วันศุกร์, ธันวาคม 09, 2559

พยาธิร้ายที่กร่อนกินจิตวิญญานแห่งมนุษยชาติในประเทศไทยขณะนี้เป็น ยุคแห่งการกดขี่ข่มเหงในทางกฎหมายต่อประชาชนที่เห็นต่าง





เห็นที่ อจ.ชาญวิทย์ เขียนต้อนรับ อจ.ตุ้ม สุดสงวน สุธีสร ตอนออกจากคุกแล้วใจระเหี่ย

“Charnvit Kasetsiri shared ตรีชฎา ศรีธาดา channel's live video.
17 hrs ·
Welcome back to a bigger cage
ยินดีต้อนรับ อ.ตุ้ม สู่กรงที่ใหญ่กว่า ข้างนอก ครับ”

ข้อหาต่อ อจ.ตุ้ม ที่ทำให้ต้องไปนอนคุกหนึ่งเดือนก็คือ ‘หมิ่นประมาท’ คนสำคัญ ไม่ว่าจะอยู่ในในบริหารหรือฝ่ายตุลาการ ไม่เพียงแต่พระมหากษัตริย์ พระราชินี องค์รัชทายาท และผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ตามเนื้อถ้อยตัวบทมาตรา ๑๑๒ ของกฎหมายอาญาเท่านั้น

ตั้งแต่ คสช. ครองเมืองเป็นต้นมาเกือบสามปี มันเป็นพยาธิร้ายกร่อนกินจิตวิญญานแห่งมนุษยชาติในประเทศไทยลึกเข้าไปยิ่งขึ้นทุกวัน ในความหมายของ deep state (ที่ ‘ฟ้าเดียวกัน’ เรียกว่า ‘รัฐพันลึก’) ก็ว่าได้

การวิพากษ์วิจารณ์และประท้วงเรียกร้องสิทธิความเสมอภาค มักจะถูกคณะทหาร คสช. เอาข้อหาบ่อนทำลายและก่อกวนความสงบยัดให้ด้วย กฎหมายอาญามาตรา ๑๑๖ และ พรบ.คอมพิวเตอร์ ซึ่งต่อไปจะยกระดับเป็นกฎหมายที่ใช้กำกับการดำเนินชีวิตประจำวันของประชาชนเข้มงวดยิ่งขึ้น

จึงไม่แปลกถ้าจะเรียกยุค คสช. ว่าเป็นยุคแห่งการกดขี่ข่มเหงในทางกฎหมายต่อประชาชนที่เห็นต่าง

การปรับทัศนคติ และการควบคุมตัวตอนวันศุกรโดยยังไม่มีข้อหาเพื่อให้ติดเสาร์-อาทิตย์ ต้องนอนคุกนอนตะรางสามคืนไม่สามารถประกันตัวได้จนถึงวันจันทร์ กลายเป็นเพทุบายกลั่นแกล้งที่พวกสนับสนุนรัฐประหารยุยงให้ คสช. นำออกใช้กับฝ่ายตรงข้ามของตนมากๆ

รายงานของ ‘ประชาไท’ เมื่อวานเรื่องผู้ใช้โซเชียลมีเดีย “ไปกดไลก์ กดแชร์โพสต์ที่หมิ่นเหม่ต่อสถาบันพระมหากษัตริย์” จึงถูกตำรวจโทรศัพท์ไปก่อกวนคุกคามมากมาย ฐานที่เป็นผู้ติดตามอ่านโพสต์ของ ดร.สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล นักประวัติศาสตร์ซึ่งลี้ภัยการเมืองอยู่ในประเทศฝรั่งเศสและมีผู้ติดตามอ่านข้อเขียนบนเฟชบุ๊คของเขาเป็นประจำเกือบ ๓ แสนราย

ประชาไทยังรายงานถึงการเรียกประชาชนบางคนไปปรับทัศนคติโดย คสช. อีกหลายพื้นที่ ซึ่งยังดำเนินอยู่กระทั่งขณะนี้ “อีกรายหนึ่งเป็นเพศชาย อาศัยอยู่ในกรุงเทพมหานคร โดยเขาถูกเรียกตัวไปพบกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่กองปราบปราม หลังจากกดไลก์โพสต์สเตตัสของ สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล”

ก่อนหน้านี้ที่สุโขทัยก็มีชายวัย ๒๓ ปี ถูกนำตัวไปสอบสวนเพราะกดไล้ค์ติดตามเฟชบุ๊คของ ‘สมศักดิ์ เจียมฯ’ เช่นเดียวกับอีกสองรายที่ประจวบคีรีขันธุ์และสมุทปราการ

(http://www.prachatai.org/journal/2016/12/69155)

เท่านี้ละหรือสำหรับรัฐบาล คสช. ที่ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าใหญ่ได้แต่ครื้นเครงกับการเต้นแอโรบิค จนหนังสือพิมพ์เดอะนิวยอร์คไทมส์เรียกว่า ‘the master of aerobic chief’





ขณะที่ภาคใต้ประสพอุทกภัยอย่างหนักทั่วทั้งพื้นที่ ขนาดมีภาพสุนัขพากันหนีน้ำไปติดอยู่บนหลังคาบ้าน พร้อมทั้งบรรยายภาพว่าพวกตูบเหล่านั้นเขาถามหา ‘ลุง’ กัน

อีกภาพเคลื่อนไหวจากพัทลุง เห็นกระบือจำนวนนับสิบๆ พากันลอยคอว่ายหนีน้ำหลากติดยอดไม้ไปหาถนนที่สูง ขณะที่นายกฯ ของคนดีทั้งหลายไปร่วมงาน ปราบคอรัปชั่น เต้นแอโรบิคเก๋ไก๋อีกเหมือนกัน





เจ้าหน้าที่รัฐ โดยเฉพาะพวกสังกัด ‘ความมั่นคง’ ตอนนี้กำลังเคร่งเครียดประชุมวางแผนสนธิกำลังเป็นการใหญ่ มุ่งมาดตะล่อมจับพระอาพาตหนึ่งองค์ ที่ได้รับความนิยม มีศานุศิษย์ล้นหลาม

ส่วนพระอีกองค์ซึ่งเป็นที่ยกย่องเหลือหลาย (ประเภทลงนะหน้าทองของวัดอ้อน้อยที่เคยดัง เดี๋ยวนี้ต้องชิดซ้าย) ชำนาญการลงเลขเสกยันตร์ โด่งดังด้วยชัยชนะของดอแนลด์ ทรั้มพ์ ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ

ไม่ทราบว่าเจ้าตัวเป็นปลื้มแค่ไหน แต่ลูกศิษย์ ‘เจ้าคุณธงชัย’ เชื่อหัวปักหัวปำว่า ถ้าไม่ได้ธงม่วงของท่านละก็นายดอแนลด์ต้องปิ๋ว

หน่วยงานของรัฐอย่างกรมการขนส่งทางบก จึงต้องนำแผ่นป้ายทะเบียนรถเลขสวย หมวด ๔ กก ไปให้ท่านปลุกเสกเพื่อความขลังของปีไก่ แล้วจะได้นำออกประมูลเป็นรายได้อูฟู

(http://www.thairath.co.th/content/806317)





นี่แหละวิธีการขับเคลื่อนประเทศตามแบบรัฐบาลตะหาน ทั้งๆ ที่ก็ยังมีรายงานเกี่ยวกับเจ้าหน้าที่รัฐมีรายได้พิเศษนอกเหนือจากเงินเดือนปกติ ชนิดมีที่มาไม่ต้องทำนองคลองธรรม อยู่ไม่วาย

รายหนึ่งเป็นถึงอดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ปัจจุบันเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ มีรายได้พิเศษจากการ“เป็นที่ปรึกษาบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ตั้งแต่ปี ๒๕๕๘ ได้เงินเดือน ๆ ละ ๕๐,๐๐๐ บาท โดยในช่วงที่ผ่านมามีรายได้รวม ๔๒ ล้านบาท”

(http://www.isranews.org/…/investi…/item/52388-sanitlloo.html)





โดยเฉพาะบริษัทไทยเบฟนี่มีที่ปรึกษาคนสำคัญ ตามที่ Thanapol Eawsakul เขียนถึงไว้ว่า

“ข่าวนี้มาจากคุณลัดดา ตอนที่เบียร์ช้างเข้าตลาดหุ้นแล้วลัดดาบอกว่า จำลองไปต้านทำไม เปรมเป็นที่ปรึกษาไทยเบฟไม่รู้หรือ”

และ “ถ้าศานิตย์ มหถาวร เป็นแค่ ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) ยังได้เงินจาก ไทยเบฟของ เสี่ยเจริญ สิริวัฒนภักดี เดือนละ ๕๐,๐๐๐ บาท แล้วคิดว่าคนอื่น ๆ จะได้เท่าไหร่”

อ่า...คนอื่นๆ นี่ ถ้าไม่ใช่ ‘ป๋าอุ่นใจ’ น่าจะได้คนละ ไม่ ๓ พัน ก็พันห้า ถ้ามีรายชื่ออยู่ในจำนวนประชากรยากจน ๘.๓ ล้านคน ที่รัฐบาล คสช. เค้าเห็นใจ ต้องการช่วยจริงๆ

(https://www.thairath.co.th/content/806051)

นี่ รมว.คลังยืนยัน “ไม่ได้แจกเงินเป็นของขวัญปีใหม่หรอกนะ” แต่ให้จริง จะได้มีเงินสดจับจ่ายเถลิงศกรัชกาลใหม่