วันเสาร์, กุมภาพันธ์ 11, 2560

อินเดอะเพ้อเจ้อ.... โชว์ของ พล.อ.ประวิตร + "น้องตู่" ป้อง "พี่ป้อม"





ฉลามเขียว : โชว์ของ พล.อ.ประวิตร

10 กุมภาพันธ์ 2560
Voice TV

บทความโดย ฉลามเขียว
คอลัมนิสต์ผู้ข้ามยุคจากกระดาษสู่สื่อดิจิทัล

เมื่อได้อ่าน 10 ข้อที่ “คณะกรรมการสร้างความปรองดอง” กำหนดขึ้นมา มันเป็นการตีกรอบให้บุคคลจากฝ่ายต่างๆ ที่ถูกเชิญมาพูดๆๆ และ พูด ต้องพูดในกรอบ จะออกนอกกรอบ 10 ข้อนี้ไม่ได้

คณะนักข่าวสายทหาร ของสื่อมวลชนสำนักต่างๆไม่ได้เก่งแต่ข่าวที่เกี่ยวกับทหารเท่านั้นนะ ประเด็นทางการเมืองก็คมมาก อย่างเช่นเมื่อเช้า 10 ก.พ.2560 นักข่าวสายทหารได้ตั้งคำถาม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ในฐานะผู้อำนวยการใหญ่ผู้สรรค์สร้างการปรองดองที่เริ่มขึ้นแล้วอย่างสมบูรณ์ว่า มีความคิดเห็นอย่างไร ที่มีคนตั้งข้อสังเกตว่า

คำถาม 10 ประเด็น เป็นเรื่องเดิม ๆ ที่เคยพูดกันมานานแล้ว

ตัวผมเห็นด้วยกับคำถามของนักข่าวสายทหารนี้มาก เพราะเมื่อได้อ่าน 10 ข้อที่ “คณะกรรมการสร้างความปรองดอง” กำหนดขึ้นมา มันเป็นการตีกรอบให้บุคคลจากฝ่ายต่างๆที่ถูกเชิญมาพูดๆๆ และ พูด ต้องพูดในกรอบ จะออกนอกกรอบ 10 ข้อนี้ไม่ได้

อินเดอะเพ้อเจ้อ....

ศัพท์คำนี้พวกวัยรุ่นเขาชอบใช้กัน เพื่อแดกดันพวกที่เพ้อเกินกำหนด ผมก็ขอยืมมาใช้เพราะเห็นว่าหล่อดี และผมเชื่อว่าจะเพ้อกันหนัก

ตัวผมกลัวมากข้อหาขัดขวางการปรองดอง... และตั้งใจว่าจะไม่เขียนถึงเรื่องปรองดองให้มากมาย เพราะมีความเชื่อว่ายังไม่ใช่โหลดปรองดองเพื่อเตรียมการเลือกตั้งแท้จริง ดังนั้นเพื่อให้ตัวเองไม่โดนข้อหา จึงขอประกาศท่าทีว่า ฉลามเขียวสนับสนุนการดำเนินการปรองดองของท่าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรณณ อย่างเต็มที่ เพื่อให้ชาติบ้านเมืองของเรากลับคืนสู่ความสงบสุขอย่างแท้จริง

คนไทยไม่อยากรู้เท่าไหร่หรอกว่าท่านจะปองดองกันยังไง

คนไทยอยากรับรู้อย่างเดียว ทำยังไงถึงจะมีรายได้เพิ่มขึ้น

แต่ก็เอาเถอะนะ วันนี้สละพื้นที่ให้งานปรองดองสักวัน เพื่อสนับสนุนรายการโชว์ของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ซี่งท่านโดดออกมาเสนอเองรับงาน เป็นหัวหน้าใหญ่ด้วยตัวเอง ก็ด้วยปรารถนาดีต่อชาติบ้านเมือง และก็เชื่อว่าท่านพล.อ.ประวิตร ใจกว้างกล้าพอที่จะรับฟังว่า มีคนอยากทักท้วง เพราะ 10 ข้อมันของเก่าทั้งนั้น ถกแถลงกันมานานแล้ว ไม่มีผลปฏิบัติอะไรเกิดขึ้นเลย ...ผู้คนก็ยังเกลียดชังกันอยู่เหมือนเดิม

การประชุม “คณะกรรมการอำนวยการเตรียมการเพื่อสร้างความสามัคคีปรองดอง” ของท่านพล.อ.ประวิตรนัดแรก 9 ก.พ.2560 ถือว่าหล่อมาก เพราะมีบิ๊กทุกเหล่าทัพเข้าร่วมพร้อมพรึ่บ โดยเฉพาะตอนส่งกลับ ผู้เข้าร่วมประชุมยืนแถวพนมมือไหว้ตามประเพณีไทยเด็กอำลาผู้ใหญ่ ขณะที่รถเบนซ์ของพล.อ.ประวิตร ค่อยๆ เคลื่อนผ่านแถว เห็นแล้วเปี่ยมบารมี

คนไทยส่วนใหญ่อยากรู้...ฉันจะมีรายได้เพิ่มได้อย่างไร แต่ก็เอาเถอะ เมื่อวันนี้ท่านจะโชว์การปรองดองก็อ่านกันหน่อยนะ 10 หัวข้อที่จะให้หลายฝ่าย รวมทั้ง 70 พรรคการเมือง (ขณะนี้ไม่มีพรรคการเมืองเพราะถูกยุบหมดในวันรัฐประหาร 22 พ.ค.2557 ) เข้ามาพูดๆตามอันดับตัวอักษร เริ่มวันวาเลนไทน์ 14 ก.พ.2560 โดย พล.อ. ช้างมงคล ปลัดฯกลาโหม จะมานั่งฟังเองทุกนัด จันทร์ถึงศุกร์ จนกว่าจะครบ เชิญผบ.ทุกเหล่าทัพมาฟังด้วยแต่ถ้าไม่ว่างไม่มาก็ไม่ว่ากันนั้น 10 ข้อ มีอะไนบ้าง ทำไมเสียงทักท้วงจึงระงมกันอยู่ในเวลานี้ว่า

มันก็แค่เรื่องเก่าๆเดิมๆ ทำยาก...ทำไมไม่ได้

1.ด้านการเมือง แนวคิดของท่านในการแก้ปัญหาโดยสันติวิธี เพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้งในสังคมไทยขณะนี้ ทั้งก่อน-ระหว่างและหลังการเลือกตั้งที่มาถึงนี้

2.ด้านความเหลื่อมล้ำ ที่ผ่านมาความเหลื่อมล้ำในการครอบครองที่ดินทำกินของเกษตรกร การเข้าถึงแหล่งน้ำ การบริหารจัดการน้ำมักถูกยกมาเป็นประเด็นสร้างความขัดแย้งอย่างกว้างขวาง ท่านมีแนวคิดในการแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำเพื่อลดความขัดแย้งและสร้างความปรองดองในสังคมไทยได้อย่างไร

3.ด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม เพื่อไม่ให้มีความเสี่ยงต่อการขยายไปสู่ความขัดแย้ง ท่านจะมีทางออกหรือวิธีการดำเนินการต่อประเด็นความขัดแย้งที่เกิดจากความไม่ยอมรับในกระบวนการยุติธรรม การแทรกแซงการบังคับใช้กฎหมายอย่างไร

4.ด้านสังคมเศรษฐกิจการศึกษาสาธารณสุข ท่านมีแนวทางเสริมสร้างความปรองดองให้เกิดขึ้นในสังคมไทยต่อประเด็นความแตกต่างทางสังคมความเชื่อ ศาสนา วัฒนธรรมเศรษฐกิจ การศึกษา และสาธารณสุขอย่างไร

5.ด้านสื่อสารมวลชน ท่านมีแนวทางในการไม่ให้สื่อตกเป็นเครื่องมือในการสร้างความขัดแย้งได้อย่างไร

6.ด้านธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ท่านมีแนวทางที่จะทำให้การใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เช่น ความขัดแย้งเรื่องพลังงาน การก่อสร้างโรงไฟฟ้า ฯลฯ ไม่ถูกหยิบยกขึ้นมาสร้างความขัดแย้งในสังคมได้อย่างไร

7.ด้านการต่างประเทศ ท่านมีแนวคิดที่จะดำเนินการต่อประเด็นการนำปัญหากิจการภายในประเทศมายกระดับให้เป็นปัญหาการเมืองระหว่างประเทศ รวมทั้งผลกระทบจากการดำเนินการของต่างประเทศ เช่น ปัญหาเขตแดน ปัญหาด้านสิทธิมนุษยชน ปัญหาเสรีภาพและประชาธิปไตย ปัญหาแรงงานและการค้ามนุษย์ ฯลฯ ที่ส่งผลทำให้เกิดความแตกแยกในสังคมไทยอย่างไร

8.ด้านการป้องกันทุจริตคอร์รัปชั่น ท่านมีแนวคิดอย่างไรที่จะป้องกันการทุจริตคอร์รัปชั่นเพื่อไม่ให้เป็นสาเหตุนำมาซึ่งความขัดแย้งในสังคมไทย

9.ด้านการปฏิรูป ท่านมีข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปอย่างไร เพื่อให้เกิดความสามัคคีปรองดอง

10.ด้านยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ท่านจะมีข้อเสนอแนะให้เกิดการยอมรับและร่วมขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีไปสู่ความสำเร็จร่วมกัน หรือไปสู่เป้าหมายร่วมกันอย่างไร

และเพื่อเป็นการเพิ่มความเก๋...คณะกรรมการที่นั่งฟังอยู่จะถามปิดท้ายว่า

มองปัญหาอย่างไร วิธีการแก้ปัญหาเพื่ออยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขและยั่งยืน

ผมนายฉลามเขียว อ่านทั้ง 10 ข้อแล้วเกิดความรู้สึกทันที สงสารข้าราชการทหาร ที่จะต้องมาเป็นผู้จดบันทึกว่าแต่ละคน แต่ละกลุ่ม แต่ละฝ่าย แต่ละพรรคการเมือง พูออะไร

ท่านพล.อ.ประวิตรครับ ทำไมท่านไม่ทำให้ง่ายกว่านี้ ก็ส่งคำถามไปให้กลุ่มต่างๆเขียนมาเป็นตัวอักษรจะง่ายกว่านะครับ

ข้าราชการกระทรวงกลาโหมทุกคนท่านก็มีงานประจำอยู่ แต่จะต้องมานั่งฟังคนพูดพล่าม 3 เดือน มันก็น่าเวทนา

ฉลามเขียว ไม่ได้รับเชิญไปพูด แต่ขอตอบคำถามข้อ 5 ว่า....

นักข่าวทุกคนมีเจ้านายอยู่แล้ว คือ ประชาชน จงให้ประชาชนตัดสินนักข่าว อำนาจรัฐไม่ต้องมายุ่ง...

เลิกพูดได้แล้วคำว่า...ให้สื่อคุมกันเอง เพราะมันจะไม่มีเลยนักข่าวที่จะยอมให้นักข่าวคนอื่นมาควบคุมตัวเอง

และผมเขียนเสนอท่าน พล.อ.ประวิตร สั้นๆนิดเดียว

ประกาศวันเลือกตั้งใหม่เถอะครับ ผมสงสารทุกคนที่ทำธุรกิจค้าขายด้วยความยากลำบาก

ฉลามเขียว
10 กุมภาพันธ์ 2560

ข่าวที่เกี่ยวข้อง
วาง 10 ข้อปรองดองห้ามเสนอนอกกรอบ

ooo


"น้องตู่" ป้อง "พี่ป้อม"




ที่มา FB

Wassana J. Nanuam


“บิ๊กตู่” เชื่อมือ “บิ๊กป้อม” นำปรองดอง ขออย่ากดดัน หวั่นหมดกำลังใจ ลั่นไม่ใช่เวทีฟอกตัว-ให้เครดิตใคร ยันไม่ต้องเซ็นสัญญา แต่ต้องให้คำมั่นกับปชช.

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. กล่าวถึงการทำงานของ ป.ย.ป.ว่า วันนี้โลกยุคโลกาภิวัตน์ ต่างคนต่างคิด ต่างคนต่างเขียน ต่างคนต่างพูด ดังนั้นเราต้องยึดมั่น

สิ่งที่ผมเน้นในวันนี้คนไทยต้องมีหลักคิด ไม่ใช่คิดอย่างเดียว และจะคิดวิเคราะห์อย่างเดียวก็ไม่พอ เพราะความขัดแย้งมันสูง จึงต้องหาหลักคิดให้ได้ ซึ่งต้องมีกฎหมายเป็นตัวประกอบด้วย หากคิดไปเรื่อยเรื่องสิทธิเสรีภาพ ประชาธิปไตย ไปทุกอัน มันจะกลายไปสู่อนาธิปไตย คือเกินคำว่าประชาธิปไตย ในรัฐธรรมนูญเขียนไว้ว่าละเมิดไม่ได้ แม้แต่สื่อก็ละเมิดไม่ได้ เป็นการละเมิดประชาธิปไตย ตรงนี้ต้องดูด้วยว่ากฎหมายอื่นเขียนไว้ว่าอย่างไร ซึ่งต้องดูกฎหมายลูก เว้นอะไรที่จะทำให้สถานการณ์ด้านความมั่นคงมีปัญหา แบบนี้เขาเรียกว่ามีหลักคิด

“หากไม่มีหลักคิดตรงนี้ ท่านก็จะคิดไปเรื่อย ว่าควรจะอย่างนั้นอย่างนี้ แล้วก็ฟีลลิ่งออก ความรู้สึกออก แต่รัฐบาลทำงานตามฟีลลิ่งไม่ได้ ทำข้างนี้อีกข้างหนึ่งก็มีปัญหา อะไรที่มันสุดโต่งเกินไป มันทำไม่ได้หมด มันปรองดองไม่ได้ ถ้ามันสุดโต่ง ดังนั้นพื้นฐานต้องมาจากหลักคิดและข้อกฎหมายทั้งหมด คิดอะไรที่นอกกรอบกฎหมายไม่ได้ ผมเข้าใจหลักคิด ซึ่งปัญหาของเรามีอยู่ วันนี้เราจะต้องแสวงหาการทำงานในลักษณะที่จะต้องปฏิรูปให้ได้ ในเรื่องที่สำคัญ รวมถึงกิจกรรมที่จำเป็น เพื่อให้เกิดการปรองดอง” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

ที่มาของความขัดแย้งมีหลายสาเหตุ โดยสาเหตุที่ 1. คือกระบวนการประชาธิปไตยมีปัญหาหรือไม่ต้องหาให้เจอ อยู่ตรงไหน 2.ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งเป็นบ่อเกิดของความขัดแย้ง 3.ระบบการศึกษา ที่จะต้องสอนให้คนคิดเป็น โดยมีหลักคิดที่ถูกต้อง นี่คือประเด็นหลักของประเทศเรา ที่รวมทุกปัญหาอยู่

ฉะนั้นการทำงานของป.ย.ป. ตนได้ให้แนวทางไปว่าต้องมีหลักคิดในการทำงาน จึงจะไปสู่การทำงานได้ อย่ากังวลตรงนี้ ซึ่งกรรมการจะเป็นหลักในการทำงาน ส่วนกรณีที่มีรายชื่อบุคคลเข้ามาเยอะ เหล่านั้นคือที่ปรึกษา ซึ่งไม่ได้สิ้นเปลืองอะไร เขาเต็มใจจะช่วย จากเดิมที่คาดว่าน้อย แต่วันนี้มีหลายคนอยากเข้ามา

และตนได้เซ็นแต่งตั้งคณะกรรมการไปแล้ว ส่วนชื่อผู้ทรงคุณวุฒิอย่างไปกังวล เป็นการตั้งขึ้นเพื่อมาเป็นที่ปรึกษา และไม่ได้เรียกมาปรึกษาคราวเดียว ทั้งหมดเป็น 100 คน แต่จะมีกลุ่มนั้นกลุ่มนี้ ถึงเวลาก็เชิญมา ไม่ใช่ใหญ่โตมโหฬาร เดี๋ยวจะกลายเป็นว่ารัฐบาลทำไม่สำเร็จ แล้วเอาเรื่องนี้ขึ้นมาทำต่อ มันคนละเรื่องกัน มันคนละงานกัน งานนี้ทำเพื่ออนาคต ต้องจัดตั้งกลไกขึ้นมา เพื่อประสานกับคณะกรรมการยุทธศาสตร์ในวันข้างหน้า แต่วันนี้กืทำงานร่วมกับคณะกรรมการขับเคลื่อนในปัจจุบันที่รัฐบาลปกติมีอยู่

“ผมไม่อยากให้มองว่าเวทีนี้เป็นเวทีที่จะฟอกตัวใคร หรือจะให้เครดิตใคร ไม่ใช่ แต่เป็นเวทีเพื่อการพูดคุย เพราะเราจำเป็นต้องรับฟัง แต่จะไม่ให้พูดคุยเรื่องที่เป็นปัญหาเดิม เพราะตรงนั้นยังไงก็ไม่จบ บอกแล้วว่าการปฏิรูปจะต้องไม่ไปปฏิรูปเรื่องที่มีความขัดแย้งสูง ใครจะซ้ายขวาไม่ได้ คงเข้าใจกันใช่ไหม ต้องทำสิ่งที่ทำได้ เพื่อให้อยู่กันอย่างไรในวันข้างหน้า เรื่องประชาธิปไตย เรื่องความเหลื่อมล้ำ เรื่องการชุมนุม ต้องหาเหตุผลมาทำ” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

วันที่ส่วนการที่นายศุภชัย พานิชภักดิ์ อดีตเลขาธิการการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา (UNTAD) ตอบรับคำเชิญของรัฐบาล ให้เข้ามาร่วมคณะกรรมการป.ย.ป. พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า รับก็ดีแล้ว ตนได้ลิสต์รายชื่อไปให้หมดว่ามีใครบ้าง ซึ้งบางท่านก็ตอบรับ บางท่านขออยู่ข้างหลัง โดยมีตัวแทนเข้ามา

ตนพยายามไม่ทำอะไรที่ให้เกิดภาระด้านงบประมาณ หรือเกิดความยุ่งยาก เพราะคนยิ่งเยอะยิ่งทำงานยาก จึงต้องมีที่ปรึกษาอยู่ข้างนอก ถ้าเอาที่ปรึกษาทั้งหมดมายัดเข้าในกรรมการคงไม่ต้องทำอะไรกันแล้ว เพราะทุกคนมีความคิดเห็นต่างกัน ฉะนั้นต้องฟังคนที่เกี่ยวข้องก่อน จากนั้นกรรมการจะสรุปออกมาและให้ที่ปรึกษาแต่ละฝ่ายไปดูว่าใช่หรือไม่

“โดยเฉพาะเรื่องการปรองดองสำคัญ ผมเชื่อมั่น พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม แต่อย่าไปกดดันท่านนักเลย เดี๋ยวท่านหมดกำลังใจกันพอดี จับผิดจับถูกตลอดเวลา ท่านตั้งใจร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ไม่ใช่ว่าจะปรองดองได้ใน 3 เดือน รากเหง้าปัญหามันเกิดจากอะไร และเกิดมากี่ปี อะไรที่จะทำได้ก่อน อะไรที่จะต้องทำต่อไป การปรองดองไม่ใช่เรื่องใดเรื่องหนึ่ง เป็นการปรองดองโดยนำปัญหาทุกอย่างมาคลี่ออก สิ่งใดที่จะต้องนำมาปฏิรูปหรือเดินหน้าตามยุทธศาสตร์ก็ว่ากันไป รวมความหมายเดียวกันอยู่ในนั้นทั้งหมด” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

เมื่อถามว่า การที่มีภาคเอกชนเข้ามาร่วมในป.ย.ป.แสดงว่าภาคเอกชนพร้อมที่จะเดินหน้าไปกับรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เขาพร้อมตั้งแต่ปี 2557 แล้ว ไม่ใช่เพิ่งมาพร้อมตอนนี้ รายชื่อคนเหล่านั้นบางส่วนอยู่ในคณะกรรมการปกติอยู่แล้ว ทั้งที่ปรึกษานายกฯ ที่ปรึกษาครม. ซึ่งเขารู้ว่ารัฐบาลทำอะไรอยู่ วันนี้ก็มีภายนอกเข้ามาผสม และภาคธุรกิจเอกชนเหล่านั้นอยู่ในคณะกรรมการประชารัฐอยู่แล้ว วัตถุประสงค์ของตนคือต้องการสร้างความเข้าใจ ทั้งประชาชน สังคม ให้เห็นว่าเป็นการทำงานด้วยกลุ่มก้อน ไม่ใช่ตนหรือคนใดคนหนึ่ง มันต้องสร้างการขับเคลื่อนแบบนี้เพื่อให้เกิดพลัง เราจะไปฝากความหวังไว้กับใครคนใดคนหนึ่งได้อย่างไร มันต้องไปด้วยกัน

เมื่อถามว่า มองปฏิกิริยาฝ่ายการเมืองขณะนี้อย่างไร พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องธรรมดา เมื่อจะทำอะไรที่มีการเปลี่ยนแปลง สิ่งที่ไม่เคยทำได้มาโดยตลอด แน่นอนจะต้องมีความคิดเห็นที่แตกต่างกัน แต่อยากให้ทุกคนระลึกอยู่เสมอว่าประเทศชาติอยู่ตรงไหน ประเทศไทยจะยืนตรงไหนในเวทีโลก ซึ่งจะทำให้ความขัดแย้งลดระดับลงและคลี่คลายลงในวันต่อๆไป

เมื่อถามถึง แนวทางการสร้างความปรองดองลงสัตยาบรรณสัญญาประชาคม พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ไม่มีสัญญา ไม่ต้องสัญญาหรอก สัญญาประชาคมคือสิ่งที่เขาพูดออกมาในประเด็นที่สร้างสรรค์ นั้นคือสิ่งที่เป็นสัญญาของนักการเมืองกับประชาชน สัญญาเซ็นแล้วก็เบี้ยวได้หมด แต่สัญญากับประชาชนสำคัญ และอยากให้สื่อเข้าใจว่าหลักการของประชาธิปไตยมีอยู่อย่างเดียวคือ รัฐธรรมนูญเขียนเพื่อปวงชนชาวไทย ประกอบด้วยประชาชนหลายฝ่าย ทั้งเกษตรกร อุตสาหกรรม ซึ่งเวลาเรียกร้องกดดันรัฐบาลจะออกมาทีละกลุ่ม ไม่ได้เรียกว่าปวงชน แต่ก็อ้างรัฐธรรมนูญว่าทำได้หรือทำไม่ได้ แต่กฎหมายอื่นก็มีอยู่ เช่นห้ามชุมนุมด้วยความรุนแรง แต่ถ้าเป็นการรวมกลุ่มก็ต้องดูว่า ผิดกฎหมายตัวไหนหรือไม่ ต้องหาหลักคิดให้