วันเสาร์, เมษายน 30, 2559

ประชาชนสอบถามไม่ได้ ติไม่ได้ อย่าเรียกประชามติเลยครับ เรียก 'ประชามะให้ติ' ดีกว่า




http://news.voicetv.co.th/thailand/359142.html

วิวาทะ ประชา(ม)ติ ร่าง รธน.ไม่ได้?

by Wanee L.
30 เมษายน 2559
สืบจากเสียง ประจำวันที่ 30 เมษายน 2559

ร่างรัฐธรรมนูญ ก่อนการลงประชามติมีออกมาจากหลากหลายบุคคล จนเกิดความสับสนอย่างมาก เพราะไม่เพียงแต่ พ.ร.บ.ประชามติ ที่มีระเบียบออกมาแล้ว กฎหมายอื่นๆที่เกี่ยวข้องของ คสช. ยังเป็นกับดักด้านสิทธิเสรีภาพบนข้อจำกัด จนนำมาสู่วิวาทะที่ว่า อะไรทำได้อะไรทำไม่ได้




'จตุพร' ท้าตำรวจโชว์หลักฐาน โยง 'โอ๊ค' จ่ายเงินทำเพจล้อนายกฯ คสช กระชับอำนาจรอบใหม่ เสี่ยงกระแทก"กล่องดวงใจ"ทักษิณ






ที่มา ไทยรัฐออนไลน์
30 เม.ย. 2559

'จตุพร' ออกโรงสวน คสช.อุ้ม 8 มือโพสต์แล้ว แจ้งข้อหาภายหลัง ท้าตำรวจโชว์หลักฐาน โยง "พานทองแท้" จ่ายเงินทำเพจล้อเลียนนายกฯ ระบุ 'บิ๊กตู่' ไม่ใช่นายกฯ คนแรกที่ถูกล้อ...

เมื่อวันที่ 30 เม.ย.59 นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวในรายการมองไกลว่า หลายคนห่วงใยกับคำสั่งเสียของตนที่ระบุว่า จงใช้ชีวิตและอิสรภาพของตนเพื่อเปลี่ยนแปลงบ้านเมืองให้งดงามนั้น ตนเป็นคนมีเพื่อนมาก รู้ว่าใครกำลังคิดจะทำอะไรกับตน การข่าวของตนไม่เคยผิดพลาด ใครที่วางแผนจะกระทำการอะไรกับตน เชิญ ไม่มีปัญหา ถ้าวิธีการทำอยู่ไม่อับอาย ตนขออายแทนก็แล้วกัน ความจริงถ้าเดินตามเกมที่เขาวางเอาไว้โดยไม่รู้การข่าวกันล่วงหน้า บัดนี้ตนอยู่ในเรือนจำเป็นที่เรียบร้อย ดังนั้นอะไรก็เกิดกับตนได้ทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นการสูญสิ้นอิสรภาพหรือชีวิตก็ตาม ถือว่าตนได้สั่งเสียเอาไว้แล้ว กรณีการดำเนินคดีกับผู้ต้องหา 8 รายนั้น แค่เริ่มต้นก็เป็นปัญหาแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมได้ตามหมายจับของศาลทหาร ถามว่าจับที่ไหนคำตอบคือจับที่ มทบ.11 เพราะทหารไปอุ้มเอาตัวมาหมดแล้วโดยใช้คำสั่งของ คสช. จากนั้นจึงขออนุมัติหมายจับกันทีหลัง

ประธาน นปช.กล่าวต่อว่า การตั้งข้อหาจากเพจเฟซบุ๊กล้อเลียน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ลองไปดูอดีตนายกรัฐมนตรีทุกคน ใครบ้างที่ไม่ถูกการ์ตูนล้อการเมือง ใครบ้างไม่ถูกนำมาล้อเลียน ในต่างประเทศก็มีเช่นกัน ตนไม่เห็นว่าใครจะเป็นจะตายกระทบต่อความมั่นคง หรือเกิดความปั่นป่วนขึ้นในราชอาณาจักร ตนมีความเห็นว่าบุคคลธรรมดาที่เป็นบุคคลสาธารณะสามารถแตะต้องได้ ส่วนที่ระบุว่าได้รับเงินสนับสนุนจาก นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นวิธีการวางผังเชื่อมโยง ซึ่งหน้าที่ของพนักงานสอบสวนต้องนำหลักฐานการเงินมาแสดง โดยเฉพาะนายชัยธัช รัตนจันทร์ ที่อ้างว่าได้รับเงินสนับสนุนจากนายพานทองแท้ แต่กลับอ้างความสนิทสนมโดยไม่มีหลักฐาน

นายจตุพร กล่าวอีกว่า ส่วนที่มีการพาดพิงตนว่าผู้ต้องหาสนิทกับตนและแกนนำ นปช.เป็นพิเศษ และเป็นคนก่อตั้งเพจต่อต้านรัฐบาลหลายเพจนั้น เป็นการทำสำนวนเล่นงานคนอื่น ตนได้ต่อต้านรัฐบาลแล้วหรือไม่ เรื่องที่ตนไม่ชอบนั้น จริง แต่ยังไม่ได้ต่อต้าน ถ้าต่อต้านก็ไม่อยู่กันแบบนี้ แต่ต้องเป็นอีกแบบหนึ่ง การที่เอารูปตนไปพาดพิง เพราะจะบอกว่าหลักฐานเชื่อมโยงถึงแล้วตะครุบตัวไว้ก่อน และบอกว่าคดีนี้เป็นภัยต่อความมั่นคง อัตราโทษสูง และให้คัดค้านการประกันแล้วไปต่อสู้คดีกันเอง

นายจตุพร กล่าวด้วยว่า ส่วนที่ พล.อ.ประยุทธ์ บอกว่าตัวเองเป็นเม่นต้องพองขนกลัวคนรังแก ตนอยากบอกว่าไม่มีใครรังแกท่านเลย พล.อ.ประยุทธ์ไม่ใช่นายกรัฐมนตรีคนแรกที่โดนล้อ พล.อ.ประยุทธ์ต้องไม่ลืมว่าตัวเองเป็นนายกรัฐมนตรี เป็นนักการเมือง แม้จะมาจากการรัฐประหารก็ตาม ต้องไม่ลืมว่าตัวเองไม่ใช่ ผบ.ทบ.และไม่ต้องกลัวว่าใครจะคว่ำร่างรัฐธรรมนูญนอกกติกา ร่างรัฐธรรมนูญของนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ อดีตประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญก็ถูกสปช.ที่ท่านตั้งมาล้มเอง มาครั้งนี้ก็เช่นกัน ตนพูดชัดไม่รณรงค์ใดๆ เพราะเชื่อว่าประชาชนเขาสรุปความไปแล้ว แต่กลัวที่สุด คือ กลัวโกงและคนไปใช้สิทธิน้อย และอย่ามาห้ามตนในการตรวจสอบในฐานะภาคประชาชน.


ooo

คสช กระชับอำนาจรอบใหม่ เสี่ยงกระแทก"กล่องดวงใจ"ทักษิณ



https://www.youtube.com/watch?v=PAhei6KXgN0

jom voice

Published on Apr 29, 2016

นายสุณัย ผาสุข ที่ปรึกษาองค์กรสิทธิมนุษยชนสากล ( Human Rights Watch ) ให้สัมภาษณ์ Thaisvoicemedia กล่าวถึง การกวาดล้างจับกุมประชาชนที่วิจารณ์ คสช.และพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นากยรัฐมนตรีอย่างจริงจังขณะนี้ว่า เป็น คสช.เพราะล้มเหลวในการบริหารประเทศช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ประเทศมีวิกฤติเกือบทุกด้าน ทางเดียวที่จะลงจากอำนาจได้คือการบังคับให­้ประชาชนรับร่างรัฐธรรมนูญ แต่การปกครองด้วยความกลัวอาจจะไม่ได้ผลกับ­ประชาชนที่ตื่นตัวทางการเมือง แต่ก็น่าแปลกใจว่า กลุ่มประชาชน เครือข่ายชุมชน แรงงาน สภาพแวดล้อม สาธารณสุข ทั้งหลาย ที่เคยหนุนรัฐประหาร ต่อต้านทุนสามานย์ ถึงตอนนี้ยังไม่สำนึก ทั้ง ๆ ที่ ทุนใหม่ที่ร่วมมือกับเผด็จการทหาร ก่อตั้งเป็น บริษัทประชารัฐ นั้นน่ากลัวว่า ทุนสามานย์ที่กล่าวหาทุนทักษิณด้วยซ้ำ เพราะใช้อำนาจเบ็ดเสร็จตาม ม.44 ที่ร้ายแรงกว่านั้นคือฝ่ายตุลาการก็ให้การ­รับรองในการเป้นรัฐาธิปัตย์ นอกจากนั้นการจับกุมทีมเวปเพจ"เรารัก พล.อ.ประยุทธ์"และกำลังพยายามโยงให้ไปถึงน­ายพานทองแท้ ชินวัตร ลูกชายของ นายทักษิณ ชินวัตร นั้นจะนำประเทศไปสู่ความรุนแรงขนาดไหนอย่า­งไรนับจากนี้เป็นเรือ่งที่น่ากังวลอย่างยิ­่ง

"ทนายอานนท์"เตือนเฟสบู๊คไม่ปลอดภัย จนท.รัฐ เจาะข้อมูลในกล่องข้อความได้ เผยเบื้องหลังจับ 8 มือโพสต์ หวังโยงกลุ่ม"ทักษิณ"






https://www.youtube.com/watch?v=-EieH2Z9OiQ

"ทนายอานนท์"เตือนเฟสบู๊คไม่ปลอดภัย จนท.รัฐ เจาะข้อมูลในกล่องข้อความได้

jom voice

Published on Apr 30, 2016

นายอานนท์ นำภา ทนายความ ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน และแกนนำกลุ่มพลเมืองโต้กลับ ได้ตั้งข้อสังเกตุ กับ Thaisvoicemedia เกี่ยวกับการช่วยเหลือทางคดีกับผู้ต้องหา 8 มือโพสต์เพจ "เรารัก พล.อ.ประยุทธ์" ว่า หน่วยงานความมั่นคง และทหาร ได้ใช้ข้อมูลในเฟสบุ๊ค ที่มีการพูดคุยกันเป็นการส่วนตัวในกล่องข้­อความ มาใช้เป็นหลักฐานและข้อมูลดำเนินคดีกับผู้­ต้องในคดี ม.116 และ ม.112 ซึ่งไม่ทราบว่าเป็นการยินยอมของทางเฟสบุ๊ค­ในไทยเอง หรือ ทหารใช้เครื่องมือเข้าไปแฮคเอาข้อมูลนั้นอ­อกมา เท่ากับว่าการพูดคุยผ่านโซเชี่ยลมีเดียทั้­ง เฟสบุ๊ค หรือ ไลค์ ไม่ปลอดภัยอีกต่อไปแล้ว ซึ่งผู้ใช้ต้องระมัดระวัง ส่วนตัวเห็นว่า ควรจะพูดวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นอย่างเ­ปิดเผยจะดีกว่า อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ จะหารือกับกลุ่ม Social Network ว่าจะเรียกร้องให้ บริษัทเฟสบุ๊คในประเทศไทย รักษาความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้อย่างไร

.....



https://www.youtube.com/watch?v=uhxG3S41QcM

"อานนท์ นำภา" เผยเบื้องหลังจับ 8 มือโพสต์ หวังโยงกลุ่ม"ทักษิณ"

jom voice

Published on Apr 29, 2016

นายอานนท์ นำภา ทนายความ ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน และแกนนำกลุ่มพลเมืองโต้กลับให้สัมภาษณ์ Thaisvoicemedia เกี่ยวกับการช่วยเหลือทางคดีแก่ 8 มือโพสต์เพจ"เรารัก พล.อ.ประยุทธ์" ว่า ผู้ต้องหาทั้ง 8 คนยอมรับมีการตัดต่อภาพล้อเลียน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จริง เพราะเป็นเรื่องปกติในวัฒนธรรมในสังคมประช­าธิปไตย แต่การไปตั้งข้อหาด้วย ม.116 ว่าเป็นภัยต่อความมั่นคงเป็นเรื่องที่เกิน­กว่าเหตุ อีกทั้งก่อนหน้านี้ เคยมีคดีกล่าวหาพล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งศาลทหารก็เคยวินิจฉัยว่าเป็นเพียงคดีห­มิ่นประมาท แต่เบื้องหลังของการเอาผิดกับทั้ง 8 คนด้วยข้อหาเป็นภัยต่อความมั่นคง เพราะคสช.ต้องการจะโยงไปถึงกลุ่มการเมือง โดยเฉพาะคุณพานทองแท้ ชินวัตร และเพื่อสร้างความกลัวให้ ร่างรัฐธรรมนูญ ผ่านการทำประชามติ จึงขอเรียกร้องให้คนที่มีภูมิคุ้มกัน เช่น นักวิชาการ นักกฎหมายนักศึกษา ได้ออกมาแสดงการไม่ยอมรับต่อการละเมิดเสรี­ภาพในการแสดงความคิดเห็นของประชาชน เพื่อยืนยันให้ คสช.รู้ว่าประชาชนไทยจะไม่ยอมอยู่ภายใต้คว­ามหวาดกลัว อย่างไรก็ตามเชื่อว่า การต่อสู้ทางคดีให้กับทั้ง 8 คนไม่มีอะไรน่าหนักใจเชื่อว่าจะได้รับการป­ระกันตัวออกมาได้ในเร็ว ๆ นี้


บรรษัทประชารัฐ ทุนนิยมสามานย์รูปแบบหนึ่ง?!?





ตั้งแล้วบรรษัทประชารัฐ จาก pet project ของหมอประเวศ วะสี

ที่จะ “เปลี่ยนมิจฉาทิฐิเป็นสัมมาทิฐิ จากประชานิยมเป็นประชารัฐ”

ซึ่ง Pipob Udomittipong จำกัดความไว้ว่า “ชาวบ้านและชุมชนพึ่งตนเองได้โดยไม่ต้องพึ่งนักการเมือง เป็นภาพฝันที่หมอประเวศขายไว้ตั้งแต่เปิดตัวโครงการเมื่อเดือน ก.ย. ๕๘...

แต่ประชารัฐจะเป็นเพียงทุนนิยมสามานย์ในรูปแบบหนึ่งหรือไม่ เพราะกรรมการจากภาคเอกชนและภาครัฐ...มีสัดส่วนรวมกันถึง ๙๕% โดยกลุ่มทุนยักษ์ใหญ่ของประเทศ เช่น เครือเจริญโภคภัณฑ์ เครือซิเมนต์ไทย ไทยเบฟ เข้าไปมีบทบาทในกรรมการชุดต่างๆ เกือบทุกชุด”





พิภพแนะให้ไปอ่านบทวิจารณ์ของ สฤณี อาชวานันทกุล ที่ไทยพับลิก้า ได้ความว่า

“แม้ว่าจะมีคำว่า ‘ประชา’ ใน ‘ประชารัฐ’ ตัวแทนภาคประชาชนกลับมีสัดส่วนเพียง ๕% เท่านั้น ซึ่งหลายคนก็ตั้งข้อสังเกตว่า เป็น ‘เอ็นจีโอชนชั้นนำ’ คือมีเส้นสายกับภาครัฐ มิใช่ ‘เอ็นจีโอรากหญ้า’ ที่บางครั้งขัดแย้งกับกลุ่มทุนที่พวกเขามองว่าสร้างความเดือดร้อนให้กับชุมชน หรือแสวงประโยชน์เกินเลยจากฐานทรัพยากร”

ทางด้าน Thanapol Eawsakul เพิ่มเติมว่า “ดูจากรายชื่อเกือบทั้งหมดมาจาก Thailand Future Foundation - สถาบันอนาคตไทยศึกษา และ มูลนิธิสัมมาชีพ ที่เตรียมการมาก่อนรัฐประหาร แน่นอนว่านี่คือการปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง ที่พวกเขาใฝ่ฝันหา”

สำหรับสถาบันอนาคตไทยศึกษา ถ้าเข้าไปดูเพจจะพบกระทู้ล่าสุดเรื่อง ‘เศรษฐกิจไทยภายใต้บริบทใหม่’ ที่ว่าเป็น ‘New Normal’ เหมือนปาฐกถานายอานันท์ ปันยารชุน ตอนไปพูดที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศ

ส่วนเพจมูลนิธิสัมมาชีพ เมื่ออาทิตย์ที่แล้วแชร์โพสต์ของ ‘๑๐๐ พลัง ร้อยพลัง’ เรื่อง “ประชานิยมและประชารัฐ มีความเหมือนและแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับวิธิการนำมาใช้ และยากที่จะแบ่งแยกว่าต่างกันชัดๆ ตรงไหน” ของ ดร.สุนทร คุณชัยมัง

กรรมการที่ไปร่วมกันลงนาม ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ ๒๙ เมษายน ฝ่ายเอกชนประกอบด้วย ฐาปน สิริวัฒนภักดี (เบียร์ช้าง) อิสระ ว่องกุศลกิจ (น้ำตาลมิตรผล) ศุภชัย เจียรวนนท์ (ซีพี) และมีชัย วีรไวทยะ (เอ็นจีโอในคราบรัฐและทุน) ผู้บุกเบิก ‘ถุงยางอนามัย’

ขาด นพ.ประเวศ วะสี ไม่ได้ไปร่วมลงนามด้วย (มีเสียงซุบซิบว่า ‘ทำเหนียม’ ไม่อยากแข่งเด่นกับ ‘มีชัย’)

ฝ่ายรัฐมี สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ (รองนายกฯ ฟากเศรษฐกิจ) สุวิทย์ เมษินทรีย์ (รมช. พาณิชย์) อนุพงษ์ เผ่าจินดา (คณะรัฐประหารคุมมหาดไทย) โดยมี ประยุทธ์ จันทร์โอชา (หัวหน้าใหญ่) ร่วมเป็นสักขีพยาน

“ความฝันที่ชาวบ้านจะพึ่งตนเองได้จากโครงการที่นายทุนระดับชาติและข้าราชการเป็นผู้บริหารโครงการ มีเพียงไม้ประดับภาคประชาชน (มีชัย วีรไวทยะ เนี่ยนะ?) เป็นฝันแบบหรู แบบใหญ่โต อีกครั้งหนึ่งของหมอประเวศหรือไม่”





หาคำตอบได้จากบทความของสฤณี

“แนวคิดนี้เดิมทีไม่มีรัฐเป็นพระเอก แต่เมื่อถูกหยิบมาใช้ภายใต้ระบอบเผด็จการทหาร ในภาวะที่เศรษฐกิจซบเซาอย่างต่อเนื่อง ประชารัฐแบบหมอประเวศจึงถูก ดร.สมคิด หยิบมาขัดสีฉวีวรรณ แปลงโฉมเป็นประชารัฐแบบใหม่ที่มี ‘รัฐ’ กับ ‘เอกชน’ เป็นพระเอก” และ

“ในเมื่อวันนี้ฝ่ายผู้กุมอำนาจรัฐดูจะมีอคติกับคำว่า ‘ประชานิยม’ จึงไม่น่าแปลกใจที่จะมีการโหมประโคม ‘ประชารัฐ’ ว่าเป็นสิ่งที่ ‘ดีกว่า’ ประชานิยม”

(http://thaipublica.org/2016/03/populism-pracharat-5/)

นายฐาปน ซึ่งเป็นหัวหน้าทีมภาคเอกชนกล่าวรายงานโครงการว่า จะมีการจัดตั้งบริษัทประชารัฐทั่วทุกจังหวัด ๗๖ แห่ง ดำเนินธุรกิจ ๓ แขนงอย่างครบวงจร ได้แก่การเกษตร การแปรรูป และท่องเที่ยว โดยเน้นสร้างรายได้แก่ท้องที่ เน้นประชาชนที่ประสบปัญหาความยากจนเพื่อเพิ่มรายได้ และ

“ยกระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ให้ดีขึ้นตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งรัฐบาลและกระทรวงมหาดไทยให้ความสำคัญในการให้ประชาชนทุกคนน้อมนำไปปฏิบัติ” (อันนี้ไม่น่าจะเหมาะต่อการเพิ่มรายได้มั้ง)

ขณะที่หัวหน้า คสช. กล่าวปาฐกถาในงานว่าการเปิดประชารัฐเป็นดั่งไฟฉายขนาดใหญ่ส่องสว่างประเทศไทย มุ่งทำให้ประเทศชาติปลอดภัย มีความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน สฤณีมีคำถาม ๓ ข้อล่วงหน้าไว้ตั้งแต่กลางเดือนมีนาคม

ทั้งในด้านเปิดช่องต่อการ ‘คอรัปชั่นเชิงนโยบาย’ การมองข้ามปัญหาอำนาจเหนือตลาดและ ‘อิทธิพลผูกขาด’ และการใช้อำนาจพิเศษของทหารข้ามขั้นตอนการมีส่วนร่วมของประชาชน

ประชารัฐ “อยากสร้างเศรษฐกิจที่ทุกฝ่ายมีส่วนร่วม หรือ inclusive economy แต่ทว่าที่ผ่านมา คสช. ได้ใช้อำนาจเผด็จการตามมาตรา ๔๔ กระทำการหลายอย่างที่คัดง้างหรือขัดขวางแนวทางนี้อย่างชัดเจน”

เช่นประกาศ คสช. ฉบับที่ ๓/๒๕๕๙ และ ๔/๒๕๕๙ ยกเว้นการใช้กฎหมายผังเมือง กับฉบับที่ ๙/๒๕๕๙ ให้ข้ามขั้นตอนอีไอเอ ไม่ต้องประเมินสภาพแวดล้อมได้

งานนี้มีข้อสังเกตุต่อการบริหารประเทศของ คสช. ได้ว่า นอกจากจะใช้วิธีการหักหาญตามอำเภอใจในทางการเมืองแล้ว ถึงที่สุดตอนจะอยู่ยาวนี่ก็ก้าวย่ำเข้าไปสู่วิถีทางรวบรัดจัดการแบบเบ็ดเสร็จทางเศรษฐกิจด้วย

ประชารัฐจะเป็นเครื่องมือทำให้ คสช. มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน และ ‘มีชัย’ ในทางเศรษฐกิจเหมือนกับการเมืองหรือไม่ ถ้ายอมให้พวกเขาอยู่ต่ออีกอย่างน้อย ๕ ปีดูสิ ประเดี๋ยวก็รู้

เกาะติดคิดทันข่าว สุนัย จุลพงศธร 28-04-2016 หัวข้อ "ประชามติสติวิปลาส=คสช.ประกาศท้ารบกับประ­ชาธิปไตย"




https://www.youtube.com/watch?v=fyqy9166gFQ

เกาะติดคิดทันข่าว สุนัย จุลพงศธร 28 04 2016

thinkbox007

Published on Apr 28, 2016
รายการ เกาะติดคิดทันข่าว กับดร. สุนัย จุลพงศธร ประจำวันพฤหัสบดี ที่ 28 เมษายน 59 ดำเนินรายการโดย OH MY GOD ทางเว็บนปช.อียูสวีเดน
หัวข้อ "ประชามติสติวิปลาส=คสช.ประกาศท้ารบกับประ­ชาธิปไตย"
mp3: http://www.mediafire.com/download/gjt...


องค์กรสิทธิ์สากล อัดคสช.พา "ไทย" สู่ประเทศเผด็จการล้าหลัง กลุ่มสิทธิมนุษยชน 16 องค์กรทั่วโลก เรียกร้อง ‘ปล่อยสมยศ พฤกษาเกษมสุข’ นโอกาสถูกจองจำครบ 5 ปี




https://www.youtube.com/watch?v=FXytMVawE8A

องค์กรสิทธิ์สากล.อัดคสช.พา"ไทย"สู่..ประเทศเผด็จการล้าหลัง

jom voice


Published on Apr 29, 2016

นายสุณัย ผาสุข ที่ปรึกษาองค์กรสิทธิมนุษยชนสากล ( Human Rights Watch ) ประเทศไทย ให้สัมภาษณ์ Thaisvoicemedia กรณีการจับกุมประชาชนที่วิจารณ์รัฐบาล คสช.โดยเฉพาะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นำไปสู่การจับกุมประชาชนอย่างรุนแรง ขัดต่อหลักสิทธิมนุษยชน โดยเฉพาะการจับกุมทีมงานเพจ"เรารัก พล.อ.ประยุทธ์"ทั้งศาลทหาร และศาลพลเรือนต่างก็เห็นว่าเป็นภัยร้ายแรง­ต่อความมั่นคงของชาติว่า เป็นเรื่องศร้าและน่าหดหู่ใจอย่างยิ่งที่ศ­าลไม่ยอมให้ประกันตัวกับความผิดเพียงเพราะ­วิพากษ์วิจารณ์ผู้นำประเทศโดยมองว่าเป็นภั­ยต่อความมั่นคงร้ายแรง ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ศาลทหารได้เคยตัดสินคดีกล่า­วหาพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เรื่องการโอนเงินไปต่างประเทศว่าเป็นเพียง­การหมิ่นประมาท แต่ขณะนี้ศาลไทยกำลังสร้างบรรทัดฐานใหม่ที­่ไม่สามารถสร้างหลักประกันทั้งเรื่องความย­ุติธรรมและสิทธิมนุษยชนให้กับคนไทยได้อีกต­่อไป ซึ่งองค์กรสิทธิมนุษยชนสากล จะออกแถลงการณ์ประนามเรื่องนี้ในวันจันทร์­ที่ 2 พฤษภาคมนี้ ขณะเดียวกันการประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห­่งสหประชาชาติ จะประชุมกันถึงเรื่องนี้ในเดือนหน้า ตัวแทนประเทศไทยจะถูกซักฟอกอย่างหนักในกรณ­ีนี้แน่นอน


ooo 

กลุ่มสิทธิมนุษยชนนานาชาติ ร้องปล่อย ‘สมยศ’





http://news.voicetv.co.th/thailand/358614.html

by Sathit M.29 เมษายน 2559

กลุ่มสิทธิมนุษยชน 16 องค์กรทั่วโลก ย้ำข้อเรียกร้อง ‘ปล่อยสมยศ พฤกษาเกษมสุข’ อดีตบรรณาธิการนิตยสาร Voice of Taksin ผู้ต้องขังคดีหมิ่นสถาบันฯ ในโอกาสถูกจองจำครบ 5 ปี

ในวันศุกร์ที่ 29 เมษายน กลุ่มสิทธิมนุษยชนทั่วโลก รวม 16 องค์กร ร่วมกันออกแถลงการณ์ เรียกร้องรัฐบาลไทย ขอให้ปล่อยตัวนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข อายุ 54 ปี อดีตบรรณาธิการนิตยสาร Voice of Taksin ซึ่งถูกจับเมื่อวันที่ 30 เมษายน 2554 เขาถูกศาลตัดสินลงโทษจำคุก 10 ปี ในข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ

แถลงการณ์ฉบับนี้ลงนามโดยองค์กรสิทธิมนุษยชนระดับนานาชาติ อาทิ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล, ฮิวแมนไรท์วอทช์, สหพันธ์นานาชาติเพื่อสิทธิมนุษยชน (FIDH), คณะกรรมการนักนิติศาสตร์สากล (ICJ), กลุ่มผู้สื่อข่าวไร้พรมแดน





ตลอดระยะเวลา 5 ปีของการจองจำ หน่วยงานสิทธิมนุษยชนหลายแห่งเคยแสดงความวิตกต่อการสูญสิ้นอิสรภาพของนายสมยศมาแล้วหลายครั้ง

เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2555 คณะทำงานว่าด้วยการกักขังตามอำเภอใจของสหประชาชาติ (WGAD) ยืนยันว่า การจำคุกนายสมยศเข้าข่ายการกักขังโดยพลการ พร้อมกับเรียกร้องให้ปล่อยตัวและจ่ายค่าชดเชยแก่เขา

ในวันที่ 23 กันยายน 2557 สำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (OHCHR) แสดงความผิดหวังที่ศาลอุทธรณ์ของไทยพิพากษายืนให้จำคุกนายสมยศ ต่อมาในวันที่ 11 สิงหาคม 2558 โอเอชซีเอชอาร์เรียกร้องให้ประเทศไทยแก้ไขกฎหมายหมิ่นสถาบันฯซึ่งมีบทบัญญัติคลุมเครือและตีความได้อย่างกว้างขวาง พร้อมกับเรียกร้องให้ไทยปล่อยตัวประชาชนที่ถูกคุมขังเพราะแสดงความคิดเห็นทั้งหมด

นายสมยศถูกจับกุมหลังเปิดการรณรงค์รวบรวมรายชื่อเรียกร้องการแก้ไขกฎหมายหมิ่นสถาบันกษัตริย์ได้ 5 วัน เมื่อ 23 มกราคม 2556 ศาลอาญากรุงเทพสั่งจำคุกเขาในความผิดตามมาตรา 112 ของประมวลกฎหมายอาญาเป็นเวลา 10 ปี เนื่องจากนิตยสารที่เขาเป็นบรรณาธิการได้ตีพิมพ์บทความที่ทางการไทยเห็นว่าดูหมิ่นพระมหากษัตริย์

“เราเรียกร้องรัฐบาลไทย ขอให้ยุติการลงโทษนายสมยศ ปล่อยเขากลับคืนสู่ภรรยาและครอบครัวโดยทันที และขอให้รัฐบาลไทยจ่ายค่าชดเชยอย่างเพียงพอ พร้อมดำเนินการเยียวยาอย่างจริงจังต่อการลิดรอนอิสรภาพของเขาตามอำเภอใจ” แถลงการณ์ระบุ.



Source: Human Rights Watch

Photo: AFP

นี่คือการปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง เปิดตัวบริษัท ประชารัฐรักสามัคคี(ประเทศไทย) จำกัด





นี่คือการปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง

.........

หมายข่าววันนี้ที่ทำเนียบ เปิดตัวบริษัท ประชารัฐรักสามัคคี(ประเทศไทย) จำกัด

ฐาปน สิริวัฒนภักดี เบียร์ช้าง
อิสระ ว่องกุศลกิจ น้ำตาลมิตรผล
ศุภชัย เจียรวนนท์ ซีพี
ประเวศ วะสี หัวหน้าแก็งส์ตระกูลส. และเอ็นจีโอ
มีชัย วีรไวทยะ เอ็นจีโอในคราบรัฐและทุน
ร่วมลงนามกับ
สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายก
สุวิทย์ เมษินทรีย์ รมช. พาณิชย์
อนุพงษ์ เผ่าจินดา คณะรัฐประหาร
โดยมี ประยุทธ์ จันทร์โอชา ร่วมเป็นสักขีพยาน
ดูจากรายชื่อเกือบทั้งหมดมาจาก Thailand Future Foundation - สถาบันอนาคตไทยศึกษา และ มูลนิธิสัมมาชีพ ที่เตรียมการมาก่อนรัฐประหาร
แน่นอนว่านี่คือการปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง ที่พวกเขาใฝ่ฝันหา



Thanapol Eawsakul

ooo

ตั้งจริง ...“บริษัทประชารัฐ รักสามัคคีประเทศไทย จำกัด” หวัง เดินทะลุ อุโมงค์มืดดำให้ได้







นายกฯเป็นสักขีพยานพิธีลงนามจัดตั้ง“บริษัทประชารัฐรักสามัคคีประเทศไทย จำกัด” ร่วมสานพลังประชารัฐขับเคลื่อน เศรษฐกิจฐานราก หวังขับเคลื่อนประเทศตามนโยบายรัฐบาล เมิน เสียงต้าน ย้ำให้ความสำคัญปัญหาปากท้อง ปชช.มากกว่า ขอเข้าใจเจตนารมณ์รัฐบาล ลั่นต้องเดินฝ่าอุโมงค์มืดดำให้ได้

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การเปิดบริษัทประชารัฐรักสามัคคี...(จังหวัด)จำกัด เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลเรื่องการขับเคลื่อนประเทศ โดยใช้กลไกของประชารัฐ


โดยสัปดาห์ที่ผ่านมามีการประชุมคณะทำงานประสานพลังประชารัฐไปแล้ว โดยจะรวบรวมบริษัทสาขาย่อยทุกจังหวัดเข้ามาให้ถูกต้องตามกฎหมาย ให้ความรู้เรื่องการจัดองค์กร การบริหารการผลิต การแปรรูปการตลาด ให้กว้างขวางขึ้น

นายกฯ กล่าวว่า วันนี้เราต้องพึ่งพาอาศัยพึ่งพาซึ่งกันและกัน ภูมิภาคต่อภูมิภาค กลุ่มจังหวัดต่อกลุ่มจังหวัดและภายในจังหวัดของตนเอง จะต้องแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกัน และแลกเปลี่ยนสินค้าให้กว้างขวางไปถึงที่อื่นด้วย เพื่อเปิดช่องทางทางเลือกให้ประชาชน ซึ่งมี 3 ทาง คือ 1.ภาคธุรกิจ ที่มีบริษัทประกอบการอยู่แล้ว 2.พ่อค้าคนกลาง
3.บริษัทประชารัฐ ซึ่งจะเป็นของประชาชนที่ถือหุ้นส่วนใหญ่ที่สุดในนั้น และผลกำไรที่ออกมา ก็ไม่ได้ไปแบ่งปันใคร แต่จะนำมาขยายเป้นกองทุนไปทำอย่างอื่นต่อไปให้กว้างขึ้นเรื่อยๆ

วันนี้เราต้องพัฒนาอย่างนี้ให้ภายในแข็งแรง หาตลาดได้ทั้งภายในประเทศและนอกประเทศ ประชาชนก็จะไม่ลำบาก เราอยู่ได้กินได้ ก็ต้องพัฒนาตนเองและขอฝากสื่อช่วยกันขยายความเหล่านี้ไปด้วย

“วันนี้สิ่งที่ดีๆเกิดขึ้นหลายเรื่อง แต่เนื่องจากเกิดขึ้นพร้อมกันหลายอย่างจากที่ได้พยายามจะทำ บางอย่างก็เข้าใจกันบ้าง ไม่เข้าใจกันบ้าง ก็ฝากให้เข้าใจ ว่าเป็นเจตนารมณ์ที่ดีของรัฐบาล และคสช.

ถึงแม้จะมีแรงต้านใดๆอยู่บ้างก็ตาม ผมก็ไม่ให้ความสำคัญมากนัก และให้ความสำคัญกับเรื่องปากท้องชาวบ้าน และความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนมากกว่า

รวมถึงภาพลักษณ์ในสายตาต่างประเทศ เพราะผมเข้าใจดีว่าสถานการณ์เป็นอย่างไร แต่อย่าลืมว่าประเทศไทยต้องอยู่รอด ด้วยตัวของประเทศไทยเอง

" วันนี้มีเวลาอยู่ ที่จะต้องเดินทะลุ อุโมงค์ที่มืดดำมาให้ได้ เพื่อเดินไปข้างหน้า ต้องช่วยกันประสานพลังประชารัฐให้ด้วย” นายกฯ กล่าว

Wassana J. Nanuam

.....

ความเห็นต่อข่าว...

Passakorn Lamongkol - ผมเห็นว่านี่เป็น "บทพิสูจน์ความไร้สามารถ" ในการทำโครงการต่าง ๆ ของนายทุนรัฐประหาร เพราะรายชื่อที่เห็น เป็นกลุ่มทุนรัฐประหารที่ขึ้นมาอยู่บนดิน ในโฟกัส โดยไม่ต้องปิดบังอีกต่อไปแล้ว แทบจะครบถ้วนทุกกลุ่ม และถึงแม้เดินตามรอยเท้าทักษิณ ที่ทำสำเร็จเอาไว้แล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถทำอะไรกับเศรษฐกิจให้ได้อย่างที่ทักษิณทำ หรือ ดีขึ้นได้
เพราะภววิสัย ที่ว่า ประเทศไทยมีการปกครองระบอบเผด็จการทหารเบ็ดเสร็จ ที่ถูกโลกเสรีคว่ำบาตร ไม่คบหา
...
Au Saiprasert - http://youtu.be/LhJk1fk2wc4
ถือเป็นเดิมพันที่สูงมาก ถ้า corporatism แบบนี้มันเวิร์ค ท่านผู้นำจะยิงยาวเท่าไหร่ก็ได้
...
Samantha Rwanda - ไล่ทักษิณเพื่อเอาพวกตัวเองมาคุมอำนาจเบ็ดเสร็จ
...
Krittidech Chaisingharn - พวกรวมหัวกินรวบประเทศไทย
...
Surapong Masrungson - พวกทำนาบนหลังคนจนทั้งนั้น มอมเมา
...
Pipob Udomittipong - ดูในรูปข่าวเปิดตัว 'บ.ประชารัฐรักสามัคคีประเทศไทย จำกัด' (http://prachatai.org/journal/2016/04/65521) แล้ว ไม่มีหมอประเวศ คงกระดากใจหรืออย่างไร แต่ความคิด “ประชารัฐ” เป็นของแกแหง ๆ “ระบอบประเวศจงอยู่ยั้งยืนยง” ขอยืมคำของ “สุรวิชช์ วีรวรรณ” มาใช้ เครือข่ายคนดีตระกูล ส. ตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้ เข้าได้กับทุกรัฐบาลรวมทั้งที่มาด้วยช่องทางพิเศษ ซึ่งคงชื่นชอบเป็นพิเศษ ไม่เห็นออกมาวิพากษ์วิจารณ์อะไรเลย เสียดายวันนี้ไม่มาเปิดตัวด้วย แต่ส่งลูกเทพที่เป็นหมอมาแทน
ประชารัฐคือการ “เปลี่ยนมิจฉาทิฐิเป็นสัมมาทิฐิ” จาก “ประชานิยมเป็นประชารัฐ” ชาวบ้านและชุมชนพึ่งตนเองได้โดยไม่ต้องพึ่งนักการเมือง เป็นภาพฝันที่หมอประเวศขายไว้ตั้งแต่เปิดตัวโครงการเมื่อเดือนก.ย.58 (ภาพสไลด์จาก http://bit.ly/1N4X5BY)
แต่ประชารัฐจะเป็นเพียงทุนนิยมสามานย์ในรูปแบบหนึ่งหรือไม่ เพราะ “กรรมการจากภาคเอกชนและภาครัฐแล้วจะมีสัดส่วนรวมกันถึง 95% โดยกลุ่มทุนยักษ์ใหญ่ของประเทศ เช่น เครือเจริญโภคภัณฑ์ เครือซิเมนต์ไทย ไทยเบฟ เข้าไปมีบทบาทในกรรมการชุดต่างๆ เกือบทุกชุด” ความฝันที่ชาวบ้านจะพึ่งตนเองได้จากโครงการที่นายทุนระดับชาติและข้าราชการเป็นผู้บริหารโครงการ มีเพียงไม้ประดับภาคประชาชน (มีชัย วีรไวทยะ เนี่ยนะ?) เป็นฝันแบบหรู แบบใหญ่โต อีกครั้งหนึ่งของหมอประเวศหรือไม่ ลองอ่านที่คุณสฤณีวิเคราะห์ไว้ (http://thaipublica.org/2016/03/populism-pracharat-5/)



ooo


E3 บริษัท ประชารัฐรักสามัคคี จำกัด 3.45 min




https://www.youtube.com/watch?v=LhJk1fk2wc4&feature=youtu.be

Wiruch Meksumpun

Published on Apr 19, 2016
แนวทาง Social Enterprise เพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและประชารัฐ แบบเข้าใจง่าย


"หงา คาราวาน" ถูกเด็กถอนหงอก เรื่อง ร่ายกลอนเลิกเรียก"ฝ่ายประชาธิปไตย" ได้ไหมครับ





มอบให้ น้าหงา คาราวาน


เลิกเรียก "ฝ่ายประชาธิปไตย" ใช่ไหมคะ
น้าอ้างว่าอกมันไหม้ใจมันขม
หากมีฝ่ายประชาธิปไตยให้นิยม
น้าคงตรมเอาตีนราประชาธิปไตย

พูดเพรื่อพร่ำวาทกรรมเพื่อชีวิต
ตำนานปิดแล้วขุนพลเพลงผู้ยิ่งใหญ่
(ร้านเหล้าปิดแล้วนักเพลงผู้ยิ่งใหญ่)
ถึงวันนี้ใครยอมรับนับถือใคร
ใครรับใช้เผด็จการรู้กันดี

เกลียดเลือกตั้งที่หวังหมายในอำนาจ
จึงผูกขาดประเทศให้ไร้ศักดิ์ศรี
รัฐประหารเหยียบย่ำสิทธิเสรี
คนไม่มีกระบอกปืนขืนต้าน...ตาย!

รักเผด็จการแล้วไซร้ไม่เลือกตั้ง
ไม่คาดหวังถึงผลดีที่จะได้
คืนความสุขครั้งสำคัญในทันใด
ฝนตกขี้หมูไหลอัลไรดี
(โอ้...ฝนตกขี้หมูไหลจัญไรดี)

เลิกเรียกฝ่ายประชาธิปไตยใช่ไหมคะ
(เลิกเรียกฝ่ายประชาธิปไตยไม่ได้หรอกค่ะ)
คราวก่อนน้าก็ประท้วงทวงคืนสี
น้าเป็นใครอยู่ฝ่ายไหนในวันนี้
ยังนอนหลับฝันดีอยู่หรือไร???

-เพียงคำ ประดับความ-
28 เมษายน 2559

(ฝากถามหน่อยซี)

ooo


"หงา คาราวาน" ร่ายกลอนเลิกเรียก"ฝ่ายประชาธิปไตย"ได้ไหม

ที่มา ผู้จัดการออนไลน์
28 เมษายน 2559

เลิกเรียก"ฝ่ายประชาธิปไตย"ได้ไหมครับ

เกินจะรับไว้ได้ใจขื่นขม
มันไม่ใช่คุณค่าน่านิยม
แค่อาจมเชื้อราประชาธิปไตย

วาทกรรมพร่ำเพรื่อไม่เหลือค่า
เป็นคาถาสูตรมาชุดใหญ่
ใครยอมรับนับถืออะไร
จริงแค่ไหนรับใช้ประชาชน
แค่เลือกตั้งหวังหมายในอำนาจ
จึงผูกขาดประเทศจากเหตุผล
ให้พรรคพวกร่ำรวยด้วยเล่ห์กล
คนเงินน้อยก็พลอยหล่นสิ้นแรงใจ
รักประชาธิปไตยไปเลือกตั้ง
แต่อย่าหวังผลดีที่จะได้
คลายเงื่อนปมสำคัญนี้ทันใด
ฝนตกขี้หมูไหลอาจไม่มี

เลิกเรียกฝ่ายประชาธิปไตยได้ไหมครับ
คนสับปลับปล้นชาติขาดศักดิ์ศรี
คนร้อนเร่าเผาไทยในวันนี้
หลุดย่ำยีคำว่า"ประชาธิปไตย"

มันจำเป็นมั้ยต้องมีคุกทหารไว้ขังพลเรือน คุกพลเรือนทำหน้าที่ไม่ได้หรือ!!! ชม มทบ.11 "เรือนจำเพื่อความมั่นคง"




https://www.youtube.com/watch?v=wZAqwQFjnhs

11th Military Circle : Prison For Security (edited)

THAI LAWYERS FOR HUMAN RIGHTS

Published on Apr 9, 2016

A documentary on the temporary remand facility in the 11th Military Circle, Nakhon Chaisri, Bangkok

A prison that holds civilians in a military barrack
Scandal and terror that are casted into the justice system in Thailand

.....


มันจำเป็นมั้ยต้องมีคุกทหารไว้ขังพลเรือน คุกพลเรือนทำหน้าที่ไม่ได้หรือ เขาเป็นนักโทษการเมือง ไม่ใช่ฆาตกรฆ่าคนตาย เขาควรได้อยู่คุกมืดที่คนติดเชื้อในกระแสเลือดตายหรือ? มาดูกัน

Political prisoners in Thailand are incarcerated in a military prison with no access to family or legal counsel. They are subject to incommunicado detention and a very poor environment fraught with torture and ill treatment, as a result of which two suspects held in there died for blood stream infection and another for ‘hanging himself to death’. No one has been held responsible for the deaths and now they are detaining prisoners of conscience in the same prison.



Pipob Udomittipong

ถอยหลังไปพันปี เรียนรู้ "โจวลี่อ๋องห้ามราษฎรวิจารณ์"





"โจวลี่อ๋องห้ามราษฎรวิจารณ์"

เมื่อโจวลี่อ๋อง(กษัตริย์ในสมัยราชวงศ์ซีโจว หรือโจวตะวันตก)ขึ้นครองราชย์ พระองค์ทรงเชื่อคำเพ็ดทูลของหรงอี๋กง สั่งเพิ่มอัตราภาษีต่างๆ ทั้งยังสั่งห้ามไม่ให้ราษฎรตัดไม้บนเขา และจับปลาในน้ำเด็ดขาด เพราะสิ่งเหล่านั้นล้วนเป็น'ทรัพย์สินส่วนพระองค์'

เหล่าราษฎรก็พากันไม่พอใจ จึงพากันจับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์

เจ้ามู่กง อำมาตย์ในราชสำนักจึงนำความกราบทูลว่า "บัดนี้นโยบายของพระองค์สร้างความเดือดร้อนแก่ราษฎรอย่างมาก พวกเขาพากันวิพากษ์วิจารณ์ด้วยความไม่พอใจยิ่ง ขอพระองค์โปรดทบทวนนโยบายเสียใหม่เถิด"

โจวลี่อ๋องได้ฟังก็ทรงพระสรวล ตรัสกับเจ้ามู่กงว่า "ท่านไม่ต้องกังวล เรามีวิธีที่จะไม่ให้ราษฎรเหล่านั้นวิพากษ์วิจารณ์เราได้อีก คอยดูละกัน"

โจวลี่อ๋องจึงสั่งทหารไปตรวจสอบตามตลาด หากเห็นผู้ใดกล้าวิพากษ์วิจารณ์นโยบายของพระองค์ก็ให้จับตัวมาลงโทษประหารทันที ปรากฎว่าภายในเจ็ดวันหลังจากดำเนินการเช่นนี้ ก็ไม่มีใครกล้าวิพากษ์วิจารณ์ ชาวบ้านร้านตลาดเวลาออกมานอกบ้านก็ได้มองตาแล้วรู้ใจกันเท่านั้น

โจวลี่อ๋องจึงตรัสกับเจ้ามู่กงว่า "ท่านเห็นรึยัง ตอนนี้ไม่มีใครวิจารณ์เราอีกแล้ว"

เจ้ามู่กงสีหน้าวิตกยิ่ง พลางกราบทูลว่า "พระองค์เพียงใช้อาญาทัณฑ์บังคับพวกเขาไม่ให้พูดเท่านั้น อันธรรมชาติของน้ำย่อมไหลลงสู่ที่ต่ำแล้วออกสู่ทะเล ธรรมชาติของมนุษย์ย่อมต้องมีการพูด ดังนั้น หลักการควบคุมน้ำที่ดีก็คือ อย่าไปขัดขวางการไหลของน้ำ หลักการปกครองที่ดีก็คือ อย่าไปขัดขวางการพูดของราษฎร โอรสสวรรค์จะล่วงรู้ความต้องการของราษฎร จะรู้ว่าการปกครองของตนถูกปิดประการใดได้เยี่ยงไรเล่า ก็ต้องฟังจากเสียงของราษฎร แต่เวลานี้ ทั้งเบื้องสูงเบื้องต่ำ คนสนิทซ้ายขวา แม้กระทั่งพระญาติแลเหล่าราษฎร์ ต่างก็ไม่มีใครกล้าพูด เกรงว่าขืนเป็นแบบนี้ต่อไป ผู้ที่จะติดตามพระองค์ด้วยความจริงใจจะเหลือสักกี่คนกันเล่า" แต่โจวลี่อ็องก็ไม่สนพระทัยแต่อย่างใด

ในที่สุด เหล่าราษฎรที่ถูกบังคับอยู่มานานก็อดรนทนไม่ไหว จึงพากันลุกฮือก่อความวุ่นวาย แล้วพากะนบุกเข้าไปในวัง โจวลี่อ๋องเสด็จหนีออกจากวัง (ภายหลังก็เสด็จสวรรคตไม่ได้กลับมาอีก) องค์ชายจีจิ้ง นัชทายาทหนุ่มหนีไปขอความช่วยเหลือจากเจ้ามู่กง เจ้ามู่กงจึงนำองค์ชายมาซ่อนไว้ในบ้านของตน มีคนไปกระซิบกับแกนนำราษฎรว่า "โอรสของโจวลี่อ๋องซ่อนตัวอยู่ที่บ้านของเจ้ามู่กง" ผู้คนจึงพากันไปที่บ้านของเจ้ามู่กง เรียกร้องให้ส่งตัวองค์ชายมา เจ้ามู่กงหมดหนทาง จำยอมาละลูกชายตัวเองสวมรอยเป็นองค์ชาย มอบให้พวกชาวบ้านไป(คงไม่ต้องบอกนะครับว่าชะตากรรมของเขาจะเป็นเช่นไร)

ราชสำนักซีโจวว่างไร้กษัตริย์ อยู่ภายใต้การปกครองของคณะขุนนาง ซึ่งมีเจ้ามู่กงรวมอยู่ด้วย ในประวัติศาสตร์จีนเรียกว่ายุค "ก้งเหอ" เป็นเวลากว่าสิบปี

เจ้ามู่กงรอเวลานับสิบปี จนกระทั่งองค์ชายจีจิ้งโตเป็นหนุ่มมากพอที่จะรับภาระการบริหารแผ่นดินได้แล้ว จึงได้ทูลเชิญองค์ชายจีจิ้งเสด็จขึ้นครองราชย์สืบไป ทรงพระนามว่า "โจวติ้งอ๋อง"

แปลสรุปความจาก http://wapbaike.baidu.com/view/390524.htm?from_lemma_title=召穆公&from_lemma_id=2384065&from_type=syn

http://wapbaike.baidu.com/view/3724959.htm?from_lemma_title=周厉王&from_lemma_id=2175021&from_type=syn

ภาพประกอบ : เจ้ามู่กงกับโจวติ้งอ๋อง

ที่มา เพจ


Worapong Reddit 



วันศุกร์, เมษายน 29, 2559

ไม่พ่อก็ลูก แม่งมีแค่เนี้ย... เปิดเอกสารฝากขัง 8 แอดมินเพจ อ้างรับเงิน "พานทองแท้ ชินวัตร" หวังสร้างภาพให้บิ๊กตู่เป็นตัวตลก (มุกเดิมๆ รับจ้างมา)





ที่มา ข่าวสดออนไลน์
วันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2559

เมื่อวันที่ 29 เม.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คำร้องขอฝากขังผู้ต้องหาทั้ง 8 รายที่ยื่นต่อศาลทหารนั้น ระบุว่า เมื่อวันที่ 27 เม.ย. พล.ต.วิจารณ์ จุดแดง ผอ.ส่วนกฎหมายและสิทธิมนุษยชน กอ.รมน. และหัวหน้าฝ่ายกฎหมายหน่วยเฉพาะกิจปฏิบัติการข่าวคสช. มาพบพนักงานสอบสวนเพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดีกับผู้ต้องหาที่ 1-8 ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 และพ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 14(3) และวันที่ 28 เม.ย. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมตัวผู้ตจ้องหากับพวกได้ ตามหมายจับศาลทหารที่ 24-31/2559 ลงวันที่ 28 เม.ย. 2559 นำส่งพนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปราม เหตุเกิดเมื่อวันที่ 21 พ.ค.2557 ที่แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสิต กทม. และทั่วราชอาณาจักร พบการกระทำผิดเมื่อวันที่ 7 เม.ย. 2559

พฤติการณ์คือ เมื่อวันที่ 7 เม.ย. 2559 เจ้าหน้าที่ฝ่ายข่าวทางทหารได้สืบทราบว่ามีกลุ่มบุคคลร่วมกันเปิดเว็บเพจเฟซบุ๊ก ใช้ชื่อเพจว่า“เรารัก พล.อ.ประยุทธ” ตรวจสอบพบมีเนื้อหาโจมตีรัฐบาล และพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ เข้าข่ายความผิดตามกฎหมายอาญามาตรา 116 ต่อมาวันที่ 27 เม.ย. 2559 เจ้าพนักงานรักษาความสงบ ซึ่งอาศัยอำนาจตามคำสั่งหัวหน้าคสช.ที่ 3/2558 ร่วมกับตำรวจ ตรวจค้นสถานที่หลายจุดเป็นเครือข่ายเชื่อมโยงกันของกลุ่มผู้ต้องหา และตรวจยึดของกลางที่เกี่ยวข้อง พร้อมเชิญตัวผู้ต้องหามาซักถามปากคำ ได้ความว่า น.ส.ณัฏฐิกา วรธัณยวิชญ์ ได้ชักชวนให้นายศุภชัย สายบุตร มาเป็นแอดมินเพจเฟซบุ๊กดังกล่าว เพื่อล้อเลียนการเมือง นำภาพพล.อ.ประยุทธ์ พร้อมคำพูดขำๆมาใส่ โดยมีนายโยธิน มั่งคั่งสง่า เป็นผู้นำภาพไปโพสต์ในเพจ นายวรวิทย์ ศักดิ์สมุทรานันท์ ทำหน้าที่หา/ส่งข้อมูลตัดต่อภาพ นายกัณสิทธิ์ ตั้งบุญธินา เป็นผู้เผยแพร่เนื้อหา รูปภาพตัดต่อ นายนพเกล้า คงสุวรรณและนายธนวรรธ บูรณศิริ ทำหน้าที่ตัดต่อภาพเช่นกัน

ส่วนค่าใช้จ่ายที่ใช้ทำเพจเฟซบุ๊กดังกล่าว ได้รับเงินทุนสนับสนุนจาก นายหฤษฎ์ มหาทน ซึ่งรับเงินมาจากนาย ชัยธัช รัตนจันทร์ อีกทอด ซึ่งนายชัยธัช รู้จักและสนิทสนมกับนายพานทองแท้ ชินวัตร และเป็นผู้รับฝากเงินจากนายพานทองแท้ มาให้กับนายหฤษฎ์ อีกทอด โดยนายหฤษฎ์ จะนำเงินมาให้น.ส.ณัฎฐิกา และน.ส.ณัฏฐิกา ก็จะเป็นคนจ่ายเงินค่าจ้างในการทำงานของกลุ่มผู้ต้องหาดังกล่าวนี้ และนายชัยธัช จะเป็นคนคอยสั่งการและควบคุมนายหฤษฎ์ อีกทอดหนึ่ง

การกระทำของผู้ต้องหานั้นเป็นการแบ่งหน้าที่กันทำ โดยมีเจตนามุ่งหวังให้เกิดความวุ่นวายปั่นป่วนในประเทศ เพื่อให้คนเข้ามาอ่านในเพจรู้สึกว่ารัฐบาลและนายกฯเป็นตัวตลก ไร้ความสามารถบริหารประเทศ เกลียดชัง ต่อต้านไม่สนับสนุนรัฐบาลและนายกฯ พวกที่ชอบความรุนแรงอาจเกิดความกระด้างกระเดื่อง หรือก่อความไม่สงบขึ้นในประเทศได้ อีกทั้งกลุ่มผู้ต้องหายังเกี่ยวโยงกับกลุ่มการเมือง อาทิ น.ส.ณัฏฐิกา สนิทกับนายจตุพร พรหมพันธุ์ นายก่อแก้ว พิกุลทอง และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงเป็นพิเศษ และเป็นคนก่อตั้งเพจต่อต้านรัฐบาลหลายเพจ อาทิ เพจนายจตุพร พรหมพันธุ์ เพจพีซทีวี เพจ UDD Thailand เพจ Read Intelligence เพจ Red Democracy ทั้งนี้ ถ้อยคำที่นำมาใส่ในภาพเข้าข่ายยุยงปลุกปั่น เชิญชวนให้มาร่วมขับไล่รัฐบาล และเพจเฟซบุ๊กดังกล่าวมีคนเข้ามาติดตามมากถึง 7 แสนคน

ผู้กล่าวหาในฐานะผอ.ส่วนกฎหมายและสิทธิมนุษยชนฯ ซึ่งได้รับมอบจากผู้บังคับบัญชาให้มาร้องทุกข์กล่าวโทษดำเนินคดีกับผู้ต้องหา เนื่องจากหน่วยงานเห็นว่ากระทำดังกล่าวก่อนให้เกิดความกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชน ถึงขนาดที่จะก่อให้เกิดความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร จึงเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 และพ.ร.บ.ความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ มาตรา 14

พนักงานสอบสวนได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาไว้ตั้งแต่วันที่ 28 เม.ย. 2559 เวลา 15.00 น. แต่เนื่องจากการสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น ต้องดำเนินการ รอผลพิมพ์มือผู้ต้องหา รอสอบปากคำพยานเพิ่มเติมอีก 15 ปาก และรอผลการตรวจสอบเว็บไซต์จากกระทรวงไอซีที จึงจำเป็นต้องขอประทานศาลสั่งขังผู้ต้องหานี้ไว้กำหนด 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 29 เม.ย. ถึง 10 พ.ค. 2559 ตามพ.ร.บ.ธรรมนูญศาลทหาร พ.ศ. 2498 มาตรา 45 ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 87 โดยอนุโลม และประกาศคสช. ฉบับที่ 37/2557 ลงวันที่ 25 พ.ค. 2557 และหากผู้ต้องหาร้องขอปล่อยตัวชั่วคราว ขอคัดค้านเนื่องจากคดีนี้มีอัตราโทษสูง และเป็นคดีความผิดต่อความมั่นคง เกรงผู้ต้องหาจะหลบหนี และไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานหรือก่อเหตุอันตรวจประการอื่น

เพจ 'หยุดดัดจริตประเทศไทย' กลับมาแล้ว!!! ส่ง "จดหมายเปิดผนึกถึง ฯพณฯ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา"



"จดหมายเปิดผนึกถึง ฯพณฯ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา"

ตั้งแต่ก่อนการรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 ผมได้เฝ้าจับตาบทบาทของท่านมาโดยตลอด ในฐานะผู้บัญชาการทหารบก ที่ต้องปฏิบัติตามคำสั่งของอดีตรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร วันที่ท่านประกาศว่า "ทหารจะไม่ยึดอำนาจ เพราะเป็นการแก้ปัญหาที่ผิดทาง" ผมชื่นชมท่านจากใจจริงคิดว่าอย่างน้อยท่านก็เป็นคนที่รู้การควร การไม่ควร

แต่ท่านก็ทำตัวต่อหน้าอย่าง ลับหลังอย่าง ต่อหน้าท่านประกาศไม่สนับสนุนความขัด ความรุนแรง แต่ลับหลังท่านส่งคนในสังกัดไปร่วมกับม็อบ กปปส. เคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลยิ่งลักษณ์ คำพูดของชายชาติทหารมันเป็นแบบนี้จริงๆเหรอ ท่านย้ำตลอดว่าตัวท่านมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี "ไม่ใช่หมูหมากาไก่" แต่คำพูดท่านยังรักษาไม่ได้เลย

แล้ววันที่ท่านเข้ายึดอำนาจการปกครองของประเทศ 22 พฤษภาคม 2557 ท่านบอกว่าประเทศไทยมีความขัดแย้งรุนแรง คนจะออกมาฆ่ากัน แผ่นดินจะนองเลือด ลึกๆในใจผมไม่ชอบขี้หน้าท่านอยู่แล้ว แต่ผมให้โอกาสท่านเพราะคิดว่าท่านอาจจะจริงใจที่จะเข้ามาแก้ปัญหาบ้านเมือง 3-4 แรกหลังกการรัฐประหาร ผมไม่เคยนำเสนอข้อมูลโจมตีท่าน แม้แต่วันเดียว

แต่แล้วผลเป็นอย่างไร พอมีอำนาจในมือก็ใช้อำนาจเกินขอบเขต ร่างรัฐธรรมนูญชั่วคราว พ.ศ.2557 ให้ตนเองมีอำนาจล้นฟ้าด้วยมาตรา 44 และนิรโทษกรรมความผิดตนเองล่วงหน้าด้วยมาตรา 48 คือการประกาศว่า "ในแผ่นนี้ข้าพเจ้าทำอะไรก็ได้ และสิ่งที่ข้าพเจ้าทำไม่มีวันผิดกฎหมายในอดีต ปัจจุบัน อนาคต"

ท่านบอกว่าจะเข้ามาสร้าง "ประชาธิปไตย" แต่การกระทำกลับสวนทาง เป็นเผด็จการหนักยิ่งขึ้นทุกวัน ใช้อำนาจกดหัวประชาชนคนที่คิดต่าง แม้ว่าคนๆนั้นเขาจะหวังดีกับประเทศก็ตาม ท่านมองคนอื่นเป็นศัตรู ทำลายล้างฝ่ายตรงข้ามซึ่งก็คือคนหรือบุคคลที่สนับสนุนอดีตรัฐบาลทั้งสิ้น แปลว่าท่านไม่จริงใจกับการแก้ปัญหา แค่อ้างปัญหาแล้วเข้ามา "ปล้นชิงอำนาจ" ให้ตัวท่านและพวกท่านเองทั้งนั้น

2 ปีที่ผ่านมา มันเห็นชัดเจน ที่ว่า "ต้านโกง ปราบคอร์รัปชัน" พวกท่านก็ทำเองทั้งนั้น ตั้งแต่อุทยานราชภักดิ์ ไมโครโฟนแพง จนกระทั่งแต่งตั้งหลานตนเอง ลูกของน้องชายเป็นทหาร ทั้งๆที่จบไม่ตรงสาขาแต่รับเข้ามาด้วยวิธีพิเศษ คนที่โจมตีท่านในเรื่องเหล่านี้กลับกลายเป็นคนผิด กลายเป็นคนไม่รักชาติ สร้างความวุ่นวาย นี่นะเหรอวิธีการปราบโกงของท่าน

และวันนี้ตัวท่านก็ใช้อำนาจจัดการคนที่เห็นต่าง แค่ทำเพจล้อเลียนหรือนำเสนอข่าวให้ฝ่ายตรงข้ามท่าน ก็โดนคดีร้ายแรงไม่ว่าจะมาตรา 112 หรือ 116

ท่านเคยถามตัวเองหรือไม่ ว่าทำไคนเขาเกลียดท่านขนาดนี้ ต่างจากวันแรกที่ท่านยึดอำนาจ ที่คนไทยไชโยโห่ร้องกับการเข้ามาของท่าน คนรอบตัวท่านมันก็เอาใจท่านเพราะมันอยากได้อำนาจ อยากได้ตำแหน่ง มันได้ประโยชน์ เขาจึงซ่อนปัญหาต่างๆไว้ใต้พรม คอยสนับสนุนท่านจนห่างไกลคำว่าผู้นำประเทศที่ดี ท่านไม่น่าจะโง่จนไม่รู้ว่าคนรอบตัวท่านเขาหวังอะไร

ผมไม่จำเป็นต้องโจมตีท่านหรอก แค่พฤติกรรมท่านที่แสดงออกทุกวันนี้ มันก็ทำลายตัวท่านเองหมดแล้ว แทนที่จะมาไล่จับคนอื่น "ควรตักน้ำใส่กระโหลก ชะโงกดูเงาตนเอง" ว่ามีความเหมาะสมหรือไม่ที่จำเป็นผู้นำประเทศ แก้ปัญหาด้วยวิธีโง่ๆเช่น ขายยางดาวอังคาร น้ำท่วมให้ซื้อเรือ มะนาวแพงปลูกกินเอง แบบนี้ประเทศไทยไม่ต้องมีนายกรัฐมนตรีก็ได้ เพราะมันไม่ต่างจากการเอาควายมาบริหารประเทศ

ไม่ต้องคิดว่าคนที่เขาทำเพจจะต้องได้รับเงินหรือค่าจ้างหรอก แค่เห็นหน้าท่าน เห็นพฤติกรรมเลวๆของท่าน ทำฟรีก็ยินดี ผมไม่คาดหวังอะไรจากท่านอยู่แล้ว ไม่คาดหวังว่าท่านจะเป็นประชาธิปไตย ไม่คาดหวังว่าประชามติท่านจะเปิดเสรีภาพให้ถกเถียงกัน หรือคาดหวังว่าท่านจะคืนอำนาจ คืนความสุขที่แท้จริงให้กับประเทศไทย เพราะท่านไม่สามารถให้ได้ ในสิ่งที่ท่านไม่มีโดยเฉพาะ "ความเป็นธรรม" ท่านทำให้ผมรู้สึกว่าสุนัขที่เฝ้าบ้าน เมื่อเราให้ข้าวมันก็สำนึกบุญคุณ แต่คนบางประเภทที่เป็นหนี้ประชาชนกลับเนรคุณประชาชน มันแย่กว่าสุนัขเสียอีก

ที่ท่านตกต่ำอยู่ทุกวันนี้ ไม่ต้องโทษคนอื่นหรอก ท่านจงโทษตัวท่านเอง เพราะท่านเป็นคนโง่ โง่ที่ฟังคำประจบสอพลอ โง่ที่มีอำนาจแต่แก้ปัญหาอะไรในประเทศไม่ได้สักอย่าง

ที่ท่านไม่มีความสุขอยู่ทุกวันนี้ เพราะท่านมันเป็นคนมีบาปหนา สักวันฟ้าดินจะต้องลงโทษท่าน ไม่ช้าก็เร็ว คนเราหนีทุกอย่างหนีได้ แต่หนีกรรมชั่วที่ก่อไว้ไม่พ้น จำใส่กระโหลกไว้นะ "พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา"

ด้วยความเคารพอย่างสูง

@ หยุดดัดจริตประเทศไทย
29 เมษายน 2559

ปัจฉิมลิขิต : ฝากแชร์ให้ถึง ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี ด้วยนะครับ


หยุดดัดจริตประเทศไทย

จับ 8 พลเรือน เดินหน้ากระชับอำนาจ





http://news.voicetv.co.th/thailand/358692.html


จับ 8 พลเรือน เดินหน้ากระชับอำนาจ


by ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์
29 เมษายน 2559

การจับ 8 พลเรือนด้วยคดีอาญา ม.116 เกิดขึ้นพร้อมการเชื่อมโยงคนกลุ่มนี้กับ นปช. และการที่กลุ่มหนุนรัฐบาลอย่าง “สุเทพ” มีบทบาทสูงขึ้น การกำหราบ นปช.และการเปิดตัวของ “สุเทพ” สะท้อนการกระชับอำนาจเพื่อรองรับ “นายกคนนอก” โดยการสนับสนุนของสุเทพในเงื่อนไขที่ฝ่ายต่อต้านถูกทำให้อยู่ในไร้น้ำยา ...การจับเป็นส่วนหนึ่งของความขัดแย้งที่ยังไม่จบจนกว่าประชามติและการเลือกตั้งจะเกิดผลอย่างที่บางกลุ่มต้องการ

ooo

On the Phone จตุพร พรหมพันธุ์ กรณีมีชื่อในผัง




http://news.voicetv.co.th/thailand/358521.html

“จตุพร พรหมพันธุ์” แจงกรณีที่มีรายชื่อในผังผิดม.116


by Wake Up News Wake Up News
29 เมษายน 2559

.....




ตกลงไอ้ที่ไล่อุ้มหนุ่มสาวไทยวัย millennial สองวันที่ผ่านมา แล้วตั้งข้อหาทั้งมาตรา ๑๑๖ และ ๑๑๒ ทีหลังนั่น แท้จริงเพราะทนไม่ได้ ที่หัวหน้าใหญ่ถูกล้อเลียน






ตกลงไอ้ที่ไล่อุ้มหนุ่มสาวไทยวัย millennial สองวันที่ผ่านมา แล้วตั้งข้อหาทั้งมาตรา ๑๑๖ และ ๑๑๒ ทีหลังนั่น แท้จริงเพราะทนไม่ได้ ที่หัวหน้าใหญ่ถูกล้อเลียน

รวมความว่ามี ๘ ราย ชาย ๗ หญิง ๑ ถูกดำเนินคดีตาม พรบ.คอมพิวเตอร์ ม. ๑๑๖ และสองคนในนั้นโดน ๑๑๒ แถมเข้าให้ด้วย

(ดูชื่อได้ที่ประชาไท https://www.facebook.com/Prachatai/photos/a.376656526698.158748.108882546698/10153578932646699/?type=3&theater)





สำหรับ ม.๑๑๖ นั่น Pruay Saltihead ให้อรรถาธิบายไว้แสบสันต์ “ถ้าเอาตามนี้จริงๆ ไอ้คนที่ควรโดนจับแม่งควรเป็น สุเทพ เทือกสุบรรณ และพวก กปปส. พวกที่กวักมือเรียกทหารมาทำรัฐประหาร และพวกทหารที่ทำรัฐประหารทั้งหลาย

ไม่ใช่ประชาชนพลเมืองที่ทำเพจต้านพวก (Chinese big brother) เหียะนี่”

ผู้ต้องหา ๗ ใน ๘ คนปฏิเสธทุกข้อหา ทั้งเรื่องนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จ และ “สร้างความปั่นป่วนกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชน” จากการทำเนื้อหาในเพจเฟชบุ๊คชื่อ ‘เรารักพล.อ.ประยุทธ์’ ซึ่ง “ตั้งขึ้นเมื่อ ๒๑ พ.ค.๒๕๕๗ โดยเพิ่งมาแอคทีฟในช่วงหลัง มียอดไลค์ ณ ปัจจุบัน ๗๑,๗๙๘ เนื้อหาในเพจเป็นลักษณะล้อเลียน เสียดสี และโจมตี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา”

ตัวอย่างเนื้อหาของเพจได้แก่ “ทำภาพพลเอกประยุทธ์เลียนแบบ ‘เจ๊จู วัสดุก่อสร้าง’ พร้อมข้อความเสียดสีว่า ‘รำไม่ดี....โทษรัฐบาลที่แล้ว’, ภาพพล.อ.ประยุทธ์ ตีแบตกับ สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล แทนที่จะเป็นน้องเมย์, นำภาพหน้า พล.อ.ประยุทธ์ตัดต่อเป็นนางนพมาศบนเสลี่ยง และตัดต่อภาพหน้านายสุเทพและนายอภิสิทธิ์เป็นผู้หามเสลี่ยง เป็นต้น”

วิธีการจับกุมในลักษณะ ‘ลักพาตัว’ หรือ ‘อุ้ม’ ยามวิกาลบ้าง เช้าตรู่บ้าง โดยไม่มีการแจ้งข้อหา (อย่าว่าแต่มีหมายจับเลย) ซึ่งละเมิดกติกาสากลแล้ว ยังมีการใช้เล่ห์กลวิชามารเลี่ยงระเบียบผู้ต้องหาปรึกษาทนาย

ไม่ยอมให้ทนายที่ญาติผู้ต้องหาแต่งตั้งเข้าฟังการสอบสวน แต่เจ้าหน้าที่ตั้งทนายไปนั่งสับประหงกท้ายห้องไม่ต้องพูดอะไร รอจนกว่าตำรวจสอบสวนเสร็จ

งานนี้ทหารนำตัวผู้ถูกอุ้มไปยัดให้ตำรวจที่สถานีและกองปราบดำเนินการประดุจลิ่วล้อ จนทนาย อานนท์ นำภา ตั้งข้อสังเกตว่า “เมื่อคืนนอกจากระบบกฎหมายที่วิปริตแล้ว สิ่งหนึ่งที่ทำให้ผมเศร้าใจคือ ‘ทหารไม่ให้เกียรติตำรวจ’ ครับ คนอยู่ในเหตุการณ์เมื่อคืนคงเศร้าใจเหมือนๆ ผม” และ
“เพิ่งเคยเห็นยุคกระบวนการยุติธรรมที่ตกต่ำได้ระยำตำบอนขนาดนี้

ใครทำอะไรไว้ถ้ายังไม่ละอายแก่ใจ ก็ขอให้นึกบ้างว่า เมื่อท่านตายไปคนรุ่นหลังเขาจะพูดถึงท่าน นามสกุลท่านว่าอย่างไรนะครับ เผด็จการมันอยู่ได้ไม่นานหรอก ผมบอกไว้เลย”

(https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=1086634354711293&id=100000942179021)

“นอกจากนี้ตำรวจยังแจกแผนผังแสดงความเชื่อมโยงกันของกลุ่มผู้ต้องหา โดยบนสุดของแผนผังเป็นบุคคลที่ตำรวจไม่เปิดเผยว่าเป็นใคร แต่ระบุว่าเป็นผู้ว่าจ้างกลุ่มคนทั้งหมดในการทำเพจดังกล่าว รองลงมาคือ นายชัยธัช รัตนจันทร์ ซึ่งเป็นผู้นำเงินไปจ่ายให้แต่ละคน แต่ไม่สามารถติดตามตัวได้เนื่องจากอยู่ต่างประเทศ

ถัดมาคือ นางสาวณัฏฐิกา และคนอื่นๆ โดยแผนผังระบุแต่ละคนจะได้รับเงินรายเดือน ๑๖,๐๐๐ - ๒๓,๐๐๐บาทในการทำเพจดังกล่าว นอกจากนี้แผนผังดังกล่าวยังมีการเชื่อมโยงเพิ่มเติมด้วยว่า บางคนก็รับทำเพจให้สมบัติ บุญงามอนงค์ และจตุพร พรหมพันธ์”

ที่ซึ่ง สมบัติ บุญงามอนงค์ เขียนถึง ธนวรรธน์ บูรณศิริ หนึ่งในผู้ต้องหาว่า “ผมไม่ปฏิเสธว่าน้องคนนี้ผมรู้จักและคุ้นเคยกันพอสมควร”





บก.ลายจุด เล่าต่อเกี่ยวกับนายธนวรรธน์ หรือ ‘วา’ เด็กหนุ่มวัย ๒๒ ปี หนึ่งในผู้ร่วมทำเพจที่ต้องหา

“ผมไม่ทราบว่าเขาทำเพจล้อเลียนพลเอกประยุทธ์มาก่อน เมื่อเป็นข่าวผมแวะเข้าไปในเพจ บอกตามตรง เป็นเพจล้อเลียนแบบขำ ๆ เกรียน ๆ ไม่ใช่เพจที่ทำลายความมั่นคงแต่ประการใด การที่เขาถูกตั้งข้อกล่าวหาใน ม.๑๑๖ เป็นเรืองเกินเลยสำหรับเด็กเกรียน ๆ คนนี้

เขาไม่ใช่เสื้อแดง เขาเป็นจิตอาสาคนหนึ่งที่มักเอาตัวเองแวะเวียนไปร่วมกิจกรรมทางสังคมต่าง ๆ ล่าสุดเขามาเป็นอาสามัครช่วยถ่ายภาพกิจกรรมให้กับ NGOs แห่งหนึ่ง หลังจากเพิ่งลาออกจาก Peace TV เมื่อเดือนที่แล้ว”

(https://www.facebook.com/Prachatai/photos/a.376656526698.158748.108882546698/10153579297266699/?type=3&theater)

ไม่เพียงเท่านั้น ในช่วงเวลาของความสับสนเมื่อวาน ขณะทหารกันตัวผู้ที่จะเอาไปดำเนินคดีแปดคนไปควบคุม ก็มีแจ้งข่าวจากสื่อพลเรือนบนเฟชบุ๊คถึงกลุ่มคนที่ออกไปร่วมกันยืนนิ่งประท้วงการอุ้มที่อนุสาวรีย์ชัยฯ

Nithiwat Wannasiri ป่าวประกาศว่า “คุณบุรินทร์ อินติน Burin Intin หนึ่งใน ๑๖ คน ที่ร่วม ‘ยืนเฉยๆ’ ให้ปล่อยประชาชน ๑๐ คนที่ทหารอุ้มหายไปเมื่อเช้า





ตอนนี้ถูกทหารหน่วย ส. พัน.๑๒ รอ. ล็อคตัวออกจากสน.พญาไท แยกตัวไปขังคุกในค่ายทหาร และอ้างอำนาจประกาศ คสช.ว่าควบคุมตัวสอบสวนเตรียมแจ้งดำเนินคดีมาตรา ๑๑๒ ที่ DSI ในวันพรุ่งนี้”

“หลักนิติรัฐนิติธรรมที่ไหนเขาให้เอาคน ‘สถานะทางคดี’ ยังไม่มี แม้แต่การแจ้งความ ไปขังฟรีๆ ในค่ายทหารได้เหรอครับ?

ในรัฐธรรมนูญเนื้อหาเดิมก่อน คสช.จะเข้ามา อย่างน้อยมันยังมีเขียนในมาตรา ๓๙ ทำนองว่า การปฏิบัติกับผู้ต้องสงสัยหรือจำเลยที่คดียังไม่สิ้นสุดทั้งสามศาล เสมือนกับว่าเป็นนักโทษแล้วนั้นกระทำมิได้ เป็นเรื่องผิดรัฐธรรมนูญ

พวกเขาเข้ามาแล้วก็ทำลายหลักนิติรัฐนิติธรรมทุกอย่าง ด้วยการเอาพลเรือนไปขังในคุกทหารโดยไม่มีใครทัดทานได้”

นี่เป็นบรรยากาศที่พลเมืองจำต้อง ‘เสี่ยงอันตราย ก่อนท้องฟ้าจะสดใส’ ดั่งที่ ‘iLaw’ ปรารภไว้ละหรือ

เว็บที่ให้ความรู้เรื่องกฎหมายที่กระทบต่อเสถียรภาพและสถานะภาพของประชาชนอย่างดียิ่งในช่วงที่ผู้ปกครองถมความเดือดร้อนให้ ตลอดอย่างน้อย ๒ ปีที่ผ่านมา ตั้งข้อสังเกตต่อการอุ้มบุคคลไปควบคุมตัวดำเนินคดีว่า

“มีปัญหาในแง่ ‘อำนาจที่ใช้กับฐานความผิดไม่สอดคล้องกัน’

กล่าวคือ การจับกุมและควบคุมตัวดังกล่าว หากเป็นการกระทำความผิดตาม พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ฯ จริง ฐานความผิดดังกล่าวไม่อยู่ในอำนาจของคำสั่งหัวหน้า คสช. ไม่ว่าจะเป็นฉบับที่ ๓/๒๕๕๘ หรือ ๑๓/๒๕๕๙ ที่จะให้เจ้าหน้าที่ทหารเข้าจับกุมและควบคุมตัวไว้ได้

นอกจากนี้ หากเป็นกรณีที่เป็นความผิดจากการโพสต์เฟซบุ๊ก ย่อมไม่ใช่การกระทำความผิดซึ่งหน้า ดังนั้น เจ้าหน้าที่ทหารไม่สามารถอ้างอำนาจคำสั่งหัวหน้า คสช. เพื่อใช้กับกรณีนี้ได้”

(https://www.facebook.com/iLawClub/photos/a.10150540436460551.646424.299528675550/10156806504385551/?type=3&theater)

จะอย่างใดก็ตาม ทหารของ คสช. ได้กระทำการละเมิดหลักทำนองคลองธรรมแห่งกฎหมายมาแล้วมากมาย และทำท่าจะเหยียบย่ำหลักการนิติธรรม นิติรัฐ ต่อไปอีกยาว ในเมื่อหัวหน้าใหญ่พูดง่ายๆ เท่าที่สารเคมีแปลกปลอมในศีรษะจะสำแดงฤทธิ์ผลักดันออกมาได้

“อย่าเอาเรื่องสิทธิมนุษยชนมาปนกับเรื่องของกฎหมาย และเอาเรื่องประเทศไปปนกับเรื่องส่วนตัว”

(http://www.dailynews.co.th/politics/375470)

ไม่ปนได้อย่างไร Kasian Tejapira ให้ความกระจ่างในทางรัฐศาสตร์ไว้แล้วว่า กฎหมายกับสิทธิมนุษยชนย่อมต้องพัวพันกันอยู่เสมอ ในเมื่อ

“พื้นฐานเบื้องต้นที่สุดของมันคือสิทธิโดยธรรมชาติ (natural rights) และกฎหมายที่รัฐออกจะต้องอยู่บนฐานสิทธิธรรมชาตินั้น จะออกกฎหมายที่ไปล่วงละเมิดสิทธิโดยธรรมชาติอันเป็นรากฐานมิได้...มองในมุมประชาธิปไตย

ในระบอบประชาธิปไตยย่อมออกกฎหมายมาจำกัดสิทธิของประชาชนพลเมืองได้อยู่ แต่กฎหมายนั้นประชาชนพลเมืองจักต้องออกเอง หรือให้ผู้แทนที่มาจากการเลือกตั้งโดยชอบของตนออก จึงจะพูดได้ว่ากฎหมายนั้นชอบธรรม”

อย่างนี้ยังมีหน้าบอก “ไอ้ผมมันอำนาจพิเศษ” อยู่อีกนะ จะต้องให้อำนาจพิเศษกว่ามากำหราบหรือไร จึงจะสำนึกผิดชอบ ชั่วดี รู้แน่แก่ใจว่าความชอบธรรมเป็นอย่างไร


หนึ่งในบทกวีที่ดีและร่วมสมัยที่สุด แม้จะเขียนมาร่วม 40 ปี





ช่วงนี้คิดถึงบทกวีเก่าของธงไทย สุวรรณคีรี...

รัฐธรรมนูญปีพุทธศักราช๘๗๖๕๔๓๒๑. โดย ธงไทย สุวรรณคีรี (มติชน ๒๘ กันยายน ๒๕๒๑). มี13มาตราบางมาตราอาจยังใช้ได้/ใช้อยู่

Credit วิทย์ วัชพืช และ
Thanapol Eawsakul


.....

ที่มา Gotoknow.org

เชิญอ่านและแสดงความคิดเห็นในร่างรัฐธรรมนูญปีพุทธศักราช ๘๗๖๕๔๓๒๑


การเมืองการปกครองของไทยมีร่างรัฐธรรมนูญในการปกครองประเทศจนถึงปัจจุบันก็ยังมีการยึดใช้อยู่ แต่อยากให้เห็นมุมมองของนักภาษานักกวีที่มีการบรรยายออกมาตามความรู้สึกในสมัยนั้น

ร่างรัฐธรรมนูญปีพุทธศักราช ๘๗๖๕๔๓

มาตราหนึ่ง,ประเทศนี้มีเพียงหนึ่ง
ใครอย่าเที่ยวทะลึ่งแบ่งเป็นห้า

มาตราสอง, ต้องมีรัฐสภา
ที่แต่งตั้งขึ้นมาโดยรัฐบาล

มาตราสาม,ให้(ตูข้า)เป็นนายก
ตำแหน่งสืบมรดกถึงลูกหลาน

มาตราสี่,ให้เสรีตุลาการ
แต่ต้องเชื่อทหารทุกคดี

มาตราห้า,ศาสนานับถือได้
แต่ต้องเชื่อว่าฝ่ายซ้ายเป็นภูติผี

มาตราหก,ห้ประชามีเสรี
แต่ห้ามเขียนพาทีห้ามโฆษณา

มาตราเจ็ด,ให้สิทธิการชุมนุม
แต่ใครขืนจับกลุ่มจะถูกฆ่า

มาตราแปด,รัฐพึงช่วยชาวนา
แต่อย่าให้พ่อค้าต้องกระเทือน

มาตราเก้า,พึงคุ้มครองเรื่องการค้า
โดยเฉพาะกัญชาและรถเถื่อน

มาตราสิบ,ให้ทหารและพลเรือน
รับบำนาญและเงินเดือนจากอเมริกา

มาตราสิบเอ็ด, พึงพิทักษ์ทรัพยากร
ไว้บำรุงนครโอซากา

มาตราสิบสอง, พึงส่งเสริมการกีฬา
ไว้เบนใจประชาจากการเมือง

มาตราสิบสาม, เป็นบทเฉพาะกาล
แต่ให้ใช้ยาวนานตลาดเรื่อง

"ให้พวกตูผู้เดียวได้ครองเมือง 
 เพราะมันเฟื่องมันฟูตูชอบเอย"


ผู้แต่ง ธงไทย สุวรรณคีรี (มติชน 28 กันยายน 2521)

หากเป็นความคิดของปถุชนทั่วไปในสมัยนั้นคงเป็นการปกครอง
ที่มีทหารเป็นผู้กุมอำนาจเป็นอย่างแน่ แล้วในปัจจุบันท่านคิดอย่างไร
กับร่างรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันเมื่อเปรียบเที่ยบกันแล้ว

ประชาธิปไตย ตายแล้ว : ต้องขอขมาใคร ถึงจะงมหาประชาธิปไตยในประเทศไทยเจอ หรือต้องรอให้ประชาธิปไตยตายลอยอืดขึ้นมาเอง?





ต้องขอขมาใคร ถึงจะงมหาประชาธิปไตยในประเทศไทยเจอ

หรือต้องรอให้ประชาธิปไตยตายลอยอืดขึ้นมาเอง?

‪#‎กระทรวงไสยศาสตร์และเวทมนต์‬


Wanchalearm Satsaksit
.....

อ่านโพสต์เก่าของ



ชูวิทย์ I'm No.5 .
March 21, 2014

ยุค กปปส. ก่อนมี คสช.


ประชาธิปไตย ตายแล้ว


ตอนแรกผมคิดว่า การเลือกตั้งเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานตามระบอบประชาธิปไตย ใครขัดขวางมีกฎหมายปกป้องเอาผิด ขนาดคนฉีกบัตรเลือกตั้งยังต้องถูกดำเนินคดีติดคุกติดตาราง มีกฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้งมากมาย จนถึงองค์กรกลางอย่าง กกต. ที่มีกระบวนการตรวจสอบเข้มข้น พร้อมคุ้มครองพลเมืองไทยทุกคนที่มีสิทธิ ครั้งล่าสุดมีผู้มาลงคะแนนกว่า 20 ล้านคน ในความเป็นจริงมีจำนวนมากกว่านี้เสียด้วยซ้ำ แต่มาไม่ได้ เพราะไม่มีเจ้าหน้าที่ กกต. ประจำเขต บางหน่วยก็ปิดเพราะม็อบไม่ให้มา ประชาชนเกรงกลัวความรุนแรง จึงไม่ได้ออกมาใช้สิทธิ์

ผมนึกว่าบ้านเมืองนี้มีกฎกติกาสำหรับประชาธิปไตย แต่ผมคิดผิด มันไม่ได้เป็นแบบนั้นเลย ประเทศไทยใช้ม็อบ ใครไม่พอใจก็ปิดถนนประท้วง บอกว่าตัวเองคือผู้ที่ถูกต้อง เป็นคนดี ใครอยากเป็นคนดีต้องมาอยู่ฝั่งตัวเอง กระบวนการตัดสินใจไม่ต้องวัดจากประชาชน แต่วัดจากความรุนแรงของสถานการณ์ที่ตัวเองปลุกปั่นขึ้น

เมื่อศาลรัฐธรรมนูญตัดสินว่าการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาเป็นโมฆะ ทุกสิ่งทุกอย่างจึงกลับไปสู่จุดเดิม ไม่สามารถเดินหน้าอะไรได้อีก ทั้งยังเป็นบรรทัดฐานต่อไป หากใครอยากล้มการเลือกตั้ง หาคนออกมาประท้วงปิดถนน ล้อมหน่วยเลือกตั้ง ไม่ให้มีการสมัครสัก 28 เขต แค่นี้การเลือกตั้งก็เป็นโมฆะ ครั้งนี้เกิดขึ้นที่ภาคใต้ ต่อไปอาจเกิดขึ้นที่ภาคอีสานหรือภาคเหนือก็ได้

ประชาธิปไตยไม่ได้เป็นของคนไทยทุกคนอีกต่อไป รัฐธรรมนูญไม่ได้เขียนเอาไว้ให้คนไทยได้อ่านแล้วปฏิบัติ แต่อยู่ที่คนตีความต่างหาก ถ้ารัฐธรรมนูญเขียนว่านี่คือช้าง ก็อย่าเพิ่งปักใจเชื่อนะครับ เพราะคนตีความเขาอาจบอกว่าเป็นหมู มันก็ต้องเป็นหมูวันยันค่ำ ส่วนใครที่บอกว่านายกฯคนกลางไม่มีอยู่ในรัฐธรรมนูญ เดี๋ยวก็รู้ เพราะถ้าอ่านเฉยๆมันไม่มี แต่ถ้ามันจะตีความให้มีมันก็มีได้

รัฐธรรมนูญเขียนไว้ว่า "อำนาจเป็นของปวงชนชาวไทย" ผมไม่เชื่อแล้วล่ะครับ เพราะมันอาจตีความได้ว่า "อำนาจอยู่ในมือปวงชนชาวไทยที่เป็นพวกกูเท่านั้น ส่วนพวกมึงไม่เกี่ยว"

ประชาธิปไตยของไทย มันตายไปแล้วครับ ผมเพิ่งเห็นกับตา เผาไปตอนบ่ายโมงวันนี้นี่เอง

.....






“คสช.” รัฐประหารครั้งเลวร้ายสุดๆ ที่คนส่วนใหญ่ยังไม่รู้สึก





โดย...ประสิทธิชัย หนูนวล
ผู้ประสานงานเครือข่ายปกป้องอันดามันจากถ่านหิน

ที่มา ผู้จัดการออนไลน์


รัฐประหารคราวนี้ทำได้เหนือชั้นมาก เพราะแม้จะเลวร้ายที่สุดคนส่วนใหญ่ก็ไม่รู้สึก

1. พวกเขาใช้ยุทธวิธีเหนือชั้นที่เรียกว่า “ทำให้คนอยู่ในโลกเสมือนจริง” เริ่มจากการที่ต้องทำให้คนเชื่อว่า ทหารเข้ามาเพื่อการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ลบภาพความโหดร้ายของทหารแบบเดิมลง ถึงขนาดลงทุนตั้งสภาปฏิรูปลงเงินไปไม่รู้เท่าไหร่ต่อผลลัพธ์ที่ว่างเปล่า แต่ก็คุ้มค่าสำหรับการซื้อความรู้สึกของประชาชน จนกระทั่งบัดนี้คนก็ยังเชื่อว่า ทหารเข้ามาปฏิรูป ปราบโกง คุ้มมากที่สุดต่อการทำให้คนเชื่อ ส่วนประเทศจะฉิบหายเท่าไหร่ไม่เกี่ยว

2. คสช.ใช้มาตรการอื่นที่ไม่ใช้กำลัง แม้ว่าจะมีการใช้อยู่บ้างแต่ก็ระมัดระวังไม่ให้กระทบต่อความรู้สึกถึงขั้นให้คนส่วนใหญ่โกรธ เมื่อกระแสสังคมขึ้นเขาจะผ่อนปรน เพราะเป้าหมายคือ รักษาภาพลักษณ์ซึ่งเท่ากับการรักษาอำนาจเอาไว้ เพราะเป้าหมายที่แท้จริงนั่นยังไม่บรรลุ

3. การควบคุมมวลชนเขาตระหนักดีว่า ใช้กำลังไม่ได้ผลในยุคนี้เพราะทั้งโลกเฝ้าจับตา ความแนบเนียนคือ ใช้กฎหมาย เพราะกฎหมายคือความศักดิ์สิทธิ์ชนิดหนึ่ง โดยที่ผ่านมา สังคมไทยไม่ตั้งคำถามต่อที่มาของกฎหมาย อะไรที่เป็นกฎหมายกลายเป็นศักดิ์สิทธิ์ไปหมด ใครฝ่าฝืนกฎหมายกลายเป็นผู้ร้ายโดยอัตโนมัติ เครื่องมือที่เรียกว่ากฎหมายจึงสวยงามที่สุดสำหรับทหาร มาตรา 44 ที่ตั้งไว้ใช้เพื่อการนี้โดยเฉพาะ มันจึงทำหน้าที่แทนกระบอกปืน โดยที่คนส่วนใหญ่ไม่รู้สึกถึงความโหดร้าย นี่คือ ความเหนือชั้น

4. เป้าหมายสูงสุดของ คสช.ยังคงเป็นเรื่องผลประโยชน์ที่ไม่สามารถสืบทราบได้ว่าใครเป็นผู้ได้ประโยชน์ แต่สังเกตจาก ม.44 ที่ออกมาล้วนเอื้อให้เกิดโครงการขนาดใหญ่ที่กลุ่มทุนได้ประโยชน์โดยไม่สนใจมิติสิ่งแวดล้อม และชีวิตมนุษย์ ตรงนี้เป็นความเหนือชั้นอีกขั้นหนึ่งเพราะกระทำภายใต้วาทกรรมการพัฒนาที่สังคมส่วนใหญ่ซื้ออยู่แล้วโดยไม่ตั้งคำถามว่าวันข้างหน้าประเทศจะฉิบหายยังไง

5. อุปสรรคชนิดเดียวของ คสช.ตอนนี้ คือ การตื่นของประชาชน แต่จะใช้กำลังปราบปรามก็ทำไม่ได้ เพราะประเทศไทยไม่ได้อยู่โดดเดี่ยวในโลกใบนี้ มาตรการทางกฎหมายจึงถูกนำมาใช้ผสมกับการทั้งขู่ทั้งปลอบของฝ่ายทหารที่กระทำต่อมวลชน ซึ่งยังรักษาขอบเขตให้คนส่วนใหญ่รู้สึกดีว่า ทหารไม่ใช้ความรุนแรง การเอาปืนไปจี้ การอุ้มหายกระทำได้ภายใต้วาทกรรมการทำผิดกฎหมาย กลายเป็นการกระทำอันชอบธรรมเพราะทำตามกฎหมาย เพราะฉะนั้น ม.44 กฎหมายประชามติ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ จึงถูกนำออกมาใช้ควบคุม กดขี่ ข่มเหงคนอย่างชอบธรรม เพราะรัฐบาลต้องการให้โปรเจกต์ขนาดใหญ่ผ่านไปได้ แต่มีเป้าหมายอีกข้อหนึ่งที่ต้องบรรลุไปพร้อมกันคือ?

6. เป้าหมายข้อนั้นคือ การสืบทอดอำนาจ รัฐธรรมนูญจึงต้องผ่าน แต่ในรัฐธรรมนูญนั้นบรรลุผลทั้งสองอย่างคือ การจำกัดสิทธิของประชาชน และปัจจัยเอื้อของการสืบทอดอำนาจ แค่เพียงสองอย่างนี้บรรลุหมากต่อไปก็เล่นง่ายขึ้น

7. การรัฐประหารคราวนี้มีชนชั้นมันสมองร่วมวางแผนเดินหมาก กำกับเกม ลำพังประยุทธ์ กับประวิตร ไม่น่าฉลาดได้ขนาดนี้

ทั้งหมดนี้เดิมพันด้วยความตกต่ำขนานใหญ่ของประเทศ เดิมพันด้วยหายนะด้านสิ่งแวดล้อม เดิมพันด้วยการสูญเสียเสรีภาพความเป็นมนุษย์ของคนไทย ประเทศไทยกลายเป็นของเล่นอีกครั้ง ในขณะที่พม่ากำลังก้าวหน้าอย่างน่าใจหาย

รู้ไหมครับทหารทำแบบนี้ได้เพราะอะไร? เพราะคนไทยส่วนใหญ่ยังหลับหูหลับตาเชียร์ โดยมีฐานมวลชน กปปส.เป็นบันไดให้ คสช.ปีนขึ้นมา ซึ่งผมเป็นหนึ่งในนั้น และรู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้ง คำถามที่อยู่ในใจคือ ตอนนั้นสุเทพ กำลังวางแผนอะไรกับทหาร?

หวังว่าคนไทยจะตื่นทันเวลา


ตอนนี้กระแสสังคมสับสน หลายคนกำลังโกรธแค้น หลายคนกำลังหดหู่ หลายคนเหมือนมองไม่เห็นทาง ไม่รู้จะว่าเมื่อไหร่จะหลุดพ้นวงจรอุบาทว์นี้ อย่าเพิ่งหมดกำลังใจ ท้อได้ แต่อย่าถอย ล้มได้ เจ็บได้ แต่อย่ากลัวที่จะลุกขึ้นใหม่




http://prachatai.org/journal/2016/04/65506


ตอนนี้กระแสสังคมสับสน หลายคนกำลังโกรธแค้น หลายคนกำลังหดหู่ หลายคนเหมือนมองไม่เห็นทาง ไม่รู้จะว่าเมื่อไหร่จะหลุดพ้นวงจรอุบาทว์นี้

อย่าเพิ่งหมดกำลังใจ ท้อได้ แต่อย่าถอย
ล้มได้ เจ็บได้ แต่อย่ากลัวที่จะลุกขึ้นใหม่

พวกเขากำลังทำให้ประชาชนกลัว อย่าไปกลัว คนที่กลัวประชาชนแท้จริงแล้วคือพวกเขา ท่ามกลางความแข็งกร้าวที่พวกเขาแสดงออกนั้น แสดงให้เห็นว่าลึกๆแล้วเขานั้นสั่นคลอนและอ่อนไหวเพียงใด

ความอ่อนไหวนี้เกิดขึ้นเพราะมีปัจจัยหลายอย่างที่เขาจัดการไม่ได้ เช่น อำนาจภายในที่สั่นคลอน ความกลัวที่จะรักษาสิ่งที่พวกเขายึดถือเอาไว้ไม่ได้ เขาจึงต้องทำทุกทางเพื่อที่จะบังคับให้คนคิดและเชื่อแบบเขา ซึ่งในสังคมประชาธิปไตย ความหลากหลายแตกต่างนั้นเป็นสิ่งปกติธรรมดา แต่เผด็จการนั้นอ่อนไหวเกินไหว

หลายคนอาจรู้สึกว่า ไม่คุ้มแล้วที่จะสู้ ยอมๆมันไปเถอะ
นั่นเป็นจุดเริ่มต้นแห่งความกลัวที่จะกัดกร่อนเราจากภายใน ขอให้ระลึกไว้ว่า มันยังไม่จบแต่เพียงเท่านี้

แปรความโกรธ ความเกลียด ให้เป็นพลัง
แล้วใช้ชีวิตต่อไปอย่างมีสติ วันนี้พักเอาแรงก่อน


กูต้องได้ 100 ล้าน จากทักษิณแน่ๆ
.....


7 สิงหาคม....


บนทางแยกประวัติศาสตร์ของฝ่ายจารีต-ขวาไทย : ทักษิณอาจไม่ใช่ศัตรูหลักอย่างที่พวกเขาเข้าใจ





บนทางแยกประวัติศาสตร์ของฝ่ายจารีต-ขวาไทย : ทักษิณอาจไม่ใช่ศัตรูหลักอย่างที่พวกเขาเข้าใจ

------------

ทำไมทักษิณจึงยังมีอำนาจทางการเมืองยืนยาวมาได้อย่างยาวนานขนาดนี้ เรื่องนี้ผมได้เขียนไปมากแล้วแต่มีเรื่องหนึ่งที่เราต้องไปทำความเข้าใจเพิ่มอีก

เป็นเรื่องเกี่ยวกับฝ่ายจารีต-ขวาไทย ที่กำลังเป็นปัญหาและเป็นตัวอันตรายต่อประเทศไทยในขณะนี้
------

หลังจากขึ้นครองอำนาจทางการเมืองของตัวทักษิณชินวัตร เกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างมากมายมหาศาล ในความเปลี่ยนแปลงนั้นไปสะเทือนโครงสร้างเก่าที่กลุ่มเครือข่ายกลุ่มหนึ่งเคยได้เปรียบมานาน (เรื่องนี้มีคนเขียนเอาไว้เยอะแล้ว ผมขอข้ามไปละกัน)

เกษียร เตชะพีระ เคยให้ความเห็นมาประเด็นหนึ่งว่าอันที่จริงแล้วประเทศไทยอาจไม่ได้ประสบปัญหาสร้างประชาธิปไตยก็ได้ (democratization) โดยกลับกัน ตอนนี้ประเทศไทยกำลังประสบปัญหาการย้อนกลับไปสู่ระบอบเก่าก่อนทักษิณมาต่างหาก

พูดง่ายๆ ตอนนี้มีคนกลุ่มหนึ่งพยายามทำให้ประเทศไทยกลับไปเป็นระบอบเผด็จการอีกครั้งหนึ่ง (authoritarization) แต่ยังไม่สำเร็จเสียที ทำมาต่อเนื่องเป็นสิบปีแล้วก็ยังไม่สำเร็จ มันยังค้างๆคาๆอยู่

ผมเห็นด้วยกับการมองมุมกลับแบบนี้ เพราะเป็นการมองจากมุมของกลุ่มคนที่ไม่เชื่อมั่นในประชาธิปไตยแบบที่เป็นอยู่ มองว่าประชาธิปไตยคือภัยคุกคามพวกเขา

เมื่อย้อนประเทศไทยกลับไปเป็นเผด็จการไม่สำเร็จทั้งๆที่ลงมือทำไปแล้ว จึงเกิดความเสียหายต่อประเทศชาติเป็นอันมาก

ซึ่งนั่นเป็นเรื่องจริง เราก็เห็นด้วยตาของตัวเองใช่มั้ยครับ ?
------

การทำความเข้าใจฝ่ายจารีต-ขวาไทยในการเมืองไทยสมัยนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อกระบวนการประชาธิปไตยเดินมาสู่คุณภาพหนึ่งเมื่อยุคไทยรักไทยเรืองอำนาจ ทำให้โครงสร้างเก่าๆที่เคยรู้จักมีความเปลี่ยนแปลงไป

ภายใต้โครงสร้างเก่า นักการเมืองและพรรคการเมืองไม่ได้ถูกมองว่าเป็นภัยคุกคามต่อผลประโยชน์ทางชนชั้นมากเท่าตัวทักษิณและพรรคไทยรักไทย

โดยกลับกัน พรรคการเมืองและนักการเมืองก่อนปี 2544 มีลักษณะที่สามารถถูกควบคุมโดยโครงสร้างและกลไกบางอย่างได้ (เช่น ระบอบประชาธิปไตยครึ่งใบ เป็นต้น) นักการเมืองจำเป็นต้องอยู่ใต้โครงสร้างอำนาจชนิดนั้นมานาน แม้ว่า 14 ตุลาฯ จะพังทลายอำนาจของข้าราชการประจำไปก่อนหน้านี้แล้วก็ตาม

ฝ่ายจารีต-ขวาไทย รู้สึก "ปลอดภัย" ภายใต้โครงสร้างชนิดนั้นเนื่องจากฝ่ายตนเองออกแบบมานาน สะสมมานานจนสามารถเปลี่ยนความคิดของคนในสังคมให้เห็นดีงามไปด้วยได้

นักการเมืองและพรรคการเมืองจึงไม่น่ากลัว ตราบใดที่พวกเขายังไม่เข้ามาทำลายโครงสร้างเดิมที่เคยเป็นมา ตราบนั้นนักการเมืองก็จะ "ได้รับอนุญาต" โลดแล่นบนเส้นทางอำนาจและผลประโยชน์ได้อย่างเต็มที่
--------

การมาของทักษิณและพรรคไทยรักไทยได้ทำลายกำแพงเหล่านั้นลงไปหลายต่อหลายจุด

แน่นอนว่าตัวทักษิณเองเติบโตมาจากระบบโครงสร้างแบบเก่า เป็นนักการเมืองที่ไม่ต่างอะไรจากนักการเมืองคนอื่นๆที่ต้องการเข้ามาแสวงหาชื่อเสียงเงินทอง อำนาจและผลประโยชน์ เป็น cliche เรื่องเดิมๆที่รับรู้กันมาดีอยู่แล้ว

เพียงแต่วิธีคิดบางอย่างของทักษิณทำให้กำแพงเหล่านั้นพังลงอย่างไม่ตั้งใจ (ผมเชื่อว่าเขาไม่ได้ตั้งใจทำให้กระทบต่อโครงสร้างเก่าขนาดนั้นแต่แรกแล้ว แต่อาจยกเรื่องเศรษฐกิจเอาไว้เรื่องหนึ่งเพราะเป็นงานถนัดของเขา)

การที่ทักษิณใช้แนวนโยบายประชานิยม เพียงเพราะทักษิณอยากได้ฐานคะแนนเสียงจากการเลือกตั้งวาระต่อวาระเท่านั้นเอง มันง่าย เร็ว ลงทุนไม่มาก ลูกค้าชอบ ตอบโจทย์ได้ ทำไมจะไม่ทำล่ะ ?

สิ่งนี้แหละคือจุดเปลี่ยนของเนื้อเรื่องทางการเมืองขนาดยาวของไทย เพราะสิ่งที่ทักษิณทำเพียงแค่หวังคะแนนเสียงเฉพาะหน้า มันกลับกลายเป็นว่าได้เข้าไปเปลี่ยนแปลงโครงสร้างในระดับฐานราก (radical) หลายตัว
----------

จึงทำให้เกิดสิ่งสำคัญขึ้นมา...

1. ตัวทักษิณกลายเป็นนายทุนนักการเมือง "ฮีโร่ของชาวบ้าน" บารมีของทักษิณเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจนน่ากลัว ทักษิณจึงกลายเป็นบุคคลที่ทรงพลังทางการเมืองสูงยิ่งแปรผันตามบารมีของตนเอง

ในประวัติศาสตร์การเมืองไทย ไม่เคยมีนายกรัฐมนตรีที่ได้รับการเลือกตั้งมีบารมีสูงเทียบเท่าทักษิณมากก่อน และไม่ใช่แค่มีบารมีแค่ระยะแรกๆหลังเลือกตั้งเท่านั้น แต่หากได้รับเลือกตั้งถึงสองครั้งติดด้วยคะแนนเสียงท่วมท้น 19 ล้านเสียง และ 14 ล้านเสียงตามลำดับ

หาก "การเมืองแบบบารมี" มีความสำคัญต่อการเมืองไทย ทักษิณก็คือผู้มีบารมีระดับสูงในระดับประเทศ

"การวัดบารมี" จึงเกิดขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจแต่เป็นแรงจูงใจสำคัญของฝ่ายจารีต-ขวาไทย และจูงใจมากพอที่จะต้องโค่นล้มทักษิณลงไปให้ได้

การเมืองแบบบารมี ถือว่าเป็นพื้นที่อำนาจสำคัญของฝ่ายจารีต-ขวาไทยนั่นเอง ทักษิณ "ก้าวล่วงพื้นที่อันศักดิ์สิทธิ์" นี้ไปเสียแล้ว...

2. แนวนโยบายของไทยรักไทย ทำให้ประเทศไทยเปลี่ยนโฉมไปมาก สิ่งต่างๆที่เคยเป็นมากลายเป็นอดีตให้จดจำ

เพราะสังคมกำลัง "ดื่มด่ำ" กับความเปลี่ยนแปลงใหม่ๆที่พัดพามาพร้อมๆกับสิ่งที่เรียกว่าประชานิยม

เมื่อเกิดรัฐประหาร 2549 ไม่นานนัก ขบวนการเสื้อแดงโผล่ขึ้นมาแทบจะในทันที

ถามว่าพวกเขามาจากไหน ? พวกเขาก็มาจากความเปลี่ยนแปลงนี้แทบทั้งสิ้น (ผมเขียนบทความพูดถึงเรื่องนี้เอาไว้แล้วอย่างละเอียด ใน "คนเสื้อแดง “Agent of Change ?”: บทสำรวจบางประการ")

พลังทางการเมืองขนาดใหญ่โตที่ดูเหมือนว่า "ไร้ประสบการณ์ ถูกชักจูงโดยนักการเมือง โง่ จน เจ็บ" ไม่ใช่ของเก๊ในทางโครงสร้างอย่างแน่นอน

การตื่นขึ้นมาของประชาชนฝ่ายนี้ไม่ได้ตื่นขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ

สาเหตุแรก แน่นอนว่าตัวทักษิณเป็นบุคคลสำคัญของฝ่ายเสื้อแดง เพราะเขาได้เชื่อมตัวเองเข้ากับมวลชนในวงกว้างมาแต่แรก ดังนั้น ตัวทักษิณจึงมีสองสถานะในเสื้อแดง

1. สัญลักษณ์แห่งการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย (ตลกร้ายก็คือทักษิณไม่ได้เป็นนักประชาธิปไตยอะไรขนาดนั้น)

2. เป็นนักการเมืองที่มีนโยบายดีๆสำหรับประชาชนและทำได้จริงๆ แต่ถูกรังแก ต้องช่วยทักษิณ

ทักษิณจึงเป็นผู้ที่มีบารมีอย่างมากในหมู่เสื้อแดงและผู้สนับสนุนทักษิณ

ทักษิณก็พร้อมที่จะสนับสนุนทรัพยากรต่างๆให้แก่มวลชน เพื่อเคลื่อนไหวทางการเมืองโดยใช้ปีกมวลชนของพรรค คือ นปช. นั่นเอง

สาเหตุที่สอง "สำนึกทางการเมือง" ของผู้สนับสนุนทักษิณได้ก่อตัวขึ้นมาพร้อมๆกับประสบการณ์จริงๆในสังคมที่พวกเขาเผชิญอยู่ทุกวัน

คำว่า "ประชาธิปไตยกินได้" ไม่ใช่คำสวยหรูในตำราเพ้อฝันของนักวิชาการประชาธิปไตยโลกสวยอีกต่อไป หากแต่เป็นคำที่เกิดขึ้นจริงๆในชีวิตของประชาชน โดยเฉพาะผู้สนับสนุนทักษิณ

เมื่อประชาธิปไตยมันกินได้มันจึงเป็นประชาธิปไตยที่ดี

"นักการเมืองจ่ายเงินซื้อเสียงบ้างก็ไม่เป็นไร คอรับชั่นบ้างก็รับได้ แต่เวลาฉันป่วยฉันก็เข้าโรงบาลได้เลย เวลาฉันไม่มีเงินก็มีโครงการดีๆมาให้ฉัน เมื่อยามฉันทำงานเหนื่อยแทบตาย ก็มีคนที่ชื่อทักษิณมาบอกว่าเอาค่าแรงที่ยุติธรรมไป เมื่อลูกหลานของฉันอยากเรียนหนังสือ ก็ได้เรียน เมื่อลูกหลานฉันเรียนจบ ก็ได้หมื่นห้า ฯลฯ

จู่ๆวันหนึ่งมีคนออกมาไล่นายกของฉัน สุดท้ายก็มีทหารเข้ามาพรากประชาธิปไตยไปจากฉัน ฉันจะยอมหรือ ?"

เรื่องเล่าเหล่านี้กลับกลายเป็นเรื่องเล่าอันหนักหน่วงสำหรับฝ่ายจารีตต-ขวาจัดไทย

เพราะเขาไม่ได้ต่อสู้กับตัวทักษิณเพียงอย่างเดียวเสียแล้ว...

ศัตรูของฝ่ายจารีต-ขวาไทย จึงขยายวงกว้างไม่ได้จำกัดเพียงแค่ทักษิณและเครือข่ายทักษิณ

แต่พวกเขากำลังสู้กับจิตสำนึกที่เปลี่ยนไปแล้วของประชาชนต่างหาก

เมื่อจิตสำนึกของผู้คนเปลี่ยนแปลง การเอาปืนมายิงให้ตาย เอาทหารมาล้อมฆ่า ก็ทำได้เพียงแค่พรากชีวิตไปเท่านั้น

แต่กระสุนปืนยิงอุดมการณ์และจิตสำนึกทางการเมืองไม่ได้มันเอาปืนฆ่าไม่ได้...
-------

วันเวลาผ่านไป หลังล้อมฆ่า 2553 ทำให้ฝ่ายถูกฆ่าเริ่มยกระดับจิตสำนึกตัวเองขึ้นมาใหม่

พวกเขารู้ว่ากำลังสู้กับอะไร การต่อสู้อาจจะไม่ใช่การต่อสู้เพื่อทักษิณต่อไปอีกแล้วก็ได้

แน่นอนว่าจิตสำนึกที่ถูกยกระดับของมวลชนอาจจะไม่ได้เต็มร้อยเปอร์เซ็นท์เท่ากันหมด มันย่อมต้องใช้เวลาสะสมทั้งความคิดและประสบการณ์ตามวันและเวลา

หลายครั้งเสื้อแดงเองก็หลับหูหลับตาเชียร์อย่างไม่สนใจปรากฎการณ์ใดๆ ราวกับว่าทักษิณและพรรคของทักษิณไม่เคยผิดพลาดเลย ไม่เคย "เหยียบหัวประชาชนเพื่อผลประโยชน์ตนเอง" เลยแม้แต่ครั้งเดียว

เวลาและประสบการณ์ที่มากขึ้นเท่านั้นจะเป็นคำตอบ
---------

โดยกลับกัน ฝ่ายจารีต-ขวาไทย กลับพยายามรั้งอดีตเอาไว้กับตัวเอง ยังเชื่อมั่นในวิธีการเก่าๆที่จะรักษาระบอบโครงสร้างเดิมเอาไว้ให้ได้

ความผิดพลาดอย่างมหันต์ก็คือการไม่ยอมปรับตัวเองเข้าสู่โครงสร้างใหม่ ยังยึดติดกับความเคยชินเดิมๆ ยังคงใช้วิธีคิดเดิมที่เคยได้ผล

แน่นอนครับ การรัฐประหารคือ practical ทางการเมืองที่จับต้องได้และทำได้สำเร็จด้วย

แต่ปัญหาคือ การรัฐประหาร การล้อมปราบ การกดขี่ การทำลายสิทธิเสรีภาพ ยิ่งทำให้สถานภาพทางการเมืองของพวกเขาแย่ลงในระยะยาว และไม่สามารถเปลี่ยนแปลงความคิดทางการเมืองใดๆได้อีกด้วย

เขาโค่นล้มล้มทักษิณได้ใช่หรือไม่ ? ใช่, เขาสามารถกลับเข้าไปยึดอำนาจรัฐได้หรือไม่ ? ใช่

แต่ที่เขายังทำไม่ได้และจะไม่มีวันทำได้ คือ "การครองใจคนหมู่มาก"

ทักษิณมีอาวุธมหาประลัยในมือ คือ การครองใจคนหมู่มากเอาไว้ได้ และกลายเป็นสัญลักษณ์แห่งการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยขึ้นมาได้ (แม้ว่าแดงหลายกลุ่มจะไม่ยอมรับตรงนี้ แต่เชื่อผมเถอะ ทักษิณขยับทำอะไร เขาก็ยังต้องตามทักษิณไปก่อนอยู่ดี)

หากการเมืองเป็นเรื่องของการครองใจคนภายใต้ระบอบประชาธิปไตย ฝ่ายจารีต-ขวาไทยล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง....
------

ทางแยกสำคัญของฝ่ายจารีต-ขวาไทย มีเพียงไม่กี่ทางเท่านั้น

1. พร้อมปรับตัวเข้าสู่โครงสร้างและสถานการณ์อำนาจแบบใหม่ เพื่อรักษา status quo ของตัวเองเอาไว้ให้ได้ ยินยอมที่จะประนีประนอมกับพลังทางการเมืองใหม่ๆโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับประชาชนส่วนใหญ่ในประเทศ

2. เลือกทางแตกหัก ยอมหักไม่ยอมงอ หากกูไม่ได้เป็นผู้กุมเกม ก็จงทำลายล้างกันไปให้สิ้นซาก

ทักษิณอาจเป็นตัวแปรสำคัญก็จริงแต่ทักษิณเองก็คุมไม่ได้ทั้งหมดอย่างที่หลายคนเข้าใจ

"ซุบเปอร์ดีล" ไม่เคยจบลงอย่างสวยงามหากปราศจากประชาชนในนั้น...

Pakinai Chomsinsubmun

สมศักดิ์ เจียมฯเขียนถึงถึง สมชัย ศรีสุทธิยากร (อดีต)เพื่อนรัก "ช่วยแจ้งความจับผมทีสิ"





ถึง สมชัย ศรีสุทธิยากร Srisutthiyakorn Somchai(อดีต)เพื่อนรัก

ช่วยแจ้งความจับผมทีสิ

ผมเห็นว่าร่างรัฐธรรมนูญนี้ เฮงซวย มีค่าน้อยกว่ากระดาษเช็ดตูด เช็ดขี้เช็ดเยี่ยวอีกว่ะ เอาไปใช้เช็ดขี้ อาจจะทำให้ตูดอักเสบได้ ไม่มีใครควรจะรับเลย เป็นร่างรัฐธรรมนูญของคนหน้าด้าน ระยำ พวกมาเฟียที่ไม่มีปัญญาจะทำให้คนยอมรับโดยใช้เหตุใช้ผล ต้องใช้ปืนมาบังคับข่มขืนใจคน แล้วยัดเยียดเอกสารเหี้ยๆเฮงซวยนี้ให้คนรับ ฯลฯ ฯลฯ

(และผมเห็นว่าไม่มีใครที่ยังมีความเคารพตัวเอง เคารพในศักดิ์ศรีความเป็นคน จะออกมาปกป้องมันแบบที่คุณทำ แต่อย่างว่าป่านนี้คุณแม้แต่ความเคารพตัวเอง หรือศักดิ์ศรีอะไรก็ไม่เหลือไปนานแล้ว คงจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่า สมัยเราเด็กๆเคยชอบกลอนนี้ของจิตรมาก "...เจ้าซื่อต่อคนคต แต่ทรยศต่อคนไทย ลูกหลานจะอายใจ ที่มีพ่อเป็นคนทราม...")

................

ข่าว http://www.matichon.co.th/news/118544

"....นายสมชัย ยังกล่าวอีกว่า การโพสต์ข้อความว่าจะรับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องที่สามารถทำได้ แต่ต้องอยู่บนเหตุผลทางวิชาการ ไม่มีลักษณะถ้อยคำรุนแรง ก้าวร้าว หยาบคาย และไม่โน้มน้าว ไม่ชักจูง ปลุกระดม ข่มขู่ผู้อื่น โดยหวังผลให้ออกเสียงไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง..."


วันพฤหัสบดี, เมษายน 28, 2559

ตำรวจโชว์ผังเครือข่ายต้าน “คสช.”... เอาอีกแล้วนะ การทำผัง มันทำให้ดูน่าเชื่อถือตรงไหน คนเขาเกลียดมึงค่อนบ้านค่อนเมือง ไม่ต้องมีการจัดตั้งหรอก






ตำรวจโชว์ผังเครือข่ายต้าน “คสช.”

ที่มา มติชนออนไลน์
28 เม.ย. 59


เมื่อวันที่ 28 เมษายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการแถลงข่าว ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ซึ่งมีพล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผบ.ตร. พร้อมพล.ต.ต.ชยพล ฉัตรชัยเดช ผบก.กองแผนอาชญากรรม พล.ต.ต.สมบัติ มิลินทจินดา ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.สยาม บุญสม รองผบก.ป. และ พ.ต.อ.สุวัฒน์ แสงนุ่ม ผกก.(สอบสวน)บก.ป. เจ้าหน้าที่ได้มีการนำแผนผังความเชื่อมโยงของผู้ต้องหากระทำผิดต่อความมั่นคง มาตรา 116 มาแสดงประกอบการแถลงข่าว ทั้งนี้ในรายละเอียดของแผนผังมีระบุพฤติการณ์และหมายจับของแต่ละคน ตั้งแต่ช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา ที่แสดงความเห็นเกี่ยวกับการทำงานและการบริหารงานของรัฐบาล ร่วมถึงเชื่อมโยง ปรากฎชื่อเชื่อมโยงนายจตุพร พรหมพันธ์ แกนนำนปช.และนายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือบก.ลายจุด




.....


กระแส "โหวตไม่รับ" ร่างรัฐธรรมนูญกำลังก่อตัวขึ้นอย่างชัดเจน จากหลากหลายกลุ่มที่แตกต่างกันและเคยขัดแย้งกัน แต่วันนี้มาเห็นพ้องกัน "ไม่เอาร่างรธน." แล้วมีทีท่าว่า จะควบคุมไม่อยู่และลุกลามไปเป็น "ไม่เอารัฐประหาร"

และจนถึงวันนี้ แนวรบที่พวกเขายังคุมไม่ได้เบ็ดเสร็จก็คือ แนวรบออนไลน์

ถึงได้เกิดการ "อุ้มปชช." ครั้งใหญ่ คนเหล่านี้เป็นผู้ดูแลเพจล้อเลียน มีหน้าที่คอยคัดกรองข้อความในแต่ละวันแค่นั้นเอง แต่เพื่อให้การอุ้ม "ดูเหมือนชอบธรรม" จึงได้เกิด "ผังล้มคสช." ขึ้น ซึ่งดูแล้ว ความน่าเชื่อถือก็ไม่ได้ดีไปกว่า "ผังล้มเจ้า v1.0" เมื่อปี 2553 และ "ผังล้มเจ้า v2.0" เมื่อปีที่แล้วที่มีผมและคนอื่น ๆ เช่น อ.ปวิน ไปเป็น "ลูกน้อง" ในเครือข่าย สศจ. นั่นแหละ

แค่ข้อความล้อเลียน อย่างมากก็ " หมิ่นประมาท" แต่เพื่อสกัดกระแส "โหวตโน" และทำลาย "แนวรบออนไลน์" เลยจงใจที่จะแพร่กระจาย "ความกลัว" ด้วยการตั้งข้อหาร้ายแรง ทั้งพรบ.คอมฯ ม.116 และบางคนก็ "โดนแถม" ม.112 รวมแล้วมีโทษจำคุกหลายสิบปี

การใช้อำนาจในลักษณะอย่างนี้ กระทำกันถึงเพียงนี้ มันมีผลทั้งสองอย่างคือ ทำให้กลัว แต่ก็ทำให้โกรธด้วย นี่เป็นเกมส์ที่อันตรายมาก เพราะเส้นแบ่งระหว่าง "ความกลัว" กับ "ความโกรธ" มันบางนิดเดียว และไม่มีใครรู้ว่า เส้นที่ว่า มันจะขาดลงเมื่อใด? พรุ่งนี้หรืออีกหลายเดือนข้างหน้า?




ooo




.....

มองไกล - จตุพร พรหมพันธุ์ 28 04 59




https://www.youtube.com/watch?v=-g5rpgliJpI&feature=share

PEACE TV

Published on Apr 27, 2016
รายการ "มองไกล" ดำเนินรายการโดย จตุพร พรหมพันธุ์