วันจันทร์, พฤศจิกายน 20, 2560

โอ้วข่าวดี ปีหน้าเศรษฐกิจอาจจะฟื้นได้ (แต่ว่า)

โอ้วข่าวดี ปีหน้าเศรษฐกิจอาจจะฟื้นได้ นี่สื่อฝรั่ง บลูมเบิร์ก บอกนะ (แต่ว่า)

ไตรมาส ๓ ปีนี้จีดีพีโตถึง ๓.๘ เปอร์เซ็นต์ ดีที่สุดตั้งแต่ยึดอำนาจมาเมื่อ ๒๕๕๗ เพราะส่งออกเพิ่มถึงหลักสิบดีกว่าที่คาด และการท่องเที่ยวก็ทำท่าจะทำเงินตอนถึงปลายปี

ยูจีเนีย วิคตอริโอ นักเศรษฐศาสตร์ธนาคารออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ในสิงคโปร์ วิเคราะห์ “เราเริ่มรู้สึกมีหวังมากยิ่งขึ้นว่าการฟื้นตัว (ของเศรษฐกิจไทย) น่าชื่นชมกว่าที่เคยคิดไว้...

ถึงอย่างนั้นก็ยังมีที่ท้าทายมากอยู่ โดยเฉพาะในด้านความสามารถของรัฐบาลทหาร จะครอบให้การลงทุนภาคเอกชนกลับมาโตใหม่อีกได้ไหม ถ้าได้ละก็ จะจุดพลังงานให้เศรษฐกิจฟื้นแน่”


แต่...ถ้าเศรษฐกิจเริ่มฟื้นได้จริงต้นปีหน้า แล้วจะพอหรือทันการแก้ปัญหาหนี้สาธารณะพุ่งขึ้นไม่หยุดหย่อนไหมล่ะ โดยที่ขณะนี้งบประมาณขาดดุลแล้วกว่า ๑.๓๓ ล้านล้าน ซ้ำยังไม่มีทีท่าจะลดลง
 
ทั้งที่ “การขาดดุลของรัฐไม่ถือว่าเป็นเรื่องเสียหายมาก เมื่อเทียบกับการอยู่ดีกินดีของประชาชน แต่ต้องคำนึงถึงความคุ้มค่าและคุ้มทุน”

ตามตัวเลขขาดดุลงบประมาณจากปี ๒๕๕๙ เกือบสี่แสนล้านบาท พอปีนี้ (เข้าไตรมาสสุดท้ายแล้ว) กลับขาดดุลมากกว่าเดิมเกือบ ๕ แสนล้านครึ่ง เท่ากับเพิ่มจากปีที่แล้วถึง ๓๖.๙ เปอร์เซ็นต์

แม้รัฐบาล คสช. จะอ้างว่าการดุลนั้นเอาไปลงทุนสาธารณูปโภคและสนับสนุนคนจน แถมมั่นใจการคลังไทยแข็งปั๋งช้อปแหลกอย่างไรก็ยังไม่หมด หรือมีศักยภาพกู้เพิ่มเอามาอุดกระเป๋ารั่วได้อีกเยอะก็เอะ

แต่ข้ออ้างเหล่านี้ก็หนีไม่พ้น “จะสร้างหนี้ให้ลูกหลานในอนาคต และในส่วนของความคุ้มค่าที่ให้ประชาชนทุกภาคส่วน มันเป็นเช่นใด” ในเมื่อ “เรามีจำนวนคนจนเพิ่มขึ้น และรายได้ของครัวเรือน ๔๐% ที่มีรายได้น้อยที่สุด กลับมีรายได้ลดลงในยุคของ คสช.” นั่นคือจนแล้วจนอีก


แล้วไฉน สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ยังคุยแล้วคุยอีกอยู่นั่นว่า ปีหน้าจีดีพีจะเพิ่มเป็น ๔-๕ เปอร์เซ็นต์ เป็นนักเศรษฐศาสตร์สำนักเทพมีตาทิพย์มั้ง มองเห็นฟ้าใสจากใต้กะลาได้

ในเมื่อตัวเองก็รับว่าจีดีพีปลายปี ๖๐ น่าจะอยู่ที่ ๓.๘% ยังจะดันทุรังให้ “อย่างน้อยที่สุดหาก GDP ในปีนี้แตะ ๔% และรักษาเสถียรภาพให้มั่นคง จะทำให้ในปีหน้า GDP ต้องไปถึง ๔-%” จนได้

วาดฝันโครงการต่างๆ ‘e-payment’ (การธนาคารอีเล็คโทรนิค) เอย ต่อยอดประชารัฐเอย สร้างเครือข่าย บัตรคนจนที่มีเครือข่ายประชาชนเรียกร้องให้ยกเลิกเสียเถอะอยู่เดี๋ยวนี้ (https://news.thaipbs.or.th/content/267810) เอย

ยังจะมี โชห่วยไฮบริดและแตกหน่อ ธงฟ้า ซึ่งล้วนทำให้เจ้าสัวยิ้มแก้มปริ ไหนจะ อีอีซี-ระเบียงตะวันออกที่เพิ่งมีข่าวทุนต่างชาติไม่ค่อยกระตือรือล้นเอย ล้วนทำท่าจะ ฝันเปียกเสร็จสมแต่ในอารมณ์หมายไม่เสร็จจริงเสียละมาก


ไหนๆ รัฐบาลนี้ชอบมีคำถามโน่นนี่แล้วโดนประชาชนถามสวนเกือบทุกที ก็ขอถามบ้างว่า ไอ้ที่ฝันเปียกต่างๆ ไว้นี่ มีอะไร แบ็คอัพ หนุนหลังให้น่าเชื่อว่าจะมีทางเป็นจริงได้ ในเมื่อจะสี่ปีเข้านี่แล้วไม่เห็นมีอะไรสำเร็จให้เห็นบ้าง นอกจากแต่งกลอนแต่งเพลง

ง่ายๆ แค่เรื่องยางนั่นนะ ค้างคามาจากรัฐบาลที่แล้วเตรียมแก้ให้ได้โลละ ๘๐ บาท โดนพวก พรรคนักค้านสุมหัวนักปฏิรูปก่อนเลือกตั้งตีรวนจะเอา ๑๒๐ จนลามปามไปถึงกวักมือเรียก คสช. เข้ามา เสร็จแล้วเดี๋ยวนี้โลละ ๔๐ บาทยังหืดขึ้นคอ

พอชาวสวนยางนัดหมายกันไปหาหัวหน้าใหญ่เพื่อร้องเรียนเสนอแนะ ก็ถูกทหารประกบพาเข้าค่ายปรับทัศนคติเสียนี่ หาว่ามีเลศนัย รัฐบาลมีกลไกรับฟังอยู่แล้วผ่านศูนย์ดำรงธรรม เหตุใดต้องพยายามเดินขบวนเข้ากรุงเทพฯ กัน

 
ทำนองว่าเป็นการก่อหวอดทางการเมือง จนกระทั่งพรรคนักค้านนั่นเองที่ต้องออกมาโวยวาย ดังที่นายราเมศ รัตนะเชวง รองโฆษก และคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า

“เรื่องยางพาราราคาตกต่ำต่อเนื่องยาวนานกว่า ๓ ปี มีความเกี่ยวข้องกับความเดือดร้อนของครอบครัวชาวสวนยางพารา และปากท้องของสมาชิกในครอบครัวของประชาชน จะให้ชาวสวนยางอยู่นิ่งเฉยคงไม่ได้...

เคยส่งคณะอดีต ส.ส.ไปยื่นหนังสือร้องเรียน พร้อมแนวทางแก้ไขปัญหายาวพาราตกต่ำด้วยความสงบแล้ว ๒ ครั้ง แต่ก็ไม่ได้รับการแก้ไข...

และไม่ควรจับแกนนำชาวสวนยางไปกักในค่ายทหารเช่นที่ทำมา เพราะประชาชนไม่ใช่พลทหาร ที่รัฐบาล คสช.จะสั่งให้ทำอย่างไรก็ได้”


โถ ที่จริงก็เห็นใจอยู่หรอกนะ เคยแนบสนิทชิดชอบช่วยกันตั้งรัฐบาลในค่ายทหารมาแล้ว นึกว่าจะพูดกันได้  แล้วก็เครือข่ายของพรรคที่เรียกตัวเองว่า กปปส. อีกล่ะ ตัวประธานคนที่หนุนลุงตูบเป็นนายกฯ อยู่ยาว เคยออกมาขอราคาโลละ ๖๐ คสช. ให้ไม่ได้แถมให้ปลูกพืชอื่นแทน


เลยหันไปเป่าสากกันแทนหรือไร ปล่อยให้ชาวบ้านอย่างสาวหน้าตาจิ้มลิ้มรายหนึ่งต้องออกมาบ่นสำเนียงใต้ “คืนความสุขให้เธอประชาชน” คนฟังเป็นล้านอยู่นี่น่ะ