วันพุธ, พฤษภาคม 31, 2560

จุ๊ จุ๊ อย่าบอกใคร... ข้าวหายเน่าแล้ว ประยุทธ์ยิ้ม 3 ปีระบายข้าว 13 ล้านตันมูลค่ากว่าแสนล้าน!!!



ถ้ามีข้าวเสื่อมคุณภาพ ข้าวเน่า และข้าวหายมากขนาดที่เคยให้ข่าวกันเอาไว้ ทำไมวันนี้ถึงสามารถระบายข้าวในสต็อกของรัฐ ออกไปได้แล้วถึง 13 ล้านตัน มูลค่ากว่า 1 แสนล้านบาท และยังมีความพยายามจะระบายให้หมดอีกด้วย หรือว่าข้าวดังกล่าวไม่ได้เสื่อมสภาพ ไม่ได้เน่า ไม่ได้หาย??? 



ข้าวหายเน่าแล้ว??? ประยุทธ์ยิ้ม 3 ปีระบายข้าว 13 ล้านตันมูลค่ากว่าแสนล้าน!!!


BY SARA BAD
ON MAY 31, 2017
ที่มา ISPACE Thailand


ห่างหายไปนานกับเรื่องการระบายข้าว ล่าสุดก็มีข่าวที่น่าสนใจออกมาอีกครั้ง คราวนี้เป็นเรื่องราวที่ออกมาจากปากของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช.เสียเองด้วย

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “การค้าข้าวไทยและทิศทางในอนาคต” ในการเป็นประธานในพิธีเปิดการประชุม “Thailand Rice Convention 2017” ใจความตอนหนึ่งระบุว่า ในช่วง2-3ปีที่ผ่านมา เรามีปัญหามากมาย ทำให้การผลิตข้าวในแต่ละปีมีมากบ้างน้อยบ้าง ต้องมีการเก็บสำรองไว้บ้างเราจึงจำเป็นต้องมีหลายมาตรการในการให้ความสำคัญทั้งในความต้องการและการผลิต ถือเป็นเรื่องสำคัญเพราะถ้าเรามุ่งหวังแต่เพียงผลิตให้มากเพื่อส่งออกก็เป็นไปไม่ได้ เพราะเรามีการแข่งขันกันทั่วโลก จึงต้องมาคิดว่าทำอย่างไรเพื่อให้เกิดความสมดุลระหว่างกัน





“รัฐบาลให้ความสำคัญกับเรื่องข้าวอย่างมาก ซึ่งเรื่องการสำรองข้าวนั้น ประเทศไทยต้องการที่จะแก้ไขข้าวที่อยู่ในสต๊อกของรัฐเป็นอันดับแรก มีการวางกรอบยุทธศาสตร์การระบายข้าวอย่างต่อเนื่อง ทำให้สามารถระบายข้าวในส่วนนี้ออกไปได้ ซึ่งเรามีทั้งหมดอยู่ 18,000,000 ตัน เป็นกลไกสำคัญที่ทำให้กดทับตลาดอยู่ ทำให้รัฐบาลต้องแบกรับภาระเก็บรักษาเดือนละกว่า 1,000 ล้านบาท ผลการดำเนินการในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เราสามารถระบายได้จำนวน 13ล้านตัน มูลค่า 100,000 กว่าล้านบาท ถึงรัฐบาลตั้งใจจะระบายทั้งหมดแต่จะต้องไม่มีผลกระทบ ถือเป็นการลดค่าใช้จ่าย เพื่อให้ตลาดข้าวลงมาสู่ภาวะปกติให้ได้โดยเร็ว เกษตรกรไม่ต้องกังวลรัฐบาลจะทำให้ดีที่สุด” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

จากคำพูดของ พล.อ.ประยุทธ์ นั้นก็ตรงกับรายงานการปิดบัญชีจำนำข้าว ที่ระบุว่านับตั้งแต่รัฐบาลคสช.เข้ามาบริหารประเทศในปี 2557 นั้นมีข้าวคงเหลือในสต็อกของรัฐบาลจำนวนประมาณ 18 ล้านตัน ซึ่งในช่วงเวลา 3 ปีมานี้รัฐบาลคสช. ไม่ได้มีการจัดทำโครงการรับจำนำข้าวเพิ่มเติม ข้าวที่มีในสต็อกของรัฐบาลจึงมีที่มาจากข้าวในส่วนของโครงการรับจำนำข้าวในสมัยรัฐบาลพรรคเพื่อไทยนั่นเอง





สิ่งที่น่าสนใจไปกว่าเรื่องจำนวนข้าวในสต็อกของรัฐก็คือ ผลงานที่ พล.อ.ประยุทธ์ ภาคภูมิใจว่ารัฐบาลคสช. ใช้เวลา 2-3 ปี มานี้ระบายข้าวในสต็อกของรัฐบาลออกไปได้แล้วถึง 13 ล้านตัน มูลค่ากว่า 1 แสนล้านบาท เพราะหากจำกันได้ นับตั้งแต่มีการโจมตีโครงการรับจำนำข้าวนั้น มีแต่กระแสข่าวเรื่องข้าวเน่า ข้าวเสื่อมสภาพ และข้าวหายมาโดยตลอด แม้แต่เมื่อมีการรัฐประหาร มีการเข้าไปตรวจสอบสภาพข้าวในเบื้อต้นก็ยังคงมีข่าวว่าข้าวส่วนใหญ่ในสต็อกของรัฐนั้นเสื่อมสภาพ เป็นข้าวเน่ามาโดยตลอด





ยกตัวอย่างเช่น นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ ปลัดกระทรวงการคลัง(ในขณะนั้น) เปิดเผยในวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2558 ว่า เหลือข้าวในสต็อกโกดังของรัฐบาลมีจำนวน 17.5 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่าทางบัญชีประมาณ 2.3 แสนล้านบาท สำหรับจำนวนสต็อกข้าวในโกดังที่คงเหลือ 17.5 ล้านตันดังกล่าว ทางคณะกรรมการที่ตรวจนับรายงานว่า มีข้าวที่ผ่านเกณฑ์หรือคุณภาพยังดีอยู่เพียง 2.9 ล้านตัน ส่วนที่เหลือเป็นข้าวที่คุณภาพต่ำและไม่ตรงชนิด ที่เคยรายงานไว้ นอกจากนี้ ยังมีสต็อกข้าวที่ไม่สามารถตรวจนับได้ หรือที่เรียกว่า ข้าวกองล้ม เช่น กระสอบแตกเสียหาย มีจำนวนประมาณ 4.25 แสนตัน ซึ่งในทางบัญชีถือว่า ยังเป็นข้าวที่มีคุณภาพดี ส่วนข้าวที่คุณภาพแย่หรือข้าวเน่านั้น ประเมินว่า มีอยู่จำนวนประมาณ 8 แสนตัน ในส่วนนี้ จะได้มีการพิจารณาว่า จะดำเนินการอย่างไรต่อไปกับข้าวดังกล่าว





คำถามก็คือถ้ามีข้าวเสื่อมคุณภาพ ข้าวเน่า และข้าวหายมากขนาดที่เคยให้ข่าวกันเอาไว้ ทำไมวันนี้ถึงสามารถระบายข้าวในสต็อกของรัฐ ออกไปได้แล้วถึง 13 ล้านตัน มูลค่ากว่า 1 แสนล้านบาท และยังมีความพยายามจะระบายให้หมดอีกด้วย หรือว่าข้าวดังกล่าวไม่ได้เสื่อมสภาพ ไม่ได้เน่า ไม่ได้หาย??? เพราะคงไม่มีใครยอมซื้อข้าวเสื่อมสภาพ หรือข้าวเน่า ไปในปริมาณและมูลค่าสูงขนาดนี้แน่ๆ





นอกจากนี้ในปัจจุบันได้มีการดำเนินคดีกับอดีตนักการเมืองหลายคนที่เกี่ยวข้องกับโครงการจำนำข้าว เช่น การออกคำสั่งทางปกครองให้เรียกค่าเสียหายจากโครงการจำนำข้าวกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ เป็นเงินกว่า 35,000 ล้านบาท ความเสียหายทางบัญชีที่เกิดขึ้นในโครงการจำนำข้าวได้มีการเอาเงินที่ได้จากการระบายข้าวดังกล่าวไปหักลบแล้วหรือยัง???

Reference

http://www.springnews.co.th/th/2017/05/45733/
http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/636467