วันพุธ, ตุลาคม 19, 2559

งัดปูมเก่าของ 'หรั่งเครา' จิตอาสาที่จะไป 'ปิดปาก' พวกเห็นต่างในยุโรป




‘หรั่งเครา’ การ์ดกปปส. มอบตัวตามหมายจับยิง ‘พ.อ.’ ปมยกกรวยยาง ปฏิเสธไม่ได้ก่อเหตุ!


ที่มา ข่าวสดออนไลน์
31 กรกฎาคม พ.ศ. 2557


จากกรณีที่ พ.อ.วิทวัส วัฒนกุล รองผู้อำนวยการกองวิเทศสัมพันธ์ กองบัญชาการกองทัพไทย ถูกกลุ่มการ์ดกปปส.แจ้งวัฒนะทำร้ายและใช้อาวุธปืนยิงบาดเจ็บ บริเวณซอยแจ้งวัฒนะ 7 ขณะผ่านหลังอาคารเอ เพื่อจะกลับบ้านที่หมู่บ้านเมืองทองธานี พบกรวยยางและแผงเหล็กกั้นอยู่ข้างถนน จึงหยิบกรวยให้พ้นทาง กระทั่งเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนบก.น.2 สามารถจับกุมนายอานนท์ กลิ่นแก้ว ตามหมายจับศาลอาญาที่ 767/2557 ลงวันที่ 7 พ.ค.2557 เมื่อวันที่ 2 ก.ค.ที่ผ่านมานั้น

ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 31 ก.ค. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พ.ต.อ.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผกก.สส.บก.น.2 พร้อมด้วย พ.ต.อ.อธิป พงษ์ศิวาภัย ผกก.สน.ทุ่งสองห้อง และเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนบก.น.2 ได้ควบคุมตัวนายเจษฎา หรือ หรั่ง ทันแก้ว หรือชื่อเรียกในกลุ่มว่า “หรั่งเครา” ผู้ต้องหาตามหมายจับทำร้าย พ.อ.วิทวัส ภายหลังจากติดต่อขอเข้ามอบตัวให้ พล.ต.ต.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ รองผบช.น. สอบปากคำ โดยยังให้การปฏิเสธ พร้อมขอให้การในชั้นศาลเท่านั้น จึงไม่ได้มีการแถลงข่าวที่บช.น.แต่อย่างใด ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้ทำการควบคุมตัวผู้ต้องหาไปทำการสอบสวนที่สน.ทุ่งสองห้องต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่านายเจษฎาเป็นหนึ่งในกลุ่มสิงห์ดำ ซึ่งเป็นกลุ่มการ์ดประจำเวทีกปปส.แจ้งวัฒนะ เป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 1259/2557 ลงวันที่ 24 ก.ค.2557 ข้อหาร่วมกันพยายามฆ่า ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่ร่างกาย มีอาวุธและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพกพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร ประกอบกับการสอบปากคำเบื้องต้นจากนายอานนท์ ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมตัวได้ก่อนหน้านี้ พร้อมทั้ง พ.อ.วิทวัส ให้การว่า นายเจษฎา เกี่ยวพันในคดีที่ทำร้ายจริง

รายงานแจ้งว่า สำหรับนายเจษฎานั้น ไม่ได้ประกอบอาชีพใดๆ และปฏิเสธว่าไม่ได้ก่อเหตุยิง พ.อ.วิทวัส อย่างไรก็ตาม พ.อ.วิทวัส ยืนยันตามภาพกับพนักงานสอบสวนว่านายเจษฎา เป็นผู้ก่อเหตุยิงใส่ในคืนวันเกิดเหตุ โดยกลุ่มการ์ด กปปส. แจ้งวัฒนะนั้น กว่า 70-80 เปอร์เซ็นต์ หลังมีการเลิกชุมนุมได้ไปบวชที่วัดอ้อน้อย ของพุทธอิสระ แต่นายหรั่ง ไม่ได้ไปบวชด้วยแต่อย่างใด


ooo


"หรั่งเครา" อดีตการ์ด กปปส. นั่งเดี่ยว! ถือป้ายหนุนปฏิรูปตำรวจ กลางเมืองลำปาง






ที่มา มติชนออนไลน์
5 กันยายน พ.ศ. 2558


(14 ก.ย.58) เวลา 17.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองลำปาง ได้รุดไปตรวจสอบที่บริเวณหน้าสวนสาธารณะห้าแยกหอนาฬิกา ข่วงนคร เทศบาลนครลำปาง หลังได้รับแจ้งว่า มีชาย 1 คน รูปร่างสูง มีเครา หน้าตาดี นั่งอยู่ริมถนน สวมเสื้อสีขาวแขนยาว กางเกงขาสั้นสีน้ำเงิน ทราบชื่อต่อมาคือ นายเจษฎา ทันแก้ว โดยถือข้อความที่เขียนว่า "สนับสนุนปฎิรูปตำรวจ" จนทำให้ประชาชนชาวลำปาง ที่ขับรถผ่านไปมาบริเวณข่วงนคร ห้าแยกหอนาฬิกาให้ความสนใจดูชายคนดังกล่าวเป็นจำนวนมาก ก่อนเจ้าหน้าที่ตำรวจของ สภ.เมืองลำปาง ได้รุดตรวจสอบ โดยได้ขอทำการตรวจค้นกระเป๋า และตามร่างกายของชายคนดังกล่าว แต่ก็ไม่พบสิ่งของผิดกฎหมายใด

นายเจษฎา ได้กล่าวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ตนเองได้เดินสายถือป้ายดังกล่าวใน จ.เชียงใหม่ มานานหลายเดือนแล้ว เพื่อแสดงความคิดเห็นด้านสนับสนุนการปฎิรูปตำรวจ ซึ่งที่ผ่านมาได้ไปชูป้ายที่ จ.เชียงใหม่ มาหลายจุด จนกลายเป็นเรื่องปกติ โดยที่การกระทำครั้งนี้ ไม่ได้หวังสร้างความแตกแยก หรือความไม่สงบใดในบ้านเมือง เป็นเพียงการแสดงความคิดเห็นด้านการปฎิรูปวงการตำรวจไทยก็เท่านั้น และตนเองได้ประกาศยกระดับการทำกิจกรรมด้วยการออกมาทำที่ จ.ลำปาง เป็นครั้งแรกในนามตนเอง โดยได้เริ่มในวันนี้ ซึ่งก็ได้นั่งอยู่เฉยๆ มาตั้งแต่ช่วงบ่าย และจะนั่งอยู่ไปจนถึงช่วงเย็น กระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองลำปาง เดินทางมาตรวจสอบ

ทั้งนี้ หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางมาตรวจสอบและพูดคุยแล้ว นายเจษฎา ก็ได้เก็บสิ่งของ และป้ายเดินทางออกจากจุดเกิดเหตุ เพื่อกลับไปที่พัก โดยที่ประชาชนชาวลำปาง ที่พบเห็น นายเจษฎา นั่งอยู่พร้อมถือป้าย ก็ได้ใช้โทรศัพท์มือถือ และแชร์ไปในโซเชียลมีเดีย โดยเฉพาะในเฟซบุ๊ก จนเกิดกระแสสนับสนุนการกระทำของนายเจษฎาอย่างมาก ที่กล้าออกมาแสดงความคิดเห็น โดยมีชาวลำปางต่างแสดงความคิดเห็นสนับสนุน แม้แต่บางคนได้ซื้อน้ำไปให้กับนายเจษฎาอีกด้วย

สำหรับ นายเจษฎา ทันแก้ว หรือในฉายา "หรั่งเครา" เป็นอดีตการ์ด กปปส. อยู่ประจำเวที กปปส.แจ้งวัฒนะ และเคยตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญาที่ 1259/2557 ในคดีร่วมกันพยายามฆ่าและร่วมกันทำร้ายร่างกาย พ.อ.วิทวัส วัฒนกุล รองผู้อำนวยการกองวิเทศสัมพันธ์ จนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่ร่างกาย มีอาวุธ และเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพกพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร ซึ่งเป็นเหตุที่เกิดขึ้นเมื่อการชุมนุมปี 2557 หลังถูกออกหมายจับ นายเจษฎา ก็ได้เข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และให้การปฎิเสธทุกข้อกล่าวหา พร้อมขอไปให้การในชั้นศาล จนกระทั่งคดีดังกล่าวศาลอาญาได้ยกฟ้อง เนื่องจากหลักฐานไม่เพียงพอ