วันศุกร์, เมษายน 21, 2560

ประชาชนไทยพร้อมไหมกับการย้อนยุคการปกครองไปสู่สถานะก่อนปี ๒๔๗๕

บอกแล้วว่าฝีมือ สนช. ลิ่วล้อ คสช. ว่องไวปานกามนิตหนุ่ม ชั่วโมงเดียวผ่านร่างกฎหมายการเงินให้แก่นาย ๓ วาระรวด เกือบหมื่นสองพันล้าน

เมื่อ ๒๐ เมษา ที่ประชุมสภานิติบัญญัติพิจารณา พ.ร.บ. โอนงบประมาณรายจ่ายประจำปี ๒๕๖๐ หลายกระทรวงเข้าไปใส่งบกลาง “รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น

วงเงินทั้งสิ้นคราวนี้ ๑๑,๘๑๖,๕๑๒,๓๐๐ บาท โดยมีกระทรวงหลักๆ ที่โดนโอนหนักกว่าเพื่อน ๓ แห่งคือ ศึกษาฯ มหาดไทย และสาธารณสุข พันล้าน ห้าร้อยล้าน และสี่ร้อยล้านตามลำดับ ส่วนกลาโหมเบาะๆ แค่เกือบ ๕๖ ล้าน


งบกลางนี่เป็นที่รู้กันว่าเหมือนเงินสดติดกระเป๋าให้รัฐบาล อยากควักจ่ายเมื่อไรได้ทันใจ รัฐบาลที่มาจากการรัฐประหารชอบใช้ สมัยสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ใช้เป็นว่าเล่นจนกระฉอกไปชะโลมอ่างศิลาให้พวกอนุ ขะม้าแดงได้ชื่นฉ่ำกัน

แต่ในยุค คสช. นี่ ทั่นรองฯ ฝ่ายกฎหมาย วิษณุ เครืองาม อธิบายว่า “จะทำให้การเบิกจ่ายงบประมาณเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น” และ “มีผลต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศมากขึ้น” ด้วย

ก็เอิ่ม ไม่รู้เกี่ยวกับการแถลงของกระทรวงคลังหรือเปล่าที่ว่า ปีนี้ ๕ เดือนที่ผ่านมาจัดเก็บรายได้จากภาษีสรรพากรต่ำกว่าประมาณการไปหน่อย “จัดเก็บรายได้รวม .๑๖ แสนล้านบาท ต่ำกว่าประมาณการ . พันล้านบาท หรือ .%


โดยเฉพาะภาษีมูลค่าเพิ่มที่รู้จักกันในนาม แว้ทต่ำกว่าเป้า ๑.๐๘ หมื่นล้าน

คงทราบกันแล้วนะว่า ภาษีแว้ทนี้ เป็นรายได้หลักของรัฐบาล มากกว่ารายได้ด้านอื่นๆ ที่พวกสลิ่มชาวกรุงในเมืองเคยหลงมโนผิดๆ ว่าภาษีเงินได้ส่วนบุคคลที่พวกตนจ่ายรายปีเป็นหลักใหญ่กว่า เลยอ้างว่าชาวบ้านนอกเมืองรายได้น้อยไม่ควรได้สิทธิออกเสียงเท่าพวกตน

ผลงานของ สนช. แบบฉับไวอีกอย่างเป็นการผ่านร่างกฎหมายระเบียบบริหารราชการในพระองค์ ผ่านการลงมติในฐานะเรื่องด่วนที่ต้องแซงหน้านำขึ้นพิจารณาก่อน พรบ.โอนเงินเข้างบกลาง พรบ.ยุทธศาสตร์ชาติ และ พรบ. ปฏิรูปประเทศ

กฎหมายเกี่ยวกับราชการในพระองค์นี้ ทั่นรองฯ วิษณุอีกน่ะแหละ ขอให้เป็นการพิจารณาลับ ห้ามแถลงข่าว ห้ามเปิดเผยรายละเอียด แต่ก็แพร่งพรายออกมาหน่อยหนึ่งว่า เป็นการปรับหน่วยงานของวังให้มีฐานะมั่นคงตามรัฐธรรมนูญ

โดยโอน ๖ หน่วยงานไปรวมกับสามหน่วยงานหลัก คือ สำนักราชเลขาธิการพระราชวัง หน่วยบัญชาการรักษาความปลอดภัยแก่พระองค์ และสำนักองคมนตรี

ซึ่งการพิจารณาร่างพ.ร.บ.ดังกล่าวได้ตั้งกรรมาธิการเต็มสภาและได้ผ่านความเห็นชอบ วาระรวด โดยใช้เวลา ชั่วโมง


ผลก็คือ เป็นการตอกย้ำว่าราชาธิปไตยได้ประดิษฐานมั่นคงทั้งในรัฐธรรมนูญ ๒๕๕๙ และในกฎหมายลูก สำหรับการเปลี่ยนรัชกาล ในยุค คสช.กุมอำนาจตลอดช่วงเวลาของการเปลี่ยนผ่าน

อันทำให้ระบอบปกครองของไทยที่เรียกว่า ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขนั้นน่าจะมีความหมายแท้จริงว่า ระบบรัฐธรรมนูญอันมีราชาธิปไตยเป็นสรณะเสียยิ่งกว่า

การหายไปของหมุดคณะราษฎร และมีหมุดหน้าใสมาแทนที่ ได้รับการวิเคราะห์วิพากษ์ในบางภาคส่วนของประชากรว่า เป็นการตัดไม้ข่มนามให้กับรัชกาลใหม่ และลบล้างอาถรรพ์ของการปฏิวัติ ๒๔๗๕ ซึ่งทำให้สถาบันกษัตริย์อยู่ใต้รัฐธรรมนูญ

ภาพพิธีการบวงสรวงบริเวณหน้าพระรูปทรงม้าเมื่อกลางดึกวันที่ ๔ เมษายน ขณะเปลี่ยนผ่านเวลาหลังเที่ยงคืนเข้าสู่วันใหม่ที่ ๕ เมษายน โดยบริเวณใกล้เคียงที่ตั้งหมุดเดิมของคณะราษฎรปกคลุมด้วยเต๊น สันนิษฐานว่ามีปฏิบัติการถอดหมุดออกอยู่ขณะนั้น

เป็นการยืนยันถึงช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนผ่านประเทศไทย จากระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขภายใต้รัฐธรรมนูญ และเหนือการเมือง (แม้จะแทรกแซงได้ด้วยพระราชดำรัสส่วนพระองค์)

บัดนี้กำลังเข้าสู่การปกครองที่รัฐธรรมนูญมอบให้รัฐสภา อันเป็นส่วนผสมจากการสรรหาและเลือกตั้ง เป็นผู้กำหนดรัฐบาล ที่จักต้องดำเนินนโยบายตามยุทธศาสตร์ซึ่งคณะทหาร คสช. ตราไว้

และองค์พระประมุขทรงมีเอกเทศในการบริหารจัดการสำนักราชวัง กองกำลังรักษาพระองค์ และราชกรณียกิจเกี่ยวกับรัฐ อันรวมถึงการวีโต้ร่างกฎหมายด้วยการไม่พระราชทานคืนภายใน ๙๐ วัน หรือทรงมีพระราชวินิจฉัยโดยตรงเป็นข้อแม้การลงพระปรมาภิไธย

ประชาชนไทยพร้อมไหมกับการย้อนยุคการปกครองไปสู่สถานะก่อนปี ๒๔๗๕ ด้วยการกลับไปหาแบบแผนดั้งเดิม เพื่อประชดค่านิยม (ประชาธิปไตย) ตะวันตก และเคลิบเคลิ้มกับกุศโลบายของตะวันออก

ในสังคมตะวันตกใช่ว่าจะละทิ้งของเก่าไปเสียหมด เขาชื่นชมและนำอดีตมาสู่ปัจจุบันผ่านศัพท์ ๒ คำ คือ nostalgia กับ gentrification

คำแรกหมายถึงการ รำลึกความสุขและสิ่งประทับใจในอดีต โดยไม่ต้องกลับไปใช้ชีวิตแบบนั้นเพราะมันเข้ากันไม่ได้กับปัจจุบัน ส่วนคำหลังเป็นการปรับปรุงของเก่าให้ทันสมัย สวยงามและใช้การได้ดีกับสภาพปัจจุบัน โดยที่ไม่เปลี่ยนรูปพรรณจากเดิม


จะเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือปรับใช้ทั้งสองทางพร้อมกันก็ได้ แต่ไม่ใช่กลับไปหาของเดิมชนิดผ่าน time machine เพราะนั่นไว้เพื่อ เล่น โดยนักแสดงเท่านั้น คนอื่นๆ แค่หาความสำราญจากการชม