วันอาทิตย์, เมษายน 23, 2560

สภาพอย่างนี้ใช่แน่ ‘แบ่งแยก’ อาจไม่ถึง ‘แตก’ แต่ปกครองง่าย

เรื่องของโพล ยลตามช่อง คมชัดลึกชื่นชอบเพราะปราบคอรัปชั่นจริงจัง มติชนว่ารุมเร้าเพราะทุจริตคอรัปชั่นพุ่ง โพสต์ทูเดย์บอกชอบเท่าเดิมเกือบ ๔๕ เปอร์เซ็นต์

ยกตัวอย่างสื่อสายหลัก ๓ แหล่ง รายงานข่าวเดียวกัน โพลเดียวกัน ของ ดุสิตเจ้าประจำ หัวข้อ “รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ในสายตาประชาชน” ที่พาดหัวคนละทาง แต่ดูเหมือนคนอ่านจะไม่งง เพราะแบ่งกันเสพ แยกกันอ่าน สื่อใครสื่อมัน

ส่วนสื่อต่างประเทศก็เป็นอีกเรื่อง สิ่งแปลกๆ เกี่ยวกับไตแลนเดียมีเยอะ รับรู้กันแต่ในหมู่ต่างชาติ เพราะคนไทยในประเทศไม่ได้รับ บ้างไม่ให้รับ บ้างรับไม่ได้ก็เลยไม่ยอมรับ

สภาพอย่างนี้ใช่แน่ แบ่งแยก อาจไม่ถึง แตกแต่ปกครองง่าย ทฤษฎีรัฐศาสตร์ ๑๐๑ เบื้องต้นใครก็รู้ แต่ชาวไตไม่ยอมรู้ ยึดมั่นความเสรีที่จะไม่ยอมรับซึ่งกันและกัน แต่ยอมสยบให้กับผู้ยิ่งใหญ่ เหมือน ฝุ่นที่ยามสงบก็ราบคาบ เมื่อถูกแรงเป่าเข้าก็คลุ้ง

๒๓ เมษา มหาวิทยาลัยดุสิตแจ้งผลสำรวจความเห็นประชาชน ๑,๑๑๙ คน ซึ่งโพสต์ทูเดย์และคมชัดลึกเสนอรายงานในเนื้อหาเดียวกัน แต่ คมชัดลึก -ค่ายเนชั่น เลือกที่จะโปรยหัวนำร่องว่า

ปชช. กว่า ๗๔ % ไม่ชอบ รบ.ประยุทธ์เพราะ ศก.ตก ทำให้อยู่ยากลำบาก แต่กว่า ๗๐ % ชื่นชอบเพราะเหตุปราบปรามคอรัปชั่นจริงจัง


ส่วน โพสต์ทูเดย์ -ค่ายโพสต์พับลิสชิ่ง “ชี้คน ๔๔.๗๗% นิยมชมชอบรัฐบาลเท่าเดิม  เพราะมั่นใจนายกฯสามารถควบคุมสถานการณ์และแก้ไขปัญหาต่างๆได้


เนื้อหาในโพลมี ๔ ประเด็นเดียวกัน เริ่มด้วยอะไรทำให้คนชื่นชมรัฐบาลประยุทธ์มากขึ้น อันดับหนึ่ง ๗๐.๕๑ เปอร์เซ็นต์ เห็นว่าปราบคอรัปชั่นเด็ดขาด

(ไม่เกี่ยวกับคดีราชภักดิ์ หรือน้องเมียเก็บเงินหลวงไว้ในบัญชีส่วนตัว หลานชายทำธุรกิจรับเหมาจากในค่ายทหาร บิดาขายที่ให้บริษัทฟอกเงินของเสี่ยเจริญมูลค่า ๘๐๐ ล้าน และทหารผ่าศึกรับเหมาขุดลอกคลองทั่วประเทศ ทว่าเหนียมไม่อยากแจ้งผลงาน)

ตามด้วยทำไมถึงความชมชอบรัฐบาลประยุทธ์ลดลง มากที่สุดเรื่องเศรษฐกิจ ๗๖.๕๐ เปอร์เซ็นต์ เห็นเช่นนั้น ขณะที่ภาพรวมของความนิยมชมชอบ ๔๔.๗๗ เปอร์เซ็นต์ เหมือนเดิมเพราะเห็นว่าลุงตูบ เอาอยู่ไม่เหมือนสมัยอิปูว์เอายังไงก็ไม่อยู่

ประเด็นสุดท้าย เสียงมากสุด ๘๐.๗๐ เปอร์เซ็นต์ขอให้รัฐบาล คสช. เร่งมือแก้ปัญหาปากท้องประชาชนทางเศรษฐกิจหน่อย นี่ปีที่สามแล้วนะ

ทางด้านค่ายมติชน -ออนไลน์ รายงานผลสำรวจของดุสิตโพลเหมือนกัน แต่ว่าก่อนหน้า ๑ วัน จำนวนคนตอบคำถามก็มากกว่าหน่อย มี ๑,๑๖๗ คน และมีประเด็นเดียว เกี่ยวกับ “ปัญหารุมเร้ารัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ณ วันนี้ ที่ประชาชนหนักใจ


อันดับแรกคือปัญหาเศรษฐกิจ เกือบ ๘๒ เปอร์เซ็นต์ เห็นว่า “เรื่องของกินของใช้แพง ราคาผลผลิตตกต่ำ การส่งออกมีปัญหา ยังมีคนตกงาน ว่างงาน ฯลฯ

ตามด้วยปัญหาทุจริตคอรัปชั่น ที่ ๗๖.๖๑ เปอร์เซ็นต์ยืนยันว่า “ยังพบการทุจริตจำนวนมากโดยเฉพาะโครงการต่างๆ ของภาครัฐ ไม่มีการตรวจสอบที่จริงจังและเข้มงวด มีข่าวออกมาเป็นระยะๆ มีการใช้งบประมาณจำนวนมาก ฯลฯ

อันดับ ๓ เป็นความขัดแย้งทางการเมือง ที่ผู้ตอบสำรวจ ๗๐.๔๕ เปอร์เซ็นต์ เชื่อว่า “รัฐบาลยังไม่สามารถสร้างความปรองดองทางการเมืองได้อย่างแท้จริง ส่งผลกระทบต่อการพัฒนาบ้านเมือง ฯลฯ

ส่วนอันดับ ๔ และ ๕ เป็นเรื่องการบังคับใช้กฎหมาย ม.๔๔ และการเลือกตั้งยังไม่ชัดเจน ทั้งสองกรณีมาจากผู้ตอบคำถามจำนวนมากกว่า ๖๐ เปอร์เซ็นต์ทั้งคู่

ทั้งหมดนั้นดูเหมือนปัญหารุมเร้าเรื่องการขัดแย้งการเมือง ที่ทำให้ไม่สามารถสร้างความปรองดองได้ จะโดดเด่นกว่าใดๆ ในเมื่อการเสนอข่าว ‘polls’ ของสื่อสายหลัก แสดงให้เห็นการแยกขั้ว ‘poles’ อย่างแจ่มแจ้ง ต่างฝ่ายต่างฝืนทนอยู่ร่วมกันไปอย่างไม่ค่อยจะสันติสักเท่าไร

เป็นผลให้การมองจากภายนอก ในสายตาของสื่อต่างด้าวต่อกิจการภายในของไทย ไม่เป็นที่น่าพิศมัยนัก

ดังเช่นรายงานล่าสุดของ asiasentinel.com สื่อออนไลน์สำหรับภาคพื้นเอเซียแปซิฟิคเรื่อง Thai Critic Faces Death Threatที่กล่าวถึง ปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ นักวิชาการไทยซึ่งลี้ภัยอยู่ในประเทศญี่ปุ่น และวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลทหารกับสถาบันกษัตริย์ไทยบ่อยครั้ง ว่า

“ปวินได้รับทราบจากแหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือหลายแห่งว่า...จะมีคนมาจัดการกับผมที่ญี่ปุ่น ถึงแม้เพื่อนๆ จะคิดว่านั่นเป็นเรื่องยากในดินแดนที่ผมอยู่ แต่ก็อาจโจมตีขณะผมเดินทางไปต่างประเทศได้ น่าจะเป็นอย่างนั้นมากกว่า”


เอเซียเซ็นติเนิลอธิบายคำ จัดการในภาษาไทยหมายถึงการฆ่า อีกทั้งชี้ว่าหลังๆ นี่ปวินเขียนบทความวิพากษ์กษัตริย์ไทยองค์ใหม่หนักหน่วง โดยเฉพาะที่ตีพิมพ์ในวารสารวิชาการออนไลน์ของออสเตรเลีย นิว แมนดาล่าและเดอะวอชิงตันโพสต์ของสหรัฐ

เหตุการณ์ขู่ฆ่าดังกล่าวน่าจะมาจากส่วนหนึ่งที่มีคนแจ้งเบาะแสทางบริการแช้ทบนโทรศัพท์อัจฉริยะ ซึ่งปวินถ่ายภาพลงในหน้าเฟชบุ๊คของเขาที่มีผู้ติดตามกว่า ๑ แสน ๒ หมื่นราย

ข่าวขู่ฆ่าเช่นนี้ที่มีต่อบุคคลระดับเซเลบริตี้ผู้โด่งดังในสังคม หากเป็นเรื่องภายในประเทศจะเป็นข่าวอื้อฉาวฮือฮาไปแล้ว แม้จะเป็นข่าวลือและอ้างถึง มาเฟียในความหมายปกติทั่วไป

ทว่าเชื่อได้เรื่องนี้ไม่มีการรับรู้จากสาธารณะภายในประเทศไทยมากนัก เพราะปวินเป็นหนึ่งในสามบุคคลต้องห้ามคนไทยในประเทศติดต่อ ติดตามในทางสื่อสังคม ซึ่งประกาศโดยกระทรวงดิจิทัลเมื่อไม่กี่วันมานี้

ทั้งการปิดกั้นและการทำลับๆ ล่อๆ กับข่าวสารเหตุการณ์ต่างๆ อันมีผลต่อสุขภาพจิต โลกทัศน์ และบรรยากาศทางความคิดเช่นนี้ จะทำให้ประเทศไทยกลายเป็นสังคมเก็บกดหนักหน่วง นำไปสู่การระเบิดโพล่งได้ในไม่ช้านัก