วันศุกร์, มกราคม 06, 2560

อัยการทหารสั่งฟ้องคดี ม.112 “ช่างตัดแว่นตาเชียงราย” ต่อศาลทหารแล้ว โพสต์พระฉายาลักษณ์ของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช จำนวน 2 ภาพ




นายสราวุทธิ์ขณะประกอบอาชีพตัดแว่นสายตา


อัยการทหารสั่งฟ้องคดี ม.112 “ช่างตัดแว่นตาเชียงราย” ต่อศาลทหารแล้ว


มกราคม 5, 2017
By TLHR
สมาคมทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน


เมื่อวันที่ 29 ธ.ค.59 อัยการศาลมณฑลทหารบกที่ 37 ได้สั่งฟ้องคดีของนายสราวุทธิ์ (สงวนนามสกุล) ช่างตัดแว่นตาในจังหวัดเชียงราย ในข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 ต่อศาลมณฑลทหารบกที่ 37 ภายหลังจากครบฝากขังผู้ต้องหาในชั้นสอบสวน จำนวน 7 ผัด และพนักงานสอบสวนส่งสำนวนให้อัยการทหารก่อนหน้านี้แล้ว โดยคดีนี้เจ้าหน้าที่ฝ่ายข่าวกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย มณฑลทหารบกที่ 37 เป็นผู้แจ้งความร้องทุกข์เอาไว้

คำฟ้องของอัยการทหารว่าเมื่อวันที่ 21 ก.ค.59 เวลากลางวัน จำเลยได้หมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ์ สยามมกุฎราชกุมาร องค์รัชทายาทในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 9 ราชวงศ์จักรี โดยจำเลยได้นำเข้าข้อมูลสู่ระบบคอมพิวเตอร์ โดยการโพสต์พระฉายาลักษณ์ของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ซึ่งมีจำนวน 2 ภาพ เรียงต่อกันซ้ายและขวาในลักษณะเปรียบเทียบให้เห็นว่าภาพด้านซ้ายซึ่งเป็นภาพของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ในอิริยาบถเป็นการส่วนพระองค์ ลักษณะทรงยืนรับการถวายความเคารพจากเจ้าหน้าที่ คู่กับสุภาพสตรีไม่ทราบว่าเป็นบุคคลใด กับภาพด้านขวาที่ทับซ้อนกับภาพด้านซ้าย บางส่วนเป็นพระฉายาลักษณ์ของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช พร้อมกับโพสต์ข้อความว่า “ทรงพระเท่มากพะยะค่ะ” ในบัญชีเฟซบุ๊กส่วนตัว

คำฟ้องยังระบุว่าจำเลยได้โพสต์โดยตั้งค่าเป็นการแชร์ต่อสาธารณะ ซึ่งบุคคลทั่วไปสามารถเห็นภาพและข้อความดังกล่าวได้ และได้มีเพื่อนสมาชิกเข้ามาแสดงความเห็นถูกใจ (Like) จำนวนมาก เป็นการกระทำที่ไม่บังควรต่อสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ซึ่งพระองค์ทรงเป็นรัชทายาท อันเป็นที่เคารพสักการะ อยู่เหนือการติชมทั้งปวง และจะละเมิดมิได้ เป็นการใส่ความต่อบุคคลที่สาม โดยไม่ชอบด้วยกฎหมายและโดยประการที่น่าจะทำให้เสื่อมเสียพระเกียรติคุณ ทรงถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชัง อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร และเผยแพร่หรือส่งต่อซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์

เบื้องต้น นายสราวุทธิ์ระบุว่าตนไม่ได้โพสต์ในลักษณะเดียวกับที่คำฟ้องคดีระบุ และยืนยันจะต่อสู้คดีต่อไป โดยศาลทหารได้นัดหมายสอบถามคำให้การในคดี ในวันที่ 7 ก.พ.60 นี้

นายสราวุทธิ์ ปัจจุบันอายุ 32 ปี เปิดกิจการรับตัดแว่นและขายแว่นสายตาในจังหวัดเชียงราย เขาและภรรยามีลูกด้วยกัน 2 คน คนโตอายุ 5 ปี และคนเล็กอายุ 6 เดือน สราวุทธิ์เคยเข้าร่วมชุมนุมกับคนเสื้อแดงในช่วงปี 2553 แต่ไม่ได้เคลื่อนไหวทางการเมืองภายใต้สังกัดกลุ่มใด โดยมากเป็นการแสดงความคิดเห็นในโลกออนไลน์ โดยตลอดสองปีกว่าที่ผ่านมาหลังการรัฐประหาร สราวุทธิ์ถูกเรียกตัวเข้าพูดคุยในค่ายทหารและถูกเจ้าหน้าที่เดินทางไปพบที่บ้านมากกว่า 10 ครั้ง และยังเคยถูกดำเนินคดีข้อหาฝ่าฝืนประกาศ คสช.ที่ 7/2557 เรื่อง ห้ามชุมนุมทางการเมือง จากกรณีที่สราวุทธิ์ได้ไปชูป้ายในพื้นที่เชียงราย เรียกร้องให้มีการปล่อยตัวผู้ทำกิจกรรมกินแมคโดนัลด์ต้านรัฐประหารที่ถูกคุมตัวไปภายในค่ายทหาร คดีนี้ศาลทหารได้พิพากษาให้จำคุก 6 เดือน ปรับ 10,000 บาท โดยให้รอการลงโทษจำคุกไว้เป็นเวลา 1 ปี

ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 26 ส.ค.59 นายสราวุทธิ์ ได้ถูกเจ้าหน้าที่ทั้งทหาร ตำรวจ และเจ้าหน้าที่จากปอท. เข้าตรวจค้นที่บ้านพัก พร้อมกับตรวจยึดเครื่องคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ และแฟลชไดรฟ์ไป หลังจากนั้นพนักงานสอบสวนจึงได้มีการเรียกตัวนายสราวุทธิ์ไปแจ้งข้อกล่าวหาที่สภ.เมืองเชียงราย เมื่อวันที่ 11 ต.ค.59 ก่อนที่จะถูกนำตัวไปขออำนาจศาลทหารในการฝากขัง โดยนายสราวุทธิ์ไม่ได้รับการประกันตัว หลังจากญาติยื่นขอประกันตัวจำนวน 3 ครั้ง

จนภายหลังจากครบฝากขังในผัดที่ 4 ญาติของนายสราวุทธิ์ได้ยื่นขอประกันตัวเป็นครั้งที่ 4 เมื่อวันที่ 17 พ.ย.59 และศาลทหารได้อนุญาตให้ประกันตัวผู้ต้องหา ด้วยหลักทรัพย์ 1 แสนบาท ทำให้เขาได้รับการปล่อยตัวในระหว่างต่อสู้คดี หลังจากถูกคุมขังในเรือนจำเป็นเวลา 38 วัน


เรื่องที่เกี่ยวข้อง

ศาลทหารไม่ให้ประกันคดี 112 ช่างตัดแว่นเชียงรายโพสต์ภาพพระบรมฯ
ศาลทหารอนุญาตให้ประกันตัว ‘สราวุทธิ์ ช่างตัดแว่นเชียงราย’ คดีม.112 หลังนอนคุก 38 วัน