วันพฤหัสบดี, ธันวาคม 29, 2559

กวีและนักเขียน "รางวัลแม่นํ้าโขง" จากไทยแลนด์หายไปไหนหมด ? คนลุ่มน้ำโขงคัดค้านมติ ครม.ให้จีนระเบิดเกาะแก่งเดินเรือสินค้า 500 ตัน





ผมสงสัย กวีและนักเขียน "รางวัลแม่นํ้าโขง" จากไทยแลนด์หายไปไหนหมด ?

นี่่คือหน้าที่ของท่านที่จักต้องออกมาปกป้องแม่นํ้าแห่งนี้ให้สมกับชื่อรางวัลมิใช่หรือ

โดยเฉพาะผู้ที่ได้รับ "รางวัลแม่นํ้าโขง" ... มัวไปเขียนแผ่นดินอยู่ที่ไหน ทำไมไม่ออกโรงมา "เขียนแผ่นดิน" ให้ตรงประเด็นในเรื่องนี้บ้าง

นี่คือ "ภาระธุระ" ของกวีและนักเขียนแห่งภาคอีสานและภาคเหนือทุกคนที่มีอาณาเขตแห่งภาคติดกับ "แม่นํ้าโขง"

ถ้ามีจังหวะ ผมจะ "เปิดหน้า" เขียนถึงกวีและนักเขียน "รางวัลแม่นํ้าโขง" ในเวลาต่อๆไป โปรดรอด้วยใจระทึกพลัน


สุชาติ สวัสดิ์ศรี

ooo


คนลุ่มน้ำโขงคัดค้านมติ ครม.ให้จีนระเบิดเกาะแก่งเดินเรือสินค้า 500 ตัน




เรือสินค้าขนาดเล็กกำลังขนส่งสินค้าผ่านทางแม่น้ำโขง
LUCIANO LEPRE/AGF/UIG VIA GETTY IMAGES


ที่มา BBC Thai

เครือข่ายคนลุ่มแม่น้ำโขงคัดค้านมติคณะรัฐมนตรีที่ออกมาเมื่อวันที่ 27 ธ.ค.เห็นชอบกับแผนพัฒนาการเดินเรือระหว่างประเทศในแม่น้ำล้านช้าง-แม่น้ำโขง ระหว่างปี 2558-2568 อันจะนำมาซึ่งการระเบิดเกาะแก่งสำหรับการเดินเรือพาณิชย์ขนาด 500 ตัน โดยชาวบ้านชี้ว่าจะส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคมอย่างหนัก และทำให้ไทยเสียดินแดนวงกว้าง

นายนิวัฒน์ ร้อยแก้ว ประธานกลุ่มรักษ์เชียงของและตัวแทนเครือข่าย เผยกับบีบีซีไทย วันนี้ (28 ธ.ค.) ว่า การระเบิดเกาะแก่งในแม่น้ำโขงเพื่อสร้างทางเดินเรือของจีนเป็นนโยบายที่ชาวบ้านคัดค้านมาตลอด 10 ปี เพราะเกาะแก่งเปรียบเสมือนบ้านของปลาและนก และแหล่งอาหารของชุมชนริมฝั่งโขง โดยโครงการนี้จะสร้างความเปลี่ยนแปลงให้แม่น้ำโขงอย่างใหญ่หลวงเพราะเป็นการทำลายระบบนิเวศน์อันเปรียบเสมือนหัวใจของแม่น้ำ

ประธานกลุ่มรักษ์เชียงของ ระบุด้วยว่า โครงการดังกล่าวอาจสร้างปัญหาเรื่องเขตแดนของประเทศไทย เนื่องจากตามสนธิสัญญาของฝรั่งเศส เขตแดนไทย-ลาวจะใช้ร่องน้ำลึกเป็นตัวชี้วัด หากมีการระเบิดแก่งก็จะทำให้ไทยสูญเสียดินแดนเป็นบริเวณกว้าง ทั้งนี้ โครงการฯ ยังกำหนดไม่ให้ประชาชนทั่วไปทำการที่กีดขวางการเดินเรือพาณิชย์ เช่น การวางตาข่ายหาปลา หรือล่องแพ ซึ่งเป็นการขับไล่คนท้องถิ่นออกจากแม่น้ำโขงโดยปริยาย แต่ผู้ที่จะได้รับผลประโยชน์คือประเทศจีน




เรือสินค้าจากจีนกำลังเดินทางไปตามแม่น้ำโขงจาก อ.เชียงแสน จ.เชียงราย ไปยังเมืองเชียงรุ่งของจีน
LUCIANO LEPRE/AGF/UIG VIA GETTY IMAGE


วันเดียวกัน ภาคีเครือข่ายลุ่มแม่น้ำโขง 20 องค์กรออกแถลงการณ์แสดงความกังวลต่อผลกระทบจากโครงการดังกล่าว อาทิ อาจก่อให้เกิดการพังทลายของชายฝั่ง รวมทั้งเป็นการดำเนินการที่ผิดกติการะหว่างประเทศว่าด้วยการบริหารจัดการแม่น้ำนานาชาติ โดยจะส่งถึงบริษัท CCCC Second Habor Consultant เจ้าของสัมปทานโครงการจากประเทศจีน พร้อมกับยื่นถึงรัฐบาลไทยเพื่อชี้แจงให้ทราบว่าการดำเนินการดังกล่าวไม่ใช่ประโยชน์ของไทย แต่เป็นประโยชน์ของจีน

สำนักข่าวไทยรายงานคำให้สัมภาษณ์ของนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเมื่อวานนี้ ระบุว่าในปัจจุบันปริมาณการขนส่งบริเวณแม่น้ำโขงเพิ่มมากขึ้น และเรือที่สามารถแล่นผ่านในแม่น้ำโขงมีขนาดบรรทุกเพียง 60-150 ตันเท่านั้น ขณะที่เรือที่มีขนาดใหญ่กว่านั้นไม่สามารถแล่นได้อย่างปลอดภัย จึงมีความจำเป็นต้องกำหนดให้มีการปรับปรุงร่องน้ำทางเดินเรือขนาด 500 ตันสามารถเดินทางได้โดยสะดวก เพื่อส่งเสริมการค้าให้มีความปลอดภัยทั้งการเคลื่อนย้ายสินค้า และคนโดยสาร ลดความเสี่ยงจากอุบัติเหตุและลดผลกระทบจากสิ่งแวดล้อม

ooo





ครม.ไฟเขียว 'จีน' ระเบิดแก่งโขง
ขุดแม่น้ำ-แหวกทางเรือพาณิชย์ 500 ตัน

-------------------------------------
ครม.เห็นชอบระเบิดเกาะแก่งแม่น้ำโขง ไฟเขียวแผน 10 ปี ให้กรมเจ้าท่าเป็นแม่งานหลักประสานงาน

ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 27 ธ.ค.2559 มีมติเห็นชอบแผนพัฒนาการเดินเรือระหว่างประเทศในแม่น้ำล้านช้าง-แม่น้ำโขง พ.ศ.2558-2568 เพื่อใช้เป็นกรอบแนวทางในการพัฒนาการขนส่งทางน้ำระหว่างประเทศในแม่น้ำล้านช้าง-แม่น้ำโขง ให้เกิดความสะดวก ปลอดภัย และเป็นไปตามข้อตกลงระหว่างประเทศสมาชิก

นอกจากนี้ ยังให้ความเห็นชอบการดำเนินงานเบื้องต้นในโครงการปรับปรุงร่องน้ำทางเดินเรือในแม่น้ำล้านช้าง-แม่น้ำโขง (งานศึกษา สำรวจ ออกแบบ) โดยทั้งหมดนี้จะให้กรมเจ้าท่า กระทรวงคมนาคม เป็นหน่วยงานปฏิบัติและประสานงานหลักในการดำเนินตามแผนพัฒนาการเดินเรือระหว่างประเทศ พ.ศ.2558-2568 และการดำเนินงานเบื้องต้นโครงการปรับปรุงร่องน้ำทางเดินเรือในแม่น้ำล้านช้าง-แม่น้ำโขงด้วย

สำหรับแผนพัฒนาการเดินเรือระหว่างประเทศในแม่น้ำล้านช้าง-แม่น้ำโขง พ.ศ.2558-2568 จะครอบคลุมพื้นที่แม่น้ำโขงระหว่างเมืองซือเหมาในจีน ถึงเมืองหลวงพระบางในลาว โดยแบ่งการพัฒนาเป็น 2 ระยะ

ทั้งนี้ ประกอบด้วย ระยะที่ 1 (พ.ศ.2558-2563) ศึกษา สำรวจ ออกแบบ และทำรายงานประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสังคมของแต่ละโครงการ และได้รับการรับรองจาก 4 ประเทศ โดยจะปรับปรุงร่องน้ำระยะทาง 631 กม. จากชายแดนจีน-เมียนมาที่หลัก 243 ถึงหลวงพระบางเพื่อรองรับเรือ 500 ตัน พัฒนาท่าเรือสินค้า 3 แห่ง และท่าเรือโดยสาร 3 แห่ง

ระยะที่ 2 (พ.ศ.2563-2568) ศึกษา สำรวจ ออกแบบ และทำรายงานประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสังคมของแต่ละโครงการ และได้รับการรับรองจาก 4 ประเทศ มีการปรับปรุงร่องน้ำระยะทาง 259 กม. จากซือเหมาถึงชายแดนจีน-เมียนมา ที่หลัก 243 ให้รองรับเรือ 500 ตัน และสร้างสะพาน Yunjinghong ขึ้นใหม่ และมีการพัฒนาท่าเรือสินค้าสำหรับเรือ 500 ตัน 4 แห่ง ท่าเรือสินค้าสำหรับเรือ 300 ตัน และท่าเรือโดยสาร 9 แห่ง

นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ประเทศสมาชิก คือ จีน ลาว เมียนมา และไทย ได้จัดตั้งคณะสำรวจร่วมกันโดยเห็นควรมีการปรับปรุงรองน้ำทางเดินเรือและปรับปรุงเกาะแก่งที่เป็นอุปสรรคต่อการเดินเรือในแม่น้ำล้านช้าง-แม่น้ำโขง และเห็นชอบให้จัดตั้งคณะผู้เชี่ยวชาญเพื่อสำรวจและจัดทำรายงานการออกแบบปรับปรุงร่องน้ำเพื่อการเดินเรือ โดยกำหนดแผนงานการปรับปรุงร่องน้ำทางเดินเรือทั้งหมด 2 ระยะ เพื่อให้เรือขนาด 500 ตัน สามารถเดินทางได้โดยสะดวกและปลอดภัย

อย่างไรก็ดี ในปัจจุบันปริมาณการขนส่งบริเวณแม่น้ำโขงเพิ่มมากขึ้น และเรือที่สามารถแล่นผ่านในแม่น้ำโขงมีขนาดบรรทุกเพียง 60-150 ตันเท่านั้น ขณะที่เรือที่มีขนาดใหญ่กว่านั้นไม่สามารถแล่นได้อย่างปลอดภัย

"ดังนั้นเพื่อการอำนวยความสะดวก ส่งเสริมการค้าให้มีความปลอดภัยทั้งการเคลื่อนย้ายสินค้า และคนโดยสาร ลดความเสี่ยงจากอุบัติเหตุและลดผลกระทบจากสิ่งแวดล้อม จึงมีความจำเป็นต้องกำหนดให้มีการปรับปรุงร่องน้ำทางเดินเรือในแม่น้ำดังกล่าวให้สามารถรองรับเรือขนาด 500 ตันได้ จึงมีความจำเป็นต้องจัดทำแผนพัฒนาการเดินเรือระหว่างประเทศในแม่น้ำล้านช้าง-แม่น้ำโขง ค.ศ.2015-2025 และจำเป็นต้องมีการดำเนินงานเบื้องต้นในโครงการปรับปรุงร่องน้ำทางเดินเรือในแม่น้ำล้านช้าง-แม่น้ำโขง" นายกอบศักดิ์ กล่าว

อนึ่ง ก่อนหน้านี้ นายวรศักดิ์ มหัทธโนบล ผู้อำนวยการศูนย์จีนศึกษา สถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เคยให้สัมภาษณ์พิเศษ "สำนักข่าวสิ่งแวดล้อม Greennews" ไว้ว่า ประเด็นสำคัญก็คือในการปักปันเขตแดน (ในกรณีนี้ก็คือไทย-ลาว) จะใช้ร่องน้ำลึกเป็นตัวชี้วัด หากมีการระเบิดก็จะส่งผลให้ร่องน้ำลึกเปลี่ยน ซึ่งจะกระทบต่อเขตแดน ทำให้ประเทศไทยเสียดินแดนตรงแม่น้ำนั้น

ผู้อำนวยการศูนย์จีนศึกษารายนี้ กล่าวว่า ในสมัยรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร รัฐบาลไทยเคยยินยอมให้ระเบิดเกาะแก่งบริเวณคอนผีหลง อ.เชียงแสน จ.เชียงราย แต่กระทรวงกลาโหมได้ทำเรื่องคัดค้าน โดยระบุว่า หากปล่อยให้จีนระเบิดเกาะแก่ง ร่องน้ำลึกก็จะขยับเข้ามาทางประเทศไทย ไทยก็จะเสียดินแดน นั่นทำให้ทักษิณสะดุ้งและสั่งห้ามดำเนินการ เพราะหากทำจนเกิดการเสียดินแดนไป ไม่ว่าจะเป็นที่รักของประชาชนอย่างไรก็คงจะไม่ได้รับเลือกตั้งกลับมาอีก

นายวรศักดิ์ กล่าวอีกว่า หากประเทศไทยยินยอมให้จีนระเบิดคอนผีหลงจะสูญเสียดินแดนเป็นบริเวณที่ใหญ่มาก แผ่นดินไทยจะร่นเข้ามา เมื่อคอนผีหลงหายไปประเทศลาวก็จะได้แม่น้ำโขงไปมหาศาล คือคอนผีหลงมันใหญ่และยาวมาก ที่เห็นๆ กันใน อ.เชียงแสน คือจุดที่เป็นเกาะชัดๆ แต่ข้างใต้น้ำนั้นมันเป็นหินยาวอีกหลายกิโลเมตร ถ้าปรับปรุงร่องน้ำก็ต้องระเบิดทิ้งทั้งหมด

“ในสมัยทักษิณแม้เอ็นจีโอจะประท้วงเรื่องนี้ แต่รัฐบาลไม่ยอมฟัง แต่พอกระทรวงกลาโหมทักท้วง นายกฯ ทักษิณจึงยอมรับ ฉะนั้นหากรัฐบาลปัจจุบันยอมให้ระเบิดคอนผีหลง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เตรียมโดนกระทืบ เพราะจะเท่ากับขายชาติ”นายวรศักดิ์ กล่าว
-------------------------------------
http://www.greennewstv.com/?p=11257
-------------------------------------
อ่านข่าวก่อนหน้า

(1) ปล่อย ‘จีน’ ระเบิดแก่งโขง = ขายชาติ
สูญคอนผีหลง ‘ไทย’ เสียดินแดนมหาศาล
http://www.greennewstv.com/?p=9081

(2) ‘จีน’ รุกคืบระเบิดเกาะแก่ง ‘แม่น้ำโขง’
เรือสำรวจโผล่เชียงของ - ‘ไทย’ เสี่ยงเสียดินแดน ?
http://www.greennewstv.com/?p=11008

(3) 'จีน' ยกทัพบุก 'เชียงของ' แจงระเบิดแก่งโขง
'ครูตี๋' ยื่นคำขาด ถ้าไม่หยุดชาวบ้านพร้อมสู้
http://www.greennewstv.com/?p=11204

ที่มา

สำนักข่าวสิ่งแวดล้อม Greennews