วันศุกร์, กันยายน 02, 2559

กฎหมายลูก รออีกนิดมีทีเด็ดแน่ (ฮ่วยย! พวก ‘sidekicks’ คสช.)






ยำกันใหญ่ พวก ‘sidekicks’ แข้งดีดของ คสช. รอรับยุทธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปี

ช่วงนี้พวก สปท. ดี๊ด๊า ไอเดียกระฉูดรองรับ ‘ยุทธศาสตร์ชาติ-ยุทธศาสตร์ทหารระยะ ๒๐ ปี พ.ศ. ๒๕๖๐ –๒๕๗๙’ ที่แถลงโดยนักศึกษาวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) รุ่น ๕๘ เมื่อวาน (๑ ก.ย.)

ซึ่งประยุทธ์ขานรับ “ขอเวลาทำงานและวางรากฐานให้ได้มากที่สุด เร่งทำงานให้เกิดความเป็นเอกภาพ และบูรณาการ...เตรียมการสู่เป็นประชาธิปไตยสากล ให้รัฐบาลจากการเลือกตั้งทำงานได้ตามยุทธศาสตร์ที่วางไว้”

(http://daily.khaosod.co.th/view_news.php…)

ประธานกรรมาธิการขับเคลื่อนการเมืองของ สปท. นายเสรี สุวรรณภานนท์ ก็เลยเปิดเผยว่ากฎหมายลูกสำคัญสองฉบับเสร็จแล้ว กำลังส่งร่าง พ.ร.บ.พรรคการเมือง และร่าง พ.ร.บ.การเลือกตั้ง ส.ส. ไปให้ กรธ. พิจารณา ส่วน ร่างพ.ร.บ.การได้มาซึ่ง ส.ว. รออีกนิดมีทีเด็ดแน่

มาดูร่างฯ เลือกตั้งกันหน่อยว่าทีเด็ดไม่น้อยเหมือนกันยังไง “ให้กระทรวงมหาดไทยจัดการเลือกตั้ง ส.ส. การได้มาซึ่งส.ว. การเลือกตั้งสภาท้องถิ่น ผู้บริหารท้องถิ่น และการออกเสียงประชามติ”

อันนี้มาจากร่างเดิมฉบับบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รวมทั้ง “เสนอให้ยกเลิก กกต.จังหวัด เพื่อให้ กกต.มีประสิทธิภาพมากขึ้น

ด้วยการมีอำนาจสั่งให้ฝ่ายทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครองของกระทรวงมหาดไทย รวมถึงข้าราชการอื่น ช่วยเหลือ กกต.ระหว่างเวลาการเลือกตั้ง โดยมี กกต. เป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุด

นอกจากนี้ ให้เพิ่มอำนาจกกต. และเจ้าหน้าที่สืบสวนของกกต. มีสถานะเป็นเจ้าพนักงานสอบสวนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา”

นอกนั้นเต็มไปด้วยบทบัญญัติไว้ขย้ำนักการเมือง-นักเลือกตั้ง เช่น “ให้มีมาตรการทางอาญา ทางแพ่ง และทางการเมือง อย่างรุนแรงและรวดเร็ว เช่น โทษตัดสิทธิลงสมัครเลือกตั้งตลอดชีวิต โทษจำคุก ๑-๑๐ ปี ไม่รอลงอาญา และโทษปรับ ๒๐ ล้านบาท อายุความ ๒๐ ปี”

และบทเฉพาะกาลให้เกียรติแก่ผู้กระทำรัฐประหารอย่างยิ่ง ว่าต้องมีบทบาทอย่างสำคัญในการ “ควบคุมและดำเนินการเลือกตั้ง”

อันนี้ สปท. หลังเท้า คสช. ตัวจริงบอกว่า “ไม่อยากให้ กกต.เป็นผู้จัดการเลือกตั้ง โดยให้กระทรวงมหาดไทยมาดำเนินการจัดเลือกตั้งแทนในทางปฏิบัติทั้งหมด...

กกต.จะมีหน้าที่ แค่กำกับดูแลการเลือกตั้งและการวินิจฉัยคดีให้ใบเหลืองใบแดงเท่านั้น”

ทั่น สปท. วันชัย สอนศิริ ยังแจงจี้ถึงมาตรการควบคุมการเลือกตั้งให้สุจริตและเที่ยงธรรมด้วยว่า

“หากพบว่าลูกพรรคทุจริตเลือกตั้ง โดยที่หัวหน้าพรรคหรือกรรมการบริหารพรรคเพิกเฉย ไม่ใส่ใจ หัวหน้าพรรคต้องมีความผิดไปด้วย มีบทลงโทษถึงขั้นถูกตัดสิทธิทางการเมืองตลอดชีวิต รวมทั้งมีความผิดทางอาญา”

“ลักษณะคล้ายๆ กับการเอาผิดเด็กแว้นที่พ่อแม่ต้องร่วมรับผิดด้วย”

อันนี้ต้องขอยืมคอมเม้นต์ของ Atukkit Sawangsuk มาใช้อีกจนได้ “ทีพวกวิ่งเต้นสอพลอรัฐประหารขุนนางอำมาตย์ทำอะไรไม่เคยผิด”

กับ “ระบอบนี้ สมัคร ส.ส.แล้วนอนอยู่บ้านไม่ต้องออกไปไหนเลย ไม่ต้องเสี่ยงใบเหลืองใบแดง” นั่นละใช่

ย้อนมากฎหมายแม่ ก็มีพลิกแพลงสุดทำเนาไม่เบากว่ากฎหมายลูก กระทั่งทั่น รนม. (รองนายกรัฐมนตรี) ยังลงมายำด้วยคน ประเด็นสิทธิมนุษยชนน่ะ





นายวิษณุ เครืองาม ไปพูดที่สำนักงานสิทธิมนุษยชนแห่งชาติว่า กสม. มีหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญใหม่ “คือประเมินสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในประเทศ ปกป้องคุ้มครองสิทธิมนุษยชน เสนอแนะข้อกฎหมาย

และทำหน้าที่ชี้แจงตอบโต้กรณีมีการกล่าวหาประเทศไทยเรื่องสิทธิ”

โอว “กสม.ไทยเหนือชาติใดในโลก ชาติอื่นมีหน้าที่ตรวจสอบการละเมิดสิทธิของรัฐบาล กสม.ไทยมีหน้าที่ตอบโต้ต่างชาติกล่าวหารัฐบาล” อย่างที่ อธึกกิตเหน็บ

แม้นว่าจะอ้างให้ “คำนึงถึงความผาสุกของประชาชนและผลประโยชน์ของชาติ...เพราะ กสม.เป็นองค์กรเดียวที่ทำงานกับต่างประเทศ” แล้ว กต. เอาไปไว้ไหนเสียล่ะ

ถ้างั้นไอ้ ‘ภารกิจตอบโต้’ ต่างประเทศนี่ ดึงเอา ‘บีโอไอ’ มาช่วยด้วยไหมล่ะ เพราะเป็นองค์กรที่ทำงานกับต่างประเทศเหมือนกัน

(แต่เสียใจ นั่นมันด้านที่รอรับการลงทุนจากต่างประเทศ อันเป็นหนทางชุบชีวิตเศรษฐกิจไทยน่ะ)