วันอาทิตย์, มกราคม 08, 2560

2560 ซบเซาต่อเนื่อง : โดย วีรพงษ์ รามางกูร





2560 ซบเซาต่อเนื่อง : โดย วีรพงษ์ รามางกูร

5 ม.ค. 60
ที่มา มติชนออนไลน์

สัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์แรกของปี 2560 เป็นวันแรกของการเปิดทำการของสถานที่ราชการและสำนักงานของเอกชน ปีที่แล้ว 2559 เป็นปีที่พวกเราคนไทยทุกคนล้วนเศร้าสร้อยไปกับเหตุการณ์หลายๆ อย่างที่เกิดขึ้น แม้จะคาดคิดเอาไว้แล้วก็ตาม แต่สิ่งที่เกิดขึ้นพร้อมๆ กันก็คือภาวะเศรษฐกิจที่ค่อนข้างเลวร้าย เป็นปีที่ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมได้ทยอยล้มหายตายจากกันเป็นลูกระนาด

ร้านตัดผม “ชายบาร์เบอร์” หน้าปากซอยอินทามระ 22 สี่แยกสุทธิสาร ซึ่งผมเคยใช้บริการกันมาครบ 30 ปีพอดี มีอันต้องล้มเลิกกิจการไป จากเมื่อก่อนเคยมีช่าง 5-6 คน มาปีที่แล้วเหลือช่างอยู่ 2 คน บัดนี้ต้องปิดตัวเองพร้อมด้วยภรรยาที่เปิดแผงขายผลไม้และเครื่องดื่ม กลับบ้านที่ชัยภูมิตั้งแต่ต้นเดือนธันวาคมปี 2559 จนบัดนี้ยังไม่ได้ทำอะไร ต้องไปหาช่างตัดผมคนใหม่ สมัยวิกฤตการณ์ “ต้มยำกุ้ง” อยู่รอดมาได้ แต่ครั้งนี้ไม่รอด เพราะลูกค้าลดลง และพอเข้าร้านมาก็ตัดผมอย่างเดียว ไม่ให้สระ ไม่ให้ย้อมผม ไม่ให้แคะหู ร้านตัดผมก็เลยแย่ ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมก็คงจะเหมือนกับร้านตัดผมชายบาร์เบอร์เหมือนกัน

เศรษฐกิจซบเซา เนื่องจากการส่งออกหดตัว นักท่องเที่ยวชาติอื่นไม่มี เหลือแต่นักท่องเที่ยวจีน เมื่อถูกกล่าวหาว่าเป็น “ทัวร์ศูนย์เหรียญ” นักท่องเที่ยวจีนจึงหายไปครึ่งหนึ่ง ธุรกิจที่ต่อเนื่องจากธุรกิจท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นสายการบิน โรงแรม รถทัวร์ ร้านขายอัญมณี ของที่ระลึก ธุรกิจอื่นๆ ก็พลอยซบเซาไปด้วย และก็คงจะต่อเนื่องจากเทศกาลปีใหม่ไปเทศกาลตรุษจีนและสงกรานต์ในปี 2560 นี้ด้วย

เมื่อการส่งออกหดตัว ธุรกิจผลิตเพียงครึ่งเดียวของกำลังการผลิต การลงทุนขยายกิจการคงไม่มี เงินทุนต่างชาติหันไปลงทุนประเทศอื่น เช่น เวียดนาม มาเลเซีย อินโดนีเซีย เพราะไม่มั่นใจว่าสินค้าประเทศไทยยังจะได้รับการลดภาษีขาเข้าในยุโรปและอเมริกาหรือไม่ ทำให้ราคาสินค้าหลักของเรา เช่น ข้าว ข้าวโพด มันสำปะหลัง ยางพารา อ้อยและน้ำตาล พากันตกหมด เมื่อราคาสินค้าเกษตรตก กำลังซื้อของชาวบ้านซึ่งเป็นฐานหรือตลาดสำคัญของอุตสาหกรรม ทั้งที่เป็นอุตสาหกรรมส่งออกหรือทดแทนสินค้านำเข้า โยงกันไปหมด

เมื่ออุตสาหกรรมหดตัว ธุรกิจขาดทุน ก็ต้องรณรงค์ให้ลด “ค่าใช้จ่าย” ของบริษัท ค่าใช้จ่ายแรกที่บริษัทห้างร้านตัดก็คืองบโฆษณา ธุรกิจโฆษณาเป็นธุรกิจแรกที่ถูกกระทบเมื่องบโฆษณาถูกตัด ธุรกิจที่อยู่ได้เพราะโฆษณามีหลายอุตสาหกรรม แต่อุตสาหกรรมที่สำคัญคืออุตสาหกรรมบันเทิง เช่น วิทยุ โทรทัศน์ สื่อมวลชน ธุรกิจประเภทนี้จึงถูกกระทบกระเทือนอย่างหนัก

ขณะที่เศรษฐกิจซบเซา ค่าใช้จ่ายในการโฆษณาถูกตัด ขณะเดียวกับการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีที่พัฒนามาสู่ “ดิจิทัล” ทำให้พฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนไป เปลี่ยนการอ่านจากกระดาษไปสู่การอ่านจากจอคอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์มือถือ

ข่าวการปิดตัวลงของหนังสือพิมพ์บ้านเมืองหลังจากทำหน้าที่สื่อมานานกว่า 40 ปี ทำให้นึกถึงเพื่อนนักข่าวและคอลัมนิสต์ โดยเฉพาะ “เจ้คณิต” ที่คุ้นเคยกันมานาน ปีใหม่นี้ก็คงจะมีอีกหลายฉบับที่คงจะทนอยู่ไม่ได้ การแย่งตัวบุคลากรในธุรกิจบันเทิงและสื่อสารมวลชนเมื่อคราวเปิดประมูลทีวีดิจิทัลก็คงจะกลายเป็นตำนานไปแล้ว พรรคพวกที่ทำงานสื่อทั้งหนังสือพิมพ์ โทรทัศน์ วิทยุ ถ้าจะเดินทางไปไหนให้เอาเก้าอี้ที่สำนักงานไปด้วย เพราะเมื่อกลับมาอาจจะไม่มีเก้าอี้ให้นั่งทำงานแล้วก็ได้ เพราะธุรกิจที่เคยยืนอยู่ได้ด้วยรายได้ค่าโฆษณาและเงินเพิ่มทุนของเจ้าของกิจการ ปี 2560 นี้น่าจะหนักหน่วงกว่าปี 2559

ที่ปากซอยหน้าบ้าน มีรถเข็นแผงลอยที่สามารถหลบเทศกิจเกิดเพิ่มขึ้นเท่าตัว เคยออกมานั่งรับประทานข้าวต้มตอนดึกและสัมภาษณ์เจ้าของแผงลอย ได้ความว่าเคยทำงานในบริษัทแต่บริษัทลดจำนวนพนักงานก็เลยหันมาทำธุรกิจขายข้าวต้มตอนกลางคืน ส่วนกลางวันก็ทำงานรับจ้างทั่วไป แรงงานพม่า ลาว เขมร กะเหรี่ยง ที่ทำงานก่อสร้างแทนแรงงานไทยก็มีงานน้อยลง และกำลังพิจารณาว่างานที่บ้านอาจจะมีมากขึ้น หลังจากที่ออง ซาน ซูจี ชนะการเลือกตั้ง พม่าจะเปิดประเทศและมีการเจรจาสงบศึกกับชนกลุ่มน้อย เช่น ไทยใหญ่ คะฉิ่น ฉาน แต่การสู้รบยังมีอยู่ก็ยังไม่กล้ากลับบ้าน เพราะกลัวพม่าจะเกณฑ์ไปเป็นทหาร ไร่นาสาโทก็ถูกครอบครัวทหารพม่ายึดเอาไปแล้ว เพราะพม่ามีกฎหมายว่า ไร่นาที่ไม่มีใครทำ ทางการยึดคืนไปให้คนอื่นทำได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าตอบแทน ส่วนมากก็ยึดจากคนชาติพันธุ์อื่นไปให้พม่าทำ

ปี 2560 จึงเป็นปีที่แรงงานจากประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากพม่ามีความลำบากมากขึ้น หลายคนก็กลายเป็นคนไทยไปแล้ว โดยการเป็นพ่อค้าแม่ค้าในตลาดนัด เป็นผู้ช่วยแม่บ้าน เป็นแรงงานรับจ้างทั่วไป แต่ก็ไม่แน่ใจว่าปีใหม่นี้จะมีงานให้ทำหรือไม่ สถานการณ์อย่างนี้ไม่เคยเกิด แต่เริ่มเกิดขึ้นเมื่อปี 2559 และคงจะรุนแรงขึ้นในปี 2560 นี้

การที่แรงงานต่างชาติทยอยกันกลับบ้าน จึงไม่ใช่เนื่องมาจากมีงานที่บ้านเขามากขึ้น แต่เป็นเพราะมีงานก่อสร้างที่บ้านเราน้อยลง เมื่อมีงานก่อสร้างที่บ้านเราน้อยลง ก็คงจะกระทบต่ออุตสาหกรรมที่ผลิตวัสดุก่อสร้าง ไม่ว่าจะเป็นปูนซีเมนต์ เหล็กเส้น และอื่นๆ เป็นลำดับ ส่วนโครงการโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐบาลที่ได้ผ่านคณะรัฐมนตรีแล้ว กว่าจะได้ลงนามในสัญญาก่อสร้างและได้ลงมือก่อสร้าง ก็คงต้องใช้เวลาไม่น้อยกว่า 6 เดือนถึงหนึ่งปีเป็นอย่างน้อย เม็ดเงินที่จะออกไปถึงประชาชนคงต้องใช้เวลาอีกนาน ระบบราชการของเราเป็นระบบที่หยุดนิ่งถ้าไม่มีการเร่งรัดจากฝ่ายการเมือง แต่เนื่องจากขณะนี้ฝ่ายการเมืองมาจากข้าราชการประจำ การเร่งรัดติดตามจึงไม่มี เพราะไม่มีแรงกดดันจากสื่อมวลชนและประชาชนโดยทั่วไป

หลายคนคาดหวังว่าเศรษฐกิจของโลกและของจีนจะฟื้นตัวอย่างเดียวกับที่เกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกา อันสืบเนื่องมาจากอเมริกาค้นพบเทคโนโลยีใหม่ในการขุดเจาะก๊าซธรรมชาติและน้ำมันมาใช้ ทำให้อเมริกาไม่ต้องนำเข้าน้ำมันจำนวนมหาศาลจากตะวันออกกลาง ผลปรากฏว่าการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของอเมริกาไม่ได้ส่งผลมาถึงยุโรปและเอเชียเลย เศรษฐกิจของยุโรปยังอยู่ในสภาพย่ำแย่อยู่ตามเดิม ยังไม่มีสัญญาณอะไรที่จะแสดงให้เห็นว่าปัญหาหนี้สาธารณะของประเทศในสหภาพยุโรปก็ดี ในประเทศยุโรปตะวันตกนอกสหภาพยุโรปก็ดี ยังไม่มีทีท่าว่าปัญหาจะลดน้อยถอยลง ประเทศที่ขาดดุลบัญชีเดินสะพัดก็คงขาดดุลต่อไป ที่อยู่ได้ก็โดยการออกพันธบัตรกู้ยืมเงินจากประเทศที่แข็งแรงในสหภาพ เช่น เยอรมนี ฝรั่งเศส ต่อไปปัญหานี้ประชาชนและรัฐสภาของเยอรมนีและฝรั่งเศสจะยอมให้รัฐบาลเยอรมันตั้งงบประมาณจากภาษีอากรของราษฎรไปซื้อพันธบัตรอุ้มชูประเทศที่ไม่ยอมปรับปรุงประสิทธิภาพในการแข่งขัน หรือไม่ก็ลดการขาดดุลทางการคลังลงโดยการขึ้นภาษี ลดงบประมาณรายจ่ายโดยเฉพาะอย่างยิ่งรายจ่ายในเรื่องสวัสดิการการว่างงาน สวัสดิการการรักษาพยาบาล การศึกษา และอื่นๆ ซึ่งจะก่อให้เกิดปัญหาทางการเมือง การออกมาเดินขบวนประท้วง จนรัฐบาลอาจจะอยู่ไม่ได้ ถ้ายังต้องทำตามหนังสือแสดงความจำนงกับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ แบบเดียวกับที่เราเคยประสบมาแล้วเมื่อต้องใช้เงินกู้ในกองทุนการเงินระหว่างประเทศหรือไอเอ็มเอฟ

ด้วยเหตุนี้ จึงไม่ต้องหวังว่าเศรษฐกิจของยุโรปซึ่งเป็นตลาดส่งออกที่สำคัญ แม้ว่าจะมีความสำคัญน้อยลงตามลำดับคือเหลือเพียงประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ของการส่งออกของเราก็ตาม

ตลาดที่ใหญ่และสำคัญของเราในขณะนี้ก็คือจีนและอาเซียน สำหรับจีนนั้นการขยายตัวของการส่งออกสินค้าและบริการเริ่มชะลอตัวลง เนื่องจากตลาดสำคัญของจีนคือสหรัฐอเมริกาและยุโรป การที่สหรัฐมีแหล่งปิโตรเลียมของตนเองได้ทำให้อุตสาหกรรมปิโตรเคมีของอเมริกากลับฟื้นคืนชีพมาใหม่ อเมริกาก็หันไปลงทุนในทวีปอเมริกาทั้งเหนือและใต้แทนยุโรปและเอเชีย ทำให้การขยายตัวของการส่งออกไปอเมริกาของจีนชะลอตัวลง ขณะเดียวกันการส่งออกไปยุโรปก็ถึงจุดอิ่มตัวแล้ว

จีนจึงหันมาเน้นเรื่องการลงทุนภายในประเทศ ไม่ใช่การลงทุนในต่างประเทศแบบญี่ปุ่นหรือไต้หวัน จีนมุ่งเคลื่อนย้ายอุตสาหกรรมจากพื้นที่ชายทะเลเข้าไปสู่พื้นที่ภายในประเทศทางด้านตะวันตก ไปจนถึงเสฉวน ยูนนาน ไปจนถึงทิเบต เงินทุนที่สะสมมาจากการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดของจีนจึงไม่ช่วยให้เกิดการลงทุนในประเทศไทยและประเทศอื่นในอาเซียนมากนัก แนวโน้มเช่นว่ายังจะดำรงอยู่ในปี 2560 นี้ และจะยังคงเป็นต่อไปในอีก 5-6 ปีข้างหน้า
การลงทุนของจีนในบ้านเรามีไม่มากพอที่จะทำให้เรารู้สึกได้ ไม่เหมือนกับญี่ปุ่น

การขายฝันว่าเศรษฐกิจของปีนี้จะต้องดีกว่าปีที่แล้ว เป็นสิ่งจำเป็นที่รัฐบาลต้องทำเพื่อขวัญและกำลังใจของประชาชน แต่ความจริงจะเป็นอย่างไรก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ถ้าจะย้อนกลับไปดูว่า ก่อนสิ้นปี 2558 เคยได้ยินว่าอย่างไร แล้วจริงๆ ในปี 2559 เป็นอย่างที่พูดหรือไม่

เป็นเรื่องที่เราต้องประเมินกันเอาเอง