วันอาทิตย์, สิงหาคม 27, 2560

ตอนนี้ คสช. เจอ ‘เผือก’ ร้อนเข้าแล้ว ในความลำบากรากแตกที่จะตามมา อีกหนึ่งปีหรือสามปีข้างหน้า

พูดกันมากว่า คสช. อยากให้ ปูหนี แล้วก็ได้อย่าง สาแก่ใจแต่จะจริงอย่างนั้นไหม ก็คงต้องรอดูผลอีกอย่างน้อยเป็นปี เท่าที่เห็นตอนนี้ คสช. เจอ เผือกร้อนเข้าแล้ว

นายประมวล เอมเปีย รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า เป็นห่วงเรื่องความมั่นคง เพราะปกติตามหลักสากลคนที่เป็นอดีตผู้นำต้องมีการส่งเจ้าหน้าที่มาคอย รปภ. ถามว่ากรณีนี้ปล่อยให้หลบหนีไปได้อย่างไร

ส่วนนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรค ปชป. ไพล่ไปด่าประเทศเพื่อนบ้านแทน แต่ผลที่ออกมาก็คือ กระแทก คสช.

ใครพาคุณยิ่งลักษณ์หนี?...ทำไมประเทศเพื่อนบ้านยอมให้คุณยิ่งลักษณ์เข้าประเทศ และใช้สนามบินเพื่อหนีไปประเทศที่สาม ทั้งที่คุณยิ่งลักษณ์เป็นจำเลยคนสำคัญของไทย...

รัฐบาลต้องมีคำตอบชี้แจงให้สังคม...ถามว่าเมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น รัฐบาลไทยจะปล่อยให้เขาไม่ให้เกียรติเราเช่นนี้อีกหรือ


เอ้า ขออนุญาต เผือกหน่อย ตอบให้แทนรัฐบาลก็ได้ว่า ไม่เกี่ยวกันเลยที่รัฐบาลเพื่อนบ้านจะต้องมาคอยจับจ้องจับตาเพื่อจะจับกุม ใครก็ตามที่เป็นฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองของรัฐบาล คสช.

รองหัวหน้า ปชป. ทำเป็นเก่งแต่ไม่กล้า ด่าคราดกระทบควาย อย่างนี้ไม่ได้เรื่องหรอก แหม ที “ปิดสนามบิน ล้อมทำเนียบ ปิดหน่วยงานรัฐ ล้มเลือกตั้ง มือปืนป๊อบคอร์น ตัดน้ำตัดไฟ ฯลฯ ไม่มีความผิดเลย” (ยืมมาจาก @Badbadtzmaru83) ไม่เห็นบ่นบ้าง

อันข้อกังขาที่ว่า คสช. หลิ่วตาให้ยิ่งลักษณ์หนี แล้วตนเองจะได้ครองเมืองโดยง่าย เป็นที่ยอมรับไปทั่วแล้วละ กระทั่ง วาสนา นาน่วม และข่าวรอยเตอร์ยังตั้งสงสัยอย่างนั้น จะให้ดีฟังฝ่าย นปช. อธิบายง่ายกว่า

ถ้าศาลยกฟ้อง คสช.ต้องเจอกับความไม่พอใจจากผู้สนับสนุน ถ้าถูกตัดสินลงโทษ อุณหภูมิของคนรัก น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะสูงขึ้น ดังนั้นการที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่อยู่ คนที่โล่งใจที่สุดคือ คสช.นางธิดา ถาวรเศรษฐ ประธานที่ปรึกษากลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติให้ความเห็น

เรื่องเป็นใจให้หนีอาจจะไม่กระเทือนซาง คสช.เท่าไรนัก หรือเขย่าหนักแค่พักเดียวแล้วก็เงียบไป ลำพังพรรคการเมืองรอส้มหล่นอย่าง ปชป. ไม่มีน้ำยาคัดง้างอะไรกับทหาร กลัวว่าจะไม่ชวนไปตั้งรัฐบาลในค่าย ราบ ๑๑ อีกน่ะ


แต่เรื่อง บีบให้เธอต้องหนีนี่สิ จะพูดกันไปอีกนานในทางสากล ว่ากระบวนตุลาการไทยรับใช้อำนาจเผด็จการนั้นผิดผีผิดไข้เกินกว่าจะรับไว้ในประชาคมอารยะได้สะดวกใจ แล้วมันจะกระทบไปถึงความพยายามของรัฐบาล คสช. หรือแม้แต่รัฐบาลหน้าที่อาจจะมีอดีตหัวหน้า คสช. เป็นนายกฯ ในการสร้างประเทศไทย ๔.๐

ขอแยกแจกแจงทีละประเด็น กรณีตุลาการเกี่ยวก้อยเผด็จการเห็นกันชัดแล้วในคำตัดสินคดี จีทูจี

สั่งจำคุก นายภูมิ สาระผล อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ จำเลยที่หนึ่ง ๓๖ ปี นายบุญทรง (เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์) ๔๒ ปี นายมนัส สร้อยพลอย อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ๔๐ ปี นายทิฆัมพร นาทวรทัต ผู้อำนวยการสำนักบริหารการค้าข้าว ๓๒ ปี นายอัครพงศ์ ช่วยเกลี้ยง เลขานุการกรมการค้าต่างประเทศ ๒๔ ปี และนายอภิชาติ จันทร์สกุลพร หรือ เสี่ยเปี๋ยง ๔๘ ปี

โดยศาลเห็นว่าการทำสัญญาซื้อขายข้าวแบบจีทูจีกับวิสาหกิจจีน “มีข้อพิรุธในการทำสัญญาหลายแห่ง โดยศาลพบว่าการทำสัญญาไม่มีการแสดงหนังสือมอบอำนาจจากรัฐ...ถือเป็นการเปิดช่องทางให้มีการนำข้าวที่ซื้อแล้ว กลับมาเวียนขายในประเทศได้


เนี่ยนะ โดนกันไปคนละเกือบ ๕๐ ปีบ้าง ๔๐ กว่าปีบ้าง กว่า ๓๐ ปีบ้าง ถ้าหากน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อยู่รอรับคำพิพากษา มีต้องเจอคุก ๑๑๒ ปี อย่างที่มีคนแซะไว้หรือ

เช่นนี้ใครๆ ในสากลโลกอ่านออกใสแจ๋ว ระบอบตุลาการ ศาลไทย ห้ำหั่นจองล้าง ระบอบทักษิณและ ชินวัตรโหดเหี้ยมขนาดนี้เชียวหรือ อีกทั้งที่ปู่โสมนิติบริกร มีชัย ฤชุพันธุ์ wisecracked อวดกึ๋นกูรูกฎหมาย เรื่องที่มีทนายไปออกทีวีพูดว่า

ในกฎหมายระบุว่าไม่มีคดีทุจริตใดตัดสินจำคุกเกิน ๒๐ ปี ตนตกใจมาก...แต่นี่เป็นการ เรียงกระทงลงโทษ จึงโดนติดคุกหลายปี” นั้นนะ เชื่อว่าในประเทศอารยะเขาไม่คิดกันอย่างนี้

ต่างกรรมต่างเจตนา ก็อย่างหนึ่ง ใช้กฎหมายหลายฉบับเพื่อจัดการเก็บเหยื่อในหลายกระทง หรือเหตุการณ์เดียวกันแยกฟ้องหลายข้อหา แจกแจงแยกแยะให้มีผิดเยอะๆ แถวนี้เขาเรียกว่า เหี้ยม(เมื่อเติม ม.ม้า)

สำหรับประเด็น ความลำบากรากแตกของ คสช. และนายกฯ คนนอก ในการสร้าง ‘Thailandia quarto coma cero’ อย่างที่ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี “โวขอเวลา ๓ ปี พาไทยขึ้นเป็นประเทศแถวหน้าด้วยวิทยาศาสตร์” (http://www.thairath.co.th/content/1047607) นั้น

ดูจากที่ได้เวลามาแล้วสามปี ขืนให้เวลาอีก ๓ ปี ประเทศไทย ๔.๐ น่าจะได้ใช้ นิติวิทยาศาสตร์พิสูจน์ศพก่อนเผาจริงเสียละมากกว่า

ตัวอย่าง :เมื่อ ๒๓ สิงหาคมนี่เอง สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยออกแถลงการณ์ขอให้รัฐบาลเร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เนื่องจากดัชนีความเชื่อมั่นในภาคอุตสาหกรรม “ปรับตัวลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่สี่ เป็นผลจากความกังวลต่อการฟื้นตัวของการบริโภค โดยเฉพาะในส่วนภูมิภาค

ตัวเลขก็คือ ในเดือนกรกฎาคมอยู่ที่ระดับ ๘๓.๙ ลดลงจากอัตรา ๘๔.๗ เมื่อเดือนมิถุนายน นอกเหนือจากนั้น “ยอดขายปูนซิเมนต์ มิ.ย. ติดลบ .% เหตุฝนมาเร็ว-น้ำท่วม” และ “ส.อ.ท. หั่นเป้าผลิตรถยนต์เหลือ .๙๓ ล้านคัน


แน่ละในภาวะที่ถ้าหากยิ่งลักษณ์ยอมอยู่สู้ในคุกให้สะใจ ระบอบ ตลก.ศาลไทย เป็น ‘martyr’ เป็นซูจี อย่างที่ฝ่ายประชาธิปไตยบางส่วนแอบหวัง อีกหนึ่งปีหรือสามปีข้างหน้า คสช.อาจต้องกระสับกระส่ายหรือไม่ก็ต้องมือไม้พอง เพราะ เผือก มันร้อน

แม้แต่อาจเป็นแบบที่ วาสนา นาน่วม วิแคะเขี่ยไว้ ว่า “เกมนี้ยังไม่จบ แค่ปิดฉากภาคแรกแล้วเริ่มตอนใหม่ที่ทักษิณและยิ่งลักษณ์ไปชักใยอยู่ต่างประเทศ อันจะยิ่งทำให้ลุงตู่ขี้ฉุนเฉียวไปกว่าเดิม


ตามนั้น ใครว่า ปิดเกม ตอกฝาหีบ ‘end of an era’ หรือที่ วิทยา แก้วภราดัย หัวโจก กปปส. อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ “เชื่อว่าเรากำลังเดินก้าวข้ามระบอบทักษิณ” ได้แล้ว

อย่าเพิ่งตีอกชกลมไป ยิ่งลักษณ์ไม่ใช่ซูจี แต่อาจเป็น phoenix ก็ได้ ยังไม่มีใครรู้