#เงินคงคลัง (treasury balance) ไม่ใช่ทุนสำรองระหว่างประเทศ (foreign exchange reserves) คนละอย่างกัน อย่างแรกคือเงินสำรองเพื่อจับจ่ายใช้สอยได้ อย่างหลังเอามาใช้ไม่ได้เป็น “หลักประกัน” (collateral) เฉย ๆ
สภาพของเงินคงคลังที่เหลือน้อยมากสุดในรอบเกือบสิบปี ภาษาชาวบ้านคือ การขาดสภาพคล่อง เก็บภาษีได้ไม่ตรงเป้า แต่ค่าใช้จ่ายบานปลาย (ขนาดไม่ประชานิยมแล้วนะเนี่ย) ถ้าฉุกเฉินต้องใช้เงิน ต้องไปกู้มา เสียดอกแพงกว่าอีก (รมว.คลังคนนี้มั่วมาก บอกว่ามีเงินคงคลังน้อย ๆ จะได้ไม่เสียดอกเบี้ย) ความเห็นในกระทู้นี้เปรียบเทียบได้ดีครับ
“สมมติว่าเป็น “บริษัทเล็กๆ ที่มีค่าใช้จ่ายเดือนละ 200,000 บาท แต่มีเงินสดสำรองในบัญชีแค่ 70,000 บาท มันน่าหวาดเสียวไหมครับ ถึงเวลาต้องจ่ายเงินเดือนลูกน้อง แล้วตามเก็บเงินลูกค้าไม่ทัน ก็ยุ่งแล้วครับ”
นั่นคือสภาพ #ถังแตก #เรามีรัฐบาลฉลาดที่สุดในสามโลกแล้วล่ะ
กระทู้นี้มีประโยชน์มาก https://pantip.com/topic/36085712
ที่มา
Pipob Udomittipong
ooo
ถ้าเกิดเงินในคลังรัฐบาลหมดขึ้นมาจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง?
แล้วมันเคยมีเคสตัวอย่างแบบนี้ที่ประเทศอื่นบ้างรึเปล่า? แล้วเขาแก้กันยังไง
(หรือว่าเหมือน Simcity เงินหมดก็กดสูตร )
ที่มา พันทิป
ความเห็นส่วนหนึ่ง...
ผมว่าเราต้องทำความเข้าใจอีกนิดนะ เงินคงคลัง นั้นคือเงินของรัฐบาล
ที่เหลือใช้ในระยะต่างๆ จากรายได้ต่างๆ จากเงินงบประมาณแผ่นดิน
ซึ่งเงินงบประมาณแผ่นดินส่วนหนึ่งก็มาจากเงินกู้ ที่ทำงบประมาณขาดดุลแต่ละปีด้วย
ซึ่งเหลือแล้วจึงนำมากองเก็บไว้ ในส่วนนี้ เราจึงเรียกว่าเงินคงคลัง ซึ่งสามารถนำมาใช้จ่าย หรือบริหารสภาพ
คล่องในอนาคตได้ แต่ที่ผมและหลายคนสังสัย เพราะรัฐบาลต้องการให้เงินคงคลังลดลงเอง
เพราะเงินคงคลังที่เหลือนั้นมาจากการทำงบประมาณขาดดุลซึ่งมาจากการกู้(ภายใน)
แต่ละปี เมื่อกู้มากองไว้ ก็ต้องเสียดอกเบี้ย แต่ว่าทำไมรัฐก็ยังทำงบประมาณขาดดุลเพิ่มอยู่ทุกปี? (ซึ่งเราก็ต้อง
ติดตามในนโยบายคลังปี ต่อๆไป ว่าถ้าตั้งใจให้เงินคงคลังลดลง แล้วจะกู้ลดลงด้วยมั้ย)
ตรงนี้แหละ ที่หลายๆคนสงสัย ซึ่งโดยหลักการแล้วการกู้ ปัจจุบันก็ยังสามารถทำได้สบายๆอยู่แล้ว
แต่ประเด็นที่สงสัย ยังกู้มากเหมือนเดิม แต่ทำไมเงินก้นถุงของรัฐกลับลดลงแบบมีนัยยะ รัฐใช้เงินเก่ง? ซึ่งการใช้เงินโปร่งใสหรือไม่
คงต้องช่วยกันตรวจสอบแล้วกันครับ ซึ่งตัวเลขเงินคงคลังล่าสุดน่าจะเหลือราว = 7 หมื่นล้านบาท
แล้วถ้าเงินคงคลังหมด แล้วรัฐจะเอารายได้จากใหนมาบริหาร?
ก็รายได้จากภาษีต่างๆ กิจการภาครัฐ สัญญาสัมปทานต่างๆ
ที่รัฐเก็บได้ในแต่ละปี อย่างปีนี้รัฐมีรายได้เข้ามา = 2.4 ล้านๆ บาท (อันนี้คือรายได้ประจำ)
และในแต่ละปี รัฐก็มีกิจการ การบริหารราชการแผ่นดินต่างๆ ที่รัฐต้องจ่ายประจำ
อย่างเช่น งบซ่อม สร้าง สิ่งสาธารณูปโภคต่างๆ อุดหนุนประชาชน และสวัสดิการต่างๆของ ปชช.
กิจการรัฐ รวมถึงอุดหนุน ส่งเสริมกิจการภาคเอกชน รวมถึงเงินเดือนพนักงานภาครัฐด้วย
ซึ่งในแต่ละปี รัฐต้องจ่ายในส่วนนี้ มักจะขยายเพดานไปไดเรื่อยๆ ตามสภาพเศรษฐกิจ
ซึ่งปี 2560 ภาครัฐมีรายจ่ายอยู่ที่ = 2.9 ล้านๆ บาท
บางคนยังสงสัย ในเมื่อภาครัฐมีรายจ่ายมากกว่ารายได้ แล้วรัฐเอาจากใหนมาเพิ่ม ซึ่งรัฐก็จะหารายได้เพิ่มจาก
การออกตั๋วเงินคลัง พันธบัตร ตราสารอื่น หรือทำสัญญากู้ทั้งจากเงินในประเทศ
(เงินทุนสำรองระหว่างประเทศ) และเงินจากนอกประเทศ อย่าง ธนาคารโลก(World bank) ธนาคารพัฒนาเอเชีย(ADB)
และองค์การความร่วมมือระหว่างญี่ปุ่น(JICA) กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ซึ่งในปัจจุบัน
หนี้สาธารณะ ของไทยอยู่ที่ 43% และเงินกู้ส่วนใหญ่มาจากเงินภายในประเทศมากกว่า 90%
ซึ่งถ้าสมมติปีนี้รัฐมีรายได้ตัวเลขกลมๆ = 2.5 ล้านๆบาท แต่มีรายจ่ายภาครัฐ = 2.9 ล้านๆบาท
เท่ากับปีนี้ภาครัฐจะขาดดุลงบประมาณ 4 แสนล้านบาท เพราะฉะนั้นการที่ภาครัฐจะกู้ รัฐจะต้อง
คำนึงถึง สภาพเศรษฐกิจ หนี้สาธารณะ และ เงินทุนสำรองระหว่างประเทศ (ซึ่งเป็นเงินที่หมุนอยู่ในระบบของเรา เทียบได้กับเงินถุงแดงใน ร.3)
หรือแหล่งเงินทุนต่างชาติอื่นๆ เป็นต้น
** : เงินคงคลัง = เงินก้นถุงของรัฐบาล
** : เงินทุนสำรองระหว่างประเทศ = เงินของ(ใน)ประเทศ
ปัจจุบันหนี้สาธารณะ ของไทยราว 5.9 ล้านๆบาท (43%ต่อ GDP) และมีเงินทุนสำรองราว 6.3 ล้านๆบาท
ชึ่งหากเทียบกับนานาชาติ
หนี้สาธารณะ % ต่อ GDP
เงินทุนสำรองระหว่างประเทศ
ผิดพลาดประการใดขอ อภัยครับ
ที่เหลือใช้ในระยะต่างๆ จากรายได้ต่างๆ จากเงินงบประมาณแผ่นดิน
ซึ่งเงินงบประมาณแผ่นดินส่วนหนึ่งก็มาจากเงินกู้ ที่ทำงบประมาณขาดดุลแต่ละปีด้วย
ซึ่งเหลือแล้วจึงนำมากองเก็บไว้ ในส่วนนี้ เราจึงเรียกว่าเงินคงคลัง ซึ่งสามารถนำมาใช้จ่าย หรือบริหารสภาพ
คล่องในอนาคตได้ แต่ที่ผมและหลายคนสังสัย เพราะรัฐบาลต้องการให้เงินคงคลังลดลงเอง
เพราะเงินคงคลังที่เหลือนั้นมาจากการทำงบประมาณขาดดุลซึ่งมาจากการกู้(ภายใน)
แต่ละปี เมื่อกู้มากองไว้ ก็ต้องเสียดอกเบี้ย แต่ว่าทำไมรัฐก็ยังทำงบประมาณขาดดุลเพิ่มอยู่ทุกปี? (ซึ่งเราก็ต้อง
ติดตามในนโยบายคลังปี ต่อๆไป ว่าถ้าตั้งใจให้เงินคงคลังลดลง แล้วจะกู้ลดลงด้วยมั้ย)
ตรงนี้แหละ ที่หลายๆคนสงสัย ซึ่งโดยหลักการแล้วการกู้ ปัจจุบันก็ยังสามารถทำได้สบายๆอยู่แล้ว
แต่ประเด็นที่สงสัย ยังกู้มากเหมือนเดิม แต่ทำไมเงินก้นถุงของรัฐกลับลดลงแบบมีนัยยะ รัฐใช้เงินเก่ง? ซึ่งการใช้เงินโปร่งใสหรือไม่
คงต้องช่วยกันตรวจสอบแล้วกันครับ ซึ่งตัวเลขเงินคงคลังล่าสุดน่าจะเหลือราว = 7 หมื่นล้านบาท
แล้วถ้าเงินคงคลังหมด แล้วรัฐจะเอารายได้จากใหนมาบริหาร?
ก็รายได้จากภาษีต่างๆ กิจการภาครัฐ สัญญาสัมปทานต่างๆ
ที่รัฐเก็บได้ในแต่ละปี อย่างปีนี้รัฐมีรายได้เข้ามา = 2.4 ล้านๆ บาท (อันนี้คือรายได้ประจำ)
และในแต่ละปี รัฐก็มีกิจการ การบริหารราชการแผ่นดินต่างๆ ที่รัฐต้องจ่ายประจำ
อย่างเช่น งบซ่อม สร้าง สิ่งสาธารณูปโภคต่างๆ อุดหนุนประชาชน และสวัสดิการต่างๆของ ปชช.
กิจการรัฐ รวมถึงอุดหนุน ส่งเสริมกิจการภาคเอกชน รวมถึงเงินเดือนพนักงานภาครัฐด้วย
ซึ่งในแต่ละปี รัฐต้องจ่ายในส่วนนี้ มักจะขยายเพดานไปไดเรื่อยๆ ตามสภาพเศรษฐกิจ
ซึ่งปี 2560 ภาครัฐมีรายจ่ายอยู่ที่ = 2.9 ล้านๆ บาท
บางคนยังสงสัย ในเมื่อภาครัฐมีรายจ่ายมากกว่ารายได้ แล้วรัฐเอาจากใหนมาเพิ่ม ซึ่งรัฐก็จะหารายได้เพิ่มจาก
การออกตั๋วเงินคลัง พันธบัตร ตราสารอื่น หรือทำสัญญากู้ทั้งจากเงินในประเทศ
(เงินทุนสำรองระหว่างประเทศ) และเงินจากนอกประเทศ อย่าง ธนาคารโลก(World bank) ธนาคารพัฒนาเอเชีย(ADB)
และองค์การความร่วมมือระหว่างญี่ปุ่น(JICA) กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ซึ่งในปัจจุบัน
หนี้สาธารณะ ของไทยอยู่ที่ 43% และเงินกู้ส่วนใหญ่มาจากเงินภายในประเทศมากกว่า 90%
ซึ่งถ้าสมมติปีนี้รัฐมีรายได้ตัวเลขกลมๆ = 2.5 ล้านๆบาท แต่มีรายจ่ายภาครัฐ = 2.9 ล้านๆบาท
เท่ากับปีนี้ภาครัฐจะขาดดุลงบประมาณ 4 แสนล้านบาท เพราะฉะนั้นการที่ภาครัฐจะกู้ รัฐจะต้อง
คำนึงถึง สภาพเศรษฐกิจ หนี้สาธารณะ และ เงินทุนสำรองระหว่างประเทศ (ซึ่งเป็นเงินที่หมุนอยู่ในระบบของเรา เทียบได้กับเงินถุงแดงใน ร.3)
หรือแหล่งเงินทุนต่างชาติอื่นๆ เป็นต้น
** : เงินคงคลัง = เงินก้นถุงของรัฐบาล
** : เงินทุนสำรองระหว่างประเทศ = เงินของ(ใน)ประเทศ
ปัจจุบันหนี้สาธารณะ ของไทยราว 5.9 ล้านๆบาท (43%ต่อ GDP) และมีเงินทุนสำรองราว 6.3 ล้านๆบาท
ชึ่งหากเทียบกับนานาชาติ
หนี้สาธารณะ % ต่อ GDP
เงินทุนสำรองระหว่างประเทศ
ผิดพลาดประการใดขอ อภัยครับ
.
"ถ้าเกิดเงินในคลังรัฐบาลหมดขึ้นมาจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง?"
ก็ไม่มีเงินจ่าย เหมือนบริษัท เหมือนคนทั่วไป ครับ
เช่น ไม่มีเงินจ่ายเงินเดือนข้าราชการ ,ไม่มีเงินจ่ายงบต่างๆ ,ไม่มีเงินจ่ายค่าน้ำค่าไฟ ฯลฯ
"แล้วมันเคยมีเคสตัวอย่างแบบนี้ที่ประเทศอื่นบ้างรึเปล่า?"
น่าจะมีเยอะเหมือนกัน อเมริกาที่บอกว่าพิมพิ์กระดาษกงเต็กเป็นเงิน ก็เพิ่งเจอไม่นานนี้เอง(โอบาม่า)
"แล้วเขาแก้กันยังไง"
เค้าจะแก้ก่อนเงินหมดจริงๆ
ปกติก็ออกพันธบัตรรัฐบาลครับ
https://www.bot.or.th/Thai/DebtSecurities/SalestoIndividuals/GOVBond/Pages/default.aspx
"เงินคงคลัง" กะ "เงินทุนสํารองระหว่างประเทศ"
สองอย่างนี้ ไม่เหมือนกัน เรียกว่า คนละเรื่องกันก็ได้ครับ
.
ก็ไม่มีเงินจ่าย เหมือนบริษัท เหมือนคนทั่วไป ครับ
เช่น ไม่มีเงินจ่ายเงินเดือนข้าราชการ ,ไม่มีเงินจ่ายงบต่างๆ ,ไม่มีเงินจ่ายค่าน้ำค่าไฟ ฯลฯ
"แล้วมันเคยมีเคสตัวอย่างแบบนี้ที่ประเทศอื่นบ้างรึเปล่า?"
น่าจะมีเยอะเหมือนกัน อเมริกาที่บอกว่าพิมพิ์กระดาษกงเต็กเป็นเงิน ก็เพิ่งเจอไม่นานนี้เอง(โอบาม่า)
"แล้วเขาแก้กันยังไง"
เค้าจะแก้ก่อนเงินหมดจริงๆ
ปกติก็ออกพันธบัตรรัฐบาลครับ
https://www.bot.or.th/Thai/DebtSecurities/SalestoIndividuals/GOVBond/Pages/default.aspx
"เงินคงคลัง" กะ "เงินทุนสํารองระหว่างประเทศ"
สองอย่างนี้ ไม่เหมือนกัน เรียกว่า คนละเรื่องกันก็ได้ครับ
.
มองเงินคงคลังอย่างเดียว ก็เถียงกันบ้างแถกันบ้าง
แต่ถ้าผมจะบอกว่า ตอนยิ่งลักษณ์อยู่ รัฐบาลมีเงินคงคลัง 5 แสนล้านบาท และก่อหนี้ไว้ทุกรัฐบาลจนถึงยิ่งลักษณ์รวมกัน 4 ล้านล้านเศษ
พอลุงตู่แย่งมาบริหาร รัฐบาลเหลือเงินคงคลังแค่ 7 หมื่นล้านบาท แต่ก่อหนี้ไว้รวมๆ กันทุกรัฐบาลมาถึงบัดนี้เพิ่มเป็น 6 ล้านล้านบาท
พอจะสรุปอะไรได้มั่งไม๊คัฟ
.
คงไม่ต่างกัน โดนโขกดอกแพง ๆ แน่ เพราะคนไม่มีเงินสดในมือเหลือเลย ความเสี่ยงหนี้สูญสูง
.
ท่านปู้นําบอกไม่มีปัญหา โปรดอย่ากังวล
เงินในคลังไม่มี
อันดับแรก ตัดโบนัสข้าราชการ
ลดเงินเดือนข้าราชการ
จับยาบ้า จับคนทําผิดกฏหมาย ยึดทรัพย์เข้าคลัง
.
เงินคงคลังมันคือเงินสภาพคล่องครับ ไว้สำหรับจ่ายอะไรที่ต้องการเร่งด่วน เพราะปกติเวลารัฐบาลจะจ่ายอะไรเค้าต้องตั้งงบประมาณก่อนอยู่แล้ว แต่บางทีไม่พอก็เอาเงินคงคลังไปโป่ะ
ถามว่าถ้าเงินคงคลังหมดทำไง ก็ไอ้ที่เร่งด่วนก็รอไปก่อน อย่างที่ชาวนาไม่ได้ตังตอนจำนำข้าวก็รอไปก่อน
ก่อนอื่นต้องแยกเงินคงคลังจากพวกเงินทุนสำรองระหว่างประเทศ หรืออะไรอีกหลายๆอย่างก่อน มันก็เหมือนเงินสดในมือ ถามว่าหมดดีมั้ย มันก็ไม่ดี แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายอย่างเงินทุนสำรองระหว่างประเทศหมด
.
ผมว่า มาถึงทางตันแล้วล่ะ เพราะจะหวังเก็บภาษีที่เป็นรายได้หลัก ไม่มีใครจ่ายได้มากเหมือนอดีต เพราะธุรกิจขาดทุนหรือปิดกิจการเป็นส่วนใหญ่
มันเป็น domino ที่ตัวเองล้มไว้ตั้งแต่แรก ตอนนี้กำลังหล่นมาทับตัวเอง หรืออีกแบบก็ งูกินหาง
คุณสมคิดแกพูดเก่ง (ธารินทร์ wannabe) แต่แกไม่มีประสบการณ์ในการทำงานจริงๆนอกจากเป็นอาจารย์แล้วสั่งการในฐานะรัฐมนตรี อีกอย่างวิสัยทัศน์แกเอามาจากตำราล้วนๆ ไม่ได้เกิดจาก vision จากการบริหารธุรกิจหรือการค้าระหว่างประเทศเลย อันนี้รู้จากคนที่สนิทกับแก และงานที่แกไปบรรยายบ่อยๆ คือ ฟังแล้ว ไป download e-book มาอ่าน น่าจะได้อะไรกว่าเยอะ เหมือนแกยกตำรามาอ่านให้ฟัง
.
ปัญหาคือโครงการเมกะโปรเจคไม่มีเลยแล้วเงินหายไปไหนนะครับ คือไม่ได้ทำ ไรเลยแล้วเงินเหลือแค่นี้จะบอกว่าเอามาคุมค่าเงินก็ไม่ใช่มั้งครับ