วันอาทิตย์, พฤษภาคม 07, 2560

"การวิจารณ์ด้วยเหตุผลเป็นสิ่งจำเป็นต่อการพัฒนา"




ภาพจาก ผู้จัดการ

ที่มา

Suphalak Bumroongkit was feeling hopeful.


ผมเข้าจุฬาเมื่อ3ปีก่อน ปีที่98ของจุฬา
ได้เห็นปัญหาต่างๆมากมาย
ค่านิยม วัฒนธรรม ความเชื่อผิดๆ
(อาจจะเพราะโชคร้าย วันแรกเข้ามาก็เจอหอในที่แสนดี)
จนผมคิดว่า
“ นี่หรือ มหาวิทยาลัยอันดับ1ของไทย”

ผมได้พยายามจัดการกับปัญหาเหล่านั้น
เข้าไปมีส่วนร่วมกับองค์กรต่างๆหลายองค์กร
ไม่ว่าจะเป็น สโมสรนิสิต อบจ. หอใน ชมรมต่างๆ ค่ายจังหวัด CBA รวมไปถึงกลุ่มอิสระต่างๆ ฯลฯ
แต่ไม่สำเร็จ คนพวกนั้นไม่ยอมรับความคิดของผม
บ้างก็รับฟังบ้าง แต่ก็ไม่เกิดอะไรขึ้น
แต่บางที่ไม่สนใจเลยสักนิด
ด่าผม ใช้อำนาจกดขี ไล่ผมออก
นั่นเป็นเหตุผลที่หลายๆครั้งผมตั้งใจ”เท”งาน
ทำไมผมต้องทำในสิ่งที่ผมไม่ชอบ
ทำไมผมต้องทำในสิ่งที่แม้แต่ท่านก็อธิบายไม่ได้ ว่าทำไปทำไม
(แต่ยังไงผมก็รู้สึกผิด ต้องขอโทษด้วยจริงๆ)
ผมเสียใจ คิดจะซิ่วไปธรรมศาสตร์
ไปๆมาๆก็รู้ว่ามหาลัยในประเทศนี้ก็เหมือนๆกันแหละ
จนมีอาจารย์ท่านนึง บอกกับผมว่า
“อะไรที่มันไม่ดี พออยู่กับมันสักพักเดี๋ยวก็ชินเองแหละ”

3ปีผ่านไป จุฬา100ปี
ปัญหาที่เห็นก็ยังมีเหมือนเดิม
ไมไ่ด้รับการแก้ไขแต่อย่างใด
แม้จะมีส่วนน้อย ถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นประเด็นบ้าง
แต่ก็ถูกแก้ไขโดยเชิงระบบหรือทำให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นเท่านั้น
ปัญหาหลักๆก็ยังเหมือนเดิม

ถึงตอนนี้อยากให้ทุกท่านตั้งคำถามกับตัวเอง
ว่าสิ่งที่ไม่ชอบที่พบตลอดชีวิตมหา’ลัย
ถูกแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้าง
จุฬาเป็นเสาหลักของแผ่นดินจริงหรือ
จากนั้นลองจินตนาการว่า
ถ้าจุฬา200ปีแล้ว ยังเป็นแบบนี้อยู่ ท่านจะรู้สึกอย่างไร
รวมถึงประชาชนข้างนอกที่คาดหวังให้มหาวิทยาลัยเป็นแหล่งรวมความรู้
เป็นศูนย์กลางการพัฒนา เขาจะรู้สึกอย่างไร
ไม่ต้องเอาถึง200ปีหรอก
แค่ตอนนี้100ปี สิ่งเหล่านี้ก็ถือว่าล้าหลังในระดับสากลแล้ว
บางอย่างที่ท่านชอบ ท่านไม่เดือดร้อน
แต่คนอื่นเดือดร้อน มันยุติธรรมแล้วหรือไม่

และสุดท้ายอยากให้ทุกท่านเอาสิ่งเหล่านั้นมาบอกผมหรือบอกสภา
อาจจะรวมถึงที่มา วิธีแก้ไขด้วยก็ดี
จะเรื่องภายใน ภายนอก อะไรก็ตามแต่
ไม่ต้องกลัวว่าใครจะไม่เห็นด้วย ที่นี่เปิดรับคนเห็นต่างเสมอ
ความแตกต่างคือพลังของเรา
เรารับคนทุกประเภทตั้งแต่แรกแล้ว
ไม่เหมือนกับองค์กรข้างๆ
ที่หาเสียงแบบนี้มาหลายปี แต่ก็ยังทำแบบเดิม
แม้ผมจะมีอคติมากแค่ไหน(ฝั่งนั้นก็เช่นกัน) เราก็ต้องร่วมมือกัน
เพื่อเป้าหมายสูงสุด ในการพัฒนามหาวิทยาลัย ในการพัฒนาประเทศไทย
มนุษย์ควรใช้เหตุผลในการแก้ปัญหา ไม่ใช่อารมณ์หรือความรู้สึก

ผมไม่เคยได้รับตำแหน่งและกำลังใจมากขนาดนี้มาก่อนในชีวิต
อย่างที่บอก ผมคิดและทำอะไรไม่เหมือนชาวบ้าน
ผู้มีอำนาจซึ่งส่วนใหญ่อนุรักษ์นิยม จึงไม่ชอบ
ผมก็มนุษย์ธรรมดาคนหนึ่ง(แม้จะหน้าตาดีกว่ามนุษย์ธรรมดา)
การวิจารณ์ด้วยเหตุผลเป็นสิ่งจำเป็นต่อการพัฒนา
ไม่ว่าจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย
การอวยกันเอง การเลียผู้มีอำนาจ ไม่ช่วยอะไร
มีแต่จะทำให้ตกอยู่ในลูปเดิมๆ
ผมและเพื่อนๆ ก็ด่า(วิจารณ์ประสาคนกันเอง) Netiwit อยู่บ่อยๆ

ปีสุดท้ายในชีวิตมหาลัยของผม
พวกท่านมีอำนาจมาตลอด คราวนี้ตาของผมบ้าง
ถึงเวลาแล้วที่จะทำให้จุฬาก้าวหน้า
เริ่มศตวรรษใหม่
สลัดภาพที่คนนอกมองว่าอนุรักษ์นิยมออกไป
นโยบายผมก็แถลงในที่ประชุมไปแล้ว
(และมีอีกหลายอย่าง เวลา5นาทีพูดไม่หมดหรอก)
หากแต่มีเวลาเพียง1ปี อาจจะแก้ไข้ปัญหาที่สะสมมานานได้ไม่หมด
จึงต้องวางระบบ สร้างวัฒนธรรมขององค์กรนี้ให้ก้าวหน้า เพื่อรุ่นต่อๆไป
สภานิสิตจะต้องไม่แค่พิสูจน์อักษรตามโครง
โครงไหนเกิดประโยชน์แค่คนบางกลุ่ม ละเมิดสิทธิ ต้องไม่ให้ผ่าน
หากถูกแทรกแซง จากฝ่ายไหนก็ตามแต่ ก็ต้องออกแถลงการณ์ให้คนรับรู้
สภานิสิตต้องมีบทบาทเข้าหาประชาคมโลก
ร่วมมือกับองค์กรนิสิตทั้งในและต่างประเทศ
ในการพิทักษ์สิทธิ์ ส่งเสริมความรู้ด้านวิชาการ ด้านสังคม
และทำสิ่งที่องค์การบริหารไม่ทำ

จะสำเร็จหรือไม่นั้น ต้องขอความร่วมมือจากทุกภาคส่วน
ถ้าไม่เริ่มตอนนี้ จะเริ่มตอนไหน
คงไม่ใช่อีกร้อยปีแน่ๆล่ะ
หรือหากไม่สำเร็จจริงๆ อย่างน้อยก็ได้เริ่มต้น
ผมเชื่อว่าผู้สานต่อต้องตามมาอย่างแน่นอน

แล้วมาดูกันว่า จุฬาจะเปลี่ยนไปอย่างไร

“As long as you’re going to thinking anyway, think BIG.” - Donald J. Trump

ขอบคุณครับ :D

พี่เสก ศุภลักษณ์ บำรุงกิจ
รองประธานสภานิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 60

#สมแล้วที่เป็นมหาวิทยาลัยกำลังพัฒนา
#inaugurationspeech
#CU100
#SUCU

ปล.จะเปิดรับสมัครหัวหน้าฝ่ายต่างๆเร็วๆนี้ครับ
อยากทำอะไรมาบอกผมโดยตรงได้เลย
หรือบอกในเพจสภาได้ตั้งแต่ 1 มิ.ย. เป็นต้นไป(วันที่รับตำแหน่งแล้ว)
ผมไม่มีนโยบายชวนคนที่ไม่รู้จักมาทำงานด้วย
แล้วไล่ออกภายหลังหรอก เลยเปิดรีครูทตรงๆเพื่อให้โอกาสทุกคน
ปล2.ปกติ inauguration speech จะพูดในวันรับตำแหน่งของนักการเมือง
แต่ผมคงไม่รอ 1 มิ.ย. เพราะต้องเริ่มทำงานตั้งแต่ตอนนี้แล้ว

.....

ขอเป็นกำลังใจให้รองประธานคนที่ 1 และเพื่อนๆที่
ต้องการทำให้มหาวิทยาลัยของเราเปลี่ยนแปลงไปในทางดีขึ้น
การคิดต่างมีพื้นที่จริงๆ
ไม่ใช่แค่การพูดโฆษณาเท่านั้น
สภานิสิตชุดใหม่ของผมมีเจตนารมณ์อยากให้นิสิตได้มีส่วนร่วมในการเป็น change maker ของมหาวิทยาลัย
พวกเราจะก้าวเดินไปด้วยกันครับ ฝ่ามรสุมแห่งการปิดกั้นและวัฒนธรรมองค์กรแบบเก่า และเหล่าผู้มีอำนาจใจแคบและโลกแคบ
ไม่ใช่เวลานี้แล้วจะเวลาไหนที่คนรุ่นใหม่จะใช้เหตุผล และผลักดันกันและกันให้
สังคมของเราที่กำลังย่ำแย่ ป่วยจากโรคดัดจริตไม่รับความจริง ให้ดีขึ้น


Netiwit Chotiphatphaisal