วันอังคาร, มีนาคม 28, 2560

มาตรฐานที่บิดเบี้ยว





เป็นที่น่าสังเกตุว่าระยะนี้ ‘สุเทือก’ ออกตัวแรงส์ หลังจากประกาศตัวยืนข้างหน้าแข้ง คสช. ขอให้ลุยต่อแนวอำนาจพิเศษ ม.๔๔ ไม่ต้องพะวงเลือกตั้งแล้ว

อดีตแกนนำ กปปส. (สวนลุมฯ) ยังหลุดอีกหนึ่งบ่วง เมื่อศาลยกฟ้องคดีที่เขาหมิ่นประมาทกล่าวร้าย นปช. ตามต่อด้วยความเห็นเรื่องอำนาจ คสช.ปิดว้อยซ์ทีวีเป็นเวลา ๗ วัน

คดีหมิ่น นปช. มาจากการที่สุเทือกยัดข้อหา ‘ก่อการร้าย เผาบ้านเผาเมือง’ ให้แก่ นปช. เมื่อปลายพฤษภาคม ๒๕๕๔ วันนี้ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า

ที่นายสุเทพกล่าวข้อความว่าพรรคเพื่อไทยเกี่ยวข้องกับกลุ่ม นปช. นั้น “ปรากฎข้อเท็จจริงว่าการลงเลือกตั้ง ส.ส.พรรคเพื่อไทยก็จัดแกนนำ นปช. ไว้ในกลุ่มรายชื่อลงสมัครเลือกตั้ง ส.ส. ลำดับต้นๆ และได้รับเลือกตั้ง”

คำพิพากษาอ้างว่า “ขณะที่นายสุเทพกล่าว ก็อยู่ในฐานะรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงรายงานสถานการณ์ให้ประชาชนทั่วไปรับทราบ การกระทำของจำเลยจึงไม่ได้เป็นการกล่าวข้อความอันเป็นเท็จไม่เป็นความผิดตามฟ้อง”

(http://www.posttoday.com/politic/487262)

ที่จริงศาลคงตั้งใจบอกว่าข้อหาก่อการร้าย เผาบ้านเผาเมืองนั้น ถึงจะยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเป็นฝีมือ นปช. ก็ถือว่าผิดไว้ก่อน เพราะจะต้องให้รัฐบาลขณะนั้นเป็นฝ่ายถูก การตัดสินโดยโยง นปช. กับพรรคเพื่อไทยเข้าด้วยกัน ทำให้สุเทือกเป็นฝ่ายคนดี

เขาจึงมีสิทธิวิเศษในการคอมเม้นต์เรื่องที่สถานีโทรทัศน์ลูกชายทักษิณถูก กสท. สั่งระงับสัญญานออกอากาศ ๗ วันด้วย ว่าอย่าลืมสิ

“ช่วงนี้เป็นรัฐบาลพิเศษ ที่มีอำนาจพิเศษ หลายคนคงลืมไป นึกว่าเป็นรัฐบาลมาจากการเลือกตั้งตามปกติ” และ คสช.มีอำนาจสั่งการเพื่อให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อย “และเป็นรัฏฐาธิปัตย์ ซึ่งต้องให้ความร่วมมือ”

(http://www.komchadluek.net/news/politic/267931)

การใช้อำนาจแย่งยึดมาเป็นรัฏฐาธิปัตย์ของ คสช. ผ่านทางการสื่อสารแห่งประเทศไทยกับว้อยซ์ทีวี โดยมีผลตั้งแต่หลังเที่ยงคืนเมื่อคืนนี้เป็นเวลา ๗ วัน มันก็แปร่งๆ อย่างพิกลพิการเชียวละ





จากแถลงของ พลโท พีระพงษ์ มานะกิจ กรรมการ กสทช. ประธานอนุกรรมการผังรายการ “ระบุวอยซ์ทีวีทำผิดซ้ำซากมีมติพักใบอนุญาตทั้งช่องเป็นเวลา ๓ วัน” เท่านั้น

แต่ครั้นเข้าไปในบอร์ดใหญ่ กสท. กรรมการไม่สามารถหาฐานความผิดให้ลงตัวได้ ก็เลยเอาฐานความผิดสำหรับการลงโทษปิด ๗ วันมาใช้แทน เพราะใกล้เคียงที่สุด

สำหรับข่ายความผิดมีอยู่ ๓ รายการ (คือ ‘In Her View’ ‘ใบตองแห้งออนแอร์’ และ ‘Overview’)นับรวมทั้งสิ้นเป็นสิบๆ ครั้ง ซึ่งทั่นประธานให้รายละเอียดแกมสั่งสอนว่า

“การนำเสนอข่าว จะต้องนำเสนออย่างสมดุล เป็นกลาง อย่าเอาคนแนวเดียวกัน มาคุยกัน” และ “ถ้าดูจากเรื่องร้องเรียนที่ผ่านมาของปีที่แล้ว ๑๐ กรณีกับปีนี้ ๒ กรณีทำให้เห็นว่าว้อยซ์ทีวีไม่ระวังเพียงพอ”

(http://news.voicetv.co.th/business/474783.html)

ทว่า ถ้าเป็นกระบวนพิจารณาการฝ่าฝืนหรือละเมิดตามธรรมดา ไม่ใช่วิธีพิเศษจากผู้ยึดอำนาจละก็ ต้องฟังให้ได้ยินเสียงผู้ถูกกล่าวหาบ้าง

นายเมฆินทร์ เพ็ชรพลาย ซีอีโอของว้อยซ์ทีวี ชี้แจงว่า “ดุลพินิจ กสทช. ที่จะตัดสินว่าถูกผิดก็มีข้อที่สำคัญคือ มันไม่ได้ถูกวางเงื่อนไขหรือระเบียบให้ชัดเจนว่าเป็นอย่างไร





ถ้าเกิดทุกสื่อจะปฏิบัติตามก็ไม่รู้ว่ากรอบจะเป็นอย่างไร เป็นดุลพินิจ...คิดว่าควรมีมารตการที่ชัดเจน”

(http://news.voicetv.co.th/thailand/474906.html)

ชัดไม่ชัด ไม่รู้ แต่ว่าสุภิญญา กลางณรงค์ หนึ่งในกรรมการ กสทช. ที่เพิ่งถูกพักงานชั่วคราวเมื่อไม่นานมานี้ มีความเห็นว่า

“การกำหนดบทลงโทษที่ไม่ได้สัดส่วน เป็นปัญหาหนึ่งของหลักนิติธรรมในการใช้กฎหมาย บางเรื่องผิด กม.ชัดแต่ลังเล บางเรื่องเป็นดุลยพินิจแต่จัดหนักเลย” (Supinya Klangnarong‏ @supinya)

นอกเหนือจากนั้นคนใกล้ชิดของ สุริยะใส กตะศิลา อดีตแกน พธม. เดี๋ยวนี้เป็นนักวิชาการ ม.รังสิต ยังพูด (ทวี้ต) ยาวหลายประเด็น รวมถึง เช่น

“กรณีปิดช่องทีวีเมื่อวาน กสทช.ใช้อำนาจตามประกาศ คสช. ฉบับ 97/2557 ที่ได้รับการคุ้มครองจากการถูกฟ้องศาลอาญาและแพ่ง”

ที่ซึ่ง “ศาลคือที่สุดแล้วของการตัดสินความยุติธรรมตามกฎหมาย การมี กม.คุ้มครองคนใช้อำนาจจากการถูกฟ้องโดยคนที่ได้รับผลกระทบ จึงขัดหลักนิติธรรม #คหสต. (ความเห็นส่วนตัว)” และ

“เมื่อการใช้อำนาจไม่สมดุลย์ ย่อมก่อให้เกิดความไม่เป็นกลาง ไม่เป็นธรรม หลายมาตรฐาน เลือกปฏิบัติ ทำให้สังคมเพิ่มความขัดแย้ง ไม่สงบสุข เป็นวงจร”

สุภิญญาท่าทางเสียดาย “ถ้าวันนี้เรานั่งอยู่ในห้องประชุม ก็คงเป็นเสียงข้างน้อยอีกทั้งสองเรื่อง กรณี #voicetv มติลงโทษเกินกว่าเหตุมาก กรณี #truevisions ก็อ่อนเบามาก”

“ก่อนนี้ อย่างน้อย กสท.ยังลงโทษปรับ และ เพิกถอนใบอนุญาต แต่กรณี #truevisions เป็นโทษเตือน...

คราวยกเลิก ๖ ช่อง อนุผู้บริโภคเจรจาแผนเยียวยาไม่สำเร็จ กสท.ยังเชิญผู้บริหาร #truevisions มาเจรจาในบอร์ดต่อ แต่กรณี ๑๑ ช่อง วันนี้ให้ยุติไปง่ายๆ”

นี่ไง บอร์ด กสท. ที่สุภิญญาบอกว่า “เหลือแค่ ๓ แล้วเรื่องต่างๆ คงไปเร็วมากหรือไม่ไปไหนเลย ถ้าไม่มีฝ่ายค้านข้างในคอยถ่วงดุลหรือมีภาคประชาสังคมคอยตรวจสอบจากข้างนอก”

เวลานี้ใช้อำนาจอย่างลักลั่น มาตรฐานบิดเบี้ยวแบบเดียวกับศาลที่ตัดสินลงโทษแต่กับคดีม็อบแดง ส่วนคดีม็อบเหลืองป่านนี้ยังไม่นัดสืบพยาน คงรอให้ครบสิบปี

ซ้ำมันตลกร้าย irony วันนี้เรื่องความเป็นคนดีของสุเทือกมาปะเหมาะกับเรื่องผู้ให้บริการสื่อสารสำคัญพิเศษไม่เบา #truevisions

เมื่อสุเทือกเคยเป็น (หรือยังเป็นอยู่ก็ไม่รู้ได้) กรรมการอำนวยการคนสำคัญของทรูวิชั่น ยุคบุกเบิกแซงหน้าเอไอเอสยุคผ่องถ่ายไปให้เทมาเส็ก เสียด้วย