วันจันทร์, กันยายน 11, 2560

คสช. ป. ป๊อก โดน ‘กัด’ หนักจากเหลือง ความผิดหวังลึกๆ กำลังระอุ

น่าคิด ช่วงนี้ คสช. ป. ป๊อก โดน กัดหนักจาก หมาเฝ้าบ้าน ทั้งที่เป็นหนึ่งในสาม ป. ที่ค่อนข้างเงียบกว่าคนอื่นๆ ฤ จะเป็นเพราะเพิ่งถูกหมายตาเป็นผู้มีบารมีปล่อยยิ่งลักษณ์หนี

ฤๅ มิฉะนั้น พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา อาจจะเป็นกันชนตอนขาลงของสาม ป. (อย่างที่ลือกันอยู่ขณะนี้ แถมโดนศรีสุวรรณ จรรยา ยื่นฟ้องร้องเรียนอีกต่างหาก) เหมือนเสียงเล่าของค่ายผู้จัดการหลังจากเมื่อตอน สนธิ ลิ้มทองกุล ถูกลอบจู่โจมด้วยอาวุธสงคราม จนทำให้ตาเสียข้างหนึ่งกระทั่งบัดนี้

ท้าวความย้อนไปไม่ไกล เมื่อ ๘ กันยานี่เอง เพจปฏิบัติการณ์หมาเฝ้าบ้านเปิดโปงเอกสารลับ ว่า มท. ๑ อนุมัติให้ใช้ที่ดินป่าชุมชนแก่บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เคทีดี พร้อพเพอร์ตี้ ของตระกูล อยู่วิทยา เจ้าของ กระทิงแดง

สำนักข่าวอิศราคุ้ยข้อมูลออกมาแฉละเอียด ว่าบริษัทเคทีดีมีตระกูลอยู่วิทยาถือหุ้นกันเพียบ ทั้งสราวุฒิ จิรวัฒน์ นุชรี และสุทธิรัตน์ https://www.isranews.org/isranews-news/59415-news00_59415.html

(ยังจำกันได้นะ ตระกูลนี้มีลูกชายหัวแก้ว-มูลค่าหลายหมื่นล้าน-ซิ่งเฟอรารี่ชนนายดาบตำรวจตายแล้วหนี ไปใช้ชีวิตสุขสำราญต่างประเทศจนคดีหมดอายุความไปแล้วสองในสาม

แต่ตำรวจไทยมะงุมมะงาหรายังกะแสร้ง ออกหมายช้าหาคนแปลเป็นอังกฤษไม่ได้ ปล่อยลอยนวลเข้าออกประเทศตามพอใจ พอสำนักข่าวต่างประเทศท้วง ดันส่งเอกสารให้อินเตอร์โพลช้า เลยหมดอายุความสองคดีนั่นละ)

ที่ดินสาธารณะห้วยเม็ก อ.อุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น จำนวน ๓๑ ไร่ ๒ งาน ยกให้กลุ่มธุรกิจกระทิงแดงใช้กักเก็บน้ำสำหรับโรงงานอุตสาหกรรมผลิตน้ำดื่มและเครื่องดื่ม ด้วยหนังสือ มท. 0208.4/886 ของสำนักกฎหมายเสียด้วย

โดยใช้เหตุผลว่าที่สาธารณะประโยชน์แปลงดังกล่าว “ปัจจุบันมีสภาพแห้งแล้งไม่มีแหล่งน้ำธรรมชาติ ราษฎรไม่ได้ใช้ประโยชน์ร่วมกันแล้ว และไม่ได้เป็นพื้นที่รับน้ำในฤดูฝนแต่อย่างใด”

มิหนำซ้ำยังอ้างข้อ ๒๓ (๓) ในระเบียบมหาดไทยเกี่ยวกับการใช้ที่ นสล. เดียวกัน ที่อนุญาตให้ใช้ที่ดินแค่ ๑๐ ไร่ แต่เอาข้อยกเว้น “จะมีเหตุอันสมควร” มาอนุมัติให้ ๓๑ ไร่ ว่าเพราะ “อยู่กึ่งกลางในเขตประกอบการอุตสาหกรรมของบริษัทฯ และบริษัทฯ มีความจำเป็นต้องขยายกิจการ”

ทว่าหมาเฝ้าบ้านเขากัดไม่ปล่อย ไปขุดภาพถ่ายทั้งทางอากาศและภาคพื้นดินมาแฉ แหม่ แจ็คพ็อต กลับเป็นที่ไม่ได้แห้งแล้ง

กลายเป็นป่าชุมชนอนุรักษ์ไว้ให้ชาวบ้านใช้ประโยชน์เก็บของป่า เพราะเป็น “ทางน้ำป่าตามธรรมชาติ เชื่อมกับห้วยทรายไปลงน้ำพอง ห่างจากสปริงเวย์ของเขื่อนอุบลรัตน์” เพียง ๑ กิโลเมตร


ชัดแจ๋ว หนึ่งในตรีกริช สามง่ามสามแง่งของ คสช. นอกเหนือจากมั่นคงและยั่งยืน แล้วยัง มั่งคั่งด้วยการอุ้มทุนใหญ่คล้ายประชารัฐเอี่ยวไทยเบฟกับซีพี เรื่องนั้นโดนฝ่ายวิชาการเสื้อแดงแย้ง เรื่องนี้ฝ่ายปราบคอรัปชั่นเสื้อเหลืองซัดยับ

จะเป็นด้วยบังเอิญ หรือบังอรตั้งใจก็ไม่รู้ นักวิชาการแถบเหลืองออกมาจวก คสช. เรื่องยุทธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปี พอดีเหมือนกัน “ว่าแผนดังกล่าวมาจากฐานข้อมูลที่ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง

แผนยุทธศาสตร์ระบุว่าประเทศไทย ประชากรมีรายได้ปานกลาง ต้องยกระดับให้เป็นประเทศที่ประชากรมีรายได้สูง แต่ความจริงคือ ประเทศเราคนส่วนใหญ่ยังมีรายได้น้อยถึงน้อยมาก”


รศ.ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต คณบดีคณะพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ นิด้าแซะว่า “ตอนคำนวณ เขาเอาคนจนที่สุดไปบวกกับคนรวยที่สุด” แล้วหารค่าเฉลี่ย

“ปรากฏว่าประเทศไทยมันมีความเหลื่อมล้ำสูง เมื่อคุณเอา ๑ ไปบวก ๑๐๐ หาร ๒ มันก็ได้ ๕๐ เท่ากับอยู่ตรงกลาง เป็นรายได้ปานกลาง ไม่สนใจว่ามีคนจนกี่คน คนรวยกี่คน และใครเป็นคนส่วนมากที่ต้องเร่งช่วยเหลือ 

เพราะค่าที่ออกมาคือ ประเทศไทยคนมีรายได้ปานกลาง จากนี้ก็จะหาทางช่วยเหลือคนที่มีรายได้ปานกลางที่เชื่อว่าเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศให้มั่งคั่งมากขึ้นไปอีก แล้วก็ทอดทิ้งคนจน” อีกบริบททฤษฎี มั่งคั่ง ของ คสช.

ดร.พิชายสาธยายต่อว่า “แผนดังกล่าวหวังให้ไทยเป็นเลิศด้านวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี ตรงนี้ขัดแย้งกับนิสัยของคนไทย การพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์ คนไทยต้องมีเหตุผลเป็นที่ตั้ง มีความคิดสร้างสรรค์ กล้าเดินออกนอกกรอบ ทว่าคนไทยนั้นอุดมไปด้วยความเชื่อ (ลุ่มหลง) แล้วมันจะพัฒนาวิทยาศาสตร์ได้อย่างไร”


สำหรับฝ่ายวิชาการเหลืองอย่าง ทีดีอาร์ไอ ตอนนี้กำลังเชียร์ ไอดอลหวังว่าพรรคการเมืองในอุดมคติ คนดี-ของสูงจะมีโอกาศร่วมรัฐบาลอีกสักครั้ง ชนะเลือกตั้งด้วยไหมไม่สำคัญ

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์และอดีตนายกฯ นำคณะกรรมการนโยบายพรรคร่วมรับฟังการสัมมนาหัวข้อ ภาพอนาคตในปี ๒๐๓๕ ที่ดิน พลังงาน และน้ำประเทศไทย ที่โรงแแรมดิ เอมเมอรัล ถนนรัชดาฯ จัดโดยมูลนิธิสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ)

เพื่อรวบรวมข้อมูลกำหนดเป็นนโยบายพรรคสำหรับการเลือกตั้งครั้งหน้า โดยระบุว่านโยบายพรรคในครั้งหน้าจะต้องนำไปสู่ความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เกือบทุกด้าน



Thanapol Eawsakul ถามว่า “ทำไมนักวิชาการทีดีอาร์ไอจำนวนไม่น้อยถึงปลื้ม อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และพรรคประชาธิปัตย์” ก็มีคนรีบตอบให้ทันที Choosak Waeohongsa ชี้ว่า

การไม่ให้ความสำคัญกับ tdri แล้วใช้แนวทางนโยบายของพรรคเองจนประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ของทักษิ เป็นความเจ็บปวดของ tdri จนกลายเป็นบาดแผลฉกรรจ์

ส่วน Ken Srimonta ไปไกลกว่านั้น “คอยดูหลังงานใหญ่นะครับ เพราะตอนนี้ เหลืองคลั่ง เพื่อนๆ ผมเริ่มพูดกันหนาหู

...ทำไม ผู้หญิงทำงานหนัก ส่วนอีกคนสบายๆ ...ความผิดหวังลึกๆ กับการคาดหมายกับ คสช. กำลังระอุ...เก้าอี้ดนตรี นักร้อง ADEL ได้รับการยอมรับมากกว่า

โดยรวมเขาพูดถึงใครบ้างไม่รู้ รู้แต่ว่าความผิดหวังเกี่ยวกับ คสช. ไม่มีน้ำยา นั้นระอุจริงๆ 

การตีป๊อกกระทบ ๓ ป. จะไปได้แค่ไหน หรือเกิดแป้กหัวคิว (ภาษาสนุกเกอร์) มาได้แค่นี้เหมือนกรณียิงสนธิ ก็ไม่จำเป็นต้องลุ้น แค่ดูไว้ ใจเย็นๆ เดี๋ยวเห็นเอง