วันเสาร์, ธันวาคม 31, 2559

วันนี้ส่งท้ายปี ‘ลิง’ จับหลัก ต้อนรับปี ‘ไก่’ ตาแตก





วันนี้ส่งท้ายปี ‘ลิง’ จับหลัก ต้อนรับปี ‘ไก่’ ตาแตก

คสช.และลิ่วล้อออกมาให้ของขวัญกันสนุก โดยเฉพาะหัวหน้าเจาะจงมอบแก่สื่อ “ร่วมสร้างสรรค์งานกับรัฐบาล”

เป็นนัยยะสำคัญว่าต้องเจอกันอย่างน้อยๆ ทั้งปีหน้า ๒๕๖๐ อย่างหนักๆ มีต่ออีกสี่ซ้าห้าปี อย่างดีเลิศเลอก็โน่นละ ตลอดยุทธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปี

ประชาชนคนอื่นๆ ที่กำลังแบ้บเรื่องปากเรื่องท้องไม่ค่อยจะพอมีกิน คงต้องทำใจไว้หน่อย เพราะนี่เพิ่งมีราชกิจจานุเบกษาออกมา กำหนดแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับใหม่ ที่ ๑๒ สำหรับ ๕ ปีข้างหน้า

“สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ได้จัดทำบนพื้นฐานของยุทธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๗๙)” มุ่งหมาย “ปรับโครงสร้างประเทศไทยไปสู่” การเป็น ประเทศไทย ๔.๐

รายละเอียดของแผนฯ ยาว ๒๑๕ หน้า (http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2559/A/115/1.PDF)

จะทำให้ไปถึงเป้าหมาย “การพัฒนาที่ยั่งยืน” (Sustainable Development) ได้ไหมยังไม่อาจรู้ได้ เพราะแม้แต่ Thailand 4.0 ที่ว่าจะเป็นสวรรค์ของเศรษฐกิจดิจิทัล Start-ups ก็ยังมีแต่ความคลางแคลง

ไหนจะจำกัดเสรีภาพในการสื่อสาร การแสดงออก และการวิพากษ์วิจารณ์ แล้วยังกำกับการคิด การปฏิบัติของประชาชนและเยาวชนเสียอีก

น่าห่วงกว่านั้น แผนพัฒนา ๕ ปีข้างหน้า กำหนดไว้แต่ต้นเลยว่า เอาแค่พอเพียง “โดยได้น้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง มาเป็นปรัชญานำทางในการพัฒนาประเทศ ต่อเนื่องจากแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ ๙–๑๑”

นอกจากพอเพียงแล้วยังต้อง ‘รอ’ ให้ คสช.และลิ่วล้อ ‘เสร็จงาน’ เสียก่อน ส่วนจะเร่งให้เสร็จเร็วอย่างที่ ‘ป๋า’ แนะ นั่นอย่าถาม เพราะมันทำให้ทั่นตู่ฉุน

เป็นอันว่าต้องรอกันอีกปีครึ่งอย่างน้อย กว่าจะเข้ารอยได้เลือกตั้งกัน ทั้งนี้ทั้งนั้นเพราะ สนช. ทั่นงานเยอะ





นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ “เริ่มออกลาย” (ขอยืมคำของ Thanapol Eawsakul มาอธิบายหน่อย) อ้างว่าปีหน้า “มีงานสำคัญ” ต้องออกกฎหมายเหนาะๆ นับร้อยๆ ฉบับ

คือมี “พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญจำนวน ๑๐ ฉบับ รวมไปถึงกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีกประมาณ ๕๐ ฉบับ รวมแล้วประมาณ ๖๐ ฉบับ...

นอกจากนี้ยังมีกฎหมายที่คณะรัฐมนตรีมีมติเร่งรัดเป็นพิเศษอีก ๔๑ ฉบับ รวมในส่วนนี้ทั้งหมดแล้วจะมีประมาณ ๑๐๐ ฉบับ

และยังมีกฎหมายที่อยู่ในบัญชีตามโรดแมปของคณะรัฐมนตรีอีกมากกว่า ๑๐๐ ฉบับ ซึ่งตรงนี้เป็นภารกิจของ สนช.ทั้งหมดในปี ๒๕๖๐”

(http://www.matichon.co.th/news/411450)

นายสุรชัยอ้างอีกว่าการพิจารณาร่างกฎหมายบางอย่าง ประมาณ ๒๐ เปอร์เซ็นต์ล่าช้า เพราะว่าถกเถียงกันมาก และยอมรับว่า “กฎหมายที่เข้าสู่ สนช.ส่วนใหญ่จะเป็นกฎหมายเกี่ยวกับการปรับการทำงานของส่วนราชการ” เป็นเหตุให้ไม่ค่อยมีผลงานการปฏิรูปในเชิงโครงสร้าง

เลยทำให้ไม่สามารถยืนยันได้ว่าจะมีการเลือกตั้งได้ตามโร้ดแม็พหรือไม่ นอกจากนั้น “เพราะไม่ได้มีหน้าที่จัดการเลือกตั้ง”

ทั่นรองประธาน สนช. ยังมัวแต่ครุ่นคิดว่า “จะทำอย่างไรไม่ให้เกิดประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญเหมือนในอดีตที่ผ่านมา ซึ่งการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นหนึ่งในปัจจัยที่นำไปสู่วิกฤตของบ้านเมือง”

ตรงนี้ของคอมเม้นต์นิด ว่าทั่น ‘เลี้ยงบุญเลิศ’ เพียงแค่คิดก็ผิดแต่ต้นเสียแล้ว

รัฐธรรมนูญนั้นที่ไหนๆ ในโลกเขายอมรับว่าย่อมแก้ไขได้ทั้งนั้น แม้จะพยายามคงต้นฉบับดั้งเดิมไว้ แต่ก็เพิ่มบทแก้ไขห้อยท้ายเติมเข้าไปอีกเป็นสิบๆ ฉบับได้ อย่าง รธน.ของสหรัฐอเมริกา

ฉะนั้น อย่าดีแต่อ้างภารกิจโน่นนี่ที่ คสช. สั่งมา การที่บ่าวต้องทำตามคำสั่งนายไม่ใช่เรื่องสร้างสรรอันใดนักหนา

มิหนำซ้ำยังมีสมาชิกสภาลิ่วล้อ คสช. ของพวกทั่นบางคนสำคัญผิดว่าตน “เป็นตัวแทนของปวงชน” เข้าให้

ขอเรียนให้ทราบว่า เปล่าเลย ไม่ได้มีประชาชนคนไหนจงใจเลือกทั่นมา แต่นายของทั่นจับมาวางเหมือนดั่งตุ๊กตาหัวคลอน ให้ผงกศีรษะเงิบหงาย ยักย้ายส่ายเศียรเพื่อสร้างความบันเทิง

จนอาจมีคนจำนวนหนึ่งพอใจ ก็ไม่ได้หมายความว่าได้รับมอบหมายให้มาใช้อำนาจอธิปไตยแทนพวกเขา