วันศุกร์, พฤษภาคม 25, 2561

คอมมานโดจู่จับกุม จับสึกสมีฟรีดอม "ต้องมี ‘คำสั่ง’ ที่เหนือกว่า คสช. แน่ๆ"

บ้างว่า ถึงคิว สมีฟรีดอม แระ บางคนแนะไม่ควรให้ประกัน สงสารทั่นออกไปโดนประชาทัณฑ์จากพี่น้องตำรวจ เพราะหนึ่งในเนื้อคดีที่ถูกจับนั่นการ์ดพุทธะอิสระโหดมาก

โดยคดีที่ สุวิทย์ ทองประเสริฐ เมื่อครั้งเป็นแกนนำ กปปส. เวทีแจ้งวัฒนะ นุ่งห่มผ้ากาสาวพัสแต่กระทำการอั้งยี่ซ่องโจร ให้การ์ดกลุ้มรุมทำร้ายตำรวจ ๓ นายที่แฝงตัวไปร่วมในม็อบปิดกรุงเทพฯ เพื่อการข่าว

มีการ “ทำร้ายด้วยการเตะ ต่อยที่ใบหน้า, ศีรษะ, ลำตัว ก่อนใช้ถุงคลุมศีรษะแล้วรัดปากถุงกับลำคอเพื่อให้ขาดอากาศหายใจ” จากนั้นระหว่างที่รอผู้บังคับบัญชาของตำรวจสองนาย (หนีไปได้หนึ่ง) มารับตัว

“ระหว่างนั้น ๓-๔ ชั่วโมงกลุ่มการ์ดได้เปลี่ยนกันซักถามและทำร้ายร่างกาย” ตำรวจทั้งสองอีกจน คนหนึ่ง “มีแผลฟกช้ำบนใบหน้าและกลางอก, บาดแผลฉีกขาดริมฝีปาก, เยื่อแก้วหูฉีกขาดทั้งสองข้าง, กระดูกซี่โครงขวาด้านหลังหักและตับฉีกขาด ใช้เวลารักษานาน ๖ สัปดาห์”

พนักงานสอบสวนยื่นคัดค้านการให้ประกันตัวผู้ต้องหา เกรงจะหลบหนี พร้อมด้วยคำร้องฝากขังในอีกคดี ที่ในขณะเรียกตนเป็น พุทธะอิสระสุวิทย์ได้ปลอมแปลงพระปรมาภิไธย ภ.ป.ร. และ ส.ก. ไปประดิษฐ์หลังองค์พระเครื่องโดยไม่ได้รับพระราชทาน
 
ศาลอาญาพิจารณาคำร้องแล้วอนุญาตให้ฝากขังได้ทั้งสองสำนวน ท้ายสุดศาลไม่อนุญาตให้มีการประกันตัวผู้ต้องหา เนื่องจากเป็นคดีที่มีพฤติการณ์ร้ายแรง จึงได้ทำการจับสึกเพื่อส่งตัวเข้าคุก


แม้นว่าหลายคนเป็นห่วงในคุกโรคเยอะ แบบว่าจะติดเชื้อในกระแสเลือดอะไรเนี้ย จึงทำให้ Jaran Ditapichai ยืนกราน “ไม่เห็นด้วยกับการไม่ให้ประกันตัวพระที่ถูกจับกุมเมื่อวาน ทุกคนมีสิทธิถูกดำเนินคดีอย่างยุติธรรม (‘right to fair trial’)
 
แต่ทั้ง Pavin Chachavalpongpun และ Thanapol Eawsakul ‘hint’ (แนะ) ไปในทางเดียวกันว่า ต้องมี คำสั่ง ที่เหนือกว่า คสช. แน่ๆ
 
ต่อการที่พล.ต.ต.อภิชาติ สิริสิทธิ์ รองผบช.ก. และ พ.ต.อ.ภูมินทร์ พุ่มพันธุ์ม่วง ผกก.5.บก.ป. นำกำลังหน่วยคอมมานโดติดอาวุธครบมือ เข้าจับกุมพระสุวิทย์ ธีรธมฺโม หรือพุทธอิสระ ที่วัดอ้อน้อย นครปฐม ถึงมุ้งที่นอน

เนื่องจาก “พบว่ากุฎิของพระสุวิทย์มีการ์ด ดูแลอยู่รอบๆ” และ “การข่าวสืบพบว่ากลุ่มการ์ดบางคนมีการครอบครองอาวุธปืนด้วย”

ทั้งนี้ข้อหาหนึ่งในการจับกุม “จากกรณีเมื่อครั้งการชุมนุมของ กปปส.เมื่อปี ๒๕๕๖ ซึ่งกลุ่มผู้ชุมนุมที่นำโดยพระสุวิทย์เวทีแจ้งวัฒนะ ได้ปล้นทรัพย์เป็นอาวุธปืนของตำรวจสันติบาลไป”

กับอีกข้อหา “เป็นกรณีเมื่อวันที่ ๒๐ ก.พ. ๒๕๕๗ ที่พุทธะอิสระขนมวลชน กปปส. บุกไปโรงแรมเอสซีปาร์ค...ขอค่าเสียเวลาและน้ำมันรถเป็นเงินสดรวมกว่าหนึ่งแสนสองหมื่นบาท” โดยมีข้อแม้ว่า “ขอเป็นเงินสดเท่านั้น”


การนี้ ธนาพลมั่นใจว่าการยกกำลังจู่โจมจับกุมสุวิทย์ครั้งนี้ “ไม่มีใครในคณะรัฐประหารที่เป็นลูกศิษย์พุทธอิสระ ตั้งแต่ ประวิตร วงษ์สุวรรณ อนุพงษ์ เผ่าจินดา ประยุทธ์ จันทรโอชา ทราบเรื่องมาก่อน”
 
อีกทั้งการไม่ให้ประกันของศาลก็ผิดไปจากพฤติกรรมของศาลในคดีร้ายแรงที่เกี่ยวกับ กปปส. ที่ผ่านมา “ก่อนหน้านั้น ก็ได้รับการประกันทั้งสิ้น”

แม้นว่าการไม่ให้ประกันนี้สืบเนื่องมาจากคดีปลอมพระปรมาภิไธยรัชกาลที่ ๙ และสมเด็จพระราชินี พนักงานสอบสวนแจ้งข้อหาเพียง มาตรา ๒๕๐ และ ๒๕๒ โดยละเว้นมาตรา ๑๑๒ ซึ่งนายวิชัย ประเสริฐสุดสิริ ได้ร้องทุกข์แจ้งความไว้

ธนาพลรวมความนัยยะของปฏิบัติการจับสึกพุทธอิสระครั้งนี้ว่า “อำนาจอันแท้จริงหลุดจากมือ ประวิตร วงษ์สุวรรณ หรือคณะะรัฐประหารไปแล้ว”