชร. ได้จัดตั้งรัฐบาล




BRIGHT TV
Published on May 29, 2019

วีระกร คำประกอบ สส.เขต นครสวรรค์ เผยสาเหตุที่ย้ายจากพรรคเพื่อไทยมา พรรคพลังประชารัฐ เนื่องจากไปศึกษารัฐธรรมนูญ ปี 60 มาแล้ว กลไกของการเลือกตั้งนั้น ออกมาเพื่อให้พรรคพลังประชารัฐนั้น สามารถเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลได้ และตนคิดว่า หากว่าต้องการให้ประเทศชาติเดินหน้านับหนึ่งต่อไปได้ ต้องย้ายมาอยู่พลังประชารัฐ


Animal Farm ฉบับ ชูวิทย์ (หรือจะเรียกว่า ฟาร์มของลุง น่าจะได้กระมัง...)






Animal Farm ฉบับ ชูวิทย์

ท่านนายกฯลุงตู่ อุตส่าห์แนะนำให้เด็กไทยอ่านหนังสือเรื่อง Animal Farm ของนักเขียนชาวอังกฤษ นามปากกา จอร์จ ออร์เวลล์

ผมเลยถือโอกาสเอามาใช้กับการเมืองไทยยุคปัจจุบัน ให้เข้าสมัยนิยม หวังว่าจอร์จแกคงไม่ว่า เพราะแกเขียนไว้นมนานแล้ว เป็นแนวเสียดสีการเมือง แต่เรื่องบังเอิญไปตรงกับไทยอย่างเหลือเชื่อ

แอนนิมอล ฟาร์ม ฉบับชูวิทย์ เริ่มจากเจ้าของฟาร์มเป็นชาวไร่ที่เอาแต่ใจตัวเอง ไม่สนใจเรื่องสิทธิเสรีภาพ ออกแนวโหด ชอบสั่งการ และขี้บ่น พร่ำบอกแต่ว่า ทำงานฟาร์มเป็นงานที่เหนื่อยยากแสนสาหัส หากไม่จำเป็นไม่อยากทำ ที่ทนทำอยู่ทุกวันนี้เพราะเห็นแก่บรรดาสัตว์ทั้งหลายในฟาร์ม ที่มีทั้ง หมู หมา กา ไก่

เจ้าของฟาร์มสัตว์บอกว่าเวทนา ถือว่าทำบุญทำทานให้ ไม่ได้ต้องการทำเป็นอาชีพแต่อย่างใด เพราะแต่ก่อนมีอาชีพอื่นที่มีเกียรติมีศักดิ์ศรีกว่านี้แยะ อุตส่าห์เสียสละมาทำฟาร์มสัตว์ “ให้เข้าใจกันด้วยสิ ปัดโธ่!”

วิธีการทำฟาร์มของแก คือ ให้สัตว์ทำในสิ่งที่ผิดธรรมชาติ หากสัตว์ตัวไหนไม่เชื่อฟัง จะถูกจับใส่กรงขังเดี่ยว ไม่ให้เห็นเดือนเห็นตะวัน

หากแกโมโห ก็จะเอากะลาเคาะโป๊กๆ ออกเสียงขู่เป็นเลขว่า “สี่สี่“ พวกสัตว์ทั้งหลายก็จะกรูแตกตื่นวิ่งหนีกระเจิงไปตัวละทิศตัวละทาง บรรดาสิงสาราสัตว์ก็กลัวจนขี้หดตดหาย กลายเป็นสัตว์เชื่องเหมือนลูกหมา

สัตว์ประเภทแรกที่รีบเข้ามาคลอเคลียเอาใจคือ “ม้า” ที่เคยช่วยเปิดทางให้เจ้าของฟาร์มเข้ามายึดฟาร์มไปจากเจ้าของเดิม

ม้าตัวนี้เป็นม้าสีดำ อาศัยอยู่ทางตอนใต้ของฟาร์ม เป็นสัตว์ที่มักคิดว่าตัวเองสูงส่งกว่าสัตว์ชนิดอื่นๆ โอ้อวดถึงความรู้ ความสามารถ เพราะถือว่าเคยเป็นผู้นำฝูงในฟาร์มชนชั้นสูงมาก่อน

เมื่อกระจายฝูงออกมา ม้าตัวนี้ก็ทำตัวเป็นจ่าฝูงเรียกร้อง “ชุมนุมมวลมหาสัตว์“ จนกระทั่งเจ้าของฟาร์มสังเกตุเห็นว่า น่าจะถือโอกาสนี้เข้าปกครองสัตว์ด้วยวิธีการที่เจ้าของฟาร์มสมัยก่อนเคยทำ แต่เป็นระบบใหม่ถอดด้ามที่คำนึงถึงผลผลิตล้วนๆ ไม่สนใจคุณภาพ ชนิดที่ซีพีงงว่าทำได้ยังไง?

เจ้าของฟาร์มปกครองมาได้ราว 5 ปี บรรดาสัตว์ต่างๆเริ่มไม่พอใจ เพราะถูกจำกัดเสรีภาพของสัตว์ ต้องอยู่ในกรง พอแกอารมณ์ดีก็ลูบหัวปลอบว่า “ใจเย็นๆ เดี๋ยวแต่งเพลงให้สัตว์ฟัง” ทั้งๆ ที่สัตว์ไม่อยากฟัง เพราะหิวไส้จะขาด จะให้มาฟังเพลงอะไรซ้ำๆกรอกหูอยู่ตลอดเวลา?

เจ้าของฟาร์มชักติดใจในผลประกอบการ จึงแต่งตั้ง “หมู” ที่เป็นสัตว์เฉลียวฉลาดแกมโกง ออกกฎต่างๆ ร่วมวางแผนกันกับ “หมูอาวุโส” ที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมายาวนาน ในที่สุดได้ออก “กฎ” ที่คิดว่าสัตว์อื่นๆ ไม่สามารถอ้าปากหืออือได้

โดยเฉพาะกับสัตว์ปีกอย่าง “พญาระกา” ที่เป็นสัตว์พิเศษ มีปีก นึกอยากจะบินไปไหนก็ได้ แม้ว่าทำผิด ก็ถือโอกาสบินหนีไปเขตดินแดนอื่นเสีย เจ้าของฟาร์มทำอะไรไม่ได้

หมูอ้างกับสัตว์อื่นๆ ว่าที่ต้องทำตามกฎใหม่เพราะสัตว์ทุกตัวจะมีสุขภาพที่ดีขึ้น มีเสรีภาพ เดินวิ่งไปไหนก็ได้ ตามที่เจ้าของฟาร์มเคยสัญญาเอาไว้

เหล่าฝูงสัตว์ต่างก็กระตือรือร้น ตีปีกบ้าง ร้องกันเจี๊ยวจ๊าวบ้าง ที่จะได้อยู่ในกฎใหม่ที่เจ้าของฟาร์มเปิดโอกาส หลังจากฟาร์มทรุดโทรมเหม็นเน่ามากว่า 5 ปี ทำให้สัตว์หลายชนิดเป็นโรคติดต่อตายไปเป็นอันมาก ส่วนที่เหลือก็เฉาเป็นง่อย เช่น เป็ดหางแดง

แต่เมื่อได้เห็นกฎใหม่ที่หมูออกมาแล้ว สัตว์อื่นๆถึงกับอุทานว่า “ไอ้สัตว์!” ด้วยความงุนงงงุ่นง่าน

มีสัตว์อยู่ชนิดเดียวที่แอบหัวเราะชอบใจเหลือหลาย นั่นคือ “งูเห่า” เพราะมีโอกาสขยายพันธุ์ได้แน่นอน ตามกฎใหม่นี้

ส่วนสัตว์อื่นๆ ต้องจำใจทำตามกฎใหม่ของเจ้าของฟาร์มอย่างเคร่งครัด ไม่งั้นไม่รอด

หมูยังออกแบบการขยายพันธุ์เพิ่มอีก 250 ตัว ไว้เป็นเชื้อความฉลาดแกมโกง เพื่อหวังใช้วิธี “ผสมเทียม” คัดเพศได้ตามใจชอบ แถมเจ้าของฟาร์มควบคุมด้วยตัวเอง ไม่มีโอกาสพลาดให้เชื้อแปลกปลอมหลงแฝงเข้ามาเป็นอันขาด

หลังจากการจัดกฎใหม่เสร็จสิ้น ปรากฎว่ามีความพยายามต่อรองของสัตว์กับเจ้าของฟาร์ม เรื่องไม่น่าเกิดก็มาเกิดขึ้นได้ โดยมี “ม้ากับลา” ที่ผูกขาติดกันไม่ยอมไปไหน เพราะถือว่าดั้งเดิมเคยอยู่เป็นคู่เวรคู่กรรมกันมาก่อน

แต่ม้าก็คือม้า มีนิสัยเหมือนเดิม คิดว่าตัวเองฉลาดเสียเหลือทน หลงตัวเอง ชอบเอาหน้า ทั้งที่ตอนนี้ขาหน้าหัก บางตัวก็ยอมสยบ คิดว่าอดอยากมานานหลายปี แต่อดต่อรองไม่ได้ ตามประสาสัตว์ที่คิดถึงแต่เรื่องทำให้ท้องอิ่ม บางตัวก็ยังพยศ คิดว่าเอาตัวรอดได้ จนถึงขนาดเปิดฉากทะเลาะเบาะแว้ง ไล่ให้ออกจากฝูงกันเอง

ส่วนลาก็ยังเป็นลาวันยันค่ำ หวังอาศัยม้าเพื่อต่อรองกับเจ้าของฟาร์ม ทั้งๆที่รู้ว่าเจ้าของฟาร์มเป็นคนถืออำนาจ ไม่ชอบทำตามใจใคร คิดว่าเมื่อตัวเองเป็นคน จะไปให้สัตว์มาต่อรองได้ยังไงกันวะ?

มันผิดวิสัยธรรมชาติของชนชั้นปกครอง “มนุษย์ต้องปกครองสัตว์”

สัตว์อื่นๆ เริ่มรู้ตัว จึงทำเหมือนม้ากับลาบ้าง เจ้าของฟาร์มเริ่มคิดได้ว่า ไม่น่าไปลงทุนทำฟาร์มใหม่ให้เสียเวลา เลี้ยงเหมือนเดิมดีอยู่แล้ว ต้องขู่ ต้องเฆี่ยน ให้เชื่อฟังถึงเอาอยู่

กฎที่กำแพงจึงเหลืออยู่ข้อเดียว คือ “เจ้าของฟาร์มต้องอยู่รอดเสมอ”

สัตว์อื่นๆ อย่าได้สะเออะมีปากเสียง ไปเดิน 2 ขาใส่สูทเหมือนคนไม่ได้เด็ดขาด

สัตว์ต้องอยู่อย่างสัตว์เท่านั้น ไอ้สัตว์


ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์

โปรดอย่าพลาด... Al Jazeera profile Thailand's Rebel Artists - Meet the artists fighting for democracy






#AlJazeeraEnglish #101East #Thailand


🇹🇭 Thailand's Rebel Artists | 101 East


Al Jazeera English
Published on Mar 7, 2019


Rap Against Dictatorship is striking a chord across Thailand. 

The rap group's hit single, What My Country's Got, has been viewed almost 60 million times since it was uploaded last October. 

The lyrics rail against corruption, human rights abuses and a social divide that's grown since the army took power in 2014. 

Five years after the coup, a wave of young artists is finding new ways to push the boundaries in the lead-up to general elections this month. 

Among them is masked graffitist Headache Stencil, who uses spray cans as weapons to create provocative works about the nation's rulers. 

"I've been taught that dictatorship is evil. That's why I stand up for myself and do something about it," he says. 

Laws that protect Thailand's rulers from criticism have been used on an unprecedented scale since the army took over. 

Shortly after the coup, Pornthip Mankong was imprisoned for two and a half years for acting in a university play that was interpreted as critical of the royal family. 

"I know the power of art because I saw the fear of the military. That's why they put me in jail … because they fear," the actress says. 

Thailand's military insists there is no repression and the country hosts major art expos. 

But beyond the glitz, curators say they operate in a climate of fear where soldiers have raided galleries and removed artworks critical of the military. 

101 East meets Thailand's rebel artists.

ooo

"ประเทศกูมี" กล่าวสุนทรพจน์รับรางวัลบนเวทีออสโล นอร์เวย์ - Workpoint News



Workpoint News - ข่าวเวิร์คพอยท์
Published on May 30, 2019

วันพฤหัสบดี, พฤษภาคม 30, 2562

ประยุทธ์เปิดหนังสือ แฉกำพืด 'สัตว์การเมือง' ของตัวเอง


แม่จ้าวโวยหัวหน้ารัฐประหารชวนประชาชนอ่าน แอนิมอลฟาร์มหนังสือคล้าสสิกแฉกำพืดของสัตว์การเมือง เขียนโดย จ๊อร์จ ออร์เวลล์ ที่มีการแปลเป็นไทยไว้แล้ว แต่มีผู้ที่รู้เนื้อหาเยอะแยะพากันชี้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ด่าตัวเองเสียนี่

@VoiceOnlineTH นำวรรคทองของเนื้อเรื่องในหนังสือมาเผย ที่ว่า “สัตว์ทุกตัวเสมอภาคกัน แต่สัตว์บางตัวเสมอภาคยิ่งกว่าสัตว์อื่นๆ” ขณะที่ รศ.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต คณบดีนิด้า ประธาน ครป. (คณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย) ให้ความเห็นบ้าง

“นายกรัฐมนตรีแนะนำให้อ่านหนังสือเรื่องนี้ ตีความได้อย่างน้อย ๒ อย่าง คือต้องการสื่อสารถึงสภาพการเมืองไทยที่ต่อรองแย่งอำนาจและตำแหน่ง หรือต้องการชี้ให้เห็นถึงความเลวร้ายของผู้นำและระบอบเผด็จการ จึงไม่แน่ใจว่านายกฯ เข้าใจในสิ่งที่แนะนำหรือเปล่า” (@weeranan)

หนักกว่านั้นมีคนตั้งข้อสังเกตุสุดแสบ ว่านักรัฐประหารที่ผันตัวจะไปเป็นผู้นำโดยผ่านการชุบตัวจากพรรคการเมืองที่มีรัฐมนตรีลิ่วล้อไปตั้งไว้รองรับฐานอำนาจ คนนี้เคยแนะนำให้อ่านวรรณคดีไทย จินดามณีแต่ “เสือกท่องนิราศสุนทรภู่” ให้ฟังเป็นตัวอย่าง (@redbamboo16)

ทั้งนี้ทั้งนั้นแสดงถึงว่า มีคนจำนวนมากรู้ทันและไม่ต้องการนิ่งเฉยกับการสร้างภาพ ประชาธิปไตยจอมปลอมตบตาชาวบ้านอย่างงั่งๆ ของประยุทธ์กันอีกแล้ว ครั้นปรากฏเสียงครหาหนักเข้าก็ให้ลูกน้องออกมาแก้ตัวน้ำขุ่นๆ

“นายกฯ ไม่อยากให้เชื่อมโยงทุกอย่างเป็นเรื่องการเมือง และอย่าตีความว่าการแนะนำให้อ่านหนังสือเป็นการดูถูกผู้อื่น” ซึ่งก็สายไปเสียแล้ว เพราะมีโฆษกพรรคการเมืองในกลุ่มร่วมสัตยาบันไม่รับการสืบทอดอำนาจของ คสช. วิจารณ์หนักหน่วง

“ทำให้สังคมไทยได้พบความจริงว่า คนที่อยากสืบอำนาจรัฐประหารมีอาการของโรคหลงตัวเองและดูถูกคนอื่นอย่างมาก” น.ส.เกศปรียา แก้วแสนเมือง กล่าวถึงบทบาทของประยุทธ์ว่า “ทำอะไรแบบไร้จิตสำนึก ไม่เคยกลัวใคร และไม่สามารถแยกแยะความดีความชั่วได้”
 
เธอชวนเพื่อนนักการเมืองทุกพรรค “ขอให้ลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีตามจิตสำนึกที่ถูกต้องชอบธรรม ตามความต้องการของประชาชนส่วนใหญ่...ถ้ารักความชอบธรรมและเห็นแก่ประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน”

โดยชี้ว่ามีประชาชน “ที่ไม่ต้องการผู้สืบทอดรัฐประหารประมาณร้อยละ ๗๐ ของประเทศ”


อาการ หลงตัวและวางอำนาจของประยุทธ์นี่เองทำให้สองพรรคการเมืองที่อยากถูกดูดหลังเลือกตั้ง ทำท่าจะถอยออกจาก ดีล กันเสียแล้ว เนื่องจากปรากฏเบาะแสว่าการเข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ ที่เสนอประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรี เท่ากับสยบเข้าไปเป็น ลูกไล่ คสช.ดีๆ นี่เอง

พรรคประชาธิปัตย์ประกาศเลื่อนการประชุมร่วมคณะกรรมการบริหารและ ส.ส.พรรคออกไปโดยไม่มีกำหนด เนื่องเพราะประยุทธ์ประกาศเตือนพรรคที่จะเข้าร่วมรัฐบาล “อย่าเอาเรื่องการแก้ รธน.มาเป็นข้อต่อรองในการร่วมรัฐบาล”
 
นอกจากนั้นประยุทธ์ยัง “ย้ำขอเป็นคนตรวจรายชื่อ ครม. ที่จะร่วมรัฐบาลในอนาคตด้วยตนเอง” ท่าทีวางอำนาจเช่นนี้ทำให้คนประชาธิปัตย์ส่วนหนึ่ง “คิดว่าเป็นก้าวก่าย ครอบงำ ชี้นำพรรคร่วมรัฐบาล” จนทำให้ไม่สามารถร่วมงานกันได้


ข่าวว่าพรรคภูมิใจไทยและชาติไทยพัฒนาก็เริ่มมีท่าที รับไม่ได้กับความร่วมมือแบบวางอำนาจของประยุทธ์เช่นกัน หากพรรคเหล่านี้ลงเอยไม่ยอมเข้าไปเป็นเบี้ยรองบ่อนให้เผด็จการ คสช. ก็จะทำให้ประยุทธ์ต้องตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย จากการโหวตเลือกนายกฯ ของ สว.

นั่นจะเป็นนิมิตหมายที่ดีสำหรับกลุ่มสัตยาบัน ๗ พรรคการเมือง ทำหน้าที่ฝ่ายค้านที่เข้มแข็งกว่ารัฐบาลได้อย่างเต็มพิกัดและเปี่ยมประสิทธิภาพ

สิ้น “เปรม” ฝ่ายประชาธิปไตยควร “โล่งใจ” หรือ “อโหสิกรรม”





สิ้น“เปรม”ฝ่ายประชาธิปไตยควร“โล่งใจ”หรือ“อโหสิกรรม”

jom voice
Published on May 28, 2019


นายอธึกกิต แสวงสุข เจ้าของนามปากกา “ใบตองแห้ง”สื่อมวลชนอาวุโส ให้สัมภาษณ์ Thai Voice กรณีการแสดงความคิดเห็นของกลุ่มประชาชนฝ่ายประชาธิปไตย กรณีการถึงแก่อสัญกรรมของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษว่า บุคคลสาธารณะไม่ว่าขณะมีชีวิตอยู่หรือเสียชีวิตไปแล้วย่อมถูกวิพากษ์วิจารณ์เป็นเรื่องปกติในสังคมประชาธิปไตย แต่การวิพากษ์วิจารณ์ก็ต้องใช้เหตุผลไม่ใช่ใช้อารมณ์ โดยเฉพาะบุคคลที่มีบทบาทในทางการเมืองในอดีตการวิพากษ์วิจารณ์ก็ต้องอาศัยบริบททางการเมืองในอดีตหรือในยุคสมัยนั้นๆ มาประกอบการวิพากษ์วิจารณ์ด้วย
...

คนตายไปแล้วก็แล้วกันไป อโหสิได้ก็ควรอโหสิ

นั่นเป็นความคิดของคนไทยส่วนใหญ่ แม้แต่ในฝั่งแดงยังมีความเห็นอย่างนี้กับการตายของเปรม

ถามว่า....ในกฎหมายมีการอโหสิกรรมมั้ย คำตอบคือ...มี พรบ.นิรโทษกรรมไงครับ และคนที่ใช้การอโหสิกรรมตามกฎหมายบ่อยสุดก็....คณะกบฏที่ยึดอำนาจรัฐสำเร็จ ออกกฎหมายอโหสิกรรม(นิรโทษกรรม)ให้ตนเอง

ลำพังเรื่องส่วนตัว คงไม่มีใครมีสิทธิเข้าไปยุงถ้าคุณจะอโหสิกรรมให้คนที่สร้างเวรกับคุณ แต่กับเรื่องส่วนรวม บุคคลสาธารณะ คนที่ทำความผิดต่อสังคมโดยรวม สมควรได้รับสิทธิอโหสิกรรมมั้ย??

ถ้าคำตอบคือ...ใช่ ก็หมายความว่า คณะกบฏที่ยึดอำนาจรัฐสำเร็จ ควรได้รับการอโหสิกรรมด้วยการออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้ด้วย...อย่างนั้นหรือเปล่า??

ถ้าคำตอบคือ....ใช่ ก็หมายความว่า คณะกบฏคณะอื่นก็ก่อการกบฏได้อีกครั้งแล้วครั้งเล่า เพราะทำเสร็จแล้วก็ได้รับการ "อโหสิกรรม" ไม่ต้องรับผิดในการกระทำผิดกฎหมายด้วยการ...ออก พรบ.นิรโทษกรรม ให้ตัวเอง....ใช่หรือไม่??

ถ้าเปรมสมควรได้รับการอโหสิกรรมด้วยการตาย....ลูกหลานได้รับการยกย่องอีกต่างหาก คนอื่นก็ทำระยำตำบอนต่อส่วนรวมยังไงก็ได้ ขอเพียงสร้างภาพให้เป็น ลูกหลานก็ได้รับการยกย่องหลังตนเองตาย

การให้อโหสิกรรม การเป็นคนดี การมีจิตใจสูง....เป็นคำสอนของเครือข่ายอมาตย์ สุดยอดการกล่อมเกลาให้เป็นคนจิตใจสูง คงเป็นพระพยอมกับการเทศนาสร้างลูกครึ่งคนดีกับระบบการปกครอง

ถ้าการเป็นคนดี มีจิตใจสูง ให้อภัยทรราชเผด็จการ ให้อโหสิกรรมขุนพลทรราชอมาตย์...อย่างเปรม เป็นการหนุนส่งระบบเผด็จการ

การให้อโหสิกรรม การเป็นคนดี การมีจิตใจสูง คงไม่ใช่คำสอน หากแต่เป็น...คำสาปของเครือข่ายเผด็จการทรราช


ประเวศ ประภานุกูล


ความเป็นจริงที่ อ.ธำรงศักดิ์ ค้นพบ.. ผู้นำทหารจอมพลนายพลที่เป็นนายกรัฐมนตรีจากรัฐประหาร ต่างมีแนวโน้มศักยภาพในการบริหารประเทศให้เจริญมั่งคั่งศิวิไลซต่ำ โอวโน !





ความเป็นจริงที่ข้าพเจ้าค้นพบจากการศึกษาผู้นำการเมืองไทยมาหลายสิบปี คือ ผู้นำทหารจอมพลนายพลที่เป็นนายกรัฐมนตรีจากรัฐประหาร ต่างมีแนวโน้มศักยภาพในการบริหารประเทศให้เจริญมั่งคั่งศิวิไลซต่ำ

แต่ระบบที่พวกเขาสร้างขึ้น ที่แจกผลประโยชน์รอบด้านให้ข้าราชการระดับสูง กลุ่มอนุรักษ์นิยม และเอื้อผลประโยชน์ต่อพ่อค้านักธุรกิจผูกขาดที่มาสวามิภักดิ์ ปล่อยให้กลุ่มนี้รันประเทศในด้านต่างๆ โดยเน้นให้ยอมรับว่างบประมาณและผลประโยชน์ทหารทุกด้านต้องสำคัญมาอันดับหนึ่ง และคนกลุ่มนี้ก็อวยชัยยกย่องให้เหล่าจอมพลนายพลดูมีภาพลักษณ์ที่เป็นผู้นำที่แสนวิเศษ ผลิตภาพลักษณ์ให้ตลอดเวลา

ส่วนจอมพลนายพลจะมุ่งเน้นใช้ชีวิตประจำวันไปกับยุทธวิธีกำกับคู่แข่งในกองทัพ และคิดหาแต่กลยุทธทำลายหรือต่อรองกำหราบด้วยวิธีการที่ไม่มีกรอบศีลธรรมสำนึกแห่งอารยธรรมใดๆ เพื่อรักษาอำนาจ

แต่ในทศวรรษที่ผ่านมานี้ ข้าพเจ้าเห็นความเปลี่ยนแปลง หนึ่งในนั้นคือ เราเห็นนายพลนายพันทุกเหล่าทัพแสวงหาวุฒิปริญญาโทปริญญาเอกจากมหาลัยเอกชนเพิ่มเติมก่อนเข้าสู่วัย 50 มันแสดงให้เห็นความเปลี่ยนแปลงด้านสำนึกของความสำคัญว่า บทบาททหารเป็นไปในเส้นเอียงลาดลงจากจุดที่เคยสูงสุดเมื่อ 30-60 ปีที่แล้ว กำลังวิ่งลงตลอดเวลา

นายพลทหารไม่ใช่ผู้นำสังคมวัฒนธรรมการเมืองเศรษฐกิจไทยอีกต่อไป แต่เป็นสิ่งตกค้างทางอดีตเมื่อหนึ่งศตวรรษที่ผ่านมา


ธำรงศักดิ์ เพชรเลิศอนันต์



https://prachatai.com/journal/2019/05/82702

สมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์:นิทาน ม.44 อุ้มทีวีดิจิทัล “ลุงสั่งเฮีย อุ้มเสี่ย ด้วยเงินเรา”

Animal Farm ฉบับเข้าใจง่าย - หมูนโปเลียน = ประวิตร/ประยุทธ์ หมูสโนบอล = แม้ว สวีเลอร์ = สนธิ/สุเทพ ม้า(บ็อกเซอร์) = สลิ่ม





วันนี้จึงมีผู้ที่พูดถึงอันนิมอลฟาร์มนี้กันเยอะ

ผมเดาว่าหลายคนคงจะไม่มีเวลาอ่าน สรุปให้ฟังเลยดีกว่าว่าเรื่องเกี่ยวกับอะไร

animal farm เป็นนิยายที่โดย จอร์จ ออร์เวลล์ นักเขียนชาวบริเตน ปรมจารย์ด้านงานเขียนแนวเสียดสีการเมือง

ผมสารภาพว่าเคยอ่านงานออร์เวลล์แค่สามเรื่องคือ อันนิมอลฟาร์ม, 1984, กับ แด่คาตาโลเนีย

จอร์จ ออร์เวลล์ เกิดปี 1903 ที่อินเดีย (ซึ่งยังเป็นอาณานิคมของ UK) เคยทำงานที่พม่า (ของ UK) ก่อนจะย้ายไปอังกฤษ สมัยหนุ่มเคยประทับใจอุดมการณ์ฝ่ายซ้ายจึงไปช่วยพวกฝ่ายซ้ายรบในสงครามกลางเมืองสเปน แต่ก็พบกับความไร้ประสิทธิภาพของฝ่ายซ้าย (ซึ่งเล่าประสบการณ์มาเป็นเรื่อง แด่คาตาโลเนีย) สุดท้ายก็กลับอังกฤษไปทำงานให้ BBC

ประสบการณ์ทำให้ออร์เวลล์ เห็นทั้งความไม่เป็นธรรมในอาณานิคม การแบ่งแยกชนชั้นในสังคมอังกฤษสมัยนั้น การเอาเปรียบของฝ่ายขวา ความไร้ประสิทธิภาพของฝ่ายซ้าย และความน่ารังเกียจของการโฆษณาชวนเชื่อ

อันนิมอลฟาร์ม เป็นนิยายเสียดสีเผด็จการณ์ ซึ่งทำให้อ่านง่ายเหมือนนิทาน และสนุกด้วย

เรื่องคือฟาร์มแห่งหนึ่งซึ่งมีเจ้าของคือชาวไร่ขี้เมา ชาวไร่เอาแค่กดขี่ใช้แรงงานสัตว์ จนในที่สุดสัตว์ก็ทนไม่ไหวจนเกิดจลาจลขึ้น นำโดย หมูตัวหนึ่งชื่อ ผู้พันเฒ่า

(ซึ่งชาวไร่แทนซาร์นิโคลาส - ผู้พันเฒ่าแทนเลนิน นั่นเอง)

พวกสัตว์ช่วยกันอย่างแข็งขัน ในช่วงแรกทุกอย่างดูยิ่งใหญ่ สดใสไปหมด ในที่สุดสัตว์ก็เอาชนะ ไล่มนุษย์ออกไป และเริ่มปกครองไร่

พวกเขาเขียนกฎบนผนังฟาร์มเช่น "สัตว์ทุกตัวเท่าเทียมกัน” ห้ามสัตว์ทำตัวเหมือนมนุษย์ เช่นห้ามยืนสองขา ห้ามใส่เสื้อ ห้ามดื่มเหล้า (แต่จริงๆก็แทบจะไม่มีสัตว์ตัวไหนอ่านออก)

แต่แล้วนายพลเฒ่าก็ตาย

อำนาจตกเป็นของสองผู้สืบทอด หมูนโปเลียน (สตาร์ลิน) หมูทหาร กับหมูสโนบอล (ตอร์ทสกี้) หมูฉลาด

พวกหมูเริ่มหว่านล้อมเหล่าสัตว์ว่าควรอยู่ใต้การปกครองของหมู เพราะหมูฉลาดว่าสัตว์อื่น หมูจึงควรมีหน้าที่ปกครอง ม้าที่ขยันแต่โง่ควรทำนา เป็นการแบ่งงานกันทำ เพื่อประโยชน์สูงสุดของฟาร์มและเหล่าสัตว์

นโปเลียนให้ลูกน้องชื่อ สวีเลอร์ไปโฆษณาชวนเชื่อหลอกสัตว์ เช่นบอกว่า "จะทำให้แต่ละสัปดาห์มี 5 วัน จะได้ทำงานน้อยลง เหลือแค่ทำสัปดาห์ละ 5 วัน"

จากนั้นนโปเลียนก็เขียสโนบอลทิ้ง ยึดอำนาจเบ็ดเสร็จจนต้องหนีออกจากฟาร์ม

จากนั้นสวีเลอร์ก็อัดโฆษณาชวนเชื่อว่า สโนบอลติดต่อกับมนุษย์ ท่านนโปเลียนเลยต้องกำจัดเพื่อปกป้องไร่

นโปเลียนปกครองไร่เบ็ดเสร็จ ควบคุมการจัดการอาหาร และสั่งทำโครงการกังหันน้ำ ซึ่งตอนแรกเป็นแนวคิดของสโนบอล แต่แน่นอนว่าลูกน้องโฆษณาว่าเป็นวิสัยทัศน์ของท่านนโปเลียน

พวกสัตว์เริ่มรู้สึกว่าอาหารของตัวเองน้อยลงเรื่อยๆ แต่ลูกน้องของนโปเลียนก็บอกพวกสัตว์ว่าเป็นเพราะสโนบอลกับมนุษย์

เริ่มมีสัตว์สงสัยในตัวนโปเลียน แต่บ็อกเซอร์ ม้าผู้ซื่อสัตว์ ทำงานหนัก เป็นสัตว์ดี แต่โง่ ก็จะไปจัดการพวกผู้ต่อต้านนโปเลียน บ็อกเซอร์เชื่อว่าผู้ต่อต้านนโปเลียนคือสายของพวกมนุษย์

ในที่สุดนโปเลียนก็ติดต่อกับมนุษย์ เพื่อซื้อเหล้า แต่บ็อกเซอร์ (ตัวแทนของชนชั้นกรรมาชีพ) ไม่เคยสงสัยในตัวนโปเลียน

พวกหมูเริ่มยืนสองขา ใส่สูท พวกนี้เริ่มเอาผลผลิตในฟาร์มไปขายให้มนุษย์ และซื้อเหล้า ซื้ออาหารมากินกันเองในหมู่พวกหมู

ในที่สุด ฉากสุดท้ายของเรื่อง เป็นฉากที่พวกสัตว์มองเข้าไปในโรงนา เห็นหมูกำลังใส่สูทสังสรรค์กับมนุษย์โดยที่เหล่าสัตว์ไม่เกี่ยวข้องด้วย กฎที่กำแพงเหลืออยู่ข้อเดียวคือ "สัตว์ทุกตัวเท่าเทียมกัน แต่บางตัวเท่าเทียมกว่าสัตว์ตัวอื่น" สุดท้ายแล้ว ก็ไม่แน่ใจว่าใครเป็นสัตว์ ใครเป็นมนุษย์

อันนิมอลฟาร์มเป็นหนังสือที่ดี บาง อ่านง่าย เพราะเขียนเหมือนนิทาน ที่อังกฤษกำหนดให้เป็นหนังสืออ่านนอกเวลาของชั้นประถม

เรื่องนี้ผมเห็นด้วยกับลุงตู่ จริงๆควรจะกำหนดไว้ในหลักสูตรประถมหรือ ม.ต้น ให้เด็กอ่านกันทุกคน

เนื่องจาก จอร์จ ออร์เวลล์ เสียชีวิตไปนาน ลิขสิทธิ์หลุดไปแล้ว จึงอ่านฉบับภาษาอังกฤษฟรีได้ที่นี่ครับ

https://ebooks.adelaide.edu.au/o/orwell/george/o79a/complete.html
.
.
.
ส่วนนี่นิยายผม อุดหนุนได้นะครับ 555+
E-book :
เล่ม 1 - https://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&book_id=84201
เล่ม 2 - https://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&book_id=94837

สั่งซื้อเล่ม :
เล่ม 1 - https://www.palonovel.com/product/50/เกิดใหม่ครั้งนี้จะสร้างประเทศที่ดีได้หรือเปล่านะ-เล่ม-1-ปกธรรมดา
เล่ม 2 - https://www.palonovel.com/product/57/เกิดใหม่ครั้งนี้จะสร้างประเทศที่ดีได้หรือเปล่านะ-เล่ม-2-ปกธรรมดา


Starless Night - Harit Mahaton


นัยยะใน Animal Farm ของ “จอร์จ ออร์เวลล์” และวาทะเรื่อง “วรรณกรรมกับเผด็จการ”





จอร์จ ออร์เวลล์ นักเขียนชื่อก้องโลกจากผลงาน “1984” ไม่ได้มีผลงานสร้างชื่อแค่เรื่องเกี่ยวกับ “บิ๊กบราเธอร์” เขายังมีผลงานชื่อ Animal Farm และ Burmese Days อันเป็นผลงานเชิงเสียดสีถึงการบอกเล่าสะท้อนสังคมการเมืองที่น่าสนใจไม่แพ้กัน ความเชื่อมโยงของผลงานทั้ง 3 ชิ้นนี้อาจมีจุดยึดโยงว่าด้วยเรื่องเกี่ยวกับการเมือง การปกครอง แต่ที่น่าสนใจอาจเป็นจุดแต้มที่ใหญ่พอสมควรระหว่าง “วรรณกรรม” กับ “ระบอบการปกครองที่มีลักษณะเผด็จการ”
.

“แอนิมอล ฟาร์ม” 

“เนื้อเรื่องโดยทั่วไปแล้วเกี่ยวกับ พวกสัตว์ในฟาร์มตัดสินใจโค่นอำนาจมนุษย์เจ้าของฟาร์มแล้วบริหารฟาร์มกันเอง การปฏิวัตินำโดยกลุ่มสุกรที่จินตนาการถึงรัฐในอุดมคติที่ทุกชีวิตเสมอภาคกัน ปลอดจากมนุษย์ผู้กดขี่ทารุณ แต่อุดมคติของสุกรพวกนี้ค่อยๆ ถูกละทิ้งไปเมื่อมีอำนาจในมือ และต่อมาพวกมันก็กลายเป็นผู้กระทำทารุณและละโมบเสียเอง

พวกมันออกกฎว่าสุกรเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้กินแอปเปิลในสวนได้ (อ้างว่าแอปเปิลมีประโยชน์ทางโภชนาการยิ่งในการบำรุงสมองสุกร) และพวกมันฟูมฟักสุนัขพันธุ์ดุร้ายไว้เพื่อตรวจตราควบคุมพวกไก่ แกะ วัว และม้าที่อาศัยอยู่ในฟาร์ม ขณะที่พวกสุกรครอบครองความสุขสบายของมนุษย์ที่พวกมันโค่นอำนาจไป อาทิ นอนในบ้านของมนุษย์และกินวิสกี้อย่างตะกละตะกลาม สัตว์อื่นๆ พากันล้มตายเพราะทำงานหนักเกินกำลังและอดอยาก”

ออร์เวล เขียน “แอนิมอล ฟาร์ม” จากการปฏิวัติรัสเซียเมื่อค.ศ. 1917 รวมถึงความพยายามอันน่ากลัวของสตาลินในการสร้างกรรมสิทธิ์ร่วมในพื้นที่เกษตรกรรมของสหภาพโซเวียต อันเป็นผลให้ชาวโซเวียตต้องเสียชีวิตหลายล้านราย

ออร์เวลล์ เคยเขียนไว้ว่า รัฐบาลเผด็จการรู้ว่าการครองอำนาจของตนไม่ชอบธรรม และด้วยเหตุนี้จึงไม่มีทางให้มีการบันทึกความจริง เพื่อจะรักษาสถานะเอาไว้ ดังนั้น จึงต้องอาศัยทักษะเล่าความเท็จ

ข้อเขียนของออร์เวล ชื่อ “Literature and Totalitarianism” (วรรณกรรมกับระบอบเผด็จการ) บรรยายไว้ว่า “วรรณกรรมต้องแสดงออกอย่างซื่อสัตย์ถึงสิ่งที่คนคนหนึ่งคิดและรู้สึก มิฉะนั้นก็ย่อมไม่มีความหมาย” ซึ่งสรุปแบบรวบรัดว่า “ระบอบเผด็จการเข่นฆ่าความคิดสร้างสรรค์”

“จินตนาการก็เหมือนสัตว์ป่าบางชนิดที่จะไม่สืบพันธุ์เมื่อถูกกักขัง” ข้อความตอนหนึ่งจากงานเขียนของออร์เวลล์

ที่มา

นัยยะใน Animal Farm ของ “จอร์จ ออร์เวลล์” และวาทะเรื่อง “วรรณกรรมกับเผด็จการ”

https://www.silpa-mag.com/culture/article_33490
...



พล อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาฝากแนะนำให้อ่านหนังสือ Animal Farm ฉบับภาษาไทย ซึ่งเป็นหนังสือน่าอ่านที่ให้ข้อคิดเกี่ยวกับการดำเนินชีวิตได้เป็นอย่างดี - ลุงแกคงหมายถึง Old Macdonald had a Farm E-I-E-I-Oมั๊ง ?














บรรยากาศงานรับรางวัล Václav Havel Prize for Creative Dissent ช่วงกลุ่ม Rap Against Dictatorship เจ้าของเพลงแร็ป ‘ประเทศกูมี’ ในงาน Oslo Freedom Forum 2019 เมืองออสโล ประเทศนอร์เวย์




https://www.youtube.com/watch?v=rRoHAc7huaA


PITVFANPAGE
Published on May 29, 2019

บรรยากาศงานรับรางวัล Václav Havel Prize for Creative Dissent ช่วงกลุ่ม Rap Against Dictatorship เจ้าของเพลงแร็ป ‘ประเทศกูมี’ ในงาน Oslo Freedom Forum 2019 เมืองออสโล ประเทศนอร์เวย์


..



https://www.facebook.com/thematterco/videos/833165333733378/

"ทุกคนที่ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยในประเทศไทย พวกคุณนำพารางวัลนี้มาให้เรา"
.
วันนี้กลุ่ม Rap Against Dictatorship เจ้าของเพลงแร็ป ‘ประเทศกูมี’ ขึ้นรับรางวัล Václav Havel Prize for Creative Dissent ซึ่งมอบให้กับผู้กล้าหาญ ที่มีความคิดสร้างสรรค์ในการคัดค้านความไม่ยุติธรรม ที่ประเทศนอร์เวย์
.
ระหว่างขึ้นรับรางวัล Jacoboi ได้กล่าวสุนทรพจน์ และ Liberate P ได้แร็ปเดือดๆ บนเวทีด้วย เราขอนำบางช่วงบางตอนมาให้ร่วมรับชมไปพร้อมๆ กัน

#RapAgainstDictatorship #speech #TheMATTER


วันพุธ, พฤษภาคม 29, 2562

In the meantime. ไอทู้บขยายเพดานก่อหนี้ชาติ เตรียมไว้รอกลับมาครองอำนาจต่อ


“ท่ามกลางการเขย่า ดีล ตั้งรัฐบาล และการเตรียมโหวตนายกฯ...บิ๊กแดง ผบ.ทบ. มาทำเนียบฯ พบ นายกฯ บิ๊กตู่ แต่เช้า” วาสนา นาน่วม โพสต์สดๆ วันนี้ ในสถานการณ์ที่ ปชป.ยังเล่นองค์หลายกั๊ก และชาติไทยพัฒนาไม่พอใจตำแหน่งรัฐมนตรีแลกเสียง ส.ส.

ขณะที่รองโฆษกพลังประชารัฐไม่แคร์ ปชป.ไม่มาก็ตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยได้ ถึงไม่ตั้งก็ยังเป็นนายกฯ ต่อไป ท้ายสุดยุ่งนักหัวหน้ารัฐประหารยังสามารถทิ้งไพ่ใบสุดท้าย ยุบสภา ก็ได้

‘In the meantime.’ หัวหน้ารัฐประหารคนนี้ที่ครองบ้านผ่านเมืองมา ๕ ปี ดีแต่จับจ่ายถลุงเงินในคลังเป็นว่าเล่น แล้วนี่ก่อนเปลี่ยนผ่านไปเป็นนายกฯ อีกสมัยจากการฟอกขาวด้วยเลือกตั้ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ออกประกาศนโยบายการเงินการคลังใหม่

ขยายเพดานการก่อหนี้ผูกพันของชาติขึ้นไปจากเดิม ๕% เป็น ๘% (ประกาศเมื่อ ๒๗ พ.ค. ให้มีผลย้อนหลังไปวันที่ ๒๒ พ.ค. เป็นต้นมา) พร้อมๆ ไปกับการอนุมัติสัมปทานสร้างรถไฟความเร็วสูงเชื่อม ๓ สนามบิน มูลค่าเกือบ ๑ แสน ๕ หมื่นล้านบาท

สัมปทานนี้เป็นข่าวต่อเนื่องมาตลอด ว่าคนที่ได้ไปเป็นเจ้าสัวซีพีและเครือข่าย ที่ มรว.ปรีดิยาทร เทวกุล เคยปูดว่าสนิทชิดเชื้อเอื้ออาทรต่อกันและกันเป็นอันดีกับ คสช. ประจวบพอดีกับวันนี้ (๒๘ พ.ค.) เป็นวันที่ พรบ.ความมั่นคงไซเบอร์ มีผลบังคับใช้
 
ต่อนี้ไปคนที่จะบักโกรกบักอานมากกว่าใคร คือประชาชนฝั่งตรงข้ามกับพรรคการเมืองที่เกาะขาแนวนโยบายสืบทอดอำนาจ คสช. เพราะนอกจากให้อำนาจล้นหลามกับ เจ้าพนักงานแล้วยังเอามาใช้เป็นเครื่องมือไล่ล่าคนที่วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลด้วย


ประเด็นอนุมัติทิ้งทวน “โครงการที่มีมูลค่าสูงมหาศาล ในวันที่มีรัฐสภาชุดใหม่แล้ว และรัฐบาลใหม่กำลังอยู่ในระหว่างการจัดตั้ง” ประจักษ์ ก้องกีรติ นักรัฐศาสตร์ มธ.ตั้งคำถามว่า “เหมาะสมหรือไม่” ทั้งที่ ครม.ชุดนี้ลาออกไปทำงานพรรคการเมืองให้ คสช. เกือบครึ่งแล้ว

ไอ้พรรคการเมืองของ คสช.นี่ก็เหมือนกัน มีนโยบายอยู่อย่างเดียวในเรื่อง ดูดตั้งแต่ ส.ส.เก่าพรรคโน้นพรรคนี้มาสวมเสื้อ พปชร.สมัครรับเลือกตั้ง (มากที่สุดจากเพื่อไทย ๔๐ คน) แล้วตอนนี้นี้ดูดต่อ ส.ส.ใหม่จากพรรค งูเห่างูห่าสามสี่แห่ง แต่ดูดไม่คล่องเจอกระดูกเรื่องตำแหน่งรัฐมนตรี

ตัวช่วยที่เรียกว่า กกต. กรรมการเลือกตั้งเล่นท่าพลิกแพลง หลังจากเลือกตั้งซ่อมเสร็จพรรคฝ่ายไม่เอา คสช.ได้คะแนนท่วมท้น ได้ ส.ส.เพิ่ม ๑ คน พอ กกต.คิดคะแนนเสร็จ อ๊ะ พรรคฟากนิยมเผด็จการกลับได้เพิ่มเหมือนกันอีก ๒ คน
 
คือ มาดามเดียร์ น.ส.วทันยา วงษ์โอภาสี พรรคพลังประชารัฐ และพรรคประชาธิปัตย์ สาวตั๊น น.ส.จิตภัสร์ กฤดากร โดยต้องไปเด้ง ส.ส.พรรคไทรักธรรมที่คะแนนแค่ ๓ หมื่น ๓ พัน ออกไปหลังจากได้ใส่ชุดสวยสามวัน

นายพีระวิทย์ เรื่องลือดลภาค คนนี้เป็นหนึ่งใน ส.ส.บัญชีรายชื่อประเภท เอื้ออาทรที่มีลิ้นเป็นเครื่องเชิดหน้าชูตา แทนที่จะสลดหดหู่กับการตกสวรรค์กลับใช้ความสามารถพิเศษให้เป็นประโยชน์สูงสุด ทั้ง เลีย คสช. และรัวด่าพรรคเพื่อไทย

อย่างนี้ไม่ต้องรอเลือกตั้งครั้งหน้า ครานี้นี่แหละไม่ช้าอาจได้งานหางปลาที่รัฐบาลตู่ ๒ เขี่ยให้ ก็ ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐมั่นใจสุดๆ “พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ แน่นอน” แม้ตอนนี้ดีลกับพรรคประชาธิปัตย์ยังไม่ลงตัวดี

หรือกระทั่งดีลกับชาติไทยพัฒนาทำท่าไม่ลื่น “หลังจากที่นายนิกร จำนง ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรค ชทพ. ออกมาระบุว่ายังไม่มีความชัดเจนเรื่องการร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ” เนื่องจาก พปชร.หวงก้างไม่ยอมปล่อยกระทรวงทรัพยากรฯ

“หากสุดท้ายแล้ว ปชป.ไม่เข้าร่วม เราก็จะยืนยันการเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย และเสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ ซึ่งมั่นใจได้รับการสนับสนุนจาก ส.ว.” ผัวทยาคุยใหญ่หลังจากที่ปล่อยมุขวิชามาร “ว่า การยุบสภาเป็นทางเลือกหนึ่ง”


นี่แหละหนาที่เขาว่าจิตสำนึกเบื้องลึก (สันดาน) เผด็จการ ต่อให้ลอกคราบ ชุบตัวได้ดีอย่างไร ถึงคราวเมล็ดในแตก ธาตุแท้ย่อมจะทะลักออกมาส่งกลิ่นคลุ้ง