วันจันทร์, มกราคม 30, 2560

ไม่ปูด ก็รู้ ว่าแดกกัน... สหรัฐฯปูดอีกคดีสินบนในไทย ทั้ง บริษัทสุรา CCTV ในรัฐสภา และท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ





สหรัฐฯปูดอีกคดีสินบนในไทย ทั้ง บริษัทสุรา CCTV ในรัฐสภา และท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ

28 ม.ค. 2560
ที่มา CH7 News

เว็บไซต์กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ เผยแพร่การดำเนินคดีกับ "บริษัท ดิอาจีโอ บีแอลซี" ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตสุรารายใหญ่ของอังกฤษ แต่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหุ้นนิวยอร์ก โดยกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ พบว่า บริษัท ดิอาจิโอ ได้ละเมิดกฎหมายเอฟพีซีเอของสหรัฐฯ ด้วยการติดสินบนหลายประเทศรวมถึงประเทศไทยด้วย

การติดสินบนในประเทศไทยเกิดขึ้นระหว่างปี 2547 ถึงกลางปี 2552 ผ่านตัวแทนจำหน่ายสุราในประเทศไทย โดยจ่ายสินบนให้กับเจ้าหน้าที่พรรคการเมืองหนึ่ง และเจ้าหน้าที่รัฐบาลไทย เป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้น 6 แสนดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 24 ล้านบาท โดยเป็นการจ่ายตรง 49 ครั้งให้กับบริษัทที่ปรึกษาทางการเมือง ซึ่งมีเจ้าหน้าที่รัฐบาล เป็นผู้อำนวยการ เพื่อแลกกับการล็อบบี้เจ้าหน้าที่ในคดีความด้านภาษี และศุลกากรมูลค่าหลายล้านดอลลาร์สหรัฐฯ พร้อมระบุว่า เจ้าหน้าที่รัฐบาลไทยคนนี้ เคยดำรงตำแหน่ง ผู้ช่วยเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี ที่ปรึกษากระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และ เป็นคณะกรรมการบริหารพรรคการเมือง ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลในสมัยนั้น

นอกจากนี้ ยังสั่งลงโทษ บริษัท ไทโค อินเตอร์เนชั่นแนล ซึ่งเป็นบริษัทผู้ขายระบบรักษาความปลอดภัยอิเล็กทรอนิกส์ เป็นมูลค่ากว่า 26.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 1,072 ล้านบาท จากข้อหาละเมิดกฎหมายเอฟซีพีเอ โดยพบว่ามีการติดสินบนในประเทศไทยด้วย โดยเกิดขึ้นระหว่างปี 2547-2548 โดยเป็นการติดสินบนผ่านบริษัทลูกในประเทศไทยซึ่ง "ไทโค " ถือหุ้นอยู่ 49% ซึ่งจ่ายเงินให้กับที่ปรึกษารายหนึ่ง มูลค่า 292,286 ดอลลาร์สหรัฐฯ คิดเป็นเงินไทยเกือบ 12 ล้านบาท ในโครงการหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เป็นค่าที่ปรึกษา ทำให้บริษัทลูกในประเทศไทยได้กำไรจากโครงการนี้ เป็นเงิน 879,258 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือกว่า 35 ล้านบาท

และในช่วงเวลาเดียวกันนั้น บริษัทลูกของไทโคในไทย ยังจ่ายเงินจำนวนหนึ่งให้กับ "ที่ปรึกษาคนหนึ่ง" เพื่อให้ได้มาซึ่งสัญญาการติดตั้งกล้องวิดิโอวงจรปิด (ซีซีทีวี) ในรัฐสภาไทยด้วย จากการจ่ายสินบนเหล่านี้ ทำให้ "เอดีที ประเทศไทย" ได้รับกำไรจากโครงการต่าง ๆ เป็นมูลค่าราว 473,262 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 19 ล้านบาท