วันจันทร์, กุมภาพันธ์ 20, 2560

'สมศักดิ์ เจียม' เผยเหตุที่อาจทำให้ พล.อ.ต.ชิตพงศ์ ทองกุม ถูกไล่ออก-ถอดยศล่าสุด





โอเค อย่างน้อย เราพอรู้แล้วว่า กรณีไล่ออก-ถอดยศล่าสุด คนที่เคยทำงานกับกษัตริย์ใหม่ อาจจะมีส่วนมาจากอะไร (สำหรับใครที่ยังไม่รู้เรื่อง ดูกระทู้ที่แล้ว goo.gl/GFIezr)

มี "มิตรสหายท่านหนึ่ง" ส่งลิงค์นี้มาให้ (ขอบคุณครับ) นี่คือวิดีโอที่ พล.อ.ต.ชิตพงศ์ ทองกุม แนะนำ-โปรโมทบริษัทริชก้าเวิลด์ของเขาและผลิตภัณฑ์ของบริษัท https://www.youtube.com/watch?v=QdXwNtPFAnI

ดูนาทีที่ 1:51-4:10 ผมถอดคำมาให้ดูแบบคำต่อคำ

".....ความเป็นมาที่เราต้องมาทำเป็นบริษัทริชก้าเฮิร์บเวิลด์เนี่ย เนื่องจากว่า ผมปฏิบัติหน้าที่เป็นแพทย์ที่ดูแลคลีนิคชิตพงศ์แพทย์แล้ว ผมยังทำหน้าที่เป็นแพทย์ประจำพระองค์อีกหน้าที่นึงนะครับ ในการถวายงานในตอนแรกเนี่ย พระโอสถที่ใช้ในวังส่วนใหญ่ก็จะประกอบด้วยสารเคมีเป็นส่วนใหญ่นะครับ กระทั่งมีมาวันนึงเนี่ย ผมได้รับการ เป็นคำสั่งให้ดูแล เกี่ยวกับเรื่องพระพักตร์ของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชนะครับ ท่านก็รับสั่งกับผมว่า นอกจากสารเคมีเนี่ย เรามีผลิตภัณฑ์อื่นซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากสารอินทรีย์หรือเรียกว่า 'ออร์แกนนิคเบสต์' หรือไม่ ผมก็ได้ทูลเกล้าถวายผลิตภัณฑ์ที่เป็นผลิตภัณฑ์ของบริษัทริชก้าเฮิร์บเวิลด์นี่แหละครับ ให้พระองค์ท่านได้ใช้นะครับ ภายหลังจากที่พระองค์ท่านได้ใช้ไปสักพักนึง พระองค์ท่านก็มีความพอใจ แล้วก็ได้รับสั่งกับผมว่า 'เนี่ย ในฐานะที่หมอมีสินค้าที่ดี แล้วก็ราคาไม่แพงแล้ว ทำยังไงล่ะ ถึงจะทำให้คนอื่นได้มีโอกาสได้ลองใช้ดูบ้าง' ผมก็ได้ทูลเกล้าถวายไป แล้วก็ได้ทูลว่า 'ถ้าอย่างนั้น ข้าพระพุทธเจ้าก็จะขอให้ข้าราชบริพารที่อยู่ในวังเนี่ย ได้มีโอกาสใช้ด้วย' พระองค์ท่านก็ยินดีที่เป็นแบบนั้นนะครับ หลังจากที่ใช้มาซักพักนึงแล้ว ทุกคนก็รู้สึกว่า มีความพอใจเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากสารอินทรีย์มากกว่าสารเคมีนะครับ เราก็เลยมีความคิดที่จะจัดตั้งบริษัท สำหรับกลไกที่จะให้เป็นไปตามพระราชประสงค์เนี่ย ก็ถึงนำให้เราไปสู่บริษัทขายตรงหรือที่เรียกว่าบริษัทเครือข่ายนี่นะครับ เพราะว่าเป็นกลไกการตลาดอย่างเดียวที่จะกระจายสินค้าให้ไปสู่ประชาชนได้มากที่สุด....."

สรุปคือ ข้อหาเรื่อง "ใช้อำนาจหน้าที่ในการแอบอ้างพระปรมาภิไธยเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว" และ "นำข้อมูลทางการแพทย์ในพระองค์ไปเปิดเผย" อาจจะหมายถึงเรื่องนี้ พูดแบบบ้านๆคือ นอกจากเอาชื่อไปโปรโมทบริษัทแล้ว พล.อ.ต.ชิตพงศ์ ยังไปเปิดเผยว่า พระบรมฯมีปัญหาเรื่องใบหน้า และใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้า
...

(ในคลิป คุณชิตพงศ์ เล่าสับสนอยู่บ้าง คือในขณะที่เล่าว่า ที่เขาตั้งเป็นบริษัท เกิดจากการได้ถวายสมุนไพรรักษาหน้าให้พระบรมก่อน แล้วพอพระบรมพอใจและแนะนำให้หาทางให้คนอื่นใช้ด้วย เขาจึงมาตั้ง แต่ตอนแรก ที่ว่าถวายสมุนไพรรักษาหน้า ก็เอ่ยว่าเป็น "ผลิตภัณฑ์บริษัทริชก้าเวิลด์" ราวกับว่ามีบริษัทแล้วตอนนั้น)

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
FB


Somsak Jeamteerasakul

ooo

ต้อนรับเข้าสู่ บริษัท ริชก้าเฮิร์บเวิลด์ จำกัด โดยท่านประธานกรรมการ




https://www.youtube.com/watch?v=QdXwNtPFAnI

ooo

โปรดเกล้าฯให้ปลด ผช.หัวหน้า สนง.ฝ่ายเสนาธิการในพระองค์ เหตุแอบอ้างพระปรมาภิไธย

Sun, 2017-02-19 19:25
ที่มา ประชาไท

โปรดเกล้าฯให้ถอดยศและเรียกคืนเครื่องราชฯ พล.อ.ต.ชิดพงศ์ ทองกุม ผู้ช่วยหัวหน้าสํานักงานฝ่ายเสนาธิการในพระองค์ แอบอ้างพระปรมาภิไธย เพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว ขาดจรรยาแพทย์และราชสวัสดิ์ นําข้อมูลทางการแพทย์ในพระองค์ไปเปิดเผย ลักพระราชทรัพย์





19 ก.พ. 2560 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศสํานักนายกรัฐมนตรี เรื่อง ให้ปลดนายทหารสัญญาบัตรออกจากราชการ ให้ถอดยศทหาร และเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นผู้รับสนองพระราชโองการ

โดยมีพระราชโองการโปรดเกล้าฯให้ปลด พล.อ.ต.ชิดพงศ์ ทองกุม ผู้ช่วยหัวหน้าสํานักงานฝ่ายเสนาธิการในพระองค์สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ฯ สยามมกุฎราชกุมาร หน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ ออกจากราชการ ให้ถอดยศทหาร และเรียกคืน เครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นประถมาภรณ์ช้างเผือก ประถมาภรณ์มงกุฎไทย ทวีติยาภรณ์ช้างเผือก ทวีติยาภรณ์มงกุฎไทย ตริตาภรณ์ช้างเผือก ตริตาภรณ์มงกุฎไทย จัตุรถาภรณ์ช้างเผือก และเหรียญจักรมาลา ตั้งแต่วันที่ 17 ก.พ.2560 เนื่องจากใช้อํานาจหน้าที่ในการแอบอ้างพระปรมาภิไธย เพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว ขาดจรรยาแพทย์และราชสวัสดิ์ นําข้อมูลทางการแพทย์ในพระองค์ไปเปิดเผย ลักพระราชทรัพย์ ซึ่งเป็นพระราชมรดกตกทอดอันศักดิ์สิทธิ์ ขาดเวรยาม ขัดคําสั่งผู้บังคับบัญชา และไม่ปฏิบัติตนให้เหมาะสมกับตําแหน่งหน้าที่ รวมทั้งหย่อนยานเพิกเฉยและละเว้นในการปฏิบัติหน้าที่ ประพฤติตนไม่ให้เป็นที่ไว้วางพระราชหฤทัย ทําให้เกิดความเสียหายอย่างยิ่งในราชการในพระองค์ ประกาศ ณ วันที่ 17 ก.พ.พ.ศ.2560