วันพฤหัสบดี, พฤศจิกายน 03, 2559

นี่แหละรัฐบาล คสช. ทำงานแบบงูกินหาง วิ่งไล่ตามปัญหา





กอ.รมน. บอกไม่เกี่ยวกัน แต่มันก็ตรงพอดี เมื่อประธาน คปต.ส่วนหน้า (พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร) ลงพื้นที่ส่งมอบนโยบายสามจังหวัดภาคใต้ ก็เกิดระเบิดก่อการร้าย ๕ แห่ง ๑๒ จุด ในจังหวัดสงขลาและปัตตานี มีคนตายอย่างน้อยสอง

พ.อ.พีรวัชฌ์ แสงทอง โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) แจงว่าเป็น “ความพยายามก่อกวนและมุ่งทำลายสาธารณูปโภคเพื่อให้พี่น้องประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ (จชต.) ได้รับความเดือดร้อน”

แล้วยังประณามว่า “ในสังคมยังอยู่ในสภาวะเศร้าโศกเสียใจ แต่กลุ่มผู้เหตุการณ์ยังจงใจใช้ความรุนแรงแบบนี้ ถือเป็นการกระทำไร้มนุษยธรรม”

(http://www.matichon.co.th/news/345683)

ส่วนที่อดีตนายกฯ หญิง ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ลงพื้นที่อุบลราชธานีเยี่ยมเยือนชาวนาที่กำลังเดือดร้อนราคาข้าวตกต่ำ ก็ไม่เกี่ยวกับที่กองทัพบกประกาศซื้อข้าวจากชาวนานำไปเลี้ยงดูกำลังพล และมหาวิทยาลัยรังสิตไอเดียเจ๋ง ยอมให้นักศึกษาลูกชาวนาจ่ายค่าหน่วยกิตเป็นข้าวเปลือกได้





กรณีหลังนี่มีคนคำนวณคร่าวๆ พี่เชา ‏@chaochao_peep 4 hours ago “สมมติข้าวกก.ละ ๑๐ บาท ค่าเทอม ๓๐,๐๐๐ จะต้องใช้ข้าวถึง ๓,๐๐๐ กก. หรือ ๓ ตัน อื้อหืออออ”

สำหรับกรณีแรก นอกจากทัพบกประกาศซื้อข้าวจากชาวนาแล้ว รัฐบาลของคณะทหาร คสช. ก็ยังหันมาทำการช่วยชาวนาขนานใหญ่

กระทรวงพาณิชย์ประกาศเมื่อวันที่ ๑ พ.ย. ว่า ครม. อนุมัติงบประมาณ ๒ หมื่น ๒ พันล้านบาท โอนเข้า ธกส. ทันที ใช้ในโครงการเร่งด่วนระยะเวลาสี่เดือนถึงสิ้นกุมภาพันธ์ ๒๕๖๐ เรียกเสียเก๋ไก๋ว่า “โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี”

(ดู http://www.matichon.co.th/news/343381
และ http://www.matichon.co.th/news/343640)

แท้จริงก็เป็นการรับจำนำข้าวดีๆ นี่เอง ในราคาตันละ ๑ หมื่น ๓ พันบาท ถูกกว่าสมัยยิ่งลักษณ์นิดหน่อย น้อยไปตันละ ๒ พัน แต่ถ้าเข้าโครงการจำนำยุ้งฉางด้วย ได้ค่าจำนองยุ้งอีก ๑,๕๐๐ บาท (นี่ก็เรียกให้เก๋ไก๋อีกเหมือนกันว่า “ค่าขึ้นยุ้งเก็บรักษา”)

มิใยที่อดีตแกนนำชาวนาซึ่งเดี๋ยวนี้ขึ้นวอเป็น สนช. รับเงินเดือนบวกเงินประจำตำแหน่งแสนกว่า จะค้านหัวแข็ง

“นอกจากนี้ผมยังได้ตั้งกระทู้ถามนายกรัฐมนตรีในการประชุมสนช.ในสัปดาห์นี้ เรื่องราคาข้าวตกต่ำ โดยจะอภิปรายถึงปัจจัยแวดล้อมที่ส่งผลให้ราคาข้าวตกลง ไม่ใช่ต่อรองขอเพิ่มราคาจำนำข้าวจากรัฐบาล” นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ เผยกึ๋น

เขาว่าราคาจำนำยุ้งฉางที่รัฐบาล คสช. อันเป็นที่เคารพตั้งไว้ตันละ ๘,๗๓๐ บาท นั่นเต็มกลั้นแล้ว “เป็นไปตามเงื่อนไขจากเงินในกระเป๋าของรัฐบาลที่มีอยู่”

“ผมไม่ปฏิเสธว่าอยากได้ราคาจำนำข้าวสูงๆ แต่มันมีข้อจำกัดหลายอย่าง เหมือนเราอยากได้ไอโฟนเครื่องละ ๓ หมื่น แต่พ่อแม่ซื้อให้เราได้แค่ซัมซุงก็ควรจะพอใจ นี่คือการช่วยเหลือแล้ว”

(http://www.matichon.co.th/news/343212)

แต่แกลืมนึกไปว่าซัมซุงที่ให้เป็น ซัมซุง ๗ ระเบิดเก่งบรรลัยจนเดี๋ยวนี้ต้องเลิกผลิตไปแล้ว





นี่แหละนะรัฐบาล คสช. ยอดรักของทั่น สนช. ชาวนา ทำงานแบบงูกินหาง วิ่งไล่ตามปัญหาแล้วยังจะอวดโน่นอวดนี่โดยไม่มีกึ๋น

วันดีคืนดีก็ออกมาโอดเสียที ไม่อยากเข้ามาแต่ก็ต้องมาแก้ยุคเข็ญ (ที่พวกหางเครื่องเผด็จการก่อไว้) ทำงานเหนื่อยมาก แต่ก็ยังมีอารมณ์สุนทรีย์ แต่งเพลงให้ประชาชนฟัง เพิ่งออก ‘ซิงเกิ้ล’ แผ่นที่สอง ชื่อเพลงไรไม่รู้ ฟังแล้วเคลิ้ม จำไม่ได้





นี่ก็พ้นระยะสงบเสงี่ยม ออกมาร่ายรำต่อ ปัญหาเก่าๆ รออยู่ ไหนจะน้ำท่วม ปลายฝนแล้วตลาดเมืองเพ็ชรก็ยังเต็มไปด้วยน้ำเจิ่ง ไหนจะต้องขยายโครงข่ายการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคมูลค่า ๖๒,๖๗๘ ล้านบาท กับโครงการรถไฟรางคู่ ๓ เส้นทางอีก ๕๕,๐๐๐ ล้านบาท

(ดู http://www.posttoday.com/biz/gov/463122 และ http://www.thairath.co.th/content/771077)

หากเป็นรัฐบาลชนิดไม่พิเศษ (ใช้เงินลูกเดียว) เขาก็จะเตรียมการหาเงินเข้าคลังตุนกันไว้แล้ว แต่นี่ คสช. เป็นรัฐบาลชนิดวิเศษ รอสถานการณ์เศรษฐกิจโลกคลี่คลายอย่างเดียว





กระทั่งรายได้จากการท่องเที่ยวที่ว่ายังอู๋ เพราะมีนักท่องเที่ยวจากจีนทะยอยเข้ามากันไม่ขาด ฝรั่งไม่มาชั่งฝรั่งบ้าง ชั่งเผือกชั่งมันผ่านไปแล้ว แต่วันนี้กระทั่งนักท่องเที่ยวจีนก็ยังไม่ค่อยจะมา

ไทยรัฐพาดหัวเมื่อวาน (๓ พ.ย.) “นักท่องเที่ยวหายเป็นล้านคน บริษัททัวร์ชาติอื่นกวาดต้อนชาวจีนเกลี้ยง” เนื้อข่าวบอกว่าไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ จำนวนนักท่องเที่ยวเข้าไทยจะลดลงฮวบ

(http://www.thairath.co.th/content/772171)

รวมทั้งที่มาจากจีน เพราะไทยเพิ่มค่าวีซ่าเป็นเท่าตัวจากพันบาทเป็นสองพันบาท นัยว่ารัฐบาลลุงตูบต้องการหารายได้เพิ่มก็คิดง่ายๆ เพิ่มค่าผ่านประตูจากคนดูสายหลักเสียงั้น

อีกทั้งการใช้ระบบ visa on arrival หมายดักเก็บค่าธรรมเนียมก่อนเข้าเมือง โดยนักท่องเที่ยวไม่ต้องขอวีซ่าล่วงหน้า กลับปรากฏว่าบุคคลากรตรวจคนเข้าเมืองรับไม่ไหว ทำให้นักท่องเที่ยวต้องค้างเติ่งติดคิวกันนาน ๒-๓ ชั่วโมง น่าระอา

ยังมีเหตุอื่นอีก เช่น ปัญหาทัวร์ศูนย์เหรียญ หรือประเทศข้างเคียงอย่างเวียตนามใช้การตลาดตัดราคา รวมความว่าปลายปีนี้นักท่องเที่ยวลดแน่ๆ โดยเฉพาะจากจีน

เรื่องร้ายๆ เลวๆ เหล่านี้ชี้ให้เห็นทีไรก็หาว่าทำร้ายประเทศไทย เพราะมีบ่อยไม่เว้นแต่ละวัน มันจึงหนักหนาเอาการอยู่

พวกห้อยโหน เกาะแกะรัฐบาลทหารนั่นแหละตัวดี ที่ทำให้ประเทศบาดเจ็บหนักเข้าไปอีก (สนช. ชาวนา เป็นตัวอย่าง)

แทนที่จะสำเหนียกกัน แล้วเร่งจัดการหาทางแก้ไขและปกป้อง กลับปิดหูปิดตาโป้ปดและหันมาเล่นงานคนเล่าข่าว พากันล่าแม่มดเสียจนคนอื่นๆ ภายนอกกะลาสีทองใบนี้ เขายิ่งร้องยี้ไม่อยากคบหาด้วย

ทำให้หวนนึกถึงข่าวเมื่อกลางปีที่ว่า เกิดกระแสต่อต้านไทยในหมู่ชาวจีนทางโซเชียลมีเดีย ว่านักท่องเที่ยวจีนถูกเหยียดหยามดูแคลน เลยชวนกันให้เลิกมาเที่ยวไทย

เหตุเล็กๆ น้อยๆ เช่นนี้แหละที่ผสมโรงกับเหตุไม่เล็กไปถึงใหญ่ กลายเป็นปัจจัยลบทำให้น้ำเต้าน้อยไตแลนเดียถดถอยลงไปไม่หยุด นี่ก็ปีที่สามแล้วเป็นอย่างน้อย