วันอาทิตย์, กุมภาพันธ์ 19, 2560

การใช้อำนาจในการปกครอง แบบหลับหูหลับตา





พวกโพลนี่เวลายกหางไม่บันยะบันยังกันเลย พลาดท่าผิดทางระวัง ‘เคล็ด’ นะยะ

ขณะที่ตึงเครียด สถานการณ์หน้าสิ่ว ไหนจะธรรมกายถอยไม่ได้ รุกไม่ดี ยังมีค้านถ่านหิน มากันทุกสารทิศ





ซูเปอร์กรรณิกาโพล ดันบอก “แนวโน้มความสุขมวลรวมของคนไทยในช่วงเดือนมกราคม ปี ๕๓ - ๖๐ เพิ่มสูงขึ้น ภาคกลางมีความสุขมากกว่าภาคอื่นๆ เพราะบ้านเมืองสงบสุข”

ยังไม่หมด เผยความเห็น ปชช. อีกต่างหาก “พรรคการเมืองที่คนไทยจะเลือก ส่วนใหญ่จะเลือกพรรคที่สนับสนุนให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา เป็นนายกรัฐมนตรี”

(เก็บมาจากข่าว FM100.5 News Network ‏@news1005fm หมาดๆ เมื่อชั่วโมงที่แล้ว)

“วันนี้ กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ มีการประชุมประเมินสถานการณ์และปรับแผนการตรวจค้นวัดพระธรรมกายและพื้นที่ควบคุมตามคำสั่ง คสช. มาตรา 44...

พลตำรวจโท ชาญเทพ เสสะเวช บอกว่ามาตรการแรกที่คาดว่าจะนำมาใช้ คือการสั่งห้ามไม่ให้จัดกิจกรรมทุกอย่างภายในวัด และให้คนออกจากพื้นที่ภายในวัดทั้งหมด”

(http://www.nationtv.tv/main/content/social/378535347/)

ขณะที่ เมื่อ “10.30 น. DSI แถลงยังไม่ตัดน้ำไฟพระธรรมกายเคลียร์คนออกบ่าย 3 -วัดวอนเลิกม.44 # SMSINN” (ข่าว innnewscompany ‏@INNNEWS)

มิใยที่ดุสิตโพลก็ออกมาเหมาะเจาะสถานการณ์ ชี้ว่าผู้ “คน 76.44% แนะรอบคอบดำเนินคดีธัมมชโย ห่วงปะทะ ขอทุกฝ่ายมีสติ http://www.newsplus.co.th/123813#newsplusTH

พระสนิทวงศ์ วุฑฺฒิวํโส ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารองค์กรวัดพระธรรมกาย ได้แถลงข่าวกับสื่อมวลชนว่าตลอดสามวันที่ผ่านมา เจ้าหน้าทีเข้าตรวจค้นวัดพระธรรมกายอย่างละเอียด มีการเอาสก็อตเทปโลดก้ดีเอสไอปิดตามประตูต่างๆ ห้ามเข้าออก

โดยเฉพาะในวันที่สอง มีการสนธิกำลังจำนวนมากมหาศาล เจ้าหน้าที่นำสุนัขเข้าร่วมตรวจค้น จนญาติโยมพากันตื่นตระหนก

“ขอความกรุณา คสช. และรัฐบาล ยกเลิก ม.44 เพราะพระภิกษุสามเณร ได้รับความลำบากในการบิณฑบาต และบำเพ็ญสมณะกิจอื่นๆ และเนื่องจากมีการสับเปลี่ยนกำลังของเจ้าหน้าที่ตลอดเวลา”

(http://news.voicetv.co.th/thailand/463098.html)

ส่วนวันแรก (๑๖ ก.พ.) เป็นที่รู้กันแล้วว่าการเข้าตรวจค้นกุฏิดาวดึงส์ ที่พำนักของพระธัมมชโย ไม่พบอดีตเจ้าอาวาสวัดธรรมกายแต่อย่างใด “เหลือเพียงเตียงว่างเปล่า มีเพียงแต่ของใช้บางส่วนที่ทิ้งไว้”





แถม “เวลาต่อมาได้มีแชร์ภาพในโลกโซเชียลที่อ้างว่าเป็นภาพในกุฏิของพระธัมมชโยออกมา โดยบางภาพมีลักษณะเหมือนเป็นการจัดหมอนเป็นการอำพรางสายตาของเจ้าหน้าที่ด้วย”

(https://www.khaosod.co.th/breaking-news/news_220420)

แบบนี้ทำให้พวกสลิ่มแค้นกันนักหนา แค้นเพราะเจ้าหน้าที่ในรัฐบาลของนายกฯ ขวัญใจกรรณิกาโพลโดนตบตา ยังดีที่มาได้ชื่นมื่นกับความสำเร็จต้านโรงไฟฟ้าถ่านหินเมื่อกี้นี่เอง

จากทวี้ต Sutima_VoiceTV21 ‏@YataNuiy : “สรุปรัฐบาลรับข้อเสนอทบทวนการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่และสงขลา โดยยกเลิกรายงาน EIA / EHIA เตรียมนำเข้า ครม. ในวันอังคารที่จะถึงนี้”





แกนนำทั้ง ๕ คน คือ ประสิทธิชัย อัครเดช รุ่งคุณ บรรจง และธัชพงศ์ ได้รับการปล่อยตัว “ถือว่าการต่อสู้ของกลุ่มชาวบ้านบรรลุผลแล้ว และได้ประกาศให้มวลชนเดินทางกลับทันที เพราะถือว่าเป็นการ Set zero โรงไฟฟ้ากระบี่แล้ว”

(http://www.komchadluek.net/news/politic/260957)

ก่อนจะถึงจุดนี้ หน้าสิ่วหน้าขวานกันพอสมควร เมื่อวาน (๑๘ ก.พ.) เครือข่ายภาคประชาชนนับสิบๆ องค์กร อาทิ เครือข่ายลุ่มน้ำภาคเหนือ ภาคีอนุรักษ์แม่น้ำโขง สมัชชาเอกชนคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ฯลฯ เป็นต้น ร่วมกันประกาศ “เราจะสู้ไปด้วยกัน”





มีแถลงการณ์จวกรัฐบาล คสช. “ขาดการฟังเสียงของประชาชน ผลักดันให้เกิดความเหลื่อมล้ำทางสังคมและการขาดธรรมาภิบาลของรัฐเพิ่มมากขึ้น อันเป็นต้นตอสำคัญของความขัดแย้งทางสังคมดังที่เป็นมา

ทั้งที่ประชาชนได้เสนอข้อมูลความจริงอย่างชัดเจนแต่ก็ไม่ได้รับการรับฟังจากภาครัฐ กลับยังกล่าวอ้างข้อมูลและความเชื่อเดิมๆ อย่างหลับหูหลับตา”

(http://www.isranews.org/…/academic…/item/54133-we-65921.html)

ทั้งที่ข้อเสนอของฝ่ายประท้วงน่ารับฟัง ดังที่ บก.ลายจุด ‏@nuling ชี้ว่า “ต้องยอมรับว่าทีมค้านถ่านหินรอบนี้ทำการบ้านดีมาก ชีวมวลจากปามล์...

คู่แข่งขันของโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่คือโรงไฟฟ้าชีวมวลและไบโอแก๊สจากปามล์ เมื่อเปรียบเทียบแล้วชีวมวลน่าสนใจกว่ามาก เงินทองไม่รั่วไหลช่วยเกษตรกร”

แล้วถ้างั้น ไฉน คสช. จึงดึงดันจะสร้างให้ได้ ต้องไปฟัง นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังพูดไว้เมื่อวันก่อน

(https://www.matichonweekly.com/hot-news/article_25253)





“ถามว่าทำไมคนไทยจึงสนใจซื้อเหมืองถ่านหิน ตอบว่าเป็นเพราะฝันหวานอยู่กับตัวเลข ๑๒๐ ดอลลาร์ต่อตัน พวกนี้มั่นอกมั่นใจว่าราคาจะกลับขึ้นไปเกิน ๑๒๐ เหมือนเดิม”

เนื่องจากช่วงปี ๒๕๔๘-๒๕๕๓ ราคาถ่านหินขึ้นพรวดพราดไปที่ ๑๒๐ ดอลลาร์ จากนั้นค่อยๆ ลดลงถึงปี ๒๕๕๙ ที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตซื้อเหมืองถ่านหิน ราคาอยู่ที่ ๗๐-๘๐ ดอลลาร์

“ถามว่าคนไทยที่ซื้อเหมืองถ่านหิน มาถึงวันนี้ดีใจหรือเสียใจ ตอบว่าสถานการณ์จุกคอหอย ภาษานักเล่นหุ้น เรียกว่า ‘ติดยอดดอย’...

พ่อค้าถ่านหินจึงย่อมจะผลักดันการสร้างโรงไฟฟ้าในไทยอย่างสุดลิ่มทิ่มประตู การสร้างโรงไฟฟ้าใหม่เท่านั้น ที่จะสร้างหลักประกันว่า เหมืองจะขายถ่านหินได้ต่อไปในอนาคตอีก ๓๐ ปี

ดังที่คุณศศิน (นายศศิน เฉลิมลาภ เลขาธิการมูลนิธิสืบนาคะเสถียร) ให้ความเห็นไว้ว่า เมื่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินไปแล้วไม่ว่าจะคุ้มหรือไม่คุ้ม ก็จะต้องหาซื้อถ่านหินมาเผากันไปเรื่อยๆ นั่นแหละ”

และนี่ละสติปัญญาในทางบริหารรัฐกิจของ คสช. ซึ่งดูเหมือนจะเก่งอย่างหนึ่งเดียวตรงที่ ‘การใช้อำนาจทางปกครอง’