วันอังคาร, กันยายน 30, 2557

สุขเสรีไทย EP5 โต้ประยุทธ์ 26 ก.ย. : โดย สุดา รังกุพันธ์


http://www.youtube.com/watch?v=II_ALHYIYfs&feature=youtu.be

Published on Sep 29, 2014
สุขเสรีไทย คือ ขบวนการแนวร่วมองค์การเสรีไทย
ที่จะออกมาแถลงตอบโต้ประยุทธ์ จันทร์โอชา

ประท้วงในฮ่องกง: จะออกหัวหรือออกก้อย?


ที่มา บีบีซีไทย

คนที่จะตอบคำถามนั้นได้คงได้แก่นายสี จิ้นผิงประธานาธิบดีของจีน เรามีบทวิเคราะห์ของ แครี่ เกรซี่ บรรณาธิการข่าวจีน ของบีบีซี เพื่อหาแนวคำตอบ

- การประท้วงของนักศึกษาตอนนี้เป็นเรื่องที่บานปลายมาจากกรณีที่จีนไม่ยอมให้คนฮ่องกงมีสิทธิ์เต็มที่ที่จะเลือกผู้นำของตนเอง และท่าทีที่เห็นแสดงชัดว่า นายสี จิ้นผิงตัดสินใจแล้วว่ายอมไม่ได้

- ตั้งแต่ขึ้นมาครองอำนาจเมื่อสองปีก่อน สี จิ้นผิง รวบอำนาจมาอยู่ในมือจนไม่มีใครกล้าทาบรัศมี และเขาแสดงชัดแล้วว่าจะเป็นคนตัดสินใจเองในเรื่องคอขาดบาดตาย พวกที่โดนสี จิ้นผิง ปราบด้วยข้อหาคอรัปชั่นกำลังรอโอกาสก้าวพลาดของเขา เพราะฉะนั้นสี จิ้นผิงคงยอมผ่อนไม่ได้ในกรณีฮ่องกง

- จึงไม่มีรายงานข่าวการประท้วงในสื่อของจีนในแผ่นดินใหญ่

- คู่ปรับของปักกิ่งที่เป็นนักวิชาการในฮ่องกงโดนตัดหน้าไปหมดแล้ว แต่นักศึกษายังเป็นคู่ปรับที่น่าห่วงเพราะแน่วแน่กว่าคนอายุมาก

- จีนจึงหันไปพยายามดึงพลเมืองอื่นๆมาเป็นพวกด้วยการชี้ชวนให้เห็นว่าเด็กหัวรั้นทั้งหลายกำลังทำลายเศรษฐกิจ

- แต่ครั้นจะปราบนักศึกษาด้วยการรวบตัวมาขังก็คงลำบากเพราะตะรางของตำรวจซึ่งนัยว่ามีอยู่ราว 500 แห่งคงขังคนได้ไม่มาก ถ้าจำนวนนักศึกษาที่มาร่วมประท้วงไม่ตกการปราบก็อาจไม่หนัก แต่ถ้าจำนวนร่อยหรอลงถึงระดับหนึ่งก็อาจโดนแรง

- นักศึกษาชูเติ้ง เสี่ยวผิง ว่าเป็นต้นคิดเรื่องหนึ่งประเทศ สองระบบ ซึ่งรับประกันสิทธิเสรีภาพในฮ่องกงเป็นเวลา 50 ปี ตอนที่เติ้งคิดก็คงคาดว่าวิถีชีวิตในเมืองจีนจะปรับตัวใกล้ฮ่องกงหลังจาก 50 ปี แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าสี จิ้นผิงจะนำจีนไปอีกทางคือพรรคต้องคุมเข้ม และจะว่าไปแล้วถ้าเติ้งยังอยู่ก็คงไม่ออกมาเชียร์นักศึกษา

- การออกมาโทษต่างชาติว่ายุแยงตะแคงรั่วเพื่อบ่อนทำลายเศรษฐกิจฮ่องกงจึงเป็นลูกเล่นอย่างหนึ่งของทางการจีน แต่อเมริกากับอังกฤษก็พยายามไม่ออกมาต่อปากต่อคำเพราะมองไม่เห็นว่าตัวจะได้ประโยชน์อะไรจากการไปยุยงคนฮ่องกง ปัญหาของจีนคือไอเดียต่างชาติมากกว่ารัฐบาลต่างชาติ

- มีข่าวว่าสี จิ้นผิง เคยปรารภว่าการที่สหภาพโซเวียตล่มสลายเมื่อ 23 ปีที่แล้วเป็นเพราะไม่มีหน้าไหนกล้าลุกขึ้นมาปราบ จะเห็นว่าตั้งแต่ขึ้นมามีอำนาจเขาเชื่อในแนวความคิดที่ว่าต้องมีผู้นำที่เข้มแข็งถึงจะแก้ปัญหาในเมืองจีนได้

- วันที่ 1 ตุลาฯ เมื่อ 65 ปีที่แล้วประธานเหมาประกาศก้องว่า “ชาวจีนลุกขึ้นแล้ว” และประชาชนขานรับอย่างกึกก้อง แต่ตอนนี้แม้จีนจะรวยขึ้น มีอำนาจมากขึ้นในระดับโลก แต่ผู้นำจีนไม่มีอะไรที่จะดลใจคนให้มุ่งไปทางเดียวกันยกเว้นแนวชาตินิยมเกลียดต่างชาติ สี จิ้นผิง พยายามเสนอแนว “ไชน่า ดรีม” แต่จะดลใจคนได้จริงหรือ?


#UmbrellaRevolution ฮ่องกง...ฮ่องกง... และฮ่องกง


พอ...พอ...อี๊ปอง "อย่าสับสนระหว่าง หน้ามือ กับ หลังเท้า"







เห็นเขาว่าฮ่องกงเลียนแบบไทย

อ้อ ไม่ใช่ แค่เหมือนๆ กัน

อี๊ปอง (น้าหญิง) หล่อนว่าไว้
https://www.hereandthere.today/?p=1133

แต่คุณ Pruay Salty Head บอกว่า

"อย่าสับสนระหว่าง หน้ามือ กับ หลังเท้า"

เอ๊า จริงเหรอ เพราะไร

โชคดีได้คุณ 'หยุดดัดจริตประเทศไทย 2' มาอธิบาย

เขาว่า "มึงอย่าสับสน เคลมว่าฮ่องกงเหมือน กปปส.

ฮ่องกง > เรียกร้องประชาธิปไตย การเลือกตั้งโดยเสรี

กปปส. > เรียกร้องทหารยึดอำนาจ เผด็จการ ไม่เอาเลือกตั้ง มโนกับระบอบคนดี

"ดัดจริต" โหนกระแสฮ่องกงว่าเหมือน กปปส. เมื่อ 8 เดือนก่อน ต่างกันสิ้นเชิงครับ// แอดมินดัดจริต"

ตกลงเราจะอยู่อย่างเป็นทาส หรือจะยืนขึ้นต่อสู้?


อย่ามาพูดว่า นปช. สู้ไม่ได้ ข้ออ้างนี้ฟังไม่ขึ้น

มีหลายคนพูดว่า แกนนำ นปช. ไม่สามารถนำการต่อสู้กับเผด็จการในช่วงนี้ได้ ดังนั้นเราจึงต้องไปฝากความหวังกับ เสรีไทย” ภายนอกประเทศ เพื่อให้ไปล็อบบี้องค์กรหรือรัฐบาลต่างประเทศ

แต่ถ้าเราจะล้มเผด็จการ การเคลื่อนไหวภายในประเทศเป็นเรื่องชี้ขาด

นี่คือบทเรียนจากประเทศไทย และนานาประเทศในเอเชีย และลาตินอเมริกา ไม่ว่าจะเป็นฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย เกาหลีใต้ หรือ อาเจนทีนา และการล้มเผด็จการในไทยยุค ๑๔ ตุลา หรือพฤษภา๓๕ ล้วนแต่มาจากการเคลื่อนไหวต่อสู้ภายในประเทศ การกดดันอำมาตย์ไทยให้เริ่มเปิดเสรีหลัง ๖ ตุลา ก็มาจากการต่อสู้ของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย ทั้งๆ ที่การต่อสู้นี้จบลงด้วยการล่มสลายของพรรค

สหรัฐอเมริกา หรือ อียู อาจแสดงจุดยืนต้านเผด็จการไทย แต่ในรูปธรรมเขาจะไม่ทำอะไรมาก และเรื่องที่สำคัญสำหรับรัฐบาลเหล่านั้นคือผลประโยชน์ระหว่างประเทศ 

เวลาเขาคิดถึงไทย การคานอำนาจจีนเป็นเรื่องใหญ่ ดังนั้นรัฐบาลตะวันตกคงจะไม่ไล่รัฐบาลไทยไปกอดคอกับจีนฝ่ายเดียว คงพยายามรักษาความสัมพันธ์กับไทยทั้งๆ ที่เป็นเผด็จการ ยิ่งกว่านั้นรัฐบาลเหล่านี้ก็มีประวัติในการผูกมิตรกับเผด็จการทั่วโลกอยู่แล้ว เช่นเผด็จการซุฮาร์โต้ในอินโดนีเซีย หรือซาอุ ส่วนสหประชาชาตินั้น ก็เป็นแค่เครื่องมือของมหาอำนาจ แถมเป็นเครื่องมือที่ไร้ประสิทธิภาพอีกด้วย

การล็อบบี้ต้านเผด็จการภายนอกประเทศไทยมีประโยชน์ในการชูประเด็น แต่เรื่องหลักคือเราจะสู้ภายในประเทศไทยอย่างไร

ในอดีตนักประชาธิปไตยไทยก็สู้กับเผด็จการโหดร้ายป่าเถื่อนกว่าเผด็จการยุคนี้ เขาใช้วิธีใต้ดิน มีการจัดตั้งลับ มีการเคลื่อนไหวในรูปแบบต่างๆ เมื่อมีโอกาส และมีการจับอาวุธ 

แต่การจับอาวุธไม่มีประโยชน์กับเราในวันนี้ เพราะฝ่ายตรงข้ามมีอาวุธเหนือเรา และจะทำให้เราเสียการเมือง เสียความชอบธรรม มันเป็นอุปสรรคต่อการหามวลชนคนธรรมดามาร่วมกับเรา ดังนั้นเราต้องเน้นการเมืองมวลชน

ในอดีตนักศึกษาและกรรมกรก็มีการประท้วง มีการติดโปสเตอร์ มีการประชุมทางการเมืองใต้ดิน มีการแจกจ่ายสื่อ ถ้าฝ่ายเผด็จการคุมหนัก อาจเคลื่อนไหวในประเด็นที่ไม่พุ่งตรงไปที่เผด็จการ เช่นเรื่องค่าจ้างแรงงาน สิทธิสตรี การต่อต้านระบบรับน้อง หรือแม้แต่เรื่องสิ่งแวดล้อม

และในปัจจุบันเราก็เห็นนักศึกษาที่เคลื่อนไหวแบบนี้ เพื่อต่อต้านเผด็จการ คสช. และสมุนรับใช้ทหารที่คุมมหาวิทยาลัยอยู่

ถ้านักศึกษาแอบทำการเคลื่อนไหวติดโปสเตอร์และเรื่องอื่นๆ ได้ ลองคิดดูสิว่าถ้าเสื้อแดงทั่วประเทศแอบทำสิ่งเล็กๆ น้อยๆ เป็นประจำ อย่างต่อเนื่อง มันจะมีผลอย่างไร

การเคลื่อนไหวเล็กๆ น้อยๆ ในพื้นที่ต่างๆ เป็นวิธีเดียวที่จะทำให้เราสร้างองค์กรและเครือข่ายต้านเผด็จการ มันเป็นโอกาสในการแลกเปลี่ยนทางการเมืองด้วย ขบวนการไหนหยุดนิ่ง ขบวนการนั้นจะตาย

การต่อสู้กับเผด็จการไทย ไม่ง่าย เสี่ยงแน่นอน และต้องใช้ปัญญาวิเคราะห์ยุทธวิธีเสมอ  แต่อย่ามาพูดเลยว่าทำไม่ได้ นั้นคือข้ออ้างของคนที่อยากยอมจำนน

แล้วแกนนำ นปช. ละนปช. มีหน้าที่ที่จะนำการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย การทิ้งการต่อสู้กลางคัน และนิ่งเฉย เป็นการละทิ้งหน้าที่ที่มีต่อประชาชน มันเป็นการไม่รับผิดชอบทางการเมือง เพราะสร้างองค์กรแล้วนำการต่อสู้ที่มีการเสียเลือดเนื้อเพราะฝ่ายตรงข้ามป่าเถื่อน แล้วอยู่ดีๆ ก็ยอมแพ้เงียบไป

แน่นอนแกนนำบางคนเคลื่อนไหวไม่ได้ ทหารติดตามตลอด และเขาอาจมีภาระทางครอบครัว ไม่มีใครว่าตรงนี้ บางคนคงจะต้องถอนตัวออกจากการต่อสู้เป็นธรรมดา แต่มันต้องมีบางส่วนของแกนนำที่ควรจะอาสาออกจากประเทศไทยเพื่อนำการต่อสู้จากภายนอก และประสานการจัดตั้งเคลื่อนไหวภายในไทย โดยติดต่อกับคนภายในประเทศอย่างเป็นระบบ พคท. เคยทำในอดีต และคนอย่างหมอเหวงและอ.ธิดาคงทราบดี เพราะเคยอยู่กับ พคท. 

ดังนั้นไม่มีข้ออ้างในการไม่ทำอะไร ไม่มีข้ออ้างในการไม่สอนคนรุ่นใหม่

แต่แกนนำ นปช. ไม่ยอมนำ เพราะทักษิณและยิ่งลักษณ์บอกให้รอ ให้นิ่ง สาเหตุหลักคือทักษิณกลัวการปลุกระดมมวลชน ว่าจะนำไปสู่การโค่นอำมาตย์แบบถอนรากถอนโคน ซึ่งในที่สุดนักการเมืองนายทุนแบบทักษิณจะไม่มีที่ยืน ทักษิณอยากประนีประนอมกับทหารมากกว่า เพื่อปกป้องผลประโยชน์ตนเอง

มันไม่ใช่ว่าแกนนำ นปช. นิ่งเฉยเพราะไม่อยากให้คนตายเพิ่ม หรือกลัวถูกวิจารณ์ว่าจะ พาคนไปตาย” ซึ่งเป็นคำวิจารณ์แย่ๆ อยู่แล้ว สาเหตุจริงที่ นปช. หยุดการเคลื่อนไหว ก็เพราะไปฟังทักษิณ

ในความเป็นจริงการเคลื่อนไหวต้านเผด็จการสามารถทำแบบ ฉลาดๆ” ได้ มันมีหลายรูปแบบที่จะใช้ในการต่อสู้ ทั้งใต้ดินและเปิดเผย และการจัดตั้งเครือข่ายพร้อมกับการพัฒนากลุ่มศึกษาทางการเมืองก็มีความสำคัญ 
สำหรับองค์กร เสรีไทย” 

ถ้าองค์กรนี้ไม่ให้ความสำคัญกับการจัดตั้งและเคลื่อนไหวลับภายในประเทศไทย และเน้นแต่การล็อบบี้รัฐบาลต่างประเทศ เสรีไทยจะหมดความสำคัญภายในไม่นาน

ถ้าเราสรุปว่า นปช. จะไม่นำการต่อสู้ คนที่อยากต่อสู้ภายในประเทศไทยต้องจัดตั้งกันเอง นำกันเอง และขยายกิจกรรมต่างๆ แทน นปช. และเสรีไทย แต่ถ้าจะมีประสิทธิภาพต้องรวมเป็นกลุ่มเป็นก้อนอย่างที่ พคท. เคยทำ

ในขณะเดียวกันต้องมีประชาธิปไตยภายในองค์กร และเน้นมวลชนแทนการจับอาวุธ ทั้งนี้เพื่อหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดของ พคท.

อย่าหลอกกันเองเลยว่าเผด็จการประยุทธ์จะถอนตัวเองจากการเมืองในไม่ช้า แล้วเปิดให้มีประชาธิปไตย เพราะมันกำลังออกแบบระบบเผด็จการที่จะอยู่นาน

ตกลงเราจะอยู่อย่างเป็นทาส หรือจะยืนขึ้นต่อสู้?

ใจ อึ๊งภากรณ์

วันจันทร์, กันยายน 29, 2557

ป๋าเปรม เชิญชวนเหล่าคนดี เบียดคนไม่ดีออกไปจากสังคมไทย 27กย57


https://www.youtube.com/watch?v=Ta0xxUl_VRA

ยังจำคนดี ต้องปิดถนน ได้หรือเปล่าป๋า...

...

@ บทกวีการเมืองแห่งตอแหลแลนด์

อายุรึก็แก่จนปูนนี้
ลูกเมียก็ไม่มีให้สืบสาย
ยังเล่นลิ้นดิ้นรนกระวนกระวาย
ฟังดูคล้ายจะอยู่ยงคงกระพัน
ไม่สำนึกในคุณของแผ่นดิน
ทั้งที่อยู่ที่กินของใครนั่น
เคยตระหนักบ้างไหมว่าใครกัน
ได้ให้ความสำคัญตลอดมา
วิปริตวิปลาสอนาถหนอ
ไม่เคยพอในอำนาจวาสนา
หลงระเริงในเพลิงแห่งมายา
วัยชราหารู้สึกสำนึกตน
วิปลาสวิปริตจนจิตตก
สมองสกปรกก็สับสน
คิดว่าไพร่ในประเทศเป็นเศษคน
ประชาชนเป็นเถ้าธุลีดิน
จิตไม่ว่างเวียนวนจะปล้นชาติ
เกรงสายใยอำมาตย์จะขาดวิ่น
ความระยำทำมาจนชาชิน
อ้างความดีที่ปลายลิ้นปนน้ำลาย
อายุรึก็แก่จนปูนนี้
ลูกเมียก็ไม่มีให้สืบสาย
ยังจมปลักหมักหมมหล่มอบาย
คิดว่าตัวไม่ตายตลอดกาล
ถุย! ถุย! ถุย! ถุย! ถุย! ถุย! เพครับ

มู่ หลาน

ไม่อายโลก...ชมพลเอกธนะศักดิ์ กล่าวถ้อยแถลงต่อที่ประชุมสมัชชา สหประชาชาติ สมัยที่ 69 ไทยยึดมั่นในหลักปชต.

https://www.youtube.com/watch?v=ftisnEoKrZg&list=UU3S5gtXjd522gCtjOkYRUwg
คลิป มติชนทีวี

รมว.กต.ยืนยันในเวทีสหประชาชาติไทยยึดมั่นในหลักปชต.

ที่มา ฐานเศรษฐกิจออนไลน์

เมื่อวันที่ ๒๗ กันยายน ๒๕๕๗ พลเอกธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้กล่าวถ้อยแถลงประเทศในการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญ ครั้งที่ ๖๙ ที่สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา

รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงวาระการพัฒนาภายหลังปี ค.ศ. ๒๐๑๕ ซึ่งเป็นหัวข้อหลักของการประชุมในปีนี้ โดยในส่วนของประเทศไทยการพัฒนาอย่างยั่งยืนต้องดำเนินควบคู่ไปกับการยึดมั่นในหลักการประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน สันติภาพและความมั่นคง ซึ่งเป็นสามเสาหลักของสหประชาชาติ ทั้งนี้ ไทยยึดหลักหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นแนวทางในการพัฒนา แนวทางดังกล่าวเกี่ยวข้องกับการสร้างค่านิยมที่ถูกต้องและการเสริมสร้างความแข็งแกร่งของคนในชาติและชุมชน และย้ำว่าหัวใจหลักของการพัฒนาที่ยั่งยืนอยู่ที่การสร้างความมั่นคงของมนุษย์ ในส่วนของการยึดมั่นในหลักประชาธิปไตย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้ใช้โอกาสนี้ กล่าวถึงความท้าทายในการสร้างความแข็งแกร่งให้ประชาธิปไตย ชี้ให้เห็นจากกรณีของไทยว่าประชาธิปไตยมีความหมายมากกว่าการเลือกตั้ง ประชาธิปไตยเป็นเรื่องของการเคารพหลักนิติธรรม ธรรมาภิบาล ความโปร่งใส ตรวจสอบได้ และการเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมอย่างเท่าเทียม

รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ใช้โอกาสนี้ชี้แจงสถานการณ์การเมืองของไทยและทำความเข้าใจถึงสาเหตุของการเข้ามาบริหารราชการแผ่นดินของกองทัพ ซึ่งมีจุดมุ่งหมายในการนำพาประเทศกลับคืนสู่ประชาธิปไตยที่เข้มแข็งและยั่งยืนผ่านการปฏิรูปตามแผน road map ตอบสนองความต้องการของประชาชน ในการนี้ ได้ยืนยันว่าไทยยึดมั่นในหลักประชาธิปไตย ย้ำว่าไทยไม่ถอยห่างจากประชาธิปไตย แต่อยู่ในช่วงเวลาเปลี่ยนผ่านที่มุ่งการสร้างความปรองดองของคนในชาติ การปฏิรูปการเมือง และการเสริมสร้างความแข็งแกร่งแก่สถาบันประชาธิปไตย เพื่อไม่ให้ประเทศไทยหวนกลับไปสู่เหตุการณ์วันที่ ๒๒ พฤษภาคม อีก

รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ย้ำว่าไทยยึดมั่นในหลักการและความรับผิดชอบขององค์การสหประชาชาติ และมียบทบาทที่เข้มแข็งและสร้างสรรค์ ทั้งในอาเซียน ในเวทีระหว่างประเทศและในกรอบสหประชาชาติย้ำบทบาทไทยการสร้างประชาคมอาเซียนที่มีสันติภาพและความมั่งคั่ง ความร่วมมือกับประชาคมโลกในทุกมิติโดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาความท้าทายของโลกโดยเฉพาะ เช่น อาชญากรรมข้ามชาติ การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ โรคระบาด เช่น ไวรัสอีโบลา และการปราบปรามการค้ามนุษย์ สันติภาพ ความมั่นคงและการพัฒนามีความสัมพันธ์ที่เชื่อมโยงกัน ซึ่งไทยแสดงบทบาทอย่างแข็งขัน เช่น การส่งกองกำลังในภารกิจรักษาสันติภาพของสหประชาชาติ เป็นต้น
...


คอมเมนท์จากเวปโซเชี่ยลมีเดีย

ดูเหมือนทางการสหรัฐฯ เขาไม่ “ว่าง” จะมาพบด้วยนะ ท่านเอกอัครราชทูต Kristie A. Kenney แถลงตั้งแต่หลายวันก่อนแล้วว่า ที่ท่านธนศักดิ์เสนอว่าเป็นโอกาสอันดีที่จะได้พบตัวแทนรบ.สหรัฐฯ ในระหว่างไปประชุม UNGA นั้น

“การประชุมแบบทวิภาคีคงเกิดขึ้นได้ยากค่ะ เพราะต้องมีการเตรียมตัวก่อน” ทูตคริสตี้บอก “ท่าน John Kerry ยังไม่ว่างพบค่ะ งานยุ่งมากค่ะ” “แต่ถ้าเข้ามาจับมือทักทายพอเป็นพิธีช่วงประชุมรอบอาเซียน-สหรัฐฯ ก็พอทำได้ค่ะ” อย่างไรเสียทูตคริสตี้รับปากว่า “จะฝากข้อความของท่านไปให้ท่านแคร์รี่นะคะ”

โดดเดี่ยวเดียวดายในเวทีโลก ไปถึงบ้านเขา เขาก็ไม่ได้อยากต้อนรับ เพราะคุณไม่ได้มาอย่างชอบธรรมไง อย่างง...

ปล. หารูปประกอบไม่ได้เลย ไม่มีรายงานข่าวท่านธนศักดิ์ในสื่อนอกเลย แหะ ๆ
...
ภาพจาก ฐานเศรษฐกิจออนไลน์

คำปราศรัยฉบับเต็ม




"กองทัพไม่ดำเนินการใดๆ ที่เป็นการต้านกระแสประชาธิปไตย และประชาธิปไตยนั้นมีความหมายมากกว่าแค่จัดการเลือกตั้ง"

เคยเห็นที่ไหน


ประชาชน 3.0 ตอน เศรษฐกิจตกสะเก็ด 28 09 57


https://www.youtube.com/watch?v=6XR1DqP3fWg&list=UUZiXmqwDYxrMQk-NRA9RELQ

Published on Sep 28, 2014
รายการ ประชาชน 3.0 โดย สมบัติ บุญงามอนงค์ (บก.ลายจุด) ตอน เศรษฐกิจ ตกสะเก็ด ประจำวันอาทิตย์ ที่ 28 กันยายน 2557 ทางช่อง Peace Tv

วันอาทิตย์, กันยายน 28, 2557

คลิป สงครามเศรษฐกิจ 27 09 57 ตอน รถไฟความเร็วสูง กับการพัฒนาเศรษฐกิจ

สงครามเศรษฐกิจ 27 09 57

https://www.youtube.com/watch?v=e3PwQNrDQL4&list=UUZiXmqwDYxrMQk-NRA9RELQ

Published on Sep 27, 2014
รายการ สงครามเศรษฐกิจ โดย นพ.ประสงค์ บูรณ์พงศ์ และ สงคราม กิจเลิศไพโรจน์ ตอน รถไฟความเร็วสูง กับการพัฒนาเศรษฐกิจ ประจำวันเสาร์ ที่ 27 กันยายน 2557 ทางช่อง Peace Tv

เรื่องเกี่ยวเนื่อง...

สงครามเศรษฐกิจ 20 09 57 https://www.youtube.com/watch?v=qjZAa2KDnxA

Published on Sep 20, 2014
รายการ สงครามเศรษฐกิจ กับ นพ.ประสงค์ บูรณพงศ์ และ สงคราม กิจเลิศไพโรจน์ ดำเนินรายการโดย สาลี่ คีตนิธินันท์ ประจำวันเสาร์ ที่ 20 กันยายน 2557 ทางช่อง Peace Tv

คลิป“เทพไท”หลุด แฉคนใกล้ชิดบิ๊ก คสช. ปูด สปช.รับแค่ 250 แต่เด็กฝากพุ่ง 2,500 คน ทุกอย่างล้วนเป็นไปตาม “พิมพ์” คสช.” กำหนด

แฉเด็กฝาก สปช. https://www.youtube.com/watch?v=bZxdAQx4CLo

“เทพไท”หลุด แฉคนใกล้ชิดบิ๊ก คสช. ปูด สปช.รับแค่ 250 แต่เด็กฝากพุ่ง 2,500 คน

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เปิดบ้านพักรับรองเกษะโกมล นั่งเป็นประธานการประชุม คสช.ชุดใหญ่ครั้งแรก ภายหลังจากที่มีคำสั่งแต่งตั้งปรับโครงสร้างคณะทำงานใหม่ เพื่อพิจารณาคัดเลือกสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) จำนวน 250 คน ก่อนที่จะนำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ ภายในกำหนดในวันที่ 2 ตุลาคม 2557 โดยมีรองหัวหน้า คสช.และสมาชิก คสช.เข้าร่วมอย่างคับคั่ง ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดของเจ้าหน้าที่สารวัตรทหาร

สำหรับการสรรหา สปช.ของ คสช.นั้นนับได้ว่าเป็นการสรรหาที่อื้อฉาวที่สุด เนื่องจากมีการออกมาเปิดโปงข้อเท็จจริงจำนวนมากว่าในหลายพื้นที่มีการฮั๊ว-ล็อคสเปคและเอื้อพวกพ้องของกรรมการสรรหา ซึ่งเป็นคนของ คสช.เป็นจำนวนมาก กระทั่งล่าสุด คสช.ได้ออกคำสั่งยกเลิกคณะกรรมการสรรหาชุดต่างๆ และยึดเอาให้อำนาจการคัดเลือก สปช.กลับมาไว้ที่ คสช.เอง

ซึ่งเรื่องฮั๊ว ล็อคสเปคและเอื้อประโยชน์พวกพ้องในการสรรหา คสช.นั้น นายเทพไท เสนพงศ์ รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ อดีตโฆษกประจำตัวนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวเอาไว้ในรายการ “วิเคราะห์คอลัมนิสต์” ทางสถานีโทรทัศน์ฟ้าวันใหม่ ของพรรคประชาธิปัตย์เมื่อวันที่ 24 กันยายน 2557 เปิดเผยถึงเบื้องหลังการ “ฝากเด็ก” เข้ามาเป็น “สปช.” เอาไว้ละเอียดยิบ ด้วยการเปิดเผยว่า “เพื่อนผม ไม่อยากจะเอ่ยชื่อ เป็นกรรมการ ใกล้ชิดกับผู้หลักผู้ใหญ่ใน คสช. แกก็เป็นผู้ที่มีอิทธิพลพอสมควร แกบอกผมว่า คุณเทพไท คุณรู้ไหม รับ 250 นะ ที่ฝากผมมาประมาณ 2,500 ให้ช่วย แนะนำ คือไม่ได้ว่าอะไร แค่ช่วยพิจารณาคนนี้หน่อย เขาบอกว่าเฉพาะอย่างนี้ 2,500 คน”

https://www.youtube.com/watch?v=bZxdAQx4CLo

ที่มา ที่นี่และที่นั่น


ooo

ประเด็น การเมือง จาก สนช.ไปยัง “สปช.” ล้วนเรื่องเดียวกัน

ที่มา ข่าวสดออนไลน์


การออกมาแสดงความเป็นห่วงต่อกระบวนการ “สรรหา” สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) โดยสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)
น่าศึกษา น่าวิเคราะห์
เป็นความห่วงใยอย่างแน่นอน เป็นความปรารถนาให้กระบวนการ “สรรหา” สปช.ดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพ
นั่นก็คือ ไม่เป็นไปอย่าง “ล็อกสเป๊ก”
ขณะเดียวกัน บรรดาสมาชิก “คสช.” โดยเฉพาะทั้ง 3 ป.ต่างเรียงหน้ากันออกมาปฏิเสธพร้อมกับเสนอคำถามกลับอย่างแหลมคมยิ่งอีกเหมือนกันว่า
“ล็อกสเป๊กที่ว่าล็อกยังไง”
ความน่าสนใจไม่เพียงอยู่ตรงที่มีคำถามมาจากบรรดา “สนช.” ด้วยความกังขา หากยังมีคำถามมาจากบรรดา “คสช.” ด้วยความกังขาเช่นเดียวกัน

ตกลง “ล็อกสเป๊ก” หรือไม่ ล็อกสเป๊กอย่างไร

ถามว่าการแต่งตั้งสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) น่าสงสัยว่าจะมีการ “ล็อกสเป๊ก” เอาแต่พวกเดียวกันหรือไม่
คำตอบ เด่นชัด
เด่นชัดจากการพยายาม “อธิบาย” ของสมาชิก “สนช.” จำนวนไม่น้อยว่ามีความจำเป็นต้อง “ล็อกสเป๊ก”
กระทั่ง บางท่านสรุปออกมาว่า “เอาพวก ไม่เอาภาพ”
ผลก็คือ มีข้าราชการทหาร ตำรวจ รวมกันแล้วมากกว่าครึ่งหนึ่ง หากรวมพลเรือนและนักธุรกิจบางส่วนเข้าไปด้วยก็อาจถือได้ว่า สมาชิก “สนช.” เกือบร้อยละร้อยเป็นพวกเดียวกับ “คสช.” ทั้งสิ้น
การประชุม “สนช.” จึงดำเนินไปด้วย “ความเรียบโร้ย”

ความจริง หากกระบวนการแต่งตั้ง “สปช.” ดำเนินไปเหมือนกับที่ “คสช.” ได้กระทำมาแล้วในกรณีของ “สนช.” ก็คงไม่มีใครว่าอะไร
คงปล่อยไปเหมือนกับที่ปล่อย “สนช.”
ประเด็นอยู่ที่รัฐธรรมนูญกำหนดในเรื่องของ “สปช.” เอาไว้ ประเด็นอยู่ที่มีคนแสดงความจำนงมากถึงกว่า 7,000 คน
ทำให้แสงแห่งสปอตไลต์ฉายจับไปยัง “สปช.”
ขณะเดียวกัน บรรดา “สนช.” บางส่วนก็ต้องการให้พวกพ้องของตนได้รับการสรรหาเข้ามาเป็น “สปช.” เพื่อให้การปฏิรูปการเมืองบรรลุตามเป้าหมายของตน
โดยลืมบทบาทและความหมายของ “คสช.” ไป

แท้จริงแล้ว ไม่ว่า “สนช.” ไม่ว่า “สปช.” ล้วนมีฐานที่มาจากรากเดียวกัน นั่นก็คือ “คสช.”
“สนช.” ก็มีภารกิจของตนที่แน่นอน 1 ในการบัญญัติกฎหมาย “สปช.” ก็มีภารกิจของตนที่แน่นอน 1 ในการปฏิรูปประเทศอันรวมถึงการเมือง
ทุกอย่างล้วนเป็นไปตาม “พิมพ์” อัน “คสช.” กำหนด

อำนาจถอดถอนนักการเมืองของ สนช. บอกนัยอะไรระหว่าง ' ล้างบาง' หรือ 'บีบให้เจรจา' ?


นักข่าวไทยและนักวิชาการไทยคงพูดอะไรกันไม่ค่อยได้ แต่สำนักข่าวรอยเตอร์ได้รายงานความเห็นของ Paul Chambers แห่งมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ซึ่งเห็นว่านี่คือความพยายามในการกำจัดกลุ่มการเมืองฝั่งตรงข้าม :

"This appears to be an attempt by the arch-royalist military leadership and its allies to completely remove from the political scene those politicians who either supported Thaksin over the years or those who may be viewed as not sufficiently acquiescent to the junta," Chambers said.

http://www.reuters.com/article/2014/09/25/us-thailand-politics-idUSKCN0HK1C620140925






.....
Thai assembly votes itself the power to impeach politicians, sideline critics

BY AMY SAWITTA LEFEVRE

BANGKOK Thu Sep 25, 2014 8:14am EDT

(Reuters) - Thailand's military-dominated legislature gave itself the power to impeach political office holders on Thursday, edging a step closer to rooting out the influence of controversial former Prime Minister Thaksin Shinawatra.

The army seized power on May 22 in a bid to restore order and kick-start Southeast Asia's second-largest economy after months of political infighting that killed nearly 30 people.

The junta, formally known as the National Council for Peace and Order (NCPO) has reshuffled the civil service and the police force, once seen as an institution loyal to Thaksin, a former police officer, to try and neutralize his allies.

Thursday's move is the latest effort by the military leadership to curb the powers of those loyal to Thaksin and ensure political parties linked to him cannot regain power.

"The meeting unanimously voted in favor of introducing this rule," Pornpetch Wichitcholachai, leader of the National Legislative Assembly (NLA), told reporters.

Thailand has suffered years of political turmoil centered on Thaksin, a telecommunications tycoon whose policies helped galvanize support in rural areas but made him unpopular with the Bangkok-based royalist establishment.

Ousted by the army in 2006, he has lived in self-imposed exile since 2008 to avoid a two-year corruption sentence.

Thursday's vote was a bid by the military leadership to consolidate its grip on power, said Paul Chambers, a Southeast Asian expert affiliated with Chiang Mai University.

"This appears to be an attempt by the arch-royalist military leadership and its allies to completely remove from the political scene those politicians who either supported Thaksin over the years or those who may be viewed as not sufficiently acquiescent to the junta," Chambers said.

Anti-government demonstrators took to the streets in November to try and overthrow then Prime Minister Yingluck Shinawatra, Thaksin's sister.

Her supporters held counter-protests on the outskirts Bangkok to fight off what they called a bid to hijack democracy and consolidate power in the hands of the conservative elite.

After the 2006 coup, the constitution was re-written under a military-backed government to try and reduce Thaksin's influence, but it failed to halt his political machine.

Yingluck, whom Thaksin once called a clone of himself, swept to power just a few years later, in 2011, after winning a general election.

Days before the May 22 coup, Yingluck was ordered to step down, after a court found her guilty of abuse of power.

The lawmakers' new powers could bring more trouble for Yingluck. In a separate case in May, an anti-graft panel indicted her for dereliction of duty over her government's loss-making rice subsidy program.

The scheme, which paid farmers above-market prices for their rice, distorted the world market and left Thailand with huge stockpiles of rice.

The case was to have been sent to the senate, but the junta dissolved the upper house days after taking power.

Pornpetch said a legal team was studying whether Yingluck's case could be sent to the National Legislative Assembly. If it does go forward, a guilty verdict could leave her facing a five-year ban from political office.

"The military can use several types of legal strategies to remove Yingluck from the political scene," said Chambers. "The threat of using these tactics could also be a way to extort co-operation from her and her brother."

(Additional reporting by Aukkarapon Niyomyat and Panarat Thepgumpanat; Editing by Clarence Fernandez)

"เลิก-ไม่เลิก" กฎอัยการศึก เดิมพันตัวเลข "นักท่องเที่ยว" ไฮซีซั่น


updated: 23 ก.ย. 2557

หลังประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ครั้งที่ 1/2557 เมื่อวันที่ 16 กันยายนที่ผ่านมา พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้ประกาศชัดเจนว่า จะยังไม่มีการประกาศยกเลิกกฎอัยการศึกในช่วงนี้ ถือเป็นการ "ดับฝัน" ของภาคเอกชนท่องเที่ยวในหลาย ๆ ส่วนทันที

เพราะก่อนหน้านี้หลายฝ่ายต่างเฝ้ารอและหวังว่า คสช.จะประกาศยกเลิก "กฎอัยการศึก" ในเร็ววันนี้ เพื่อปลดล็อกภาคธุรกิจท่องเที่ยวที่ยังติดหล่มอยู่ในขณะนี้

ที่สำคัญ ภาคธุรกิจท่องเที่ยวไทยก็กำลังก้าวสู่ช่วงไฮซีซั่น หากประเทศไทยปลดล็อกเรื่องกฎอัยการศึกได้ก็น่าจะทำให้นักท่องเที่ยวต่างประเทศเกิดความเชื่อมั่น ขณะที่บริษัทประกันภัยเองก็จะให้ความคุ้มครองนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามา ประเทศไทย

นั่นหมายความว่าธุรกิจทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับ "การท่องเที่ยว" จะกลับมาพลิกฟื้นได้ในเวลาอันรวดเร็ว ที่สำคัญฟื้นตัวทันรับกับฤดูการท่องเที่ยวหรือไฮซีซั่นในไตรมาสสุดท้ายของปี นี้ได้

ชี้ "กฎอัยการศึก" ฉุดไฮซีซั่น

ซึ่งที่ผ่านมา เอกชนท่องเที่ยวหลายฝ่าย ทั้งบริษัททัวร์ สายการบิน โรงแรม ฯลฯ ต่างมีความเห็นตรงกันว่า หากประเทศไทยยังไม่ประกาศยกเลิกใช้กฎอัยการศึกภายในเดือนกันยายนนี้ จะทำให้กระทบต่อธุรกิจท่องเที่ยวในช่วงไตรมาสสุดท้าย และประเทศก็สูญเสียรายได้จากภาคธุรกิจท่องเที่ยวมหาศาลทีเดียว

"ทัศพล แบเลเว็ลด์" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินไทย แอร์เอเชีย กล่าวกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า พฤติกรรมนักท่องเที่ยวขณะนี้มักจะวางแผนการเดินทางล่วงหน้า 2 เดือน หรือ 3 เดือนเป็นอย่างต่ำ จึงอยากให้ทาง คสช.ประกาศยกเลิกกฎอัยการศึกโดยเร็ว ยิ่งถ้าสามารถทำได้ภายในเดือนกันยายนนี้จะยิ่งส่งผลดีต่อภาคธุรกิจท่อง เที่ยวในช่วงไฮซีซั่นปลายปีนี้ เพราะหากปล่อยไว้ถึงเดือนตุลาคม เชื่อว่าจะส่งผลกระทบต่อจำนวนนักท่องเที่ยวไตรมาสสุดท้ายของปีนี้อย่างมากแน่นอน

เช่นเดียวกับ "ศิษฎิวัชร ชีวรัตนพร" นายกสมาคมไทยธุรกิจท่องเที่ยว (แอตต้า) กล่าวว่า ปัญหาด้านการเมือง และการประกาศใช้กฎอัยการศึกของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) คือตัวแปรสำคัญที่ทำให้นักท่องเที่ยวต่างประเทศไม่กล้าเดินทางเข้ามาในประเทศไทย โดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวที่เดินทางแบบเป็นกรุ๊ปทัวร์ เนื่องจากบริษัทประกันภัยไม่ออกกรมธรรม์คุ้มครองนักท่องเที่ยว

การเตรียมประกาศยกเลิกกฎอัยการศึกในพื้นที่ท่องเที่ยวสำคัญก่อนหน้านี้ นับว่าเป็นข่าวดีอย่างมากสำหรับภาคธุรกิจท่องเที่ยว เพราะจะทำให้บริษัทนำเที่ยวขายแพ็กเกจทัวร์ได้ง่ายขึ้น จึงคาดหวังว่าทาง คสช.จะยกเลิกประกาศในเร็ววันนี้ เพราะหากปล่อยไว้นานอาจส่งผลกระทบต่อภาพรวมของธุรกิจท่องเที่ยวในไตรมาสสุดท้ายได้

ทั้งนี้ จากรายงานของสมาคมไทยธุรกิจท่องเที่ยว (แอตต้า) ระบุว่า ตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่เดินเข้าประเทศไทยโดยผ่านบริษัททัวร์ใน ช่วงตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-26 สิงหาคม 2557 ที่ผ่านมานั้น พบว่าใน 15 อันดับแรกของประเทศที่มีนักท่องเที่ยวต่างประเทศเดินทางเข้ามาประเทศไทยสูงสุดนั้นติดลบทั้งหมด

"กรุ๊ปทัวร์" ติดลบทุกตลาด

โดยอันดับแรกคือจีน มีจำนวนนักท่องเที่ยว 495,811 คน ติดลบ 51.73% รองลงมาคือรัสเซีย จำนวน 314,386 คน ติดลบ 23.56% อินเดีย จำนวน 91,909 คน ติดลบ 29.06% ญี่ปุ่น จำนวน 62,169 คน ติดลบ 66.71% เกาหลี จำนวน 66,954 คน ติดลบ 50.54% เวียดนาม จำนวน 34,451 คน ติดลบ 76.06% ฝรั่งเศส จำนวน 27,726 คน ติดลบ 25.31% เยอรมัน จำนวน 27,537 คน ติดลบ 39.34%

อังกฤษจำนวน 25,000 คน ติดลบ 42.02% อินโดนีเซีย จำนวน 20,935 คน ติดลบ 55.75% ฮ่องกง จำนวน 15,924 คน ติดลบ 80.86% ออสเตรเลีย จำนวน 14,655 ติดลบ 35.96% อเมริกา จำนวน 12,146 คน ติดลบ 18.38% และสเปน จำนวน 10,015 คน ติดลบ 37.23%

"ศุภวรรณ ถนอมเกียรติภูมิ" อุปนายกสมาคมโรงแรมไทย (ทีเอชเอ) กล่าวว่า แม้ว่าขณะนี้อัตราการเข้าพักของโรงแรมในไตรมาสสุดท้ายจะเริ่มปรับตัวดีขึ้น บ้าง แต่ถ้ายังไม่ยกเลิกกฎอัยการศึกในกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นหัวใจหลักของประเทศ ก็ไม่สามารถกระตุ้นภาพการท่องเที่ยวทั้งหมดได้

ยันเริ่มเห็นสัญญาณบวก

"ปิยะมาน เตชะไพบูลย์" ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท) กล่าวว่า เท่าที่รับทราบนั้น แนวคิดในการยกเลิกกฎอัยการศึกอยู่ในนโยบายของรัฐบาลอยู่แล้ว เชื่อว่าน่าจะมีประกาศยกเลิกแน่นอน หากสถานการณ์ทุกส่วนดีขึ้น

"ส่วนตัวได้พูดมาตลอดว่าไม่อยากกดดันให้รัฐบาลรีบประกาศยกเลิก เพราะไม่มีใครรับประกันว่าถ้ายกเลิกแล้วจะไม่เกิดอะไรขึ้นอีก และหากเกิดซ้ำอีกจะยิ่งหนักกว่าที่เป็นอยู่ จึงมองว่าในช่วงนี้เป็นโอกาสดีที่ทุกส่วนจะทำการปฏิรูปและวางฐานของธุรกิจ ท่องเที่ยวทั้งระบบให้เป็นระบบ มีมาตรฐาน เพื่อให้ธุรกิจเดินหน้าต่อไปได้อย่างเหมาะสมที่สุด"

"ปิยะมาน" บอกว่า อยากขอให้ภาคการท่องเที่ยวอดทนรอกันอีกสักนิดหนึ่ง ซึ่งไม่น่าจะเกิน 6 เดือน ธุรกิจน่าจะเดินไปข้างหน้าได้แข็งแรงมากกว่าที่เป็นอยู่ ซึ่งขณะนี้ก็เริ่มเห็นธุรกิจในภาพรวมเริ่มปรับตัวดีขึ้นตามซีซั่นการท่องเที่ยวอยู่แล้ว

สอดคล้องกับ "ธวัชชัย อรัญญิก" ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ที่กล่าวว่า แม้ทาง คสช.จะยังไม่ประกาศยกเลิกกฎอัยการศึก แต่เมื่อดูแนวโน้มตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติแล้วพบว่ามีสัญญาณการฟื้นตัวที่ดีขึ้น อย่างภาพรวมตลาดเอเชีย อาทิ จีนก็เริ่มดีขึ้น จากที่เคยติดลบสองหลักก็ติดลบน้อยลงเหลือ 5%

สำหรับการจองสินค้าท่องเที่ยวล่วงหน้าในเดือนตุลาคมและพฤศจิกายนซึ่งเข้าสู่ ไฮซีซั่นถือว่าดีขึ้นแล้วเกือบทุกตลาด (ยกว้นญี่ปุ่น) จึงคาดว่ารายได้ท่องเที่ยวปี 2557 จะยังเป็นไปตามเป้า 1.9 ล้านล้านบาท และเพิ่มเป็น 2.2 ล้านล้านบาท ได้ในปี 2558
ooo

เรื่องเกี่ยวข้อง...

เสน่ห์จาง...ตลาดน้ำดำเนินสะดวก ทัวริสต์หาย-ค้าขายหด !

updated: 27 ก.ย. 2557

กว่า 40 ปีแล้วที่ "ตลาดน้ำดำเนินสะดวก"ขึ้นแท่นเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดฮิตเมืองราชบุรี เป็นเดสติเนชั่นแรกที่นักเดินทางจะต้องแวะมาเยือนก่อนที่ใดในโซนภาคตะวันตก (ราชบุรี กาญจนบุรี นครปฐม)


วิถีชีวิตริมคลองที่เรียบง่าย ขนบธรรมเนียมประเพณีไทย ลิ้มรสอาหารอร่อย บ้านเรือนยังคงเอกลักษณ์ดั้งเดิมท่ามกลางธรรมชาติ เป็นมนต์เสน่ห์แห่งสายน้ำที่อวดโฉมชาวโลกได้อย่างภาคภูมิใจ

กาลเวลาเปลี่ยนไป ทุกอย่างเปลี่ยนตามวันนี้เสน่ห์ตลาดน้ำดำเนินสะดวก เริ่มเลือนหายไปจากในอดีตโดยสิ้นเชิง


กลุ่มทุนจากต่างบ้านต่างเมืองข้ามห้วยมายึดหัวหาดทำธุรกิจ ทำให้รูปแบบการค้าขายมุ่งหากำไรสูงสุด กระทั่งมีการเอารัดเอาเปรียบนักท่องเที่ยว โก่งราคาค่าบริการนำเที่ยว ทำให้ภาพลักษณ์เสียหาย และยังถูกนำไปตีแผ่ในระดับโลกจนยากที่จะกอบกู้ภาพลักษณ์ให้คืนมา

เมื่อปี 2554 สำนักข่าว CNN สื่อยักษ์ใหญ่ของสหรัฐอเมริกา เผยแพร่ข่าวจัดลำดับสถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่น่าเดินทางไปท่องเที่ยว ปรากฏว่า ตลาดน้ำดำเนินสะดวกติดลำดับที่ 6 ตอกย้ำภาพลักษณ์ (Image) อย่างมาก ซึ่งได้ส่งผลกระทบต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน เพราะนักท่องเที่ยวเริ่มหดหาย การค้าขายก็เริ่มฝืดเคือง ทำให้หน่วยงานด้านการท่องเที่ยวต้องเร่งกู้ภาพลักษณ์ตลาดน้ำดำเนินสะดวก

"ประชาชาติธุรกิจ" ลงพื้นที่สำรวจตลาดน้ำดำเนินสะดวก พบว่าบรรยากาศการค้าขายเป็นไปอย่างเงียบเหงา พ่อค้าแม่ค้าหลายรายต่างโอดครวญเป็นเสียงเดียวกันว่ายอดขายลดลงราว 80-90%

มีผู้ประกอบการร้านของฝาก-ของที่ระลึก ร้านเสื้อผ้า ปิดกิจการไป 4-5 รายแล้ว หากสถานการณ์ยังเป็นเช่นนี้ แนวโน้มจะปิดตัวอีกหลายราย

"อภิรัตน์ ทวีทรัพย์" พนักงานการตลาด 4 การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานเพชรบุรี (รับผิดชอบพื้นที่เพชรบุรี ราชบุรี) บอกว่า ที่ผ่านมาธุรกิจการท่องเที่ยวตลาดน้ำดำเนินสะดวกเผชิญปัจจัยรุมเร้าหลายอย่าง จึงจำเป็นต้องมีการปรับภาพลักษณ์ครั้งใหญ่ รวมทั้งเร่งฟื้นฟูความเชื่อมั่นและดึงเอกลักษณ์ดั้งเดิมคืนมา

สิ่งแรกที่ต้องเร่งแก้ไข คือปัญหาการโก่งราคาสินค้าและบริการที่แพงเกินความเป็นจริง เช่น เรือนำเที่ยวเอารัดเอาเปรียบนักท่องเที่ยว

เมื่อเร็ว ๆ นี้ ททท.และผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรีได้หารือกับเจ้าของท่าเรือเอกชน พ่อค้าแม่ค้าในตลาด โดยกำหนดให้ผู้ประกอบการติดป้ายราคาสินค้าให้นักท่องเที่ยวเห็นอย่างชัดเจน และเป็นไปตามมาตรฐานเดียวกัน สามารถตรวจสอบราคาได้ ซึ่งได้เริ่มบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดกับผู้กระทำผิด ตั้งแต่วันที่ 30 สิงหาคม 2557 เป็นต้นมา

นอกจากนั้น ยังเตรียมปรับโฉมร้านขายของฝาก-ของที่ระลึกให้มีเอกลักษณ์ของจังหวัดราชบุรี เช่น การนำสินค้าพื้นบ้าน สินค้าโอท็อปมาจำหน่ายมากขึ้น นอกจากจะสามารถสร้างเอกลักษณ์เฉพาะท้องถิ่นแล้ว ยังเป็นการกระจายรายได้สู่ท้องถิ่นที่ยั่งยืนอีกด้วย

สำหรับปัญหาน้ำในคลองเริ่มสกปรกจากประชาชนและนักท่องเที่ยวทิ้งขยะเป็นอีกสาเหตุที่ทำให้ภาพลักษณ์เสียซึ่งในอดีตน้ำในคลองใสมาก ดังนั้น จะร่วมกับชลประทานจังหวัดราชบุรีปล่อยน้ำสะอาดลงคลอง เพื่อผลักดันน้ำเสียออกไปปรับปรุงคุณภาพน้ำ รวมทั้งให้ความรู้ปลูกฝังการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมให้กับคนท้องถิ่น จัดระเบียบสิ่งรุกล้ำทางน้ำ เช่น อาคารบ้านเรือนที่สร้างยื่นลงไปในแม่น้ำ ทำให้ภูมิทัศน์เสียไป

ในส่วนของการจัดระเบียบเรือนำเที่ยว จะให้พนักงานขับเรือใส่ชุดสีเดียวกัน เพื่อความเป็นระเบียบ สวยงาม รวมถึงการจัดโซนนิ่งสถานที่ท่องเที่ยวให้เป็นสัดส่วน เช่น แยกโซนอาหาร เสื้อผ้า ของฝาก-ของที่ระลึกออกจากกันอย่างชัดเจน

"วิมลวรรณ ไชขาวยาง" ไกด์นำเที่ยวบริษัท เอเซียเวิลด์ เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด บอกว่า ในอดีตนักท่องเที่ยวจีน ญี่ปุ่น อเมริกา และยุโรปชื่นชอบและนิยมเดินทางมาท่องเที่ยวตลาดน้ำดำเนินสะดวกมาก แต่สถานการณ์ปีนี้ยอดลดลงเล็กน้อย คาดว่ามีสาเหตุมาจากเอกลักษณ์ที่หายไป ไม่มีการสร้างความประทับใจ ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจที่ไม่ค่อยสู้ดีนัก

ภารกิจกู้ภาพลักษณ์ตลาดน้ำดำเนินสะดวก จะหวนกลับมาเหมือนเดิมได้หรือไม่นั้น เป็นความท้าทายอย่างยิ่งสำหรับชาวเมืองราชบุรี


วันเสาร์, กันยายน 27, 2557

เกาะสวรรค์ด้านมืด : ข้อมูลดิบจากฝรั่งที่เคยอาศัยบนเกาะเต่า ต่อกรณีการฆาตกรรมโหดสองหนุ่มสาวชาวอังกฤษ




โดย ไมเคิล เออร์ลี่ / ระยิบ เผ่ามโน ถอดความจากเรื่อง The Dark Side of Thailand's Island Paradise


คดีฆาตกรรมสองนักท่องเที่ยวแบ็คแพ็คบนเกาะเต่าทำให้ด้านมืดของประเทศไทยตกเป็นเป้าสนใจจากนานาชาติไปโดยไม่ต้องการ อันรวมถึงการใช้อิทธิพลของครอบครัวมาเฟียบนเกาะต่างๆ ในอ่าวไทย อาทิ เกาะพงัน เกาะเต่า และเกาะสมุย

จากการที่เคยอาศัยอยู่บนเกาะเต่าและเกาะพงัน ผมมีความรู้ลึก (แต่ก็อ้างไม่ได้ว่ารู้หมด) ต่อความเป็นไปต่างๆ พอควรที่จะบอกได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น มากกว่าที่สื่อนานาชาติพยายามจะอธิบายต่อชาวโลก ดังเช่นว่าอะไรทั้งหลายแหล่ที่เกิดขึ้นในประเทศไทยนั้น มันมักดูยุ่งยากซับซ้อนกว่าที่ปรากฏในเบื้องต้นอยู่เสมอ

มาดูประวัติเกาะเต่ากันหน่อย

ส่วนใหญ่ในความเป็นมาของเกาะเต่าไม่มีอะไรเหมือนที่เป็นอยู่ขณะนี้มากนัก มันเป็นจุดพักเรือของชาวประมงมาเลย์มานานหลายศตวรรษ เนื่องจากที่ตั้งอันห่างไกลโพ้นในอ่าวไทย ในยุคศตวรรษที่ ๑๘ อาจมีหมู่บ้านตั้งอยู่สักสองแห่ง จนเมื่อราวปี ค.ศ. ๑๘๙๐ กว่าๆ สมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงได้เสด็จพระราชดำเนินเกาะนี้ ดังมีอนุสาวรีย์ของพระองค์ตั้งอยู่บนหาดทรายรี เกาะนี้สงบเงียบต่อมาเป็นเวลาหลายสิบปี มีแต่ครอบครัวชาวประมงและชาวไร่อาศัยอยู่บ้าง ไม่มีอย่างอื่นนอกจากนี้

หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองในปี พ.ศ. ๒๔๗๕ ประเทศเปลี่ยนจากสมบูรณายาสิทธิราชไปสู่ราชาธิปไตยใต้รัฐธรรมนูญ (หรือเรียกว่าระบอบรัฐธรรมนูญอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขละมัง) เกาะเต่าถูกใช้เป็นสถานที่จองจำทางการเมืองในลักษณะเดียวกับเกาะตะรุเตาทางตอนใต้ ในปี พ.ศ. ๒๔๙๐ พวกนักโทษที่นั่นได้รับพระราชทานอภัยโทษแล้วส่งออกไปอยู่ตามเกาะต่างๆ ในละแวกนั้น ได้แก่เกาะพงันและเกาะสมุย เกาะเต่าจึงกลายเป็นเกาะร้างอีกครั้ง

ตำนานเล่าว่ามีพี่น้องสองคนเดินเรือมาที่เกาะนี้แล้วลงหลักปักฐานอาศัยอยู่ตรงพื้นที่เรียกว่าทรายรีปัจจุบัน เขาใช้ชีวิตกันอย่างเรียบง่ายจับปลาหากินและทำการเพาะปลูกเลี้ยงชีพ มีการค้าขายบ้างเล็กน้อยกับผู้ที่อยู่อาศัยบนเกาะพงัน

เมื่อเกิดสงครามเวียตนามทำให้กิจการท่องเที่ยวในประเทศไทยบูมขึ้นมากมายในช่วงทศวรรษ ๑๙๖๐ ถึง ๑๙๗๐ ด้วยผลพวงจากทหารจีไอและโครงการอาร์แอนด์อาร์ (Rest and Relax) พวกนักเดินทางสะพายย่าม (Backpackers) เริ่มแห่กันเข้าไปสู่อ่าวไทย มีรายการท่องเที่ยวดำน้ำออกจากเกาะสมุยและเกาะพงัน งานรื่นเริงฟูลมูนพาร์ตี้ ที่เลื่องชื่อเริ่มขึ้นครั้งแรกที่เกาะพงันในปลายยุคทศวรรษ ๑๙๘๐ นับแต่นั้นมาการท่องเที่ยวบนเกาะเต่าขยายตัวขึ้นเรื่อยๆ พร้อมไปกับการพัฒนาสิ่งก่อสร้าง เริ่มจากร้านรวงตั้งเป็นเพิงง่ายๆ ขายของ กับซุ้มเล็กๆ สำหรับพวกนักดำน้ำ มาสู่บาร์เหล้า รีสอร์ท และธุรกิจอื่นที่ไม่เกี่ยวกับกีฬาดำน้ำโดยตรงอีกหลากหลาย

บริษัทเรือเฟอรี่ขนาดใหญ่เช่น ลมพระยา ซีทราน และส่งเสริม เริ่มเปิดบริการจัดรถบัสออกจากกรุงเทพฯ รับส่งผู้คนไปสู่เกาะ  สำหรับการกีฬาดำน้ำที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วบนเกาะเต่า พื้นที่สองแห่งมีการพัฒนาตามมาอย่างกระชั้นชิดเช่นกันทั้งในบริเวณหาดทรายรี (ซึ่งเดี๋ยวนี้เต็มไปด้วยไน้ท์คลับ รีสอร์ท และสถานดำน้ำ) กับแถบโฉลกบ้านเก่า ท้องที่ไม่อึกทึกอีกด้านหนึ่งซึ่งคนท้องที่อยู่อาศัยกัน เช่นเดียวกับบริเวณท่าเทียบเรือแม่หาด

โครงสร้างอำนาจบนเกาะ

เหมือนดังภาพลักษณ์ของเมือง หมู่บ้าน หรือเกาะทั้งหลาย ที่ครอบคลุมด้วยระบบจ้าวพ่อชนิดที่ในโลกตะวันตกเรียกว่า มาเฟีย อย่างไรก็ดี เนื่องจากสถานที่ตั้งอยู่ห่างไกลบวกกับภูมิหลังของเกาะ ทำให้มีความซับซ้อนมากกว่าที่คาดคิด

จากการอาศัยอยู่บนเกาะเป็นเวลาพอควร หรือได้คุยกับคนที่อยู่ในท้องที่มานาน ในสถานการณ์ปกติเขาจะเล่าถึง ๕ ตระกูลที่ลงหลักปักฐานอยู่บนพื้นที่แห่งนี้ สามตระกูลในนี้ควบคุมเหนือพื้นที่หาดทรายรี อีกสองตระกูลมีอิทธิพลอยู่ทางหาดโฉลกอีกด้านหนึ่งของเกาะ ตระกูลเหล่านี้สืบเชื้อสายจากพวกร่อนเร่ที่ขึ้นไปบนเกาะตั้งแต่ยุค ค.ศ. ๑๙๔๐ ถึง ๑๙๘๐ ก่อนที่กิจการดำน้ำท่องเที่ยวจะเข้าไป แม้นว่าพวกเขาจะไม่ใช่เจ้าของที่ดิน (ในทางเท็คนิคที่ดินทั้งหมดบนเกาะเป็นของพระมหากษัตริย์ภายใต้การดูแลของกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง) แต่ก็มีสิทธิในฐานะผู้บุกเบิกถือครองในอันที่จะเรียกเก็บค่าเช่าและจัดสร้างธุรกิจขึ้นในเส้นทางของตนได้ ค่าเช่าเล็กน้อยจ่ายให้แก่สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ในอัตราต่อไร่ (มาตราวัดพื้นที่ของไทยอย่างหนึ่ง)

ครอบครัวเหล่านี้ควบคุมหรือมีผลประโยชน์อยู่กับธุรกิจเกือบทุกอย่างบนเกาะในทางใดทางหนึ่งสุดแท้แต่จะเป็นรูปแบบหรือขนาดใด อาจจะเป็นเจ้าของโดยตรง เป็นหุ้นส่วนนอมินี่ เป็นเจ้าของที่ หรือเป็นผู้อำนวยวัตถุดิบและอุปกรณ์รายหลักของเกาะ ไม่มีธุรกิจใดๆ บนเกาะ ไม่ว่าไทยหรือฝรั่งตั้งอยู่ได้โดยไม่มีสายใยกับการครอบคลุม คุ้มครอง และเชื่อมยึดจากครอบครัวเก่าแก่ของเกาะตระกูลใดตระกูลหนึ่ง

ตระกูลเหล่านี้จะตีวงล้อมปกป้องทรัพย์สินของตนอย่างโจ่งแจ้ง อะไรที่สามารถทำได้บนหาดแห่งหนึ่งอาจถือว่าเป็นพฤติกรรมไม่เหมาะสมก็ได้ในอีกท้องที่หนึ่ง คนเก่าแก่อาจได้รับการปกป้องอย่างดีในบาร์แห่งหนึ่ง แต่จะไม่คิดที่จะเข้าไปยังอีกแห่ง เนื่องจากความสัมพันธ์ทางธุรกิจ มิตรภาพ และอื่นๆ ที่คนในสถานที่นั้นมีกับตระกูลอิทธิพลบนเกาะ

ครอบครัวแบบไทยๆ ดั้งเดิมเหล่านี้มักจะอิจฉาริษยาซึ่งกันและกัน และมักแก่งแย่งช่วงชิงทางธุรกิจอย่างหนักหน่วงเพื่อเงินดอลลาร์ของนักท่องเที่ยว มีเรื่องเล่ามากมายบนเกาะถึงความตึงเครียดที่ครอบครัวหนึ่งคิดว่าพวกตนถูกหักหาญจากอีกครอบครัวหนึ่งในทางใดก็ตาม ส่วนมากมักเกี่ยวโยงกับความขัดแย้งแต่เพียงเล็กน้อยเรื่องเงินทอง

แหล่งอำนาจอิทธิพลบนเกาะอีกส่วนหนึ่งอยู่กับพวกตำรวจซึ่งมีที่ทำการอยู่ในอาคารหลังโรงเรียนและวัดบนท้องที่แม่หาดสุดทางด้านหนึ่งของหาดทรายรี การเรียกพวกนี้ว่าผู้บังคับใช้กฏหมายนั้นถือว่าให้เกียรติอย่างยิ่ง เพราะพวกเขาปฏิบัติการเยี่ยงองค์กรมาเฟียเสียมากกว่า (จะเรียกว่าเป็นครอบครัวที่หกก็ได้)

งานพิทักษ์สันติราษฎร์ของพวกเขาคือวันๆ ขับรถสกู๊ตเตอร์ไปรอบๆ เกาะเที่ยวเก็บส่วยมาจากกิจการค้าขายในท้องที่แล้วเอาไปใช้ดื่มกินหาความสำราญกันในตอนค่ำ ควรจะบันทึกไว้ในที่นี้ด้วยว่าตำรวจในประเทศไทยเขาซื้อขายตำแหน่งกัน การจะได้เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับสูงในท้องที่ท่องเที่ยวนั่นต้องเสียเงินเสียทอง เพราะคนไทยคิดว่าการได้เป็นหัวหน้าใหญ่คือโอกาสทองทางธุรกิจ ถามคนท้องที่ได้เลยว่าราคาสำหรับการเป็นผู้บังคับการตำรวจท้องที่พัทยา ภูเก็ต และสมุยน่ะเท่าไร พื้นที่ท่องเที่ยวเหล่านี้จะมีรายได้พิเศษมหาศาลจากการเก็บเกี่ยวเอากับกิจการธุรกิจ

ถ้าหากมีมาเฟียในท้องที่จริง พวกเจ้าหน้าที่และตำรวจสืบสวนจะต้องแจ้งให้ผมทราบแล้วละ” เป็นคำกล่าวว่าไว้โดย พล.ต.อ.สมยศ (พุ่มพันธ์ม่วง)

บาโรมิเตอร์วัดคอรัปชั่นโลกปี ๒๕๕๐ ขององค์การโปร่งใสนานาชาติ อันมาจากการสำรวจความเห็นของคนใน ๖๐ ประเทศต่อปัญหาการคอรัปชั่น รายงานว่า สำหรับประเทศไทย ตำรวจได้รับคะแนนถึง ๔ จาก ๕ โดยที่ ๑ คะแนนหมายถึงคอรัปชั่นน้อยที่สุด และ ๕ คะแนนเป็นคอรัปชั่นขั้นร้ายแรง  - ข้อมูลวิกิพีเดีย

ยาเสพติดบนเกาะ

ยาเสพติดเป็นสิ่งปกติและหาได้ง่ายบนเกาะ และก็เหมือนสิ่งอื่นๆ ทั้งหลายบนเกาะนี้ที่มีครอบครัวตำรวจเข้าไปเอี่ยวด้วย ตอนข้าพเจ้าอยู่ที่นั่นได้เห็นคนใช้ยาเสพติดกันอย่างแพร่หลาย กัญชา แอลเอสดี ยาบ้า (ชื่อในภาษาไทย อันเป็นส่วนผสมของเมตาฟีตามีนกับคาเฟอีน) และแปลกมากที่มีโคเคนด้วย โคเคนเป็นยาเสพติดที่เจ้าของบาร์บนหาดทรายรีใช้กันมากเมื่อตอนผมไปอยู่ที่เกาะเต่าช่วงนักท่องเที่ยวน้อย มันทำให้เกิดอาการหุนหันชนิดคาดเดาไม่ได้เลย ผู้เสพจะได้แรงกระตุ้นขึ้นสูงสุดและลงต่ำสุดทันควัน จนอาจก่ออันตรายร้ายแรงได้ในชั่วพริบตา

คนที่อยู่มานานจะรู้ดีว่าสภาพการติดยาบนเกาะมีมากขนาดไหน ไม่ว่าเขาจะเป็นผู้เสพเองหรือว่าทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น คราใดเมื่อตำรวจเริ่มจะขาดแคลนเงินสด ก็มีการตั้งด่านตรงทางไปอ่าวลึกและทางเข้าบ้านทรายรีตอนเหนือ ตรงนี้เป็นที่ซึ่งคนต่างชาติหน้าใหม่มักถูกจับฐานมีกัญชาในครอบครองนิดหน่อย บ้างถูกตรวจปัสสาวะหาสารเสพติด จุดหมายของตำรวจไม่ใช่การจับกุมเพื่อดำเนินคดีกับคนต่างชาติในข้อหามียาเสพติดในครอบครอง แต่ต้องการใช้ข้อหาทางอาญาข่มขู่ให้สยบต่อการตบเงินตามมา

เมื่อพบปริมาณยาเสพติดมากพอก็จะมีการตั้งข้อหาทางอาญา แล้วให้มีการประกันตัวออกไป จากนั้นทนายจะเป็นผู้จัดการประสานเรื่องการจ่ายค่าปรับจำนวนสูงเพื่อให้หลุดจากข้อหา ทุกคนที่เกี่ยวข้องกับคดีจะได้รับส่วนแบ่งของตนไป ตอนผมอยู่ที่นั่นได้เห็นด้วยตนเองว่านักธุรกิจไทยในท้องที่คนหนึ่งขู่จะเอายาเสพติดยัดใต้เบาะรถจักรยานยนตร์แล้วเรียกตำรวจมาจับกุมฝรั่งคนหนึ่งที่ถูกหาว่าไปกล่าวร้ายเขา

โกงค่าเช่าจักรยายยนตร์

วิธีการโกงที่เลวร้ายอย่างหนึ่งบนเกาะเต่า (เช่นเดียวกับเกาะอื่นๆ ในอ่าว) เกี่ยวข้องกับการเช่าใช้จักรยานยนตร์ของนักท่องเที่ยว ชาวต่างชาติ ซึ่งผู้เช่าจะต้องวางพาสปอร์ตของตนไว้กับเจ้าของจักรยานเป็นหลักประกัน แต่การยึดพาสปอร์ตเป็นหลักประกันนั้นผิดกฏหมายในประเทศไทย แม้ในบางประเทศมีกฏหมายเอาผิดที่เจ้าของพาสปอร์ตนำไปใช้เป็นหลักประกันด้วย แต่กระนั้นนักท่องเที่ยวจำนวนมากก็ยอมทำกัน จะเป็นด้วยรู้เท่าไม่ถึงการก็สุดแท้แต่

จักรยานที่ส่งคืนโดยมีรอยชำรุด จะมากน้อยอย่างไร ความเสียหายจากรอยบุบแตกอาจจะเพียง ๓๐๐ บาท ผู้เช่าก็ต้องจ่ายให้แก่เจ้าของในอัตรา ๓ พันถึง ๑ หมื่นบาท ไม่ว่าจะเป็นผลของการดื่มสุรามากไป สภาพถนนเลวร้าย คนขับแท็กซี่บ้าบอปาดเอา แสงไฟบนหนทางไม่เพียงพอในยามค่ำคืน ล้วนทำให้เกิดอุบัติเหตุในการใช้มอเตอร์ไบ๊ค์ทั้งสิ้น

นักท่องเที่ยวมักจะตื่นตระหนกเมื่อเกิดการชน และรีบร้อนเกรงจะพลาดเรือเฟอรี่ จึงตกเป็นเหยื่อเจ้าของกิจการให้เช่าจักรยานใช้อำนาจกำหนดค่าเสียหายได้ตามใจ ใครขืนเถียงกับเจ้าของร้านเช่าอาจถูกข่มเหงทางกายได้ มีตัวอย่างรายงานเหตุการณ์โดยทริปแอ๊ดไว้เซอร์ว่าถูกเจ้าของร้านแห่งหนึ่งชักปืนขู่เอาด้วย

เกาะเต่ายังคงให้เช่ารถเอทีวีสี่ล้อซึ่งมีอันตรายในการขับขี่สำหรับนักท่องเที่ยวที่ไม่มีประสพการณ์ ทั้งที่ตามเกาะอื่นๆ ในอ่าวเลิกให้เช่ากันไปแล้วเนื่องจากสถิติอุบัติเหตุที่เพิ่มขึ้น จักรยานยนตร์เหล่านี้ไม่มีประกันภัย (แม้จะโฆษณาว่ามีก็ตาม) ผู้เช่าขี่ที่ใช้ใบอนุญาติขับขี่นานาชาติ รวมทั้งใบขับขี่จักรยานยนตร์ ก็ไม่ได้รับการคุ้มครองโดยประกันภัย

กับที่บนเกาะอื่นๆ อาจได้รับลดหย่อนค่าเสียหายถ้ามีตำรวจเข้าไปไกล่เกลี่ย แต่ว่าตำรวจก็จำต้องได้ส่วนตัดของตนเหมือนกัน

อาชญากรรมร้ายแรงบนเกาะ

โดยทั่วไปแล้วบนเกาะปลอดภัยไม่น้อยทีเดียว เหตุผลส่วนหนึ่งเป็นเรื่องตลกร้ายที่พวกครอบครัวอิทธิพลและจ้าวพ่อท้องถิ่นมีส่วนทำให้เกิดความสงบขึ้นได้เหมือนกัน เท่าที่ผมทราบมีเหตุการณ์ร้ายสองสามครั้งเกิดขึ้นบนเกาะ

- เจ้าของบาร์รายหนึ่งถูกยิงตายบนหาดทรายรี ตอนกลางคืนในที่สาธารณะต่อหน้าผู้คนจำนวนมาก เนื่องจากความขัดแย้งกันเรื่องธุรกิจ บาร์แห่งนั้นมีเจ้าของใหม่ที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปดำเนินการและเปลี่ยนชื่อแล้ว ไม่มีใครถูกจับกุมจากเหตุยิงกันตายครั้งนี้ ผู้ต้องหาเป็นคนยิงก็ยังเปิดกิจการบาร์อยู่อีกด้านหนึ่งของเกาะ

- ราวปี ๒๕๔๕ นักธุรกิจผู้มีอิทธิพลมากคนหนึ่งของเกาะ เป็นน้องชายเจ้าของกิจการโรงเรียนดำน้ำใหญ่ (บ้านดำน้ำ โรงเรียนสอนดำน้ำใหญ่ที่สุดในโลก) ถูกยิงตายกลางย่านทรายรีจากกรณีพิพาทในครอบครัว นี่เป็นสถานที่ใกล้เคียงกับร้านที่ สก็อต ฌอน แม็คเอ็นน่า เข้าไปซ่อนตัวจากชายไทยสองคนที่ตามล่าเขาในการข่มขู่หลังเกิดการฆ่าสาวหนุ่มชาวอังกฤษอนาถ

เหตุยิงกันตายครั้งนี้เช่นกันไม่มีการจับกุมใดๆ ทั้งที่คนท้องที่หลายคนบอกว่ารู้ตัวคนยิงดี เหตุการณ์ผ่านมาแล้วหกปีดูเหมือนว่าศพผู้ตายยังอยู่ในห้องเย็นรอวันทำพิธีเผา มีรายงานเรื่องนี้ในบางกอกโพสต์ แต่ว่าขณะนี้ไม่สามารถเปิดอ่านได้แล้ว

(ขอเว้นรายละเอียดข่าวจากบางกอกโพสต์)

- คนขับแท็กซี่แทงแท็กซี่ด้วยกันตายกลางวันแสกที่แม่หาดหลังจากที่ฝ่ายหนึ่งถูกหาว่าแย่งผู้โดยสาร ไม่มีการจับกุมคนร้าย กิจการแท็กซี่ที่นี่ควบคุมโดยสองครอบครัวอิทธิพลของเกาะ ที่ไม่ยอมให้มีมอเตอร์ไซค์รับจ้าง รวมทั้งไม่มีใครกล้าเปิดกิจการแข่งขัน ค่าแท็กซี่ที่นี่จึงแพงหูฉี่

- ยังมีเรื่องเล่ามากมายว่าบาร์หลายแห่งถูกเผาเหลือแต่ซากจากความอิจฉาของคู่แข่ง หรือเจ้าของที่ไม่พอใจ งานเลี้ยงถูกเอาปืนจี้สั่งยุติโดยเจ้าของร้านคู่แข่งที่ไม่มีลูกค้า เจ้าของกิจการบางคนถูกชักปืนไล่ให้ออกไปจากเกาะดื้อๆ

ยังมีเรื่องทะเลาะระหว่างคนไทยด้วยกันโดยเหตุชู้สาว ชายที่ไปยุ่งกับเมียคนอื่นถูกควักปืนไล่ยิง เหล่านี้มักเกิดในบริเวณห่างออกไปจากย่านรีสอร์ท

ในขอบข่ายของการฆาตกรรมล่าสุด

ตลอดสองสามวันที่ผ่านมาปรากฏรายละเอียดเรื่องราวที่ซับซ้อนซ่อนเงื่อนออกมามากมาย

๑.    นักท่องเที่ยวคู่ชายหญิงสองคนถูกฆ่าตายบนหาดหน้าบาร์ที่เจ้าของเป็น ผู้ใหญ่ ของเกาะคนหนึ่ง โดยใช้เครื่องมือที่ไม่ใช่ของนักธุรกิจไทยหรือคนงานพม่าเป็นอาวุธ
๒.   ตำรวจท้องที่ให้สัมภาษณ์ว่าคนไทยไม่ทำอย่างนี้แน่ (ทั้งที่มีนักโทษในคุกเพราะคดีแบบเดียวกันมากมายจากการพิพาทระหว่างไทยกับไทย) แล้วพยายามที่จะป้ายโทษให้กับเพื่อนสนิทของผู้ตายและคนงานพม่า
๓.   พนักงานตำรวจลงภาพของผู้ตายบนหน้าเฟชบุ๊ค ปรากฏภาพของคนที่ถูกสงสัยว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการฆาตกรรมไปเดินยุ่มย่ามในบริเวณที่เกิดเหตุ อันอาจทำให้หลักฐานเสียไป
๔.   สื่อปล่อยเนื้อหาเกี่ยวกับคดีออกมา พร้อมทั้งชี้ช่องไปในทางกล่าวหาเพื่อนของผู้ตาย อ้างว่าเขาเป็นคนรักร่วมเพศของผู้ตายฝ่ายชาย และยังเขียนข่าวกล่าวร้ายต่างๆ นานา ขณะที่ตำรวจก็นำกางเกงเปื้อนเลือดของผู้ตายไปใส่ในกระเป๋าหิ้วปรักปรำเขา
๕.   นายกรัฐมนตรีเข้ามาจัดการบ้าง ด้วยการกล่าวอ้างผู้ตายฝ่ายหญิงเป็นคนสวยนุ่งบิกินี่ล่อแหลม ทั้งที่การฆาตกรรมเกิดในยามค่ำคืน และวิดีโอจากงานปาร์ตี้ก่อนเกิดเหตุแสดงว่าเธอนุ่งห่มมิดชิดรัดกุม
๖.    ผู้อาศัยบนเกาะมาเป็นเวลานานคนหนึ่ง (สก็อต แม็คเอ็นน่า) ซึ่งเป็นเพื่อนของเหยื่อสังหารเพศชายกล่าวหาครอบครัวท้องถิ่นรายหนึ่งว่ามีส่วนพัวพันในการฆาตกรรม (เขาไม่ได้บอกว่าเป็นผู้ลงมือกระทำ) แล้วขู่จะจับเขาแขวนคอ หมายใช้ตัวเขาเป็นแพะรับบาป เขาเรื่องนำลงในโซเชียลมีเดียหมายใจให้แชร์กันออกไปอย่างกว้างขวางด้วยการบอกว่า ถ้าพบว่าเขาต้องตายในคืนนั้นละก็ คนเหล่านี้แหละที่เป็นผู้ลงมือ ชายไทยที่ถูกอ้างยอมรับอย่างเปิดเผยว่าได้พูดกับสก็อต และข่มขู่เขาจริง แต่เนื่องจากเขามีฐานะเป็นผู้ใหญ่’ ของเกาะ อีกทั้งเป็นเพื่อนกับตำรวจ จึงหลุดคดีไปโดยง่าย แถมไม่ต้องถูกตรวจดีเอ็นเออีกด้วย
๗.   ตำรวจยังคงทำการสอบสวนอย่างมั่วซั่วต่อไป รวมทั้งจำลองเหตุการณ์ในเวลากลางคืน มีการวัดขนาดรอยเท้าหญิงชาวพม่า กับนำปัสสาวะชายพม่าไปตรวจ
๘.    มีการดำเนินการต่างๆ ในทางลับ แล้วผู้ที่ถูกตั้งข้อสงสัยโดยชาวตะวันตกถูกนำตัวไปสถานีตำรวจ แต่พวกนี้ก็ปฏิเสธไม่ยอมรับการตรวจดีเอ็นเออยู่ดี
๙.    พวกญาติของคนที่ฌอนกล่าวหาว่าขู่ฆ่าเขาพากันเข้ากรุงเทพฯ สื่อไทยอาจรายงานว่าเป็นผู้ต้องหา แต่ตำรวจท้องที่แย้งว่าไม่ใช่ เขาแค่ไปมหาวิทยาลัย นี่เกิดขึ้นเมื่อควรที่จะห้ามคนเข้าออกจากเกาะ
๑๐. มีข้อความลงไว้ตามหน้าเฟชบุ๊คเตือนคนต่างชาติไม่ให้เล่าเรื่องราวใดๆ กับสื่อ หรือพูดกับคนภายนอกโดยไม่ได้รับอนุญาติจากครอบครัวชาวเกาะ การแสดงความคิดเห็นถูกลบหรือเซ็นเซอร์ ดูเหมือนจะมีกำแพงแห่งความเงียบโผล่ขึ้นมาไม่ว่าเพื่อความปลอดภัยส่วนตัว หรือไม่ก็เพื่อปกป้องผลประโยชน์
๑๑. มีรายละเอียดเรื่องราวผุดขึ้นในหน้าเว็บต่างๆ ดังเช่นThaivisa.com เพื่อลบล้างความเห็นต่างๆ เกี่ยวกับฆาตกรรม และโจมตีต่อความน่าเชื่อถือของพยานรู้เห็นคนเดียวที่เหลืออยู่
๑๒.ปรากฏว่าประวัติของพยานเบื้องหลังครั้งอยู่ในยุโรปไม่ค่อยจะดูดีเท่าไรนัก ตามที่มีรายงานในหนังสือพิมพ์ของสก็อตแลนด์
๑๓. ครอบครัวที่ถูกกล่าวหาหลุดคดีได้โดยการตรวจดีเอ็นเอซึ่งใช้เวลานานอย่างเป็นประวัติการณ์ (ต้องคำนึงถึงว่าใช้เวลาสามชั่วโมงในการนั่งเรือไปเกาะเต่า แล้วอีก ๙ ชั่วโมงขับรถเข้ากรุงเทพฯ ยังสถานที่ตั้งสำนักนิติเวชวิทยา ไม่เช่นนั้นต้องนั่งเรือสามชั่วโมงไปเกาะสมุย กับหนึ่งชั่วโมงโดยเครื่องบินเข้ากรุงเทพฯ นี่เป็นเวลาไม่รวมถึงที่ใช้ในกรรมวิธีตรวจดีเอ็นเอจริงๆ

ถึงจุดนี้ยังไม่มีอะไรชัดเจนว่าเหตุการณ์ฆาตกรรมเป็นอย่างไร ซึ่งโดยทั่วไปแล้วพูดได้ว่าที่ไหนมีควันที่นั่นก็ต้องมีไฟ ผมเองไม่รู้หรอกว่าเกิดอะไรขึ้นในคืนนั้นเพราะผมอยู่ไกลในอีกซีกโลกหนึ่ง แต่จากประสพการณ์ที่ผ่านพบมาบนเกาะเต่า ผมมีเหตุสงสัยอย่างแรงกล้าว่าครอบครัวเจ้าที่กับตำรวจในท้องถิ่นต้องการที่จะล้มการสอบสวนคดี พยายามปกปิดข้อเท็จจริง และเบี่ยงเบนความสนใจของสื่อนานาชาติ แล้วก็จะมีการจับแพะชาวพม่าขึ้น ตำรวจเกือบจะยอมรับเช่นนี้ออกมาแล้ว

โปรดให้ความมั่นใจในการทำคดีของเรา จะไม่มีแพะรับบาปเด็ดขาด

คดีนี้ถูกจับตาใกล้ชิดจากทั่วโลก เราดำเนินการอย่างขันแข็งเพื่อที่จะไม่ให้เกิดการรั่วไหลอย่างมากที่สุด พล.ต.ท. ปัญญา (มาเม่น) กล่าว*

ผมในส่วนตัวเชื่อฌอน แม็คเอ็นน่า เมื่อเขาบอกว่าถูกข่มขู่โดยคนไทยท้องที่ ผมได้อ่านข้ออ้างต่างๆ บน ไทยวีซ่าดอทคอม ที่ว่าการข่มขู่จะแจ้งเกินไป และการใช้ภาษารื่นหูเกินกว่าคนไทยจะทำได้ เกาะเต่าไม่เหมือนที่อื่นๆ ในประเทศไทย คนท้องที่สามารถใช้ภาษาอังกฤษได้ดีกว่าที่ไหนในโลกเท่าที่ผมเคยเห็นมา ประวัติลายพร้อยของเขาอาจทำให้ไม่น่าเชื่อถือเท่าไรนัก แต่ก็นั่นแหละ คนที่อยู่บนเกาะนานๆ จำนวนไม่น้อยก็มีเบื้องหลังที่ไม่ได้สดสวยอะไรนัก ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับตาดูอยู่แล้ว ตำรวจประกอบคดีด้วยการพุ่งเป้าไปที่นักเล่นกิตาร์ เกี่ยวพันถึงชาวต่างชาติกลุ่มหนึ่งชนิดเป็นไปไม่ได้ว่าจะมีคนไทยเกี่ยวด้วย

ผมคิดว่าถ้าหากฌอนไม่ได้โวยวายขึ้นมาเสียก่อน เขาอาจจะต้องตาย หรือถูกป้ายความผิดทั้งหมดให้ ความเชื่อมั่นในระบบยุติธรรมไทยของผมเป็นศูนย์ต่อการที่ตำรวจของเกาะจะสามารถคลี่คลายคดีได้

ผมเสียใจต่อการที่เหล่าชาวต่างชาติ (เอ็กซ์แพท) ซึ่งอาศัยอยู่อย่างถาวรบนเกาะพากันตั้งกำแพงความเงียบเสียหมด แต่ว่าผมก็เข้าใจนะว่าเพราะอะไร หลายคนเจอปัญหากับกฏหมายมาก่อนในอดีต ส่วนใหญ่เกี่ยวกับยาเสพติด แล้วตำรวจก็ใช้ชนักอันนี้นี่เองเป็นอาวุธไว้จัดการกับพวกนี้ในวันหน้า อีกหลายคนมีผลประโยชน์ทางธุรกิจอยู่ขณะที่วีซ่าไม่เรียบร้อย บ้างขัดข้องที่หุ้นส่วนตัวแทน หรือเจ้าของที่ดิน พวกเขาอาจต้องเสียธุรกิจไป หรือพ้นจากชีวิตความเป็นอยู่ที่ชื่นชอบ เพียงเพราะพูดความจริงออกมา บางคนอาจถูกเนรเทศเพราะวีซ่าขาด หรือถูกปรับเพราะจ้างแรงงานต่างด้าว หรือถูกจับด้วยข้อหาทำงานโดยไม่มีใบอนุญาติ

ก็ยังมีบางสิ่งในเรื่องอื้อฉาวครั้งนี้ที่ไม่ลงรูปเข้ารอยดีนัก ผมไม่เข้าใจว่าทำไมคนในตระกูลอิทธิพลจะเข้ามาพัวพันกับเรื่องเสียหายอย่างนี้ หรือว่ามีความอำมหิตกับการสังหารคนอย่างเลือดเย็น ดูแล้วมันเป็นไปไม่ได้ในข้อเท็จจริง เป็นที่รู้กันว่าผู้ชายไทยมักเกิดอารมณ์ร้ายชั่ววูบ แต่นี่เป็นเรื่องเสียหน้าขนาดหนัก คนเหล่านี้ (โดยเฉพาะพวกนักธุรกิจที่มีเส้นสายใหญ่โต แม้ว่าจะสืบเชื้อมาจากคนพเนจรก็ตาม) จะหน้ามืดขนาดข่มขืนแล้วฆ่านักท่องเที่ยวสองคนได้ ทั้งที่กิจการทั้งหมดขึ้นอยู่กับพวกเขา

ผมยังมีข้อกังขาอย่างหนักว่าคนที่ลงมือกระทำจะหลุดคดีไปได้โดยง่าย และจะไม่มีใครถูกจับกุมเนื่องจากความเกี่ยวพันในคดี แต่ต้องมีใครคนใดคนหนึ่งถูกจับได้ แล้วไปซ้อมอย่างสะบักสะบอมให้รับสารภาพ ด้วยความสนใจจากนานาชาติ ตำรวจท้องที่ไม่อาจเสียหน้าหากไม่สามารถคลี่คลายคดีได้ และเชื่อได้เลยว่าความยุติธรรมจะไม่บังเกิด

อาจมีจำนวนนักท่องเที่ยวลดลงไป แต่เป็นที่ทราบกันว่าพวกแบ็คแพ็คเกอร์จะไม่สนใจเรื่องเหล่านี้เท่าไรนัก หลายคนคิดว่าเอาตัวรอดด้วยตนเองได้เสมอ และจะไม่เกิดกับตน ครั้นเมื่อถึงฤดูท่องเที่ยวครั้งต่อไป อะไรต่ออะไรกลับไปเป็นปกติได้แล้ว

เหมือนดังทุกแห่งในประเทศไทย นักท่องเที่ยวควรจะใช้ความระมัดระวังขณะสนุกสนาน และต้องระวังอย่างมากเมื่อเข้าใกล้ชายไทยถ้าหากมีเรื่องยาเสพติด แอลกอฮอล และผู้หญิงเข้ามาเกี่ยวข้อง สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นการบังเอิญเกิดยาก แต่ก็ไม่ใช่เป็นไปไม่ได้บนเกาะแห่งนี้ ที่ซึ่งการตายอย่างน่าสงสัยมักได้รับการรายงานว่าเกิดจากสาเหตุตามธรรมชาติหรือฆ่าตัวตาย

ไม้ค์อี คอมเม้นต์ วันที่ ๒๕ กันยายน ๕๗ เวลา ๘.๑๙ น.

ด้วยความสัตย์นะ ประเทศไทยยังปลอดภัยด้วยประเด็นนั้น ผมรู้สึกว่าปลอดภัยเมื่ออยู่เมืองไทย ๘ เดือนมากกว่าเมื่อเดินเล่นในบริเวณสถานบุกเบิกที่ซานดิเอโก รายล้อมไปด้วยพวกบ้าบอ

และนั่นหลังจากใช้เวลาหลายเดือนอยู่ท่ามกลางกองกำลังติดอาวุธจากภาคใต้ทำการประท้วงต่อประชาธิปไตย แถมมีมือปืนติดอาวุธหนักเข้าไปค้นบ้านผมบนเกาะพงัน แล้วยังมีพวกมาเฟียนักปั่นจักรยานจากยะลาเข้าไปอยู่บ้านติดกันกับผม

แต่มันไม่ใช่แดนแห่งรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยผู้คนที่เป็นมิตรอีกเช่นกัน มันกลายเป็นแถบหนึ่งของสีเทาไปเสียแล้ว

* หมายเหตุ ล่าสุดท่านผู้การสามารถสืบสอบได้เบาะแสแล้วว่า มือฆ่าคงเป็นต่างชาติ ไม่ใช่ไทยhttp://englishnews.thaipbs.or.th/key-witness-says-foreigner-kills-british-tourists/