วันเสาร์, มกราคม 20, 2561

ฮิวแมนไรท์วอทช์ ระบุคสช. "ไม่ได้ทำตามสัญญา" อำนาจของทหาร เด็ดขาด ไร้การตรวจสอบ ไร้คำอธิบาย



GETTY IMAGES


ฮิวแมนไรท์วอทช์ ระบุคสช. "ไม่ได้ทำตามสัญญา"


18 มกราคม 2018
ที่มา บีบีซีไทย


ส่วนหนึ่งของรายงานข่าว...


ฮิวแมนไรท์วอทช์ (Human Rights Watch) เปิดเผยรายงานประจำปี 2018 ความยาว 643 หน้า มีเนื้อหาทบทวนสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนในกว่า 90 ประเทศและดินแดน โดยประเทศไทยถูกระบุว่า ยังไม่มีการปกครองตามระบอบประชาธิปไตย รวมถึงขาดกระบวนการตรวจสอบอำนาจซึ่งกดขี่เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น และละเว้นโทษกับกรณีการละเมิดสิทธิมนุษยชน

เมื่อปี 2017 รัฐบาลคสช. ของไทยไม่ได้ทำตามสัญญาที่ให้ไว้หลายครั้งกับสหประชาชาติ และองค์กรอื่น ๆ ว่าจะเคารพสิทธิมนุษยชนและฟื้นคืนการปกครองตามระบอบประชาธิปไตย แม้รัฐบาลจะประกาศนโยบายแห่งชาติด้านสิทธิมนุษยชนเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา แต่ก็ไม่ได้ยุติการกดขี่เสรีภาพของพลเมืองและในทางการเมือง โดยยังคงสั่งจำคุกผู้ที่ไม่เห็นด้วย รวมถึงละเว้นโทษให้กับการทรมานและการละเมิดอื่น ๆ


อำนาจของทหาร เด็ดขาด ไร้การตรวจสอบ ไร้คำอธิบาย

มาตรา 44 ของรธน.ไทย ฉบับชั่วคราว พ.ศ. 2557 เปิดทางให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าคสช. สามารถใช้อำนาจซึ่งไม่มีข้อจำกัดได้โดยปราศจากการควบคุมและความรับผิดชอบ

ส่วนรธน. ซึ่งประกาศใช้เมื่อเดือนมีนาคม 2560 ยังคงรับรองความต่อเนื่องของอำนาจดังกล่าว ซึ่งทั้งคสช.และเจ้าหน้าที่รัฐซึ่งปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งของคสช. จะไม่มีความผิดจากการกระทำที่ละเมิดสิทธิ์

ถึงรัฐบาลทหารชุดนี้ประกาศว่าจะจัดการเลือกตั้งในเดือน พ.ย. ปีนี้ แต่สมาชิกวุฒิสภาที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง และองค์ประกอบอื่น ๆ ในรธน.ฉบับใหม่ ยังถือเป็นการปูรากฐานให้กับการกุมอำนาจของทหารต่อไป

เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น

องค์กรสื่อต้องเผชิญกับคำข่มขู่ การลงโทษ และการสั่งปิด หากเผยแพร่ความเห็นวิจารณ์รัฐบาลทหารและสถาบันพระมหากษัตริย์ หรือหยิบยกประเด็นใดก็ตามที่คสช. มองว่าอ่อนไหวต่อความมั่นคงของชาติ ซึ่งรวมถึงประเด็นการกดขี่เสรีภาพขั้นพื้นฐานด้วย



WASAWAT LUKHARANG/BBC THAIคำบรรยายภาพพีซทีวี สถานีโทรทัศน์ดาวเทียม ซึ่งเป็นแนวร่วมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เคยถูก กสทช. ระงับใบอนุญาตเป็นเวลา 30 วัน โดยอ้างเหตุนำเสนอข่าวกระทบความมั่นคง


องค์กรสื่อที่ไม่ให้ความร่วมมือ รวมถึงวอยซ์ทีวี วิทยุสปริงนิวส์ พีซทีวี และทีวีเทวนตีโฟร์ ได้ถูกสั่งระงับการออกอากาศไประยะหนึ่ง ในเดือนมีนาคม เมษายน สิงหาคม และพฤศจิกายนตามลำดับ โดยสถานีเหล่านี้ได้รับอนุญาตให้กลับมาแพร่ภาพกระจายเสียงได้อีกครั้ง หลังจากยอมตกลงเซนเซอร์ตัวเอง ไม่ว่าจะด้วยวิธีปลดผู้ดำเนินรายการที่นำเสนอความเห็นในเชิงวิจารณ์ หรือหลีกเลี่ยงการนำเสนอประเด็นการเมือง

การควบคุมตัวอย่างลับ ๆ โดยทหาร การทรมาน และศาลทหาร

ภายใต้คำสั่งคสช. ที่ 3/2558 และ 13/2559 เจ้าหน้าที่ทหารสามารถควบคุมตัวประชาชนในความผิดได้หลายกรณี โดยสามารถเก็บเป็นความลับ ไม่ต้องแจ้งข้อหานานเจ็ดวัน รวมถึงไม่ต้องให้เข้าถึงทนายความหรือการปกป้องใด ๆ จากการกระทำทารุณ

รัฐบาลใช้การควบคุมตัวโดยทหารเป็นประจำ และละเว้นโทษซึ่งเกิดจากการละเมิดในระหว่างการไต่สวน ภายใต้ปฏิบัติการปราบปรามเหตุก่อความไม่สงบ กับผู้ต้องสงสัยว่าเป็นสมาชิกกลุ่มแบ่งแยกดินแดนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้แก่ ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส

ในปี 2017 คสช. ปฏิเสธข้อเรียกร้องของกลุ่มสิทธิมนุษยชน ให้เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับผู้ที่ถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำทหาร และปฏิเสธข้อกล่าวหาโดยรวมว่าทหารไม่ได้ทรมานผู้ที่ถูกควบคุมตัว

รัฐบาลทหารไม่สั่งย้ายการดำเนินคดี 369 คดี (ในจำนวนนี้รวมถึงการดำเนินคดีกับพลเรือน 1,800 คน) จากศาลทหารไปยังศาลพลเรือน ตามข้อกำหนดในกฎหมายระหว่างประเทศ

คสช.ยังคงเรียกตัวสมาชิกพรรคเพื่อไทยซึ่งเป็นฝ่ายตรงข้าม และสมาชิก นปช. รวมถึงใครก็ตามที่ถูกกล่าวหาว่าต่อต้านการปกครองของทหาร ไป "ปรับทัศนคติ" ซึ่งผู้ที่ฝ่าฝืนคำสั่งโดยไม่ไปรายงานตัว ถือว่าเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา