วันอาทิตย์, กันยายน 18, 2559

อำนาจที่แย่งได้มาง่ายๆ เวลาจะใช้จริงๆ อาจยาก





เอาละวา นึกว่าสมัน-หมูในอวย กระบวน ‘ฟัน’ ยิ่งลักษณ์และเพื่อไทยด้วย ม.๔๔ ไม่ค่อยลื่นละมั้ง

ประการหนึ่ง สมันดิ้น ไม่ยอมให้เชือดง่ายๆ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีจากการเลือกตั้ง เป้าหลัก ผ่านทางทนายความ โต้แย้งว่า คำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ ๕๖/๒๕๕๙ ให้อำนาจกรมบังคับคดียึดทรัพย์ผู้ต้องหาในคดีจำนำข้าว

“เห็นว่าการออกคำสั่งดังกล่าวไม่ถูกต้องและเป็นธรรม” เพราะ “หลีกเลี่ยงที่จะไม่ไช้กระบวนการพิจารณาโดยศาลยุติธรรมปกติ แต่กับตัดตอน...ให้รับผิดทันทีแทนการฟ้องคดีต่อศาล”

แล้วยังเป็น “การกระทำที่ฝ่าฝืนกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง...จะเลือกปฎิบัติบางรายผ่านศาลบางรายไม่ผ่านศาลไม่ได้”

นอกนั้น “อำนาจหน้าที่ของกรมบังคับคดีได้ถูกบัญญัติไว้โดยกฎหมายอย่างชัดเจนแล้วว่า...เพื่อดำเนินการบังคับคดีตามคำสั่งของศาลยุติธรรม...

การออกคำสั่งนี้ จึงมีลักษณะเป็นการก้าวล่วงและก้าวก่ายไปใช้อำนาจหน้าที่ของกรมบังคับคดีที่เป็นอำนาจสั่งการของศาลยุติธรรม จึงไม่ชอบด้วยหลักนิติธรรมเป็นอย่างยิ่ง”

(http://www.tv24.in.th/2016/09/blog-post_91.html)







ด้วยเหตุเหล่านี้กระมัง ทำให้กระบวนการชำแหละ (อาจไม่ถึง ‘ล้างบาง’ อย่างที่ ‘ไก่อู’ บิด) น.ส.ยิ่งลักษณ์และนักการเมืองพรรคเพื่อไทย ถึงได้เกิดสะดุดขาตัวเองเข้า







ไม่ใช่เพราะการแก้ไขหลักเกณฑ์ความรับผิดทางละเมิด ในระเบียบของสำนักนายกฯ ที่กำลังจะออกมา (ทั่นรองฯ ฝ่ายกฎหมายว่างั้น)

และ (คง) ไม่ใช่เรื่องตัวเลขที่จะฟันไม่ลงตัว ด้วยเหตุจากการคำนวณลักลั่น สองหมื่นกว่าล้านแน่ไหม ในเมื่อส่วนต่างข้าวเสียข้าวเน่านั่นดันเอามาขายได้หน้าไปแล้ว







หากเป็นเพราะโยนกันไปเป็นทอดๆ ทั้งที่ไม่ใช่เผือกร้อน (อาจเป็นที่มันไม่ได้ชั่ง เลยตวง-ตักยากหน่อย) โดยเฉพาะกรณีการขายข้าวจีทูจี (รัฐบาลต่อรัฐบาล) ที่ฟันเป็นแถว เริ่มด้วยนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว. พาณิชย์ ไล่เลี่ยไปอีก ๖ คน

เริ่มจากนายกฯ โยนให้รัฐมนตรีจัดการแทน ตามสไตล์บริหารด้วยการพ่นให้ ‘ไปทำมา’ ของทั่นน่ะ ฝ่ายรัฐมนตรีบอกว่าเรื่องนี้ซับซ้อน (ซ่อนเงื่อน) เกินไป ต้องให้ปลัดกระทรวงลงรายละเอียด

ปลัดกระทรวงที่เหลือเวลา ‘รับผิดชอบ’ ไม่กี่อาทิตย์ (ชื่อน.ส.ชุติมา บุณยประภัศร) บอกมั่งว่า จะให้อะฮั้นเซ็นแทนก็ได้นะ แต่ไม่เห็นทำหนังสือส่งมาให้เป็นลายลักษณ์อักษร ให้รู้หมู่จ่าว่าใครกันเป็นคนออกคำสั่ง







ทั้งหมดเนี่ย แม้นว่า คสช. เค้ากรุณาเขียนคำสั่งไว้แล้วให้ผู้ปฏิบัติไม่ต้องรับโทษ ห้ามจำเลยที่อาจกลายเป็นผู้เสียหายถูกกลั่นแกล้งได้ภายหลังฟ้องร้องเอาคืนก็เถอะ นี่ไงทำให้แฟนขลับขนหน้าแข้ง คสช. ต้องโวย

หมอวรงค์ (เดชกิจวิกรม) ขุนพลมือฟันคดีจำนำข้าวจากเต๊นแมลงสาป ออกมาจวก รมว.พาณิชย์ “ไม่สง่างาม ไปที่ไหนก็อายเขา...ขนาดมีมาตรา ๔๔ คุ้มครองก็ยังไม่กล้า อย่างนี้อยู่ไปเสียดายภาษีของประชาชน”

ตานี้ ไอ้มันที่ไม่ได้ชั่งก็เลยหล่นมาใส่ว่าที่ปลัดกระทรวงพาณิชย์เข้าให้ (จำกันได้นะว่าปลัดคนเก่าที่กำลังจะเกษียณ บอกไม่ใช่นักการเมืองเลยไม่พกกระบี่ไว้ฟันใคร ถ้านายจะให้ฟันแทน มอบกระบี่มาให้ดิ)

น.ส.วิบูลย์ลักษณ์ ร่วมรักษ์ ผู้ที่วันนี้เป็นอธิบดีกรมการค้าภายใน แต่เดือนหน้าจะไปเป็นปลัดกระทรวงฯ เจอมีดหล่นใส่เท้า (โชคดีใส่รองเท้าหนังเลยยังไม่โดนบาด) จึงพูดบ้าง ว่าแหม่ ดิชั้นไม่ได้ดูเรื่องนี้แต่ต้น ไม่รู้รายละเอียด (ตื้นลึกหนาบางนั่นละ)

“หากจะให้เป็นผู้ลงนามในคำสั่งเรียกค่าเสียหาย ต้องมีเหตุผลและอธิบายได้ รวมถึงที่มาที่ไปว่าเป็นเพราะเหตุใด การจะเซ็นอะไรต้องดูให้รอบคอบ ทุกอย่างมีขั้นตอนและกระบวนการ

ส่วนตัวมั่นใจว่าปลัดกระทรวงคนปัจจุบัน ซึ่งดูแลเรื่องนี้มาตั้งแต่ต้น เป็นผู้ที่รู้เรื่องจริง” ฉะนั้นมิควรมาบังคับให้เธอต้องเป็นผู้ลงนาม ‘ลงดาบ’

(http://www.matichon.co.th/news/288285)

นี่หละเรื่องของอำนาจ ไม่รู้ใครว่าไว้ (may be the fool on the hill, who has the eye on his head.) “อำนาจที่แย่งได้มาง่ายๆ เวลาจะใช้จริงๆ อาจยาก” ไอ้การสั่งท่าเดียวให้ไปทำมาโดยปราศจาก ‘กึ๋น’ ละก็ ไม่ช้าก้เร็วจะต้องเจอกับดักตัวเองจนได้

ดูจากกรณีน้องสะใภ้ทั่นหัวหน้า คุณนายปลัดกลาโหมทำตัวเป็นเจ้าเป็นนาย เอางบหลวงไปสร้างฝายใส่ชื่อตัวเอง เป็นฮือฮาเสียจนผู้เกี่ยวข้องต้องรีบถอดป้ายชื่อ ‘ฝายแม่ผ่องพรรณพัฒนา’ นั้นออก






แต่ก็สายไปหน่อยเสียแล้ว เมื่อ “สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จะนำความดังกล่าวไปร้องเรียนต่อ ป.ป.ช. ให้ดำเนินการไต่สวน ตรวจสอบการกระทำของนางผ่องพรรณ และผู้บังคับหน่วยที่เกี่ยวข้อง

รวมทั้งพล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา ปลัดกระทรวงกลาโหม ว่ามีพฤติกรรมที่ขัดต่อ พรบ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการปราบปรามการทุจริต พ.ศ.๒๕๔๒ และแก้ไขเพิ่มเติมหรือไม่ อย่างไร”

(https://www.khaosod.co.th/featured/news_14791)

งานนี้นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมฯ ชี้แจงว่า “กรณีดังกล่าวเป็นที่เคลือบแคลงสงสัยของสังคมไทยเป็นจำนวนมาก

ว่านางผ่องพรรณ จันทร์โอชา ซึ่งไม่ได้เป็นข้าราชการสังกัดกระทรวงกลาโหม แต่เหตุใดจึงใช้บุคลากรและ/หรืองบประมาณแผ่นดินของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงกลาโหมไปดำเนินการดังกล่าวได้”

งานเดียวกันนี่แหละ เชื่อก่วยเตี๋ยวกินล่วงหน้าได้ว่าเรื่องจะค่อยๆ เงียบหายไปกับกองเอกสารของ ปปช. โชคดีถ้าปีนี้น้ำท่วมกรุงเทพฯ สักครึ่งของปียิ่งลักษณ์ พอถึงปีหน้าก็บอกได้ว่าสำนวนจมน้ำหายไป