วันจันทร์, พฤษภาคม 01, 2560

อีกหนึ่งผลงานอัปยศในยุค คสช. ครองเมือง สอบเสร็จแล้ว!! เหตุผล 7 สนช. มนุษย์ล่องหนขาดประชุม ฟังขึ้น!!





สอบเสร็จแล้ว!! เหตุผล 7 สนช.ขาดประชุม ฟังขึ้น!!


ที่มา คมชัดลึก

"พีระศักดิ์”เผยสอบจริยธรรม 7 สนช. ขาดประชุมเสร็จแล้ว

30 เม.ย.60 - นายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)ในฐานะประธานคณะกรรมการจริยธรรมสนช. ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการตรวจสอบ 7 สนช.ขาดประชุม ว่า ขณะนี้ทางอนุกรรมการตรวจสอบจริยธรรมได้สรุปผลการตรวจสอบแล้ว และเตรียมเข้าสู่คณะกรรมการจริยธรรมชุดใหญ่เร็วๆนี้ ตามกรอบเวลา 60 วันตั้งแต่รับเรื่อง ซึ่งผลการพิจารณานั้นตนยังไม่ทราบว่าสรุปอย่างไร แต่ตามขั้นตอนแล้วถ้าสรุปว่าทั้ง 7 สนช.มีพฤติกรรมผิดจริยธรรมก็ต้องนำเข้าที่ประชุมสนช.พิจารณาแต่ถ้าผลสอบออกมาว่าไม่ผิดจริยธรรมก็เพียงแจ้งให้ประธานสนช.รับทราบเท่านั้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับผลสอบของคณะอนุกรรมการฯนั้นจะเป็นเพียงการตรวจสอบการขาดประชุมของ 7 สนช. โดยมีการเชิญ 7 สนช.มาให้ข้อมูลว่า ที่ขาดการประชุมนั้นมีเหตุผลอะไร จำเป็น และสำคัญมากน้อยแค่ไหนถึงต้องมีการลาประชุมหลายครั้ง โดยส่วนใหญ่ที่ให้ข้อมูลเป็นการลาเพื่อไปปฏิบัติภาระกิจของหน่วยงานของตนเองที่ไม่สามารถมอบหมายให้ใครไปปฏิบัติหน้าที่แทนได้ เนื่องจากแต่ละคนดำรงตำแหน่งสำคัญหรือสูงสุดของหน่วยงานนั้นๆ ซึ่งอนุกรรมการมองว่าเหตุที่สนช.ชี้แจงนั้นเป็นเหตุผลที่ฟังขึ้น อย่างไรก็ตามผลสอบนี้ก็ขึ้นอยู่กับคณะกรรมการสอบจริยธรรมสนช.จะเห็นด้วยหรือไม่

สำหรับ สนช. 7 ราย ที่ถูกตรวจสอบประกอบด้วย พลเรือเอก พัลลภ ตมิศานนท์ อดีตเสนาธิการทหารเรือ, นายสมศักดิ์ โชติรัตนะศิริ ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ, นายดิศทัต โหตระกิตย์ เลขาธิการกฤษฎีกา, นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรม, พลเอกปรีชา จันทร์โอชา อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม, พลเอกจอม รุ่งสว่าง ผู้บัญชาการทหารอากาศ และพลเรือเอกณะ อารีนิจ ผู้บัญชาการทหารเรือ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง “พรเพชร” ยัน 7 สนช.ทำงานแข็งขัน วอนรอผลสอบ ลั่นไม่ได้อนุมัติให้ลาประชุมง่ายๆ (อ่านต่อ...)

ooo


ข้อสังเกตสั้นๆ ต่อเนื้อหาในข่าวชิ้นนี้

1. องค์กรทั่วไป ไม่ว่ารัฐหรือเอกชน ถ้าคนไม่มาทำงาน 90%+ ของเวลางานทั้งหมดในแต่ละปี ไม่จำเป็นต้องตั้งสอบจริยธรรมอะไรแล้ว แต่จะ "ให้ออก" สถานเดียว (จริงๆ จะไม่รอให้ขาดงาน 90%+ ด้วยซ้ำ 55)

2. ในเมื่อ สนช. แถตั้งคณะกรรมการมาสอบ ไม่เชิญ สนช. เหล่านี้ออก ก็แสดงว่าไม่แคร์หลักการที่ถูกต้องอยู่แล้ว ผลสอบของคณะกรรมการที่ว่า เหตุผลการขาดประชุมนั้น "ฟังขึ้น" (งานของ สนช. ก็คือการเข้าประชุม สนช. ที่ขาดประชุมทุกคนอ้างว่า ต้องทำงานในหน่วยงานต้นสังกัดจึงมาประชุมไม่ได้) จึงไม่น่าแปลกใจ

แต่เรื่องนี้ก็ชี้ให้เห็นว่า นี่เป็นผลพวงของการยอมให้เกิดผลประโยชน์ทับซ้อนรุนแรงตั้งแต่ต้น คือยอมให้ สมาชิก สนช. "ทำงานประจำ" ของตัวเอง ควบคู่ไปกับตำแหน่ง สนช. ได้ ใครเป็นนักธุรกิจก็ทำธุรกิจต่อไป ใครเป็นข้าราชการหรือนายพลก็บัญชาการต่อไป รับเงินเดือนทั้งสองทาง

เรื่องนี้เคยให้ความเห็นไว้ตั้งแต่ตอนที่มี สนช. ใหม่ๆ แล้วว่า ไม่ถูกต้อง ไม่ควรทำ และละเมิดหลักป้องกันผลประโยชน์ทับซ้อนขั้นพื้นฐาน ใครอยากจะมา "ช่วยชาติ" โดยทำงาน สนช. ก็ควรจะ "ลาออก" หรือพักงานชั่วคราวจากต้นสังกัดให้เรียบร้อย

แต่ก็อย่างว่า คสช. และ สนช. แสดงท่าทีที่ชัดเจนมาหลายกรณีแล้วว่า มีมาตรฐานการใช้ คำว่า "จริยธรรม" "ผลประโยชน์ทับซ้อน" และ "คอร์รัปชั่น" กับพวกตัวเองที่แตกต่างสุดกู่เมื่อเทียบกับตอนด่านักการเมือง

3. สภาบ้านไหนเมืองไหนที่ทำเป็นไก๋ไม่เข้าใจข้อ 1. และ 2. ที่ว่า ไม่ควรมีอำนาจออกมาตรฐานจริยธรรมเพื่อกำกับนักการเมือง (เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ที่นักการเมืองจะเข้าสภามาใหม่) เพราะได้แสดงให้เห็นแล้วว่าต่อมจริยธรรมของตัวเองบกพร่องเพียงใด



Sarinee Achavanuntakul - สฤณี อาชวานันทกุล


...


Tomi Gumao Reapae - เห็นด้วยกับความคิดเห็นนี้เป็นที่สุด ตรงที่สุด จะออกกฎหมาย จะออกกฎจริยธรรม มาบังคับใช้กับคนอื่น จะใช้สิทธิ์ ในการพิจารณาคนอื่น ทั้งทางกฎหมายและจริยธรรม แต่ตัวตนของตัวเอง ยังขาดทั้งวินัย และจริยธรรม ขาดความซื่อสัตย์ต่อตนเอง และองค์กร ใช้หลักการทำงานสองมาตรฐาน จะมาตัดสินใจ ตัดสินความผิดชอบชั่วดีให้คนอื่นได้อย่างไร..... ถ้าจะหน้าด้านขนาดนั้นก็ไม่เป็นไร ขอให้ ปชช ขรก นักการเมือง นักธุรกิจ จารึกชื่อบุคคลที่หน้ามึน ไม่มียางพวกนี้ไว้ในประวัติศาสตร์ ถึงลูกถึงหลาน เอากรณีนี้ทำแผ่นทองแดงติดไว้เป็นอนุสาวรีย์ หน้าห้องประชุมสภาฯ สืบไป

ooo