เชื่อว่างานนี้คงไม่มีพยานกลับคำให้การเหมือนกับคดีฮั้ว สว.ละนะ การไต่สวนกรณีส่วยเว็บพนันโดยกรรมาธิการความมั่นคงฯ ซึ่งมี รังสิมันต์ โรม เป็นประธาน ผู้ให้การคือ ‘บิ๊กโจ๊ก’ กับ ‘อัจฉริยะ’ และพยานคือ ‘เจ้าแม่หาดใหญ่’
น.ส.พิมพ์วิไล ปล้องอ่อน “ซึ่งการเข้าให้การของเธอเป็นการทำด้วยความสมัครใจ แต่ยอมรับว่าตัวเธอมีความกังวลเรื่องความปลอดภัย”
พยานคนนี้ให้การทิ้งท้ายว่า “จ่ายแล้วทำไมยังถูกจับ หนูไม่ได้รับความเป็นธรรม มาจับหนูทำไม หนูเป็นแค่คนทำบัญชีกับโอนเงินแค่นั้น” เธอยอมรับว่าเป็นเจ้าของบัญชีม้า เว็บพนันบีเอ็นเคมาสเตอร์และวีนัสมาสเตอร์
ได้ค่าจ้างโอนเงินเดือนละ ๒ หมื่นบาท เพิ่งทราบหลังถูกจับเมื่อ ๕ พฤษภาคม เพราะ “ได้สอบถามคนที่ว่าจ้างตนให้โอนเงินจนทราบว่า เงินที่โอนให้ตำรวจและที่ต่างๆ เป็นเงินผิดกฎหมาย จากเว็บพนันออนไลน์ เป็นส่วย”
เงินที่โอนนั้นมี ๓๔ เส้นทาง รวมแล้วราว ๒๘๐ ถึง ๒๙๐ ราย ดังที่ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล อ้าง รายใหญ่คือตำรวจไซเบอร์ ชุด PCT 4 เดือนละ ๑ ล้าน และยัง “โอนเงินเข้าบัญชีภรรยา พี่ชาย พี่สาว ของพล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล อดีต ผบ.ตร.”
ทางด้านพลตำรวจโทไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้ซักค้าน น.ส.พิมพ์วิไลเกี่ยวกับ ‘รองกาโม่’ ที่ว่าเป็นคนรับโอนเงินในกอง PCT 4 กับคนชื่อ ‘ขวัญ’ ที่เป็นผู้ว่าจ้างเธอ แล้วแจ้งว่า “เส้นทางเงินนี้ ได้ดำเนินคดีแล้ว”
‘ป๋าต๋อย’ เขียนเล่าการไต่สวนของกรรมาธิการฯ ๕ ชั่วโมง ไว้ยาวเหยียด ๑๘ ข้อ โดยสรุปลงท้ายว่า “ถ้าตำรวจไทยไม่หักกันเอง ประชาชนจะไม่มีทางได้เห็นไส้ เห็นพุง ว่า มีกันกี่ขด และที่ออกมาแฉกันเองเรื่องทุจริตครั้งนี้
มันน่าตกใจและน่าหดหู่ยิ่งนัก ที่ผู้ถูกกล่าวหาแต่ละคนล้วนเป็น ผู้บริหารสูงสุดขององค์กรตำรวจที่มีหน้าที่พิทักษ์สันติราษฎร์ ในนามสำนักงานตำรวจแห่งชาติ”
(https://www.facebook.com/permalink.php?story=61578612737633, https://www.facebook.com/Mono29News/posts/35EBdkPY3L และ https://www.facebook.com/thestandardth/posts/mXW2uZp)
